หากเราจะพูดถึงเกมเดินหน้ายิงที่ขับเคลื่อนวงการเกม ชื่อของเกม Call of Duty คือหนึ่งในอันดับต้นๆที่หลายๆคนจะต้องนึกถึงกัน ทั้งการเล่าเรื่องราวที่น่าติดตาม (ว่าในแต่ละภาคจะสนุกมั้ย?) , การรัวกระสุนใส่กองทัพบอทตามเนื้อเรื่อง พร้อมโหมดพิเศษแยกย่อย หรือแม้แต่การเล่นออนไลน์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวสุดมันส์ ในแผนที่ขนาดย่อม และไหลลื่นรวดเร็วในยุคหลังๆ…
แต่ก่อนจะมาเป็นเกมดังอย่างทุกวันนี้ เกม Call of Duty เกิดมาในยุคเกม PC ที่อุดมไปด้วยเกมยิงแนวสงครามโลกชื่อดังร่วมยุคอย่าง Medal of Hornor ของทางค่าย EA ที่เจาะเรื่องราวของสงครามโลก และการจำลองสมรภูมิดังๆตามหน้าประวัติศาสตร์ รวมไปถึงภาคเสริมที่โด่งดังอย่าง Medal of Hornor – Allied Assault ก็ทำให้เกมที่เกิดในยุคนั้นที่เป็นธีมทหารนั้นค่อนข้างจะไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงมาก เพราะต้องยอมรับว่าทั้งดนตรี งานภาพ เกมเพลย์ ทำออกมาสวยงามลงตัวเข้าใจง่ายมากๆ… ซึ่งก็ส่งผลให้ Call of Duty เกือบจะเงียบตามไปด้วย ทั้งๆที่เป็นอีกเกมคุณภาพที่ขายเรื่องราว Scenario ที่เหมือนกับดูซีรี่ส์ดังเรื่องหนึ่งเลย แต่แล้ว ตัวเกมก็พิสูจน์ว่าของเขาดีจริง Call of Duty ภาคแรก ได้รับรางวัล Academy of Interactive Arts & Sciences Game of the Year Award 2003 ไปครองอีกด้วย
ซึ่งเวลาผ่านไป Call of Duty ได้พัฒนาตัวเกมมาตลอด โดยชูจุดขายที่แข็งแรงอย่างการเล่าเรื่อง (ซึ่งในยุคนั้นเกมเดินหน้ายิงขายเนื้อเรื่องมีน้อย) จึงทำให้ผู้คนที่จะได้เล่นเกมนี้คาดหวังว่าเนื้อเรื่องจะต้องยอดเยี่ยม…ซึ่งก็มีสมหวัง และผิดหวังตามยุคสมัยนั่นละครับ…
ในบทความนี้ขอพูดถึงเฉพาะภาคหลักที่ลงให้ระบบ PC / Console นะครับ
Call of Duty (2003)
เปิดตำนานเกมเดินหน้ายิงในปี 2003 ยุคที่วงการเกมมีเกมเดินหน้ายิงเพียงไม่กี่เจ้าในตลาด แต่ COD จะมีจุดเด่นเรื่องการเล็งยิงที่แม่นยำขึ้นจากการคลิกขวายกปืนขึ้นมาเล็ง ซึ่งเกมอื่นๆในยุคนั้นยังไม่มีจุดนี้ เนื้อหาจะเล่าถึงจุดต่างๆในสงครามโลกที่เหล่าทหารกองรบขนาดย่อมๆไม่กี่คน เข้าทำภารกิจที่สเกลใหญ่เกินตัว เช่นการถล่มค่ายนาซี ขับรถถังลุยสมรภูมิสุดโหด และมีหลายโมเม้นท์ให้จดจำจากการเล่าเรื่องที่กินใจอีกด้วย และนั่น ก็ทำให้วงการเกมได้เห็น “กัปตันไพรซ์” ตัวละครที่กำลังจะกลายเป้นไอค่อนของ COD ในอนาคต…
Call of Duty 2 (2005)
ภาคนี้ ได้อัพเกรดงานภาพให้มีดีเทล รายละเอียดที่สวยงามมากขึ้น เพราะการที่ทางทีมงานได้เอา iD Tech 3 มาต่อยอดจนเป็น IW Engine (ย่อมาจาก Infinity Ward ชื่อทีมพัฒนานั่นเอง) ซึ่งเนื้อหายังคงวนเวียนกับภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ กับการบุกของฝ่ายโซเวียต ลากยาวมาจนถึงการสู้รบในยุโรป และจบที่กองกำลังสัมพันธมิตร และไฮไลท์ของภาคนี้ก็คือการใช้ระบบ “ฟื้นเลือดอัตโนมัติหลังที่กำบัง” เข้ามาแทนแถบ HP ที่ผู้เล่นต้องวิ่งหากล่องพยาบาล เพราะทีมพัฒนาต้องการให้ผู้เล่นมีสมาธิกับการเล่น และเสพเนื้อหา สถาณการณ์ตรงหน้ามากกว่า และระบบนี้ ถือเป็นแม่แบบสำคัญให้เกมเดินหน้ายิงยุคหลังนำไปปรับใช้จนถึงทุกวันนี้ และแน่นอน เราได้เห็น “กัปตันไพรซ์” เช่นเคย
Call of Duty 3 (2006)
ภาคนี้ถือเป็นก้าวแรกของการพา Call of Duty ไปสู่การให้ความสำคัญกับระบบคอนโซล ด้วยการอัพเกรดงานภาพขนานใหญ่ ใส่ใจรายละเอียดมากขึ้น ทั้งการเล่นระยะซูม และการเบลอขอบ แสง สีเสียง จัดเต็มเหมือนดูหนังดีๆเรื่องนึงเลย เพราะภาคนี้ลงให้แค่ PS3 / Xbox360 เท่านั้น
Call of Duty4 Modern Warfare (2007)
จุดพลิกผันสำคัญของการพาแฟรนไชส์เดินหน้ายิงไปสู่ยุคใหม่ของ COD เพราะในภาคก่อนๆ เราจะเข้าไปในยุคสงครามโลก แต่ภาคนี้คือยุคปัจจุบัน ข้าวของเครื่องใช้คือของที่เราเห็นในจอหนัง ทั้งปืน เครื่องแต่งกาย และภาคนี้ได้รับคำชมในแง่เนื้อเรื่องอย่างมาก ด้วยงานภาพของ IW 3.0 ทำให้เกมนี้มีความสวยงามมากกว่าภาคก่อนๆ ระบบเกมเพลย์ยิงกันชนิดหูดับตับไหม้ และเชื่อว่าหลายๆคน เริ่มต้นจากการเล่นเกมยิงเกมนี้ด้วย เพราะเข้าถึงง่าย ไม่มีความซับซ้อนใดๆ
Call of Duty: World at War (2008)
ทวีความเถื่อนมากขึ้น แม้จะย้อนกลับไปยุคสงครามโลก ที่คราวนี้ย้ายสมรภูมิสงครามโลกจากโซนยุโรป มาเป้นโซนเอเซียแปซิฟิก การประจันหน้ากับเหล่านักรบญี่ปุ่น ทำได้ถึงเลือดถึงเนื้อมาขึ้น มีระบบแขนขาขาดปลิวว่อนสนามรบ และที่ต้องทำแบบนั้น ก็เพราะว่าภาคนี้จะเป็นภาคแรกที่มี “โหมดซอมบี้” เปลี่ยนเกมเดินหน้ายิงสุดซีเรียส ให้กลายเป้นเกมสยองขวัญออนไลน์ Co-Op 4 คน ที่เล่นมันส์ และถูกสานต่อมาจนถึงทุกวันนี้ เหมือนซื้อ1เกมได้มา 2 เลย อะไรยังงั้น…
Call of Duty: Modern Warfare 2 (2009)
สุดยอดเกม COD ขวัญใจมหาชนชนิดที่หลายคนยกย่องว่าดีที่สุด ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ฉากสังหารสุดสะเทือนใจจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกอย่างฉาก “์No Russian” ที่ให้ผู้เล่นที่เป้นสายลับ เข้าแก๊งวายร้ายรัสเซียสร้างภาพว่าคนอเมริกันไล่ฆ่าคนบริสุทธินับพันในสนามบิน หรือฉากที่กองทัพรัสเซียบุกอเมริกาคือความขนลุกที่สมจริงสุดๆ สเกลสงครามในภาคนี้ไม่ใช่การสู้กับการก่อการร้ายแบบในภาค 4 แต่เป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่แสนจะตึงเครียด และจบลงด้วยการทิ้งเชื้อไว้ทำภาคปิดตำนานใน COD MW3 และภาคนี้ได้ชื่อว่าลงทุนสร้างนับพันล้านบาท แถมเพลงประกอบได้ Hans Zimmer ผู้แต่งเพลงประกอบหนังฮอลลีวู้ดชื่อดัง ทั้ง Mission Inpossible / Inception / Batman Dark Night มาทำเพลงประกอบสุดอลังการให้อีกด้วย
Call of Duty: Black Ops (2010)
พักเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 มาเข้ายุคสงครามเย็น กับ “หน่วยงานลับสุดยอด” (Black Ops)ที่ทางรัฐบาลสหรัฐตั้งขึ้นเพื่อทำงานสกปรก เก็บกวาดหลังบ้าน โดยงานภาพ เกมเพลย์ เป็นการยกเอาหลายๆอย่างในWorld at War มาต่อยอด ภาพของสงครามในภาคนี้จะเป็นสงครามเวียดนาม สงครามเย็นโน่นเลย เพลงประกอบที่คอเพลง Rock n Roll ยุค 70 ต้องร้องว้าว องค์ประกอบเทคโนโลยีดูเชย แต่ล้ำสมัย อย่าง GPS ยุค 70 หรือกล้องเล็งโฮโลแกรมแบบโบราณๆ และสารพัดเทคโนโลยีแปลกๆที่อยู่ในขั้นตอนการวิจัยที่ทีมสร้างเกมอ้างอิงจากเอกสารของกองทัพสหรัฐว่ามีใช้งานจริงๆอีกด้วย แต่ในส่วนของเนื้อเรื่อง จะมีความคาบเกี่ยวกับ World at War อยู่บ้าง ตัวละครหลายๆตัว เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดเรื่องราวในจักรวาล Black Ops อีกด้วย
Call of Duty: Modern Warfare 3 (2011)
ปิดตำนานสงครามสมัยใหม่ เนื้อเรื่องทวีความพีคที่ให้ตัวเอกในทีมตายเกือบหมด เหลือเพียงสัญลักษณ์ของเกมอย่าง “กัปตันไพรซ์” นั่งสูบซิก้าร์สบายใจหลังจากจัดการเรื่องวุ่นวาย วายแขวนคอวายร้ายในตอนจบได้ ส่วนเกมเพลย์ ก็ยังไม่หนีจาก 2 ภาคก่อนหน้าในตระกูล MW เท่าไหร่ แต่มีการเพิ่มโหมด Co-Op Survival ให้ผู้เล่นได้ออนไลน์เอาตัวรอดจากฝูงศัตรูเป็นรอบๆ ส่วนมัลติเพลย์ยังไม่มีอะไรใหม่…เหมือนทำมาเพื่อจบเนื้อเรื่องโดยแท้จริง…
Call of Duty: Black Ops II (2012)
ทวีความดำมืดของหน่วยลับ Black Ops ที่ภาคนี้ได้เดินเรื่องมาถึงรุ่นลูกของ “หน่วยงานลับสุดยอด” ในภาคแรก ภาคนี้จะ สามารถปรับแต่งอาวุธก่อนลงเล่นภารกิจได้ มีฉากจบหลายแบบ เพราะมีตัวเลือกในการฆ่า หรือไว้ชีวิตที่ส่งผลกับฉากจบนั่นเอง
Call of Duty: Ghosts (2013)
ภาคที่หลายคนผิดหวังมากที่สุด มีดีที่งานภาพล้วนๆ เพราะด้วยขุมพลังเอนจิ้นตัวใหม่ IW 6.0 ทำให้ดีเทลรายละเอียดเสื้อผ้าหน้าผมจัดหนักมากๆ เป้นภาคที่ไม่ได้ยึดโยงจักรวาลใดๆเลย เพราะเป้นเรื่องราวของสหรัฐที่ถูกถล่มด้วยอาวุธดาวเทียม หน่วยงานที่เหลือรอดจึงต้องทำภารกิจออกไล่ล่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนมัลติเพลย์ จะมีโหมด Squad ที่ให้ผู้เล่นคุม AI ในทีมทำภารกิจ แต่ก็แป้กสนิท
Call of Duty: Advanced Warfare (2014)
ภาคนี้เข้าสู่โลกอนาคตแบบหนังไซไฟจริงๆละ มีชุดเสริมสมรรถภาพอย่าง EXO Sceleton (ที่ในความเป็นจริง กำลังพัฒนา) โดยเจ้าชุดนี้แหละที่เปลี่ยนเกม COD ให้กลายเป้นเกมเดินหน้ายิงสุดไซไฟ ไฮเทค ทั้งการวิ่งไต่ตึก ยิงสลิง ลอยตัวกลางอากาศแล้วพุ่งสไลด์ด้วยความเร็วสูง สารพัดแทคติค ในส่วนเนื้อเรื่อง ถือว่าแก้ตัวจากภาค Ghost ได้พอสมควร แม้ว่าจะไม่ได้พีคมากมายเท่า MW ก็ตาม…
Call of Duty: Black Ops III (2015)
มาถึงรุ่นหลาน ของ “หน่วยงานลับสุดยอด” ในภาคแรก ที่คราวนี้โลกเข้าสู่ยุคการทำสงครามด้วยหุ่นยนต์เต็มรูปแบบ รวมไปถึงมนุษย์ดัดแปลง เป็นภาคแรกที่ผู้เล่นสามารถเลือกเพศตัวละครได้ว่าจะเป็นชาย หรือหญิง ส่วนเนื้อเรื่องต้องบอกว่าภาคนี้ต้องปะติดปะต่อดีๆ เนื้อหาชวนงงมากๆ แต่บทสรุปเรื่องราวก้ทำออกมาชวนอึ้งใช้ได้เลยทีเดียว
Call of Duty: Infinite Warfare (2016)
ภาคก่อนๆ เรารบกันบนโลก แม้ว่าจะไฮเทคแค่ไหนก็ตาม แต่ภาคนี้ ด้วยขุมพลัง เอนจิ้น IW 7.0 ทำให้สมรภูมิการสู้รบในภาคนี้คือห้วงอวกาศ สงครามความขัดแย้งของกองทัพที่อ้างสิทธิ์ในการปกครอง และนำไปสู่บทสรุปเรื่องราวอันแสนจืดชืด จนหลายๆคนสาปส่ง โชคดีที่การไล่ยิงกันบนอวกาศนั้นทำมาได้สนุก น่าสนใจ แต่ก็มีความมึนงงอยู่ว่าจะเป้นเกมเดินหน้ายิง หรือจะเป็นเกมขับยานรบไล่ยิงกันแน่?
Call of Duty: WWII (2017)
Back 2 da Basic!! หลังจากออกนอกทะเลแบบกู่ไม่กลับแล้ว ในที่สุด COD ก็กลับมาสู่ยุคสงครามอย่างที่ควรจะเป้น ด้วยการสู้รบในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง โดยในภาคนี้จะมีเรื่องราวแบ่งเป็นตอนๆ แยกตัวละครอย่างชัดเจน คุณภาพกราฟฟิก คัตซีนต่างๆหายห่วง เหมือนดูหนังซีรี่ส์สงครามโลกเรื่องเยี่ยมเลยก็ว่าได้ ครบทุกรสชาด ทั้งดราม่า แอคชั่น หดหู่ สนุกสะใจ และในส่วนของมัลติเพลย์ภาคนี้มีโหมดซอมบี้ทีสเกลใหญ่มากๆ ถึงขั้นสามารถแยกเป็นเกมใหม่ได้เกมนึงเลยยังได้
Call of Duty: Black Ops 4 (2018)
กลายเป็นเกมออนไลน์แท้ๆไปซะแล้ว โดยในภาคนี้จะไม่มีโหมดเนื้อเรื่องให้เล่น มีแต่มัลติเพลย์ Co-op เท่านั้น โดยเนื้อเรื่องจะเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับ Black Ops 2 กับ Black Ops3 ที่เว้นห่างกันถึง 40 ปี หลักๆก็พูดถึงระบบซ้อมแผนการต่อสู้ การรบแบบใหม่นั่นละ ภาคนี้น่าสนใจตรงที่มีโหมด Battle Royale ด้วยนะ
Call of Duty: Modern Warfare (Reboot 2019)
การกลับมาของกัปตันไพรซ์ และชาวคณะ กับการรีบู้ตเรื่องราวของModern Warfare โดยใจความของการรีบู้ตก้คือปรับโทนเรื่องให้ทันสมัยมากขึ้น มีความสมจริงมากยิ่งขึ้น ตัวเกมมีกำหนดออกในปี 2019
Call of Duty : Mobileหรือ COD M
และภาคล่าสุด Call of Duty: Mobile หรือ COD M เกมออนไลน์เดินหน้ายิงจากทาง Activision ที่หยิบเอาแผนที่ดังๆจากเวอร์ชั่น PC Console มาลงให้ในโทรศัพท์มือถือ พร้อมอาวุธ แสง สี เสียง จัดเต็มไม่แพ้กับเวอร์ชั่นต้นฉบับ เราจะเห้นตัวละครที่คุ้นเคยอย่าง กัปตันไพรซ์ / จ่าโซฟ แมคทราวิส และตัวละครอื่นๆในจักรวาล COD MW / Black Ops มารวมในเกมนี้
Call of Duty: Mobile มีกำหนดเปิดให้บริการในไทยเร็วๆนี้
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console