ชื่อญี่ปุ่น : 超力戦隊オーレンジャー (โชริกิเซนไท โอเรนจะ)
ชื่อไทย : ขบวนการพลังมหัศจรรย์ โอเรนเจอร์ / ขบวนการสุดยอดขุมพลัง โอเรนเจอร์
จำนวน : 48 ตอน
ผลิตโดย : Toei
ฉายครั้งแรก : 3 มีนาคม พ.ศ. 2538 ถึง 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539
ฉายครั้งแรกในไทย : พ.ศ.2543 ทางช่อง 7 วันอาทิตย์เวลา 7.30 – 8.00 น.
โลกในอดีตกาลล้วนมีความลับซ่อนอยู่มากมาย มีเรื่องเล่าผ่านทางการค้นพบเศษซากต่างๆนับล้านปี…อีกทั้งอารยธรรมที่มนุษย์เป็นผู้สร้างที่สาปสูญไปตามกาลเวลา หนึ่งในสมมติฐานของ “อัลเฟรด โลธาร์ วากเนอร์” (Alfred Wegener) นักวิทยาศาสตร์ นักธรณีฟิสิกส์และนักอุตุนิยมวิทยาชาวเยอรมันได้เขียนโดยสมมุติฐานนี้ว่า เดิมโลกนี้เป็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่เพียงผืนเดียว เรียกว่า “พันเจีย” (Pangea) แล้วค่อยๆแปรสภาพกลายเป็นพื้นผิวทวีปต่างๆในปัจจุบัน โดยเรื่องราวอารยธรรมของมนุษย์ในยุคนั้นยังห่างไกลจากจินตนาการเอาไว้เยอะ จึงมีเรื่องราวแต่งเติมต่างๆในสื่อบันเทิงมากมายทั้งหนัง ละครซีรี่ยส์ นวนิยายวิทยาศาสตร์ ไม่เว้นแม้กระทั่ง “หนังขบวนการ 5 สี” ก็ได้หยิบยกเอาทฤษฎีดังกล่าวมาใช้แต่งเรื่อง…
ขบวนการพลังมหัศจรรย์ โอเรนเจอร์ (ญี่ปุ่น: 超力戦隊オーレンジャー โชริกิเซนไท โอเรนจะ) เป็นขบวนการนักสู้ ลำดับที่ 19 และถือเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของการออกอากาศซีรี่ยส์ขบวนการ 5 สีอีกด้วย (โดยในตอนนั้น ก็มีการนับ “ขบวนการโกเรนเจอร์” และ “ขบวนการไซบอร์ก แจ็คเกอร์” 2 ขบวนการแรกที่อิชิโนโมริ โปรดักชั่น เป็นสมาชิกของขบวนการนักสู้อย่างเป็นทางการ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่ได้นับ) ออกอากาศทางสถานี ทีวีอาซาฮี ทุกวันศุกร์ เวลา 17.30-17.55 น. ตามเวลาประเทศญี่ปุ่น โดยเริ่มออกอากาศตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2538 ถึง 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 รวมความยาวทั้งสิ้น 48 ตอน และมีหนังโรงอีก 1 ตอน
ในประเทศไทย โอเรนเจอร์เคยออกอากาศทางช่อง 7 โดยใช้ชื่อว่า “ขบวนการ โอเรนเจอร์” ออกฉายในปี พ.ศ. 2543 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 07.00 น. (ในขณะนั้น) และเคยจำหน่ายรูปแบบ VDO โดยบริษัท วิดีโอสแควร์ จำกัด
————————–
เรื่องย่อ (ยาวมาก ทำใจก่อนอ่าน)
เมื่อ 600 ล้านปีก่อนหน้ายุคประวัติศาสตร์ โลกเพิ่งเข้าสู่ช่วง “พันเจีย” (Pangea) ยุคที่แผ่นดินยังไม่แยกทวีป มนุษย์ในชนเผ่าโบราณ ได้ใช้เทคโนโลยีของ “สุดยอดขุมพลัง” (โชริกิ) นำมาสร้างหุ่นยนต์ที่ชื่อ “บัลคัสฟุนโด” แต่ทว่าบัลคัสฟุนโดทนการกดขี่ของมนุษย์ในยุคนั้นไม่ได้ จึงก่อการกบฎ และออกอาละวาดสร้างความเสียหายไปทั่ว จนกลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ แต่สุดท้าย มนุษยชาติเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะด้วยฝีมือของมนุษย์ และนักรบในตำนาน ทำให้บัลคัสฟุนโดหนีตายไปยังห้วงอวกาศอันไกลแสนไกล และเรื่องราวนี้ก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา…
ในปี 1999 บัลคัสฟุนโด กลับมาในฐานะ “จักรพรรดิ” ของ “จักรวรรดิจักรกล บารานอยด์” พวกมันรวบรวมไพร่พล และสร้างกองทัพขนาดใหญ่บุกมายังจุดต่างๆทั่วโลก อเมริกา ฝรั่งเศส ประเทศในตะวันออกกลาง ทุกหย่อมหญ้าล้วนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่ทว่าโลกของเราก็ยังคงมีความหวัง เมื่อกองทัพอากาศแห่งสหประชาชาติ ได้ส่ง “ผู้กอง โฮชิโนะ โกโร่” แห่งกองบินพิเศษ U.A.O.H (United . Airforce . Over . Hardware. ) มายังญี่ปุ่น ที่ๆเป็นเป้าหมายต่อไปของการรุกรานนี้ เพื่อมาขอนักบินฝีมือดี 4 คนจากผบ.กองทัพอากาศญี่ปุ่น มาร่วมทีมภายใต้รหัสปฏิบัติการณ์พิเศษ “โอเรนเจอร์” (Over Hardware Ranger) ที่เคยเสนอเรื่องไปก่อนหน้าแล้ว
ในขณะที่ 4 ยอดนักบิน”โอเรนเจอร์”แห่งกองทัพญี่ปุ่น โชเฮ / ยูจิ / จูริ และ โมโมะ ที่ทำภารกิจต่อต้านผู้รุกรานจากนอกโลกด้วยเครื่องบินขับไล่ แต่ทว่าก็ไม่อาจต้านทานความแกร่งได้ พวกเขาจึงตกอยู่ในสถาณการณ์ “หนีตาย” เพราะมีความต่างเกินไป ทั้งกายภาพ และเทคโนโลยี ในที่สุด ผู้กองโกโร่ก็มาช่วยในฐานะ “โอเรด” หัวหน้าทีมโอเรนเจอร์ และเริ่มแนะนำภารกิจหลักของ “โอเรนเจอร์”
กองบินพิเศษ U.A.O.H (United Airforce Over Hardware) เป็นหน่วยงานพิเศษ ที่ก่อตั้งจากการรวบรวมเงินทุนจากทุกประเทศบนโลก นำมาจัดซื้อ และวิจัยยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ทันสมัย เพื่อค้นคว้า วิจัย “สมการสุดยอดขุมพลัง” มวลสสารพลังงานที่มอบชีวิตต่างๆให้กับโลก ที่ถูกฝังไว้ใต้ฐานบัญชาการลึกลงไปนับพันเมตร ซึ่งนำโดยผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วย “ผู้พัน มิอุระ นาโอยูกิ” (หรือ ผบ.มิอุระ) อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกจักรวรรดิจักรกล บารานอยด์ ตามบันทึกจากการวิจัยเรื่องราวของขุมพลังดังกล่าว ที่มีมาตั้งแต่สมัยที่โลกนี้ยังเป็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่เพียงผืนเดียว ที่เรียกว่า “พันเจีย” เมื่อราวๆ 600 ล้านปีก่อน โดย ผบ.มิอุระ ก็ได้พัฒนาเทคโนโลยีชุด และอุปกรณ์ต่างๆของโอเรนเจอร์อีกด้วย และทั้ง 4 คน ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น “โอเรนเจอร์”อย่างเป็นทางการ เพราะได้รับพลังจากขุมพลังอันยิ่งใหญ่นั่นเอง…
การแปลงร่างเป็นโอเรนเจอร์ จะเป็นการดึงเอาพลังกาย และพลังชีวิตมาเป็นพลังสำหรับการต่อสู้ ถ้าผู้ใช้ไม่ได้ผ่านการฝึกร่างกาย ก็จะมีสภาพหมดแรง ซึ่งในช่วงแรก สมาชิกโอเรนเจอร์ทุกคนเองก็มีอาการดังกล่าวเช่นกัน
ในขณะที่เหล่าโอเรนเจอร์ที่ยังไม่คุ้นชินกับการแปลงร่าง ก็ยังคงต่อสู้กัลบพวกบารานอยต่อไป จนวันหนึ่งผบ.มิอุระได้เห็นถึงความหนักหน่วงของการต่อสู้ จึงได้สร้าง “โชริกิโมบิล” (Chouriki Mobiles) เครื่องจักรขนาดยักษ์ที่เอาไว้รับมือกับพวกบารานอย แต่ก็ถูกพวกมันรู้เข้า จึงได้ส่ง “บาราเบรน” เข้ามาล้วงเอาความลับของผบ.มิอุระ และได้จับ “มิสึโกะ” ลูกสาวของเพื่อนผบ.มิอุระที่ตายไป และเขาก็รักเหมือนหลานสาวแท้ๆคนหนึ่งเพื่อล่อให้ผบ.มิอุระออกมา จนบาราเบรนได้จับตัวผบ.มิอุระเพื่อให้โอเรนเจอร์ส่งมอบโชริกิโมบิลให้กับบารานอย แถมยังกดดันพวกโอเรนเจอร์ด้วยการกลายร่างเป็นปีศาจยักษ์ออกทำลายบ้านเมือง ทำให้ยูจิ และ โมโมะ ต้องขับโชริกิโมบิลที่เพิ่งสร้างเสร็จ 2 เครื่องออกมายับยั้งบาราเบรน แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากนัก
พวกโกโร่ จึงได้รีบสร้างโชริกิโมบิลอีก 3 เครื่อง ตามแบบแปลนที่ผบ.มิอุระได้เขียนขึ้น จนสามารถนำออกมาใช้งานได้ แต่ด้วยพลังของมันมีไม่มากพอที่จะรับมือกับศึกหนัก ก็พลาดท่าบาราเบรนร่างยักษ์เหมือนเดิม ในขณะที่จวนตัว อยู่ๆ “สุดยอดขุมพลัง” และ “ธรรมชาติบนโลก” ก็ตอบรับความตั้งใจที่จะปกป้องโลกของพวกโอเรนเจอร์ ทำให้เปิดฟังก์ชั่น “รวมร่าง” จนกลายเป็น “โอเรนเจอร์ โรโบ” และจัดการกับบาราเบรนด้วยเพลงดาบ “คราวน์ ไฟนอล แครช” และเหตุนี้ ทำให้พวกบารานอยต้องพิจารณาแผนการกันใหม่เพราะได้เห็นกำลังรบใหม่ของโอเรนเจอร์นั่นเอง
แผนของบัลคัสฟุนโดในตอนนี้ก็คือ การทำลายโอเรนเจอร์โรโบ จึงได้ส่ง “บาราบิลเดอร์” หุ่นยนต์ยักษ์ออกมาทำลานยเมือง เพื่อล่อโอเรนเจอร์โรโบออกมา แผนการแกล้งยอมแพ้ของบัลคัสฟุนโดสำเร็จ บาราบิลเดอร์ ได้ดูดพลังงานของโอเรนเจอร์โรโบจนไม่สามารถสู้ต่อได้ เพราะต้องใช้เวลาซ่อมแซมนานมาก ในตอนนั้นเอง ที่คริสตัลพลังงานที่กำไลแปลงร่างส่องแสงขึ้นมา และมันก็ได้นำโกโร่ไปยังทุ่งร้างแห่งหนึ่ง…ที่ๆฝัง “เรดพันเชอร์” หุ่นรบต้นแบบของโอเรนเจอร์โรโบ ที่ผบ.มิอุระสร้างไว้เมื่อ 2 ปีก่อน
โดยเรดพันเชอร์ ถือเป็นหุ่นที่ผิดพลาดของผบ.มิอุระ เพราะในระหว่างการสร้าง มันได้คร่าชีวิตของ “คิริโนะ” นักบินหนุ่มมือดีที่ผบ.มิอุระตั้งใจจะให้เขาเป็นผู้ใช้ แต่ด้วยพลังที่มากเกินไปจนเรดพันเชอร์คลุ้มคลั่ง ทำให้เขาต้องตาย และเรดพันเชอร์ก็ถูกฝังอยู่ในทุ่งร้างนี้
เมื่อโกโร่ได้ขึ้นบังคับ ผลลัพท์ก็ยังคงเหมือนเดิม เรดพันเชอร์คลุ้มคลั่งในระหว่างสู้กับบาราบิลเดอร์จนถูกดูดพลัง แต่ด้วยจิตวิญญาณของคิริโนะ ที่มาช่วยโกโร่ ทำให้เขาตระหนักถึงสิ่งที่ต้องปกป้อง จนสุดยอดขุมพลังได้ส่งพลังงานที่ทำให้เรดพันเชอร์กลับมาทำงานอย่างสมบูรณ์ จนสามารถกำจัดบาราบิลเดอร์ลงได้ และสามารถปลดล๊อกฟังก์ชั่นรวมร่างกับโอเรนเจอร์ โรโบ จนกลายเป็น “โชโฮเกคิกัตไต บัสเตอร์ โอเรนเจอร์โรโบ” ได้หลังจากนั้นไม่นาน
ในค่ำคืนหนึ่ง ผบ.มิอุระก็ได้พบความผิดปกติที่วิหารขุมพลัง ที่อยู่ๆก็เปล่งแสงเป็นสัญลักษณ์ “ริกิ” ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่พวกของโอเรนเจอร์ สามารถตรวจจับวัตถุลึกลับทรงปีรามิดขนาดใหญ่ได้จากนอกอวกาศ และหายไป ผบ.มิอุระได้กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า เป็นสัญญาณการกลับมาของ “ริกิ” หรือ “คิงเรนเจอร์” นักรบหนุ่มที่ทำหน้าที่ปกป้อง “โดริน” ชนเผ่าต่างมิติ ที่เป็นเสมือนกุญแจที่เชื่อมต่อโลก และขุมพลังอันยิ่งใหญ่ ซึ่งเมื่อ 600ล้านปีก่อน โดรินถูกหมายเอาชีวิตจากบัลคัสฟุนโด และกองกบฎจักรกลในขณะนั้น (ยังไม่ตั้งเป็นจักรวรรดิ) แต่ก็ถูก ริกิ ปราบปรามจนต้องล่าถอยออกไปยังนอกอวกาศ
แต่ก็มีพวกบารานอยบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่บนโลก ชาวชนเผ่าโบราณจึงได้ส่งโดรินและริกิ ออกไปยังนอกจักรวาลด้วย “คิงปีรามิดเดอร์” ยานรบขนาดใหญ่ที่ชาวชนเผ่าโบราณร่วมกันสร้างในฐานะปราการอันแข็งแกร่งที่ๆสามารถปกป้องโดรินเอาไว้ และ ตั้งเวลากลับมายังโลก ในปี 1999
พวกโอเรนเจอร์จึงออกตามหาริกิจนพบ แต่ก็ถูกไล่ล่าโดย “เคริธ” และได้เอาพลังของริคิ หรือ “คิงเรนเจอร์” ที่ถูกเคริธจับตัวมาก๊อปปี้ในร่างของ “บาราคิง” จนทำให้พวกโอเรนเจอร์เข้าใจผิด ว่าริคิถูกดัดแปลงเป้นสัตว์ประหลาด แต่แล้วในที่สุด ริคิ ก็หนีออกมาร่วมมือกับโอเรนเจอร์ กำจัดบาราคิงลงได้สำเร็จด้วย “คิงปีรามิดเดอร์ แคร์เรียฟอร์เมชั่น” และริคิ ก็กลายเป็นสมาชิกโอเรนเจอร์คนที่ 6 อย่างเป็นทางการ (แต่ก็ไม่ได้สังกัดกองทัพอย่างใด เพราะหน้าที่ของริคิก็คือการปกป้องโดริน เท่านั้น)
เมื่อบัลคัสฟุนโด ได้ส่งหุ่นยนต์สัตว์ประหลาดแห่งบารานอยออกมาถึง 10 ตัวในคราวเดียวกัน ได้แก่ บาราดริล / บาราซอเซอร์ / บาราวานิช / บาราครัชเชอร์ / บารามิซไซล์ / บาราดาร์ท / บาราปริ๊นเตอร์ / บาราแม็กม่า / บาราวัคคัม และ บาราไอวี่ ออกอาละวาดกวาดล้างมนุษย์แถมพวกมันยังได้ผ่านการอัพเกรดจนแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ผบ.มิอุระยังคงทำตัวเหมือนจอมแทงกั๊กเช่นเคย ด้วยแผนการ “ม้าไม้เมืองทรอย” โดยจะทำการมอบอัญมณีล้ำค่า 5 ชิ้นใหญ่ๆ ที่ผบ.แกสปอยไว้ดิบดีว่าเป็นอัญมณีจากพระเจ้า ให้กับพวกบารานอยเพื่อหย่าศึก บัลคัสฟุนโดจึงสั่งให้ลิ่วล้อไปเก็บกลับมายังโรงงานลับใต้ดินฐานทัพของตน
ซึ่งเมื่อถึงฐานใต้ดินของบารานอย อัญมณีทั้ง 5 ชิ้น ก็กลายร่างเป็น “บล๊อกเกอร์โรโบ” หุ่นยนต์ยักษ์ที่เป็นผลงานซุ่มสร้างของผบ.มิอุระ ที่ดึงความสามรถเฉพาะของโอเรนเจอร์ทุกคนมาใส่ไว้ในหุ่นยนต์ยักษ์ทั้ง 5 ตัว (แล้วพี่แกก็ไม่บอกด้วยนะว่าแอบไปสร้างเมื่อไหร่ ตอนไหนซะงั้น) และได้ทำการไล่ล่าพวกหุ่นยนต์สัตว์ประหลาดบารานอยตั้งแต่ในโรงงานลับใต้ดิน ใต้ทะเล บนฟ้า ไปยันนอกอวกาศ! ทำให้กองกำลังของบัลคสฟุนโดเสียหายหนักมากจากเหตุการณ์นี้
เหมือนโชคจะเข้าข้างบัลคัสฟุนโด เมื่ออยู่ๆ “ดาบความมืด” ดาบเหล็กที่ตีจากโลหะอวกาศ (ใครสร้างก็ไม่บอกด้วย ลึกลับจริงๆ!) เป็นดาบที่ทรงพลังมาก ถึงขั้นตัดอาวุธเดลต้าทอนฟาของ บลูบล๊อกเกอร์ขาดสะบั้น และทำให้ต้องถอนตัวไป จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ผบ.มิอุระจอมแทงกั๊กได้เปิดเผยถึงวิธีปลดล๊อก “ฟังก์ชั่นลับของบล๊อกเกอร์โรโบ” ที่สามารถใช้รับมือกับดาบแห่งความมืดของบัลคัสฟุนโด ซึ่งสมาชิกโอเรนเจอร์ต้องฝึกวิชารวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้เสียก่อน…
ในที่สุด การต่อสู้ของโอเรนเจอร์กับบัลคัสฟุนโด ก็มาถึงจุดแตกหัก ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ของบล๊อกเกอร์โรโบ ทำให้สามารถรวมร่างเป็น “โอบล๊อกเกอร์โรโบ” สุดยอดหุ่นยนต์ที่เหนือกว่าหุ่นใดๆที่ผบ.มิอุระเคยสร้างมา และได้ใช้ไม้ตายสุดยอด “อัลติเมตซอร์ด” ที่เกิดจากการเอาดาบคู่ทวินบล๊อกเกอร์ซอร์ด มารวมกับจิตใจอันเป็นหนึ่งเดียวของโอเรนเจอร์ จนกลายเป็นดาบแสงขนาดใหญ่ เอาชนะบัลคัสฟุนโดได้ในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นานนัก “บอมเบอร์ เดอะเกรท” หมาป่าเดียวดายแห่งอวกาศ ผู้ชิงตำแหน่งจักพรรดิ์กับบัลคัสฟุนโดเมื่อหลายล้านปีก่อน ก็มาดูแลการจัดทัพของบารานอยชั่วคราว ในตอนนั้นบอมเบอร์เองก็กำลังสนุกกับการคุมอำนาจของบารานอยเอาไว้ในมือ ทำให้การต่อสู้ของโอเรนเจอร์ยากกว่าเดิม
และในขณะนั้นเองการมาของ“ศิลาหน้าเทพ” หินปริศนาจากบ่อน้ำ ที่สะกด สุดยอดนักรบ “กัมมาจิน” ก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเด็กชายตัวน้อยที่ชื่อซาโตรุ โดยตัวของกัมมาจินนั้น ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็น คน เทพ หรือหุ่นยนต์ แต่ที่แน่ๆคือ เขาจะทำตามคำสั่งของผู้ถือครอง“กุญแจในตำนาน” เท่านั้น (ซึ่งก็คือซาโตรุ) ทำให้บูลดอนท์ต้องการกัมมาจินมาไว้ครอบครองมากจึงส่ง “บาราโปลิซ” ออกแย่งกุญแจดังกล่าว
แต่คนที่ได้ไป กลับเป็น บอมเบอร์เดอะเกรท ที่แย่งกุญแจมาจากซาโตรุ แต่ก็ไม่สามารถทำให้กัมมาจินทำตามคำสั่งของตนได้ กุญแจจึงถูกบูลดอนท์ขโมยไปอีกทอดหนึ่ง และหลอกกัมมาจินว่า ถ้าได้บังคับโอบล๊อกเกอร์ ก็จะไม่คิดยึดครองโลกอีกเลย …ด้วยความเถรตรง และใสซื่อของกัมมาจิน จึงถูกนำมาเป็นข้อพิพาทระหว่างโอเรนเจอร์ และพวกบารานอย เพราะกัมมาจินยึดถือเอาความปราถนาของผู้ถือครองกุญแจในตำนานเป็นทื่ตั้ง ทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
แต่ในที่สุด กัมมาจินก็เลือกที่จะทำตามความปราถนาของเด็กน้อยซาโตรุ ผู้ที่ไขกุญแจผนึกเป็นคนแรกในรอบ 600ล้านปี และถือเป็นเพื่อนคนแรก ถึงแม้ว่าบูลดอนท์จะเป็นผู้ถือกุญแจในขณะนั้น แต่ทั้งหมดก็เพื่อหลอกลวงให้กัมมาจินต้องต่อสู้กับความถูกต้อง และทำให้ซาโตรุต้องอยู่ในอันตราย ทำให้กัมาจินโกรธพวกบารานอยมาก จึงร่วมมือเข้ากับพวกของโอเรนเจอร์ กำจัดบาราโปลิซ ในที่สุด
ตำแหน่งจักพรรดิ์ของจักรวรรดิ์บารานอยเกิดสุญญากาศมาได้ 100 วันพอดี “บอมเบอร์ เดอะเกรท” ก็ได้ท้าชิงตำแหน่งจักพรรดิ์กับ “บูลดอนท์” ตามกฎของจักรวรรดิ์ (ที่พี่แกร่างขึ้นมาเองแบบขอไปที) บอมเบอร์ก็ได้ลงมือสังหารบูลดอนท์สำเร็จ แล้วขึ้นสู่การเป็นจักพรรดิ์องค์ใหม่ของบารานอย และสิ่งแรกที่บอมเบอร์ทำก็คือ จับ “ฮิสทีเรีย” เมียรักของบัลคัสฟุนโด และ ซากของ “บูลดอนท์” ผูกกับจรวดแล้วยิงออกไปยังอวกาศอันเวิ้งว้าง…
ในขณะที่แผนก่อกวนชาวโลกกำลังดำเนินต่อไป ฮิสทีเรียที่ลอยอยู่ในอวกาศก็ตกลงมายังดาวเคราะห์บารานอยด์ ดาวที่เป็นเสมือนบ้านของพวกเธอพอดี และที่นั่นฮิสทีเรียก้ได้พบกับห้องทดลองลับ และ “ส่วนหัวของบัลคัสฟุนโด” โดยบังเอิญ ทำให้เธอเริ่มที่จะใช้ข้อมูล และวัตถุดิบที่อ้างอิงจากโครงสร้างของบัลคัสฟุนโดมาสร้างร่างใหม่ให้กับบูลดอนท์ อีกทั้งยังส่ง “มัลติว่า” หลานสาวของตน ไปก่อกวนพวกโอเรนเจอร์ที่กำลังไล่ต้อน บอมเบอร์เดอะเกรท จนมุม
ส่วนบูลดอนท์ที่ถูกซ่อมแซม ก็ได้รับชื่อใหม่ว่า “ไกเซอร์บูลดอนท์” ที่มีทั้งพลัง ความแข็งแกร่งที่สืบทอดจากพ่อมาแบบเต็มๆ แถมยังมีความโหดเหี้ยมมากกว่าเดิม ซึ่งนั่นก็ทำให้ไกเซอร์บูลดอนท์สามารถทวงบัลลังก์ของตนได้สำเร็จ และจัดการกับบอมเบอร์เดอะเกรทลงอย่างง่ายดาย แต่นั่นยังไม่หนำใจ เพราะไกเซอร์บูลดอนท์ยังจัดการเอาซากของบอมเบอร์เดอะเกรท มาดัดแปลงให้เป็นลิ่วล้อ แล้วส่งออกไปตายรอบสอง ด้วยมือของพวกโอเรนเจอร์
แผนการครั้งสุดท้ายที่หมายจะปิดฉากสงครามระหว่างพวกบารานอย และโอเรนเจอร์ ก็เปิดฉากขึ้น เมื่อไกเซอร์บูลดอนท์ และมัลติว่า ได้เริ่มส่งกองทัพทั้งหมดที่ฐานทัพดวงจันทร์ รวมไปถึง “หนอนจักรกล” หุ่นยนต์ยักษ์ติดตั้งอาวุธที่สามารถกระจาย “อนุภาคแห่งความมืด” ไพ่ตายของพวกบารานอยด์ที่ทำให้อาวุธต่างๆของพวกโอเรนเจอร์ไม่สามารถใช้งานได้ แม้กระทั่งชุดแปลงร่าง ทำให้หุ่นยนต์ยักษ์ โอบล๊อกเกอร์ และ เรดพันเชอร์ ถูกพวกบารานอยชิงตัวไป อีกทั้งยังส่งสายเข้าไปทำลายฐานทัพ U.A.O.H. และเข้ายึดครองยุทธภัณฑ์ทั้งหมด ส่วนผบ.มิอุระหายสาปสูญไปในระหว่างการโจมตีในครั้งนี้ และ พวกโอเรนเจอร์ต้องหนีตายกันไปคนละทิศทาง…โชเฮย์ และยูจิ ถูกพวกบารานอยจับตัวไป ส่วน โกโร่ จูริ และ โมโมะ ที่ทราบข่าว ก็มาช่วยทั้งๆที่รู้ว่าเป็นกับดักของไกเซอร์บูลดอนท์
ในระหว่างการต่อสู้ที่เสียเปรียบ เพราะพวกโอเรนเจอร์ที่ไม่สามารถแปลงร่างได้ ก็ถูกพลังของ “คริสตัลขุมพลัง” ของโดริน พาพวกเขาเข้าไปในคิงปีรามิดเดอร์ แล้วออกเดินทางไปยังอวกาศที่ห่างไกล
ซึ่งในขณะเดียวกัน ริกิ ยังคงอยู่ที่โลกเพื่อปกป้อง โดริน แต่เธอกลับออกมาช่วยริกิจนถูกมัลติว่าทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส และร่างของเธอก็หายกลับไปยังดินแดนแห่งขุมพลังอันห่างไกล ทำให้มวลพลังชีวิตบนโลกเริ่มเสื่อมสลาย
คิงปีรามิดเดอร์ ได้ติดอยู่ในมิติแห่งความมืด ที่ไกเซอร์บูลดอนท์กางเอาไว้รอบๆกลุ่มดาวที่อยู่ในระยะของโลก แต่ก็ได้ “ขุมพลังแห่งอวกาศ” ช่วยเอาไว้ และพาคิงปีรามิดเดอร์มายังดวงดาวอันแสนสงบ…ที่ๆเป็นที่พำนักของ “โดริน” นั่นเอง โดยโดริน แท้จริงแล้วไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีโดรินอีกมากมายที่กระจายอยู่ตามดาวต่างๆคอยทำหน้าที่เชื่อมต่อกับขุมพลังอันยิ่งใหญ่ ซึ่งโดรินที่ทำหน้าที่ดูแลโกนั้น กำลังหลับไหลเพื่อพักฟื้นจากการบาดเจ็บ โดยได้ให้กำลังใจเหล่าโอเรนเจอร์ทุกคนให้ต่อสู้ต่อไป เธอเชื่อมั่นว่าหากทุกคนมีความปราถนาที่จะทำเพื่อโลกอย่างแท้จริง ขุมพลังอันยิ่งใหญ่ที่อยู่ในใจของทุกคนก็จะมอบพลังให้เอง…
เมื่อพวกโอเรนเจอร์กลับมายังโลก แม้จะเป็นเวลาสั้นๆในอวกาศ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป เป็นที่ๆมีแต่ความมืด ไร้ซึ่งชีวิตใดๆ บัดนี้ โลกถูกยึดครองอย่างสมบูรณ์ มนุษย์ตกเป็นเบี้ยล่างแก่จักรวรรดิ์บารานอย พร้อมๆกับการเสื่อมของขุมพลังบนโลก ซึ่งเวลาก็ผ่านมาได้ครึ่งปีแล้ว…(ผลพวงจากการที่คิงปีรามิดเดอร์ติดอยู่ในมิติมืดเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่ส่งผลกับกาลเวลาผกผัน แบบหนังเรื่อง Interstellar นั่นแหละ)
พวกโอเรนเจอร์ได้สมทบกับ ริกิ และ ผบ.มิอุระ ที่ได้กบดาน และคอยรวบรวมกำลังทหารจากทั่วทุกมุมโลกมาทำภารกิจต่อต้านพวกบารานอยอย่างลับๆ แต่ก็ทำได้ยากมากในยุคที่ผู้คนกว่าครึ่งโลกล้มหายตายจากไปในช่วงสงครามกับบารานอย
ด้วยความตั้งใจจริง และไม่ย่อท้อที่จะปกป้องโลกและมนุษย์ของพวกโอเรนเจอร์ ก็ได้ทำการปลุกพลังอันยิ่งใหญ่ที่มีในตัวได้สำเร็จ มันเป้นพลังที่เข้มข้นกว่าอนุภาคใดๆที่จะมาขัดขวางได้ อีกทั้งยังสามารถคืนพลังให้กับมหาวิหารใต้ดินของฐานทัพ U.A.O.H. และปลุกพลังให้กับเหล่าหุ่นยนต์ของโอเรนเจอร์ ยกเว้น โอบล๊อกเกอร์ และ เรดพันเชอร์ ที่ถูกคุมขังที่มีกำแพงอนุภาคแห่งความมืดปิดล้อม
ผบ.มิอุระ / ริกิ และกัมมาจิน ได้เสี่ยงตายเพื่อบุกรังของบารานอย และก็ทำสำเร็จ โอบล๊อกเกอร์ และเรดพันเชอร์ได้รับพลังจนสามารถกลับมาใช้งานได้ ก็รีบตามไปสมทบกับโอเรนเจอร์ ในศึกดวลกับไกเซอร์บูลดอนท์ และมัลติว่า ที่แท็กทีมกันสร้างความเสียหายให้โอเรนเจอร์อย่างมาก
แต่สุดท้าย ด้วยขุมพลังที่มาจากความกล้าหาญ และความเสียสละของพวกโอเรนเจอร์ ก็ได้ทำให้คิงปีรามิดเดอร์ได้ใช้ท่าไม้ตายสุดยอด “ซูเปอร์เลเจนด์บีม” เต็มกำลัง ทำให้ ไกเซอร์บูลดอนท์ และมัลติว่า เหลือเพียงเถ้าธุลี เป็นอันยุติสงครามบารานอยลงได้สำเร็จ
จักรวรรดิ์บารานอยถึงคราวล่มสลาย ฮิสทีเรียที่หมดอาลัยตายอยากในชีวิตจากการสูญเสียลูกชาย สามี และหลานสาว ได้ขอร้องพวกของโอเรนเจอร์ให้ละเว้นชีวิตหลายชายที่เพิ่งเกิดจากไกเซอร์บูลดอนท์ กับมัลติว่า โดยฮิสทีเรียยอมสละชีพตัวเองเพื่อจบเรื่องราวทั้งหมดเอง
โลกกลับสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริง กัมมาจินรับปากกับพวกโอเรนเจอร์ว่าจะขอดูแลลูกชายของไกเซอร์บูลดอนท์ และข้ารับใช้อย่าง อาจา และโคจา พวกบารานอยที่หลงเหลือไปอบรมนิสัย และทำให้เป็นคนดีให้ได้ กัมมาจินจากโลกไปยังฟากฟ้าอันแสนไกล
ส่วนโดรินแห่งโลกได้ฟื้นขึ้นมา และเริ่มออกท่องโลกกว้างเพื่อฟื้นฟูสภาพโลก และขุมพลังที่สูญเสียให้กลับมา โดยมีริกิคอยดูแลตลอดไป…
ผบ.มิอุระได้มอบภารกิจใหม่ให้พวกโอเรนเจอร์ งานของพวกเขายังคงไม่จบ โลกยังต้องการการปกป้อง และฟื้นฟูต่อไป แม้ว่าจะเป็นเวลาที่ยากลำบากก็ตาม…
อวสาน…
—————-
ตัวละคร (ข้อมูลจาก Wiki)
โอเรด / โฮชิโนะ โกโร่ แสดงโดย มาซารุ ชิชิโดะ
นักบินมือหนึ่งและเป็นหัวหน้าทีมที่มีความเป็นผู้นำสูงมาก มีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและเต็มไปด้วยความหวังที่จะเอาชนะผู้รุกราน เป็นศูนย์ของจิตใจสมาชิกทั้งทีม
ท่าไม้ตาย – ฮิเคน โชวริคิ ไรเซอร์, โชวริคิ ไดนาไมต์ แอ็กแท็ค
โอกรีน / โยซูกาชิ โชเฮย์ แสดงโดย คุนิโอะ มาซาโอกะ
อายุมากสุด เป็นมันสมองของทีม และเป็นนักมวยฝีมือดีอีกด้วย
ท่าไม้ตาย – เดนโค โชวริคิ ครัชเชอร์ ,บาคุเร็ตสึ มิราเคิล นัคเคิล, ฟลายอิง พั๊นซ์
โอบลู / มิตะ ยูจิ แสดงโดย มาซาชิ โกดะ
นักบินหนุ่มที่มีความคล่องตัวสูงแต่ก็ใจร้อนในบางครั้ง ผู้มีความฝันที่จะมีหุ่นยนต์เป็นของตนเอง
ท่าไม้ตาย – อินาสึมะ โชวริคิ ทอนฟา, เกคิโทสึ โรลลิ่ง บอมเบอร์
โอเยลโล่ / นิโจ จูริ แสดงโดย อายูมิ คุราบายาชิ
สาวมั่น ใจร้อน ขี้โมโห ทำอะไรในบางครั้ง ทำแล้วจึงคิด ต้องมีโมโมะคอยปราม ผู้ถนัดวิชาการต่อสู้แบบ Martial Art
ท่าไม้ตาย – ซาคุเร็ตสึ โชวริคิ บาทอน , โคโซคุ สแปลช อิลูชัน
โอพิงค์ / มารุโอะ โมโมะ แสดงโดย ทามาโอะ ซาโต้
นักรบหญิงร่างเล็กทรงสะบึม ที่มีความสามารถทางด้านมวยจีน คล่องแคล่ว มีความอ่อนหวานและจิตใจอ่อนโยนซ่อนอยู่ในตัว
ท่าไม้ตาย – ชิปปู โชวริคิ ดีเฟนเซอร์ , เซนโค มิราเคิล คิโคดัน
คิงเรนเจอร์ / ริกิ
นักรบคนที่หก มาจากโลกอดีตเมื่อ 600 ล้านปี ทำหน้าที่เป็นองครักษ์ของโดริน ในช่วงแรกไม่ให้ความร่วมมือกับโอเรนเจอร์ เนื่องจากมีหน้าที่ปกป้องโดรินเพียงอย่างเดียว แต่เนื่องด้วยคำขอร้องของโดรินและมิตรภาพของโอเรนเจอร์ ทำให้ทัศนคติของริกิ เปลี่ยนไปและร่วมมือที่จะปกป้องโลกพร้อมกับโอเรนเจอร์
ท่าไม้ตาย – คิง วิกตอรี่ แฟลช , คิง ทอร์นาโด
โดริน
สิ่งมีชีวิตลึกลับจากมิติอื่นที่มีรูปร่างเป็นเด็กผู้หญิง ที่เคยใช้ชีวิตอย่างสงบเมื่อ 600 ล้านปีก่อน เธอเป็นกุญแจสำคัญของสุดยอดขุมพลังจากอดีตกาล
ผบ.มิอุระ นาโอยูกิ แสดงโดย มิยาอุจิ ฮิโรชิ
หัวหน้าทีมของโอเรนเจอร์จอมแทงกั๊ก นักวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ และโบราณคดี มีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการของ U.A.O.H.ที่เกิดจากการระดมทุนทั่วโลกในการต่อสู้กับภัยนอกโลกด้วยขุมพลังอันยิ่งใหญ่ เป็นคนลึกลับ ไม่ค่อยแสดงออกมากนัก มีอะไรไม่ค่อยชอบโชว์ และมักจะสร้างเซอร์ไพรซ์เสมอ
กัมมาจิน
นักรบยักษ์ยุคโบราณ โดยสามารถขอพรอะไรก็ได้เมื่อมีกุญแจสีทองมาเสียบเอาไว้และท่องคาถา สามารถย่อส่วนเท่าคนได้โดยส่วนมากมักจะขอพรในการช่วยต่อสู้มากกว่า
โอเรนเจอร์โรโบ
หุ่นยนต์หลักของโอเรนเจอร์และมีความสามารถพิเศษคือสามารถเปลี่ยนหมวกได้ทั้ง5แบบคือ
วิงค์เฮด -หมวกสีแดงทรงนักรบ ทำหน้าที่เป็นหมวกใบหลักของโอเรนเจอร์ โรโบ ผู้ควบคุมคือ โอเรด
ฮอร์นเฮด -หมวกสีเขียวทรงไวกิ้ง เขาสีทอง ทำหน้าที่เป็นหมวกที่ใช้ในการโจมตีศัตรูในระยะประชิดตัว ถนัดการพุ่งชนด้วยส่วนหัวเป็นหลัก ผู้ควบคุมคือ โอกรีน
กราวิตั้นเฮด -หมวกสีทองเส้นขีดน้ำเงินทรงปิรามิดคล้ายคลีโอพัตรา ทำหน้าที่เป็นหมวกที่ใช้ในการโจมตีศัตรูในระยะไกล มีพลังควบคุมแรงโน้มถ่วงของโลก ผู้ควบคุมคือ โอบลู
วัลคันเฮด -หมวกสีเหลือง-ดำมีปืน 2 กระบอกติดที่ด้านซ้าย-ขวาของของหมวก ทำหน้าที่เป็นหมวกที่ใช้ในการโจมตีศัตรูในระยะกลาง มีพลังในการยิงปืนในระดับกลาง และสามารถใช้เป็นแรงพลักดันไม่ให้โอเรนเจอร์ โรโบ เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ผู้ควบคุมคือ โอเยลโล่
แคนน่อนเฮด- หมวกสีน้ำเงิน-ชมพูมีปืนใหญ่1กระบอกที่ด้านบนของหมวก ทำหน้าที่เป็นหมวกที่ใช้ในการโจมตีศัตรูในระยะไกล มีพลังในการยิงปืนในระดับสูง ผู้ควบคุมคือ โอพิงค์
รหัสการรวมร่าง - Chouriki Gattai!! (รวมร่างพลังขั้นสูง)
อาวุธ - ซูเปอร์ คราว์น ซอร์ด , โดกุวัลคัน , โมอาแคนน่อน
ท่าไม้ตาย - คราว์น ไฟนอล แครช , เทารัส ไดรฟ์ , โชวริคิ เทารัส ธันเดอร์ , เลออน พั๊นซ์ , โชวริคิ เลออน บีม , โชวริคิ โดกุ วัลคัน , โดกุ สกาย คิ๊ก , โมอา ทรูเนด , โชวริคิ โมอา แคนน่อน
เรดพั้นช์เชอร์
เป็นหุ่นยนต์ตัวที่ 2 ซึ่งควบคุมโดยโอเรด แต่เดิมเป็นหุ่นยนต์ที่คลุ้มคลั่งจนนักบินทดสอบต้องตาย แต่จากการที่โดนดูดพลังจากการต่อสู้กับบาราบิลเดอร์ แล้วได้พลังจากขุมพลังของโลกมาทดแทน ทำให้ระบบต่างๆสามารถใช้งานได้ปกติ
ท่าไม้ตาย - พั๊นเชอร์ แก็ตลิ่ง, แม็กน่า พั๊นเชอร์ , สตาร์ บีม
บัสเตอร์ โอเรนเจอร์โรโบ
เกิดจากการรวมร่างของโอเรนเจอร์ โรโบ และ เรดพั๊นช์เชอร์ โดยการประกบด้านหลังกัน และ แขนของเรดพั๊นช์เชอร์จะเป็นกระบอกปืนที่หัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง หัวของเรดพั๊นช์เชอร์ เป็นส่วนหมวกของบัสเตอร์โอเรนเจอร์
รหัสการรวมร่าง - Chouhougeki Gattai!!
ข้อมูลเบื้องต้น - สูง 80 เมตร / พลัง 7500 แรงม้า / ความเร็ว 12.3 วินาที ต่อ 1 ก.ม. / กระโดด 6000 เมตร
ท่าไม้ตาย - บิ๊ก แคนน่อน บลาสต์
คิงปิรามิดเดอร์
เป็นหุ่นยนต์ของคิงเรนเจอร์โดยแบ่งทั้ง 3 โหมด คือ
ปิรามิดโหมด
เป็นโหมดแรก มีพลังในการใช้ลำแสงจรดพื้นดินใส่ศัตรูได้ (ลักษณะการยิงจะคล้ายกับกระแสไฟฟ้าลงสู่พื้นดิน)
ข้อมูลเบื้องต้น - สูง 50 เมตร / กว้าง 75 เมตร
ท่าไม้ตาย - ซูเปอร์ เบิร์น เวฟ
แคเรียร์โหมด
บังคับโดย คิงเรนเจอร์ โดยการนำยานของโอเรนเจอร์ (สกายฟินิกซ์,แกรนด์เทารัส,แดชเลออน,โดกูแลนเดอร์,โมอาโลดเดอร์ และ เรดพั๊นซ์เชอร์) มารวมกัน และใช้ท่าไม้ตายได้
ข้อมูลเบื้องต้น - กว้าง 75 เมตร / ยาว 140 เมตร / ความเร็ว 150 กม./ชม.
ท่าไม้ตาย - ซูเปอร์ ยูนิชั่น ไฟเออร์
แบทเทิลโหมด
บังคับโดย โอเรด โดยที่จะนำโอเรนเจอร์โรโบ , เรดพั๊นช์เชอร์ แยกส่วนและนำไปใส่ในลำตัวของคิงปิรามิเดอร์ ในช่วงหลังสามารถนำ โอบล็อกเกอร์ ใส่แทนโอเรนเจอร์โรโบ ได้
ข้อมูลเบื้องต้น - สูง 102 เมตร / กว้าง 75 เมตร / ความเร็ว 65 กม./ชม.
ท่าไม้ตาย - ซูเปอร์ เลเจนด์ บีม
โอบล็อกเกอร์
หุ่นยนต์ตัวที่ 3 ของโอเรนเจอร์มีพลังมากกว่าโอเรนเจอร์โรโบ ประกอบจาก บล๊อกเกอร์โรโบ 5 ตัว
ข้อมูลเบื้องต้น - สูง 80 เมตร / พลัง 3500 แรงม้า / ความเร็ว 9.3 วินาที ต่อ 1 ก.ม. / กระโดด 9000 เมตร
อาวุธ - ทวิน บล็อกเคน ซอร์ด (ดาบ2เล่ม)
ท่าไม้ตาย - ทวิน บล็อกเคน แครช , ทวิน บล็อกเคน ธันเดอร์
บล๊อกเกอร์โรโบ
เรดบล็อกเกอร์ หุ่นยนต์ของโอเรด ท่าไม้ตาย คือ สตาร์ เฮด แอ็กแท็ก
กรีนบล็อกเกอร์ หุ่นยนต์ของโอกรีน ท่าไม้ตายคือ กรีน บอดี้ แอ็กแท็ก
บลูบล็อกเกอร์ หุ่นยนต์ของโอบลู ท่าไม้ตาย คือ บลู คิ๊ก
เยลโล่บล็อกเกอร์ หุ่นยนต์ของโอเยลโล่ ท่าไม้ตาย คือ เยลโล่ สปิน คิ๊ก
พิงค์บล็อกเกอร์ หุ่นยนต์ของโอพิงค์ ท่าไม้ตายคือ พิงค์ สกายไลน์ ช็อพ
แทคเกี้ลบอย
เป็นหุ่นยนต์สนับสนุนรูปวงล้อของโอเรนเจอร์ สามารถเป็นอาวุธของโอบล็อกเกอร์ได้ มีท่าไม้ตายคล้ายกับการโยนโบลลิ่ง
ข้อมูลเบื้องต้น - ความเร็วในรูปแบบหุ่นยนต์ 8.5 วินาที ต่อ 1 ก.ม. / ความเร็วในรูปแบบล้อรถ 1.2 วินาที ต่อ 1.ก.ม.
ท่าไม้ตาย - ไดนาไมต์ แทคเกิ้ล
———–
ทาง บ.โตเอะในช่วงนั้น ได้พยายามจะทำให้ซีรี่ยส์นี้ มีจุดเด่นของเรื่องราวที่หนักหน่วง เข้มข้น และใช้บรรยากาศของ “จุดกำเนิด” ของหนังขบวนการ 5 สี ที่เน้นหนักในส่วนของทีมเวิร์ค มีลำดับชั้นยศในการทำงาน ความกดดันของสภาณการณ์ และดราม่าสเกลที่ใหญ่ระดับ Worldwide
อีกทั้งขบวนการโอเรนเจอร์ ยังได้มือเขียนบทชุดดั้งเดิมที่เคยร่วมงานกับทางโตเอะมาตั้งแต่สมัยโกเรนเจอร์ มาร่วมกับนักเขียนรุ่นปัจจุบัน บวกกับการได้ที่ปรึกษาด้านบทอย่างคุณ “ฮิโรชิ มิยาอุจิ” ผู้ที่เคยรับบท อาโอเรนเจอร์ จากขบวนการโกเรนเจอร์ และหนังแนวโทคุซัทสึมามากมาย ก็ทำให้เรื่องราวที่ร่างไว้ มืดมน และเข้มข้นมาก (สังเกตุจากตอนแรกๆ และช่วงใกล้อวสานที่ค่อนข้างเครียด มืดมน และกดดันกว่าขบวนการ 5 สีเรื่องอื่นๆ)
แต่ทว่าในตอนนั้น ที่ญี่ปุ่นเองก็มีเหตุการ์ณเหตุโศกนาฏกรรมก๊าซพิษซารินซึ่งถูกกลุ่ม “โอมชินริเกียว” ซึ่งมีความเชื่อเรื่องโลกาวินาศ นำมาปล่อยในรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียว จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 13 ราย บาดเจ็บอีกหลายพันคน และเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่โกเบ ทำให้เหล่ามือเขียนบทต้องทำการแก้ไขบทที่ร่างเอาไว้แทบทั้งยวง เพื่อความเหมาะสมกับเหตุบ้านเมืองที่ยังไม่พร้อมจะรับสื่อบันเทิงที่หนักหน่วงและโหดร้ายต่อเยาวชน ทำให้บทของขวนการโอเรนเจอร์จะมีเส้นเรื่องที่ขึ้นๆลงๆ ทำให้เกิดการชะลอตัวของเรตติ้งในญี่ปุ่น จนกลายเป็นซีรี่ยส์ที่เรตติ้งต่ำที่สุดของช่วงปี 90 เลยก็ว่าได้
แต่อย่างไรก็ตาม ยอดขาย “ของเล่น” จากขบวนการนี้ จัดว่าขายดีเหมือนเททิ้ง ทั้งอาวุธ หุ่นยนต์ต่างๆทำรายได้ให้กับบริษัทบันไดเป็นกอบเป็นกำอย่างไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่เข้าสู่ช่วงปี 90 เป็นต้นมา สวนทางกับเรตติ้งที่ดิ่งลงเหวอย่างน่าแปลกประหลาด ด้วยเหตุของเล่นขายดี ทางโตเอะจึงไม่ตัดจบซีรี่ส์กลางอากาศทั้งๆที่ยอดคนดูต่ำเตี้ยเลียดินนั่นเอง..
ส่วนในไทย ก็จัดว่าอยู่ในระดับ “พอมีคนดูบ้าง” เพราะในตอนนั้นกระแสของเรื่องนี้ไม่ได้ดังมาก อาจเป็นเพราะเวลา และสถานีโทรทัศน์ที่ออกฉาย ที่ยังดูแปลกๆสำหรับเด็กๆในยุคนั้น แต่ก็ฉายจนจบนะ โดยรวมเนื้อหาค่อนข้างเครียดในช่วงต้นๆเรื่อง กับท้ายเรื่องมากกว่า แต่ใครจะสนล่ะ สมัยเด็กๆแอดมินก็นั่งดูเอามันส์เหมือนกันครับ เพิ่งเอามาดูตอนโตแล้วก็คิดตามนี่ละครับ
สิ่งที่ขบวนการโอเรนเจอร์ต้องการจะสื่อกับคนดูก็คือ…
“สุดท้ายแล้ว เราไม่ต้องไปแสวงหาขุมพลังอันยิ่งใหญ่จากไหน มันอยู่ในตัวเราทุกคน” นี่แหละครับ!!”
ก่อนจบบทความนี้ ขอฝากภาพสวยๆของเจ๊ทามาโอะ ซาโต้ หรือ “โอพิ้งค์” สาวผมสั้น ตัวเล็กไซส์ใหญ่มาก มาให้ดูกัน
และสามารถตามไปอ่าน “10 สาวเซนไตเซ็กซี่” ได้ใน ลิ้งค์ ครับ
แอดมิน Ak47
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก