CREED III
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : แอคชั่น / สปอร์ต / ดราม่า
กำกับโดย : Michael B. Jordan
นำแสดงโดย: Michael B. Jordan, Tessa Thompson, Jonathan Majors
วันเข้าฉาย: 3 มีนาคม 2023
“เราไม่อาจหลบหนี…อดีตของตัวเองได้”
7 ปีกับความสำเร็จของ อะโดนิส “ดอนนี่” ครีด แชมป์มวยโลกผู้เป็นทายาทของตำนานอย่าง อพอลโล่ ครีด ซึ่งเขาก็สามารถตามรอยคุณพ่อจนเป็นนักมวยที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดัง มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เพียบพร้อมรวมถึงการเป็นสามีและหัวหน้าครอบครัวที่อบอุ่น ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาพร้อมที่จะใช้เวลาที่เหลือดูแลพวกเขาไปพร้อมกับทุ่มเทผลักดันนักมวยหน้าใหม่สืบทอดต่อไป
แต่แล้วอดีตอันเจ็บปวดก็มาเยือนดอนนี่เข้า เมื่อเขาได้พบกับ เดเมี่ยน เพื่อนรักที่ผูกพันดั่งพี่น้องได้มาหาเขาอีกครั้ง หลังต้องรับโทษถึง 18ปี การมาของเขาไม่ใช่แค่กลับมาเยี่ยมเพื่อนรัก หากแต่เป็นการชดใช้ความเจ็บปวดในอดีตให้ดอนนี่ได้รู้จักรสชาติแห่งความบอบช้ำ จนนำไปสู่ศึกนัดสำคัญที่ไม่ใช่แค่พิสูจน์ว่าใครคู่ควรตำแหน่งแชมป์
แต่มันคือสะสางเรื่องราวอดีตให้จบลงในการชกครั้งนี้!!
จากตำนาน Rocky สู่ ตำนาน CREED
ภาพจาก CREED II
หลังจากที่ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ได้ปิดฉากบทบาทนักสู้อย่างสวยงามใน Rocky Balboa ดูเหมือนว่าเรื่องราวของจักรวาล Rocky จะจบลงแค่นั้น แต่อีก10ปีต่อมา MGM กลับมีความคิดที่อยากจะสานต่อเรื่องราวจนนำมาสู่บทใหม่ของ ดอนนี่ ลูกชายของคู่ปรับร็อคกี้อย่าง อพอลโล่ ครีด ใน CREED (2017) ซึ่งตัวหนังประสบความสำเร็จกวาดรายได้และคำชม แถมแจ้งเกิดดาวรุ่งอย่าง ไมเคิ่ล บี.จอร์แดน เริ่มเฉิดฉาย แถมสตอลโลนก็กลับมาทิ้งทวนจนได้เข้าชิงออสการ์ครั้งที่88 (สาขานักแสดงสมทบชายอดเยี่ยม) และตามด้วยภาคสองก็ได้รับเสียงคำชม พร้อมบทสรุปที่สมบูรณ์ของร็อคกี้
และสำหรับในภาค 3 อันเป็นภาคล่าสุดถึงเวลาแล้วที่ CREED จะสร้างตำนานบทใหม่โดยไม่ต้องอาศัยความยิ่งใหญ่ในชายคาของ ROCKY อีกต่อไป
ถึงพาร์ทดราม่าจะไม่สุด แต่พาร์ทชกมวยสนุกสุดติ่ง!
รีวิวขออนุญาตเล่าสองพาร์ทเริ่มจากส่วนที่เป็นดราม่า ซึ่งภาคนี้ผู้ชมจะได้ไปสำรวจเรื่องราวของดอนนี่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชีวิตครอบครัว, การงาน ฯลฯ มากขึ้น ซึ่งส่วนที่ชอบที่สุดคือเรื่องราวของครอบครัวในวันที่ดอนนี่เป็นพ่อคน ซึ่งเขาต้องดูแลให้ความรักกับ อมารา ลูกสาวที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ซึ่งแม้ร่างกายจะไม่สมบูรณ์แต่ทั้งดอนนี่และเบียงก้า ก็ให้ความอบอุ่นแก่ลูกและไม่ทำให้ลูกสาวคนนี้ภูมิใจในตัวเอง
**เนื้อหาอาจมีเผยฉากสำคัญ**
มาถึงส่วนที่เป็นไฮไลท์สำคัญของเรื่องคือ เรื่องราวที่น่าจะดาร์คและซับซ้อนที่สุดในจักรวาล Rocky เพราะภาคนี้เราจะได้ย้อนเรื่องราวของ ดอนนี่ กับ เดเมี่ยน ที่เมื่อก่อนทั้งสองเป็นเพื่อนตายด้วยกันและมีความฝัน แต่เหตุการณ์หนึ่งที่ด้วยความคะนองของดอนนี่ทำใหเขาสร้างแผลในใจให้กับตัวเอง และ เดเมี่ยนที่ต้องจบความฝัน จนเมื่อ18ปีผ่านไปที่ทั้งคู่กลับมา เดเมี่ยนไม่ได้แค่อยากพิสูจน์ตัวเองว่าเขาที่สุดแต่ต้องการจะทวงแค้นในสิ่งที่ดอนนี่ทำไป
ซึ่งพาร์ทนี้ถือว่าทำได้ดี แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวของทั้งคู่ยังสามารถที่จะเล่นอะไรได้อีกเยอะ ซึ่งผลที่ออกมาคือปูเรื่องราวดีแต่มาสะดุดตอนท้าย แต่โดยรวมก็ไม่ถึงขั้นแย่มากจนเกินไป
ทีนี้มาพูดถึงพาร์ทที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้นั่นคือ ฉากชกมวยที่ถือว่าสนุกไม่แพ้สองภาคแรก และยังสมจริงโดยเฉพาะฉากโปรโมตศึก, บทสัมภาษณ์ ก็ได้มีการใช้รายการจริงๆเพื่อทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังชมการชกมวยจริงๆทางทีวีเลยทีเดียว ที่ไม่ควรละสายตาคือ ศึกสองเพื่อนรักที่จัดหนัก จัดเต็ม ทั้งแสงสีเสียง รวมถึงฉากชกมวยที่เป็นหัวใจของเรื่อง ต้องชม MBJ ที่สามารถดึงจิตวิญญาณของหนังออกมาเต็มที่แถมยังนำองค์ประกอบฉากการต่อสู้จากอนิเมะชื่อดัง ทำให้ฉากการต่อสู้ครั้งนี้ดูแปลกใหม่และสนุกตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว
สรุป
CREED III คือหนังปิดไตรภาคที่แตกต่างและตรึงใจในทุกๆฉาก MBJ ที่ผูกพันกับตัวละครนี้มาหลายปีจึงสามารถที่จะเข้าใจและต่อยอดเรื่องราวไม่แพ้รุ่นพี่อย่างร็อคกี้หรือป๋าสไล ใครชอบหนังแนวหมัดมวยขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับ และหวังว่าเราอาจจะได้เห็นภาคต่อไปหรือไม่รอดูความสำเร็จภาคนี้ครับ….
@P.PETTY
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]

































