BEYBLADE X : Driger Slash 4-80P

Series : BEYBLADE X 

Manufacturer :TAKARA TOMY

Price : 1600 เยน
วางจำหน่าย  27 เมษายน 2024 (ตามเวลาญี่ปุ่น)

Driger S

Driger Slash  เป็นเบย์เบลดตัวแรกของ “เรย์ คง” หนึ่งในกลุ่มตัวเอกของอนิเมะ และมังงะ เบย์เบลดภาคแรกสุด เขาได้เบย์เบลดตัวนี้มาได้อย่างไรไม่มีใครทราบ แต่ตัวเขา และสัตว์ในตำนานอย่าง “ไป๋หู่” หรือ “พยัคฆ์ขาว” ได้ตอบรับความตั้งใจของเรย์มาก่อนหน้าพวกทาคาโอะ

   Driger S ตัวดั้งเดิมนั้น จะเป็น Beyblade ตัวแรกที่มีระบบ “Spin Gear” ที่กำหนดทิศทางการหมุน และมีเฟืองขับด้านในเสริม โดยมีท้าไม้ตาย “ดับเบิ้ลแอทแทค” และ “กงเล็บพยัคฆ์คำรณ”

อนึ่ง ตัวละคร เรย์ ในทุกซีซั่นใหม่ของภาคแรก เรย์จะแพ้นัดแรกเสมอ…

ตอนเล่นต้องตะโกนชื่อท่าไม้ตาย “กงเล็บพยัคฆ์คำรณ “ ….ไต่ X Line แล้วตี!!

 น้ำหนัก

และนี่คือการปลุกชีพ พยัคฆ์ขาว อีกครั้ง ให้มาอยู่ในแพลตฟอร์มของ BEYBLADE X กับ  Driger Slash 4-80P  ที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ X-Over 

อนึ่ง สเปคแรทเชท และ บิท เป็นข้อมูลจากข้างกล่องที่ระบุไว้ในสินค้า

อาจจะมีผลลัพท์ที่แตกต่างกัน ระหว่างเล่น ขึ้นอยู่กับ “แรงชู้ต” และ “ดวง” ของท่านด้วย…

ตัวเบลด

Driger S คือเบลดประเภท Balance Type ที่เอาดีไซน์เดิมๆที่คุ้นตาเด็กยุค 2000 มาใส่ในฟอร์แมต X โดยตัวเบลด จะรวมเอา Driger Bit, Tiger Defenser Attack Ring และดิสก์น้ำหนักแปดมุม (โดยตัวเหล็กที่มช้ปะทะจะเป็นในส่วนของ Attack Ring+ดิสก์น้ำหนัก แล้วแยะกพาร์ทพลาสติกในส่วนของบิท ไม่ใช่เหล็กหล่อทั้งชิ้น)  เช่นเดียวดับตัวหงส์แดง Dranzer ที่ออกมาก่อนหน้านี้

ตัวเบลดพยัคฆ์ขาว มี “contact point” (จุดสัมผัส) หลักคือส่วนที่คล้ายใบมีด 2 ใบที่เด่นขัด

มีจุดประสงค์ตามการออกแบบเพื่อเปิดใช้การโจมตีงัดขึ้นบนโดยอิงตามจุดของ Attack Ring  ตัวดั้งเดิม และทำสโลปเฉียงขึ้นเพื่อเข้าตีเบลด หรือแรทเชทก็ได้เช่นกัน

แรทเชท  4-80 

มีจุดปุ่มยื่นออกมา 4 จุด ที่ความสูง 8.0 มม.

มุ่งเน้นไปที่การเหวี่ยงน้ำหนักไปที่เบลดเหล็ก ด้วยความสูง 8.0 มม. ทำให้รักษาการทรงตัว เล่นได้ทั้งตัวเบลดเหล็กสายบาลานซ์ หรือสายป้องกันได้ดีกว่าแบบแรทเชตเตี้ย แต่มีความเสี่ยงในการโดนเบลดเหล็กสายโจมตีที่มีแง่งปะทะ งัดจน Burst ตัวแตกได้เช่นกัน

บิท

Point หรือ P คือบิตประเภทสมดุลที่มีปลายแบนและมีปุ่มลูกเล็กๆ ยื่นออกมาตรงกลาง ประสิทธิภาพของ Point จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับมุมที่ชู้ต เมื่อเอียงและปล่อย ปลายแบนจะสร้างการเคลื่อนไหวที่ดุดัน ซึ่งทำให้ไต่ X Line ได้ง่ายขึ้น  เมื่อปล่อยในแนวนอนขนานกับพื้นสนาม การหมุนก็จะมุ่งเน้นไปที่กลางสนามแทนด้วยหัวกลมเล็กๆเป็นตัวหมุน 

บิทสายนี้ หมดแรงไว เพราะต้องทำหน้าที่ถึง 2 อย่างในเวลาเดียวกัน คือการไต่ X -Line และ หาทางวิ่งไปกลางสนาม  ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่ระบุข้างกล่อง ก็ถือว่าสมเหตุผลอยู่นะ 5555

เมื่อทำทั้งสามชิ้นมารวมกัน จุดเด่นหลักของเจ้าพยัคฆ์ขาวยุคใหม่ จะเน้นไปที่ความสามารถกลางๆ ยังแทงกั๊กตามแบบ Balance Type  คือจะตีก็ได้ จะอยู่กลางสนามเลยก็พอได้ แต่พอเล่นจริงแล้ว…ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไปซะทั้งหมด …

ความรู้สึกหลังเล่น BX00-Driger S 4-80P

ถ้าแกะกล่องเล่นตามสต๊อคคอมโบเดิมๆหน้ากล่อง ว่ากันตามจริงคือ “เล่นยาก” เพราะ เจ้าพยัคฆ์ขาวตัวนี้ พกพาเบลดที่มีน้ำหนักเบามากๆ ทำให้การสร้างแรงปะทะหนักๆจากตัวเบลดเองอาจจะยังไม่ตอบโจทย์ในการเล่นมากนัก และยิ่งในยุคที่ตัวเมต้ามหาฮิตระดับ Tier สูงๆ ส่วนมากมีน้ำหนักเบลดที่ราวๆ 34 g ขึ้นไป ทำให้เจ้าเสือขาวตัวน้อย ออกไปทางเสียเปรียบในสเตปแรก

สเตปต่อมา คือแรทเชท ที่แม้จะเป็น 4 ปุ่มคอนแทคท์พ้อยท์ที่ทำหน้าที่สร้างบาลานซ์ที่ดี มีการหมุนที่นิ่งตามสไตล์ แต่การที่ความสูงระดับ 80 ถือว่าสูงมาก และอาจจะมากเกินไปถ้าจะเล่นไปในทิศทางของการเน้นหนักไปที่การโจมตี แต่ข้อดีของ 480 ตัวนี้ เมื่อเล่นกับเบลดพยัคฆ์ขาวแล้ว ก็จะสร้างแรงเหวี่ยงหมุนทนช่วงท้ายๆได้บ้าง ถ้าไม่โดนชนจนเสียหลัก ก็สามารถเก็บ Spin Finish ได้…แต่นี่คือยุคเมต้ามุดเข้าไปตีโหด การใส่รัทเชทที่ความสูง 80 อาจจะเป็นความเสี่ยงอย่างมากในการถูกทำ Burst แล้วเสียสองแต้มเช่นกัน

ส่วน บิท P มันเก่งอยู่แล้ว ชู้ตเอียงมุดตีช่วงแรก แล้วเฟสท้ายๆค่อยหมุนตัวเองอยู่กลางสนามแม้ว่าจะหมุนได้ไม่นานเท่าสตามิน่าแท้ๆ แต่ถ้าคุณมีแรงชู้ตที่มากพอ ใส่เต็มแรง ก็อาจจะพอมีโอกาสลุ้นได้บ้าง ทั้งต้นเกมมุดไปตี และท้ายเกมที่เน้นความทน แต่การชู้ตแรงๆก็มีโอกาสหลุดสนามลงหลุมเองบ่อยไม่น้อย ถ้าไม่ได้ซ้อมเล่น  เพราะความที่บิท P มีส่วนผสมของ F เข้ามาด้วย…การฝึกเพื่อหามุมที่คุณถนัดที่สุด และเห็นผลที่สุด เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ในทุกๆบิท ซึ่งไม่มีสูตรตายตัวว่าชู้ตแบบไหนแล้วดี 100% ดังนั้น อยู่ที่ผู้เล่นเป็นสำคัญด้วยครับ

คอมโบแนะนำ

เมื่อคอมโบหน้ากล่อง ไม่ตอบโจทย์ การโมดิฟาย จึงเข้ามาแทนที่ แอดมินขอไกด์ไอเดียคร่าวๆเอาไปลองเล่นกันได้ ตามนี้ครับ

Driger S  460 LF

เตี้ย มุดตี นี่คือคำจำกัดความของคอมโบนี้ โดยการชู้ต จากที่ลองมา การชู้ตขนานกับสนามโดยไม่บิดองศามากนัก ถือว่าเป็ยเบย์สายต่อสู้เข้มๆตัวนึง และเน้นการตอดรัทเชท หวังผล Burst ถ้าไม่เจอตัวเหนียวๆ ใส่ 960 หรือ 980 ก็ยังอยู่ในระดับที่มีลุ้นครับ เพราะช่วงต้น LF จะแรงมาก แต่ท้ายเกมจะแผ่วมากเช่นกัน งานนี้ต้องกะแรงกันให้ดีๆครับ!

Driger S  460 R

อันนี้ยกระดับจากเตี้ย มุดตี มาเป็น สูงพุ่งชน ด้วยการที่ R จะเน้นแรงเหวี่ยง และส่งเบย์ของเราไต่ X Line ทำรอบได้ราวๆ 2-3 รอบก็พอลุ้นหวังผลได้ การใส่ 460 จะเป็นความสูงที่ไม่มากนัก เพราะทดแทนความสูงที่ได้จากก้านของบิท R ที่สูงพอแล้ว ทำให้การที่เบลดชนเบลดในช่วงต้นทำออกมาได้หวาดเสียว และเล่นสนุกเอาเรื่อง

Driger S  560 T

อันนี้จะเป็นตัวเล่นสายบาลานซ์แท้ๆ ด้วยรัทเชท 5 ที่กระจายแรง และความสูง 60 ที่ไม่ได้เป็นเป้าของสายไล่ตีดุๆจนเกินไป และด้วยความที่หัวเป็น T ก็เพิ่มตัวเลือกในการชู้ตเบย์ออกไปได้ ทั้งการยิงกด เอาหน้าไถ เพื่อทำหน้าที่ทั้งตั้งรับและโจมตี หรือขะเป็นการชู้ตขนานเพื่อเร่งเอาแรงไต่ X Line ไล่ฟาดก็ทำได้ในระดับหวังผลไม่น้อย แต่ด้วยเบลดที่น้ำหนักเบา ก็อาจจะมีโอกาสวืด และผิดหวังได้ไม่น้อย ซึ่งถ้าเอาคอมโบนี้ไปเปลี่ยนเบลดเป็นฟินิกซ์ ผลลัพท์ก็จะออกมาดุเดือดกว่านี้อย่างเห็นได้ชัด

 Driger S  560 GF

 ตึงสุด อันตรายสุด เท่สุด ถอดสมองเล่นได้เลยสำหรับคอมโบนี้ แค่คุณชู้ตเอียงใส่เต็มข้อ ล่อเต็มสโตรคแล้วมาดูพยัคฆ์ขาวเสพยาในช่วงต้นเกมได้เลย ไล่ตีอย่างบ้าคลั่ง ไต่ Xสรืำ เตรียมซัดหมดไม่สนลูกใคร ถ้า 2 Hit แรก ตีแล้วไม่โดน ก็บ๊ายบายจ้า ให้แต้มเค้าไปเลย อนึ่งในการชู้ต GF กับเบลดที่มีน้ำหนักเบา มีความเสี่ยงสูงที่จะออกสนาม 3 แต้ม หรือ 2 แต้มด้วย แต่ถ้าคิดว่า High Risk , High Return คิดว่าซัดหมดปลอกแล้วได้ลุ้น จัดไปเลยครับ เบย์ลูกแรกของ Deck !! 

แล้วเพื่อนๆล่ะ มีคอมโบไหนที่คิดว่าเข้ากับเจ้า  BX00-Driger S 4-80P ก็ลองมาแชร์กันได้ครับ 

แอดมิน AK47

 MB เมทัลบริดจ์ มีกลุ่ม เบย์เบลด แล้วนะครับ แวะไปร่วมพูดคุยหาเพื่อนเล่นกันได้ กับ

“เบย์เบลด BeyBladeX พูดคุย แบ่งปันข้อมูล หาเพื่อนร่วมเล่น by Metalbridges”

 https://www.facebook.com/groups/878938780699006

 #beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand