ของมันต้องมี! กับสินค้าของสะสมจาก BNK48

กลายเป็นว่า ในยุคนี้แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักกลุ่มศิลปินไอดอลสุดน่ารักอย่าง BNK48 ที่เป็นวง“น้องสาวแท้ๆ”ของ AKB48″ ไอดอลรระดับประเทศของทางญี่ปุ่น ด้วยความสดใส พลังด้านบวก และคาแรคเตอร์ของสมาชิกในวง ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เหล่าโอตะ (แฟนคลับ) ติดตาม และสนับสนุน ด้วยคอนเซปท์ของ “ไอดอลที่คุณสามารถพบเจอได้” (ตามวันและเวลาที่กำหนดนะ 555+) ก็ยิ่งตอกย้ำถึงความผูกพันได้เป็นอย่างดี

 

ถึงจะบอกว่า น้องๆ BNK48 เป็นนักร้อง แต่เอาเข้าจริงๆ รายได้ส่วนหนึ่ง มาจากการขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ ของสะสมต่างๆ มากกว่าการขายแผ่น CD เพียวๆ ขนาดแผ่นเพลง ยังมีการแถมของสมนาคุณในแผ่น ที่สามารถกล่าวได้ว่า ราคามันพุ่งเกินกว่าแผ่นเพลงควรจะเป็น

 

โดย นายจิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรส อาร์ทิสท์ แมเนจเม้นท์ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้เอท ออฟฟิศ จำกัด (หรือที่เราๆรู้จักกันในนาม คุณจต้อม / เสี่ยต้อม) กล่าวว่า “โมเดลดังกล่าวถูกพิสูจน์ความสำเร็จมาแล้วในตลาดเพลงญี่ปุ่น ที่สำคัญคือ สามารถสร้างรายได้ให้กับต้นสังกัดอย่างเป็นกอบเป็นกำ มากกว่าการขายเพลงเพียวๆ ทำให้ทีมงานต้องสร้าง “ความจงรักภักดีต่อแบรนด์” (Brand Royality) กับลูกค้า ด้วยการขายภาพของเด็กสาวที่เข้าถึงง่าย เป็นพลังใจ พลังบวกแก่ผู้คน ทำเพลงขึ้นมา แล้วจึงออกสินค้าตามมา

 

แน่นอนว่า มันยังมีอีกสารพัดของสะสมที่มาคอยสูบเงินแฟนคลับอย่างต่อเนื่อง (555+) และนี่คือบทความที่แอดมินจะพาไปดูว่า ตอนนี้ สินค้า ของสะสมต่างๆของ BNK48 และของที่เกี่ยวข้องมีอะไรบ้าง กับ “ของมันต้องมี! กับของสะสมจาก BNK48″

 

 

CD เพลง

ถึงทีมงานจะบอกว่า “วงเราไม่เน้นเพลง เน้นกิจกรรม” แต่เชื่อว่าทุกครั้งที่มีการประกาศทำซิงเกิ้ลใหม่ เหล่าบรรดาโอตะถึงกับสั่น และพร้อมเปย์ทุกเมื่อ แถมไม่ได้สั่งกันคนละแผ่นสองแผ่น พวกสั่งที 5แผ่น… 10แผ่น…30แผ่น บ้าง แล้ว “อะไรที่ทำให้คนเราซื้อแผ่น CD ที่มีเพลงเหมือนๆกันซ้ำมากมายขนาดนี้!?”

 

คำตอบคือ “คนไม่ได้อยากฟังเพลงจากแผ่นเท่าไหร่นัก แต่เขาต้องการ “ของแถม” ที่มากับแผ่น” มากกว่า เช่น “บัตรจับมือ”เป็นบัตรที่ให้ผู้ที่ครอบครอง สามารถเข้างานจับมือ และต่อแถวพื่อพบกับน้องๆเมมเบอรืที่ตนชื่นชอบ อยากพูดคุยในระยะเวลา 8 วินาที แน่นอนว่า มันทำให้บัตรจับมือ มีราคามากในช่วงก่อนวันงาน บางคนถึงกับซื้อแผ่นมาเก็งกำไรจากการขายต่อบัตรจับมือด้วยซ้ำ (แอดมินสั่งชุดคุ้กกี้ไป 10 แผ่นเอง 55+)

 

หรือจะเป็น “ภาพสุ่มเมมเบอร์” ของแถมอีกอย่างที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับแผ่นเพลงเป็นอย่างต่ำ ยิ่งถ้าเปิดเจอเมมเบอร์ตัวท๊อปๆของวง ก็ยังสามารถปล่อยให้คนที่ชื่นชอบในราคาที่สูงได้ (กำไรไปอีก 55+) แต่ทั้งนี้ก้ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้งคนซื้อ และคนขายที่สิงอยู่ในกลุ่มคอมมูต่างๆ…

 

 

 

 

โฟโต้เซต 

เมื่อครู่เรากล่าวถึง “ภาพสุ่มเมมเบอร์” ที่มากับ CD แล้ว คราวนี้เป็นภาพสะสมเหมือนกัน แต่เป็นในรูปแบบของ “โฟโต้เซต” (เรียกย่อๆว่า ฟตซ.) โดย โฟโต้เซตจะมีความต่างจากภาพแถม CD คือ ใน โฟโต้เซต เมมเบอร์ 1 คน จะมี 3 รูป (โคลสอัพหน้า / ครึ่งตัว / เต็มตัว) โดยผู้ที่สะสมรูปเมมเบอร์คนใดคนหนึ่งครบทั้ง3แบบ จะเรียกว่า “คอมพ์” (มาจากคำว่า คอมพลีท Complete = สมบูรณ์) ราคาต่อชุดเมื่อสะสมครบ จะสูงกว่าการขายแยกเป็นใบๆ

 

นอกจากนี้ ราคาในตลาดมือสองซื้อขาย จะรับซื้อโฟโต้เซต ที่เลิกผลิตไปแล้วในราคาที่สูงมาก เช่น คอมพ์เซตโรดโชว์ / คอมพ์เซตเดบิว  ที่มีราคาสุงหลักพันปลายๆ สำหรับเมมเบอร์ที่ได้รับความนิยมสูงอีกด้วย นั่นอาจกล่าวได้ว่า “โฟโต้เซตในมือท่านวันนี้ อาจจะมีราคาในอนาคตก็เป็นได้”  (หรือไม่มีราคาก็ได้ ในกรณีเมมเบอร์ความนิยมลดลง หรือพฤติกรรมไม่ดี)

 

แต่เอาจริงๆเราอยากให้มองว่า “เก็บในฐานะความชื่นชอบจริงๆ” มากกว่า “การเก็งกำไรขาดทุนนะ” ไม่งั้นจะเกิดคำถามว่า “เราชอบน้องๆจริง หรือชอบที่ตัวเงินที่ได้จากการหากินกับน้องๆกันแน่..”

 

 

 

ซองใส + อัลบั้ม แถว 3 

(ไม่ใช่งานออฟฟิเชียลแต่อย่างใด)

“ซองใสมั้ยครับ ซองใส…” เป็นวลีที่หลอนหูแอดมินมาก ในงานจับมือครั้งที่ผ่านๆมา เพราะมีพี่คนนึงแกตั้งใจเดินขาย”ซองใส”สำหรับใส่รูปโฟโต้เซตในราคาถูกมาก (ไม่รู้ว่ากิจการแกเป็นไงมั่งนะ)

 

แต่เมื่อมีโฟโต้เซตไว้ในครอบครองแล้ว ก็ต้องมีการจัดเก็บ ดูแลรักษาที่เหมาะสม “ซองใส” และ “อัลบั้มแถว 3″ จึงเข้ามามีบทบาทสำหรับเหล่านักสะสม เพราะอัลบั้มแถวสาม เวลาจัดเรียงชุดคอมพ์ มันดูง่าย ว่าคอมพ์รูปชุดไหนบ้าง แต่อัลบั้มแถว 3 เป็นของหายากในบ้านเรา จึงเป็นของที่มีราคาค่อนข้างสูง (ราวๆ 3-400 บาท หรืออาจจะเป็นพัน)  แต่ถ้าไม่ซีเรียสอะไรนัก ก็ใช้อัลบั้มหน้าเดียวในร้านไดโซะก็ได้ครับ 60 บาทเอง แต่เวลาเก็บแล้วมันจะดูเหมือนเปิดหนังสืออ่านมากว่าเพราะต้องพลิกทีละหน้าน่ะครับ…

 

 

โฟโต้บุค

เมื่อมีโฟโต้เซต ก็ต้องมี โฟโต้บุค สินค้าอีกประเภท ที่อยู่คู่วงการนี้มาอย่างยาวนาน เป็นหนังสือรวมภาพนิ่ง ตีพิมพ์ด้วยกระดาษอย่างดี มีของแถม (อ้างอิงจากวงAKB48 นะครับ ไว้มีของบ้านเรา จะเอามารีวิวให้ดูกัน) ยิ่งถ้าเป็นวงพี่อย่าง AKB48 เขาไม่ได้มีแค่โฟโต้บุคสมุดภาพรวมทั้งวงเท่านั้น แต่เขาสามารถนำเอาเมมเบอร์ที่ได้รับความนิยม มาออกโฟโต้บุคเดี่ยวๆยังได้…ก็รอดูว่าโฟโต้บุคของไทยเราจะออกมาดีหรือไม่ยังไง…

 

อันนี้ของแอดมินครับ แต่เป็นของ AKB48 ฮรี่ๆ ขออวดหน่อย เล่มนี้รักมาก

 

 

หนังสือพิมพ์ / นิตยสารที่น้องๆไปขึ้นปก 

อันนี้ดรอปสเปคจากโฟโต้บุค สู่สื่อสิ่งพิมพ์ระดับ “แผงหนังสือทั่วประเทศ” กับการขึ้นปกนิตยสารแฟชั่น หนังสือพิมพ์วันอาทิตย์ เรื่องอ่านนอกเวลา หนังสือพิมพ์แจกตามรถไฟฟ้า เอกสารท่องเที่ยว ไปจนถึงนิตยสารภาคภาษาอังกฤษ ก็มีให้เห็น แน่นอนครับว่ามันเป็นสินค้าราคาไม่สูงมาก แต่มันจะกลายเป็นของหายากทันทีเมื่อมีน้องๆมาขึ้นปก ถือว่าบริษัททำนิตยสารบางเจ้าเหมือนคืนชีพในยุคที่สื่อสิ่งพิมพ์กำลังจะลาจากแผงหนังสือ จากประสปการณ์ตรง แอดมินเคยเดินหาทั่วจังหวัดนนท์ เพื่อออกตามหานิตยสารที่มีน้องๆขึ้นปกนี่แหละ เจอร้านหนังสือ หยุดดูตลอดแม้ว่าจะเป็นร้านข้างทาง  แต่หาให้ตายก็ไม่เจอ

 

จากสื่อสิ่งพิมพ์ที่กำลังจะตาย ยอดขายปานกลาง กลายเป้นของขาดตลาดในชั่วข้ามคืน…จนเกิดกลุ่มคนที่”ค้ากำไรเกินควร” เข้ามา บางฉบับราคาไม่กี่บาท ไปจนถึงแจกฟรี พวกในกลุ่มก็เอามาซื้อขายกัน ซ่งถ้ามองตามจริงแล้ว มันก็ไม่ควรเอามาขายนะ…ตามมารยาทเพื่อร่วมวงการด้วยกัน

 

สคส.

อีกเลเวลของความเหงาระดับหนังของ หว่อง กาไว ใครจะไปคิดว่าชาตินี้จะได้เห็นกัน เพราะเมื่อช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา เมื่อมีชายฉกรรจ์นับพันคนตั้งแถวรอซื้อ “สคส.ให้ตัวเอง” ซึ่งเจ้าสคส.ใบนี้เป็นแบบสุ่มออก เราจะไม่มีทางรู้เลยว่า “เมมเบอร์คนไหนเป็นคนวาดและออกแบบสคส.ใบนั้นๆ” แน่นอนว่า ราคาถีบตัวไปพอสมควรเลย

 

 

โปสเตอร์ 

จริงๆจะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่เชื่อเถอะ เมื่อเข้าสู่วงการนี้ ก็อยากจะหาภาพน้องๆมาแปะข้างฝา มองเช้าเย็นเป็นกำลังใจ

 

 

เข็มกลัด 

ของที่ต้นทุนไม่กี่สิบบาทต่อชิ้น สามารถสร้างมูลค่าได้หลายเท่าตัว เพราะเข็มกลัด จะขายเฉพาะช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น เช่นเข็มกลัดยูกาตะ เข็มกลัดแจแปนเอ็ซ์โป หรือเข็มกลัดโรดโชว์เชียงใหม่ รวมไปถึงเข็มกลัดพิเศษเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมการถ่ายทำ MV คุกกี้เสี่ยงทายด้วย

 

 

แท่งไฟ 

แท่งไฟ มีหลายรูปแบบครับ ทั้ง แท่งไซเลี่ยมแบบหัก สว่างได้ 6 ชม. หรือจะเป็นแท่งไซเลี่ยมแบบพิเศษ ไดเซนโค ที่สว่างกว่าปกติ แต่ที่ว่ามาคือใช้ครั้งเดียวทิ้ง กับอีกแบบที่เป้นแท่งไฟใช้แบต (บ้านเรานิยมมากกว่า) ใส่ถ่าน ซึ่งทางออฟฟิเชียลBNK48 ได้ออกแท่งไฟให้ได้ซื้อหากัน โดยราคาตกแท่งละ 400 กว่าบาท แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสีได้

 

หรือถ้าจะเอาแบบเปลี่ยนสีได้ แนะนำให้สั่งซื้อเอาเองครับ ไม่ว่าจะเป็นแท่งไฟจีนอันละ 200 กว่าบาท หรือจะเป็นแท่งไปสุดเทพของยี่ห้อ Kingblade / Lumica ที่ราคาค่อนข้างสูง แต่งานประกอบ ลูกเล่นเปลี่ยนสีก็จัดว่าระดับต้นๆของวงการเลยล่ะ!

 

 

ริสแบนด์

อันนี้เป็นสินค้าที่แอดมินเชื่อว่าราคาถูกที่สุดในบรรดาของสะสมจากทางออฟฟิเชียลแล้ว แต่เจ้ากรรม ดันผลิตมาน้อย ยิ่งริสแบนด์รุ่นโรดโชว์นี่ราคาเกินกว่าสมัยแรกๆอันละร้อยกว่าบาทไปแล้ว บางคนครีเอท เอาริสแบนด์ไปสวมบริเวณเลนส์กล้องด้วย เก๋ไก๋ดีครับ

 

 

เสื้อยืด ออฟฟิเชี่ยล / เสื้อประจำกลุ่ม

อันนี้เป้นสินค้าที่แอดมินพยายามตามเก้บ เพราะมันเป้นของที่สวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ก็ต้องขอชมว่างานออกแบบเสื้อของน้องๆBNK48 นี่ออกแบบไม่ดูการตูน หรือดุแล้ว”คิโม่ย”แบบแปลกๆจนเกินไป สามารถใส่เดินเล่น (แอดมินใส่มาทำงาน) 

 

ส่วน เสื้อประจำกลุ่ม (ในภาพเป็นเสื้อเชียร์บ้านมิโอริ) อันนี้ก็จะเป็นเสื้อที่กลุ่มแฟนคลับออกแบบกันเอง ขอแค่ไม่มีโลโก้ของ BNK48 ก็สามารถทำได้เลย แต่ทั้งนี้ก้ต้องขึ้นอยู่กับแอดมินเพจของแฟนคลับน้องๆว่าจะออกแบบยังไง หรือทำยังไงให้คนมาร่วมลงขันทำเสื้อประจำกลุ่ม เพื่อแสดงถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (ฟังดูเว่อ แต่พวกเขาคิดแบบนี้จริงๆนะ)

 

 

เสื้อเชียร์ฮัปปิ / ฮาโอริ

ยกระดับอีกขั้น เมื่อมีเสื้อวง / เสื้อประจำกลุ่มแล้ว คราวนี้พวกเล่นเสื้อคลุมกันเลย ในช่วงโรดโชว์ยุคแรกๆ มีแฟนคลับบางกลุ่มใส่เสื้อคลุมเชียร์แบบญี่ปุ่นมาดูด้วย แต่เดี๋ยวนี้หายไปเยอะเลย เสื้อที่ใช้จะเป็นเสื้อฮัปปิ (เหมือนเสื้อชาวประมงในการ์ตูนญี่ปุ่น ที่มีสีเข้มๆ ผ้าบางๆ) หรือ เสื้อฮาโอริ ที่มีเนื้อผ้าหนากว่า  มีฟิลลิ่งของความเป็น Modern Samurai อันนี้แล้วแต่คน จะมีไม่มีก็ได้ แต่ถ้าใส่เชียร์แล้วยืนเป็นกลุ่มมันก็จะเด่นๆกว่าชาวบ้านเขาอะนะ 

 

 

บัตร แคมปัส การ์ด

อีกสิ่งที่ตอนนี้เหล่าแฟนคลับทั้งหลายอยากให้เกิดขึ้นเร็วๆนอกจากการเลือกตั้ง (ของ BNK นะไม่ใช่ของคุณลุงท่านหนึ่ง) ก็คือ เธียร์เตอร์ ที่เป้นเวทีการแสดงของน้องๆโดยเฉพาะ ซึ่งการจะได้ไปดูเธียร์เตอร์ก็ต้องมีตั๋วเข้าชม และบัตรแคมปัส ก็คือบัตรเข้าชมเธียร์เตอร์รุ่นแรกๆเลยก็ว่าได้

 

แต่ช้าก่อน เพราะต่อให้เธียร์เตอร์สร้างเสร็จแล้วก็ใช่ว่า มีตั๋วแล้วจะได้ดูกันสบายๆเหมือนโรงหนังนะ เพราะมันมีระบบ สุ่มที่นั่งด้วย ในบัตรแคมปัส จะมีแถบให้ขูด แสดงตัวเลข อันนี้น่าจะเป้นระบบแบบให้ผู้ที่จะชม กรอกโค้ดจากที่บ้าน ถ้าโชคดี สุ่มได้ดู ก็จะล๊อกที่นั่งไว้ให้เลย แน่นอนว่าปีนึงคุณะได้ดู เต็มที่ก็ 3-4 รอบเท่านั้นแหละ ถ้าใช้ระบบนี้จริง…แต่มีไว้ก็ดีนะ ไม่แพงด้วย

 

 

นามบัตร 

อันนี้เริ่มเข้าสู่โซนของแรร์ไอเทมละ  กับของที่จัดว่า เหล่าคามิโอชิบางท่านยอมจ่าย กับ “นามบัตรของเมมเบอร์” วิธีการได้มาก็คือ ในช่วงงานจับมือครั้งแรก เมื่อผู้เข้าร่วมใกล้ถึงคิวจับมือกับน้องๆ จะมีทีมงานให้เล่นเกมหน้าบูธ ถ้าโชคดีก้จะได้นามบัตรจากมือเมมเบอร์โดยตรงครับ ตอนนี้นามบัตรเปิดประมูลกันที่ 3-4พันบาท ของเฌอปรางไม่ต้องสืบครับ 6-7พันเข้าไปแล้ว 

 

(แอดมินเคยมีนามบัตรของเฌอปรางอยู่ใบนึง ในรูปนั่นละ แต่ ตอนนั้นไม่มีตังค์ใช้ แอดมินร้อนเงินเลยปล่อยไป 555+)

 

บัตรดำ Founder Member 

อันนี้ไม่เชิงแรร์ไอเทม แต่เป็นไอเทมพิเศษ มีแล้วเท่ มีแล้วโก้เก๋ ดูเหมือนสายเปย์ผู้ยิ่งใหญ่ (555+) เพราะในชุด บัตรดำ Founder Member  จะมีของแถมมากมาย ทั้งเสื้อ สายคล้องคอ สิทธิ์ในการถ่ายภาพร่วมกับเมมเบอร์ หรือการเข้าชมการแสดงในเธียร์เตอร์รอบแรกของประเทศไทย พ่วงด้วยสิทธิ์เข้าชมเธียร์เตอร์รอบปกติ 50 ที่นั่งด้วย

 

แต่แน่นอนครับ ด้วยระบบสุ่ม ถ้าออกเรทสุ่มเท่าญี่ปุ่นเป๊ะล่ะก็ 50 ที่นั่งของบัตรดำ เผลอๆใช้จริง ก็ราวๆ 10-15 ที่นั่ง ในรอบ 4 ปี ตามอายุการใช้งานของบัตรดำFounder Member นั่นละครับ แต่เชื่อว่าคนซื้อเขาอยากสนับสนุนน้องๆมากกว่า คงไม่ซีเรียสอะไรหรอมั้ง!?

 

 

โฟโต้เซตพร้อมลายเซ็นระดับ SSR!

อันนี้จัดว่ามีความดุเดือดเลือดพล่านทุกครั้งที่มีการ “เปิดประมูล” เพราะมันมีการดวลกันของกลุ่มผู้มีเงินทุนในการสะสมของเหล่านี้ มันคือสุดยอดไอเทมหายาก ที่เหล่าคามิโอชิหลายคนเฝ้าใฝ่ฝันที่จะครอบครอง กับภาพชุดพิเศษพร้อมลายเซ็นของเมมเบอร์ โดยในกลุ่มประมูลก้มีการร่วมกันประมูลในราคาเริ่มต้นที่ 1หมื่นบาท และ ส่วนใหญ่ก็มักจะจบที่ตัวเลขราวๆ 8 หมื่นบาท แน่นอนว่า ในอนาคตเราอาจจะเห็นภาพเมมเบอร์เหล่านี้ ถูกประมูลเป้นหลักแสน…หรืออาจจะไม่เหลือราคาเลยก็ได้ ใครจะไปรู้…อารมณ์คงคล้ายๆจตุคามนั่นละครับ

 

++++++++++++++++++++++++++

 

 

ถึงจะจั่วหัวว่า “ของมันต้องมี” จริงๆแล้วมันก็เป็นแค่พาดหัวล่อให้พวกคุณมาอ่านกันนั่นละครับ  เพราะในความเป็นจริง เราควรใช้จ่าย สะสมสิ่งต่างๆอย่างมีสติ จ่ายเท่าที่ไหว ไม่เดือดร้อนใคร หรือเดือดร้อนตัวเอง ของที่คุณต้องมีจริงๆคือ “ใจที่รัก และชื่นชอบในตัวน้องๆ” มากกว่า บางคนที่แอดมินรู้จัก ไม่เคยซื้ออะไรเลย แต่ก็ติดตามดูน้องๆอยู่เหมือนกัน การมีของสะสม มันเป้นความสุขส่วนตัวที่ไม่ควรจะเอามาขิงใส่กันครับ

 

สุดท้าย แอดมินฝากข้อคิดว่า  “มีสินค้าอะไรที่เกี่ยวกับเฌอปราง คุณจะไม่มีวันอดตาย” 5555+

 

 

แอดมิน Ak47