Beyblade : เบย์เบลด ศึกลูกข่างสะท้านฟ้า
ประเภท : อนิเมชั่น
แนว : แอคชั่น /Sport /Toys
ผู้เขียนบทฉบับดั้งเดิมจากหนังสือการ์ตูน : ทาคาโอะ อาโอกิ (โคโระโคโระคอมมิค)
หลังจากความนิยมของ “รถทามิย่า” จางหายไปในช่วงปี 2000 เพราะการ์ตูน “Let’s & Go นักซิ่งสายฟ้า”จบชุดไปหมดแล้วเด็กๆในยุคนั้น ก็ไม่รู้จะเล่นอะไรไปพักใหญ่ๆ…
จนกระทั่งช่อง 9 การ์ตูน ได้หยิบเอาการ์ตูนขายของเล่นสุดมันส์ และเข้าใจง่ายกว่ามาฉาย กับการ์ตูน “Beyblade : เบย์เบลด ศึกลูกข่างสะท้านฟ้า” และก็เป็นการจุดพลุ จุดกระแสเบย์เบลดให้กับเด็กไทยในช่วงเวลานั้น ทุกโรงเรียนประถม มัธยม ตลาดนัด ไปจนถึงห้างสรรพสินค้า ต่างก็นำเจ้าลูกข่างเหล็กมาขายกันเพียบ ทั้งงานแท้ งานก๊อบจีนสารพัด ไปจนถึงงาน “ไทยประดิษฐ์” ที่เป็นเหล็กทั้งชิ้นมาตีแข่งกัน โรงกลึงงานเข้าไม่ขาดสาย สะพานเหล็กขายเพียบ จนเกิดอุบัติเหตุลูกข่างตีหัวแตกจนเป็นข่าวดังมากมายในตอนนั้น
ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องราวกระแสกันไปพักใหญ่ๆ แล้วก็ซาลงอย่างรวดเร็ว เพราะช่อง 9 ไม่ได้นำมาฉายอย่างต่อเนื่อง
(จริงๆถือว่าเร็วนะ เพราะลิขสิทธิ์เบย์เบลด ตามหลังญี่ปุ่นชนิดปีต่อปี แต่พอจบภาค V Force ก็หายยาวเลย พอกระแสซา ก็เข้าช่วงขาลงสิครับ แหม่…)
และนี่คือ “ย้อนอดีตการ์ตูนดัง” Beyblade : เบย์เบลด ศึกลูกข่างสะท้านฟ้า
*** โดยจะขอแบ่งออกเป็น 3 Generation หลัก ได้แก่ ไตรภาคแรก / Metal Saga และ BURST – SAGA นะครับ จริงๆมันมีภาคยิบย่อยเยอะเหมือนกัน แต่ขอลงเฉพาะภาคหลักที่มีพัฒนาการ และส่งผลต่อของเล่นนะครับ***
“BEYBLADE ศึกลูกข่างสะท้านฟ้า - ไตรภาคแรก ตำนาน 4 สัตว์เทวะ”
ภาคแรก / 8 มกราคม – 24 ธันวาคม พ.ศ. 2544
ภาค 2 V- Force / 7 มกราคม – 30 ธันวาคม พ.ศ. 2545
ภาค 3 G revolution / 6 มกราคม – 29 ธันวาคม พ.ศ. 2546
เรื่องราวของเบย์เบลด เริ่มต้นที่เด็กชายชั้น ป.5 “คิโนมิยะ ทาคาโอะ” ลูกชายนักโบราณคดีที่อาศัยอยู่กับปู่เจ้าของโรงฝึกดาบ ผู้ใฝ่ฝันจะเป็นเบลดเดอร์ (นักเล่นเบย์เบลด)ได้เข้าแข่งขัน “เบย์เบลดรอบคัดเลือกชิงแชมป์ญี่ปุ่น” และได้ต่อสู้กับ “ฮิมาวาริ ไค” / “เรย์คง” / “แม็กซ์” ซึ่งทาคาโอะก็สามารถเอาชนะได้อย่างยากลำบาก แต่ทาคาโอะก็เติบโตขึ้นมากนับจากตอนแรก แถมยังได้เพื่อนซี้ที่ดีๆกลับมาด้วย
แต่ก่อนหน้านั้น ทาคาโอะก็ต้องเรียนรู้ จับทริคต่างๆของการเล่นเบย์เบลด พร้อมๆกับการออกเดินทางไขความลับของ “บิทชิป” แผ่นเพลทที่มีพลังของสัตว์ในตำนานทั้ง 4 ได้แก่ หงส์แดง , มังกรฟ้า , พยัคฆ์ขาว , เต่าคะนอง
(จริงๆมันชื่อว่า แดรนเซอร์ / ดรากูน / ไดร์เกอร์ และ ดราเชล นะ แต่ช่อง9 บ้านเราแปลให้เข้าใจง่ายๆน่ะแหละ)
แต่ยิ่งสืบ ก็ยิ่งรู้ว่า สัตว์ในตำนานที่ฝังตัวอยู่ในบิทชิปเบย์เบลดนั้นมีมากกว่า 4 ตัว แถมกระจายไปทั่วโลก งานนี้ ทำให้ทาคาโอะ และพรรคพวกฟอร์มทีมในนาม BBA (Beyblade Battle Association) ลงแข่งในรอบชิงแชมป์โลก Beyblade World Championship
บอริส โวคอฟ และ ยูริ อีวาลนอฟ
ศึกที่หนักที่สุดของทีม BBA ของทาคาโอะก็คือการพบกับ ทีมรัสเซีย (Borg) ของ “บอริส โวคอฟ “ วายร้ายของเรื่องที่ต้องการรวบรวมสัตว์เทพ โดยมี “ยูริ อีวาลนอฟ “ (หรือ Tala ในฉบับฉายอเมริกา) เบลดเดอร์ ทีมชาติรัสเซียที่ว่ากันว่าแข็งอกร่งที่สุด ดุดันที่สุด กับเบย์เบลด “วูฟบอร์ค” (หมาป่าหิมะ) ทำงานให้ และรับมือกับพวกทาคาโอะในช่วงท้ายของเรื่อง และก็กลับใจมาเป็นคนที่เล่นเบย์เบลดด้วยความสนุกจากใจ ไม่ใช่เครื่องมือสนองความบ้าคลั่งของตนอีกต่อไป
ภาค 2 V- Force ทีม BBA แยกทางเพื่อค้นหาตัวเอง แต่ศัตรูใหม่กลับรวมตัว ทั้งทีม Team Psykick และ Saint Shields ที่หมายจะรวบรวมสัตว์เทพไว้ใช้ในการครองโลก ทำให้พวกทาคาโอะต้องกลับมา พร้อมกับการอัพเกรด “มังกรฟ้า” ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม รวมไปถึงเหล่าสัตว์เทพที่ทรงพลังยิ่งขึ้น และภาคนี้ เปลี่ยนทีมวาดอนิเมชั่นใหม่ทั้งหมด ทำให้งานภาพสวย และตัวละครดูดีว่าภาคแรก และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับภาคหลังๆ…
ภาค 3 G revolution เพื่อนๆของทาคาโอะ แยกทีมไปสังกัดทีมประเทศของตน แม็กซ์ ไปสังกัดทีมอเมริกา / เรคง ไปอยู่ทีมจีน / ไค ไปอยู่กับทีมรัสเซีย แต่ก็ได้ “คิโนมิยะ ฮิโตชิ” พี่ชายที่หายสาปสูญของทาคาโอะกลับมาร่วมทีม และยังมีเพื่อนใหม่ “สึเมรางิ ไดอิจิ” (เจ้าเด็กเกรียนมีแผลที่หน้าผาก จากภาคมูฟวี่) การแข่งขันชิงแชมป์โลก จบลงเมื่อทีมของทาคาโอะคว้าแชมป์ไปในช่วงครึ่งแรกของภาค 3
และครึ่งหลังของเรื่องจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่แชมป์โลก บอริส โวคอฟ (Boris Balkov) วายร้ายจากภาคแรก สร้างองค์กร BEGA หรือ Beyblade Entertainment Global Association เพื่อเปลี่ยน BBA ให้เป็นองค์กรที่แข่งขันเบย์เบลดเป็นอาชีพ แล้วควบคุมทุกกิจกรรมการเล่นเบย์เบลดให้เป็นไปอย่างที่ใจต้องการ
“คิโนมิยะ ฮิโตชิ” พี่ชายผู้แปรพักร์
และทำให้ “ฮิโตชิ”ที่อยากต่อสู้กับน้องชาย และ “ไค” ที่ต้องการความแข็งแกร่ง ได้เข้ามาอยู่ในทีม BEGA อีกด้วย ทำให้การต่อสู้ของทาคาโอะและพรรคพวกที่ต้องฟอร์มทีมใหม่ตึงมือมากขึ้น แต่สุดท้ายความฝันของโวคอฟก็พังทลายลง
สิ่งที่คาใจมานาน ก็ได้รับการสะสาง ไคที่อยากจะสู้กับทาคาโอะด้วยจิตใจของเบลดเดอร์ ศึกสุดท้ายของมังกรฟ้า และ หงส์แดง ก็เริ่มต้น และจบลงโดยที่ไม่มีใครรู้ผล แต่หลังจากนั้นหลายปี ทาคาโอะกลายเป็นสุดยอดเบลดเดอร์ที่เก่งกาจระดับตำนาน และองค์กร BBA ก็ฟื้นตัวอีกครั้ง พร้อมๆกับการคงอยู่ของเหล่าสัตว์เทพในตำนาน
“METAL FIGHT BEYBLADE ศึกลูกข่างพิฆาต -Metal Saga“
ภาค METAL FIGHT BEYBLADE / 5 เมษายน พ.ศ.2552 - 28 มีนาคม พ.ศ. 2553
ภาค METAL FIGHT BEYBLADE Baku / 4 เมษายน พ.ศ. 2553 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2554
ภาค METAL FIGHT BEYBLADE 4D / 3 เมษายน พ.ศ.2554 – 1 เมษายน พ.ศ.2555
ภาค METAL FIGHT BEYBLADE ZERO-G / 31 มีนาคม พ.ศ.2556 – 5 เมษานน พ.ศ.2557
พอจบไตรภาคแรก เบย์เบลดก็หายไปจากแวดวงการ์ตูนในจอทีวีบ้านเราอยู่นานมาก แต่ที่ญี่ปุ่นมีการพัฒนามาอย่างฃต่อเนื่อง มีมากมายหลายรุ่น ลูกเล่นแจ๋วๆของการหมุน การยึดเกาะสนามที่อัพเกรดมากขึ้น จากแหวน “แอทแทคริงพลาสติก” (ส่วนใช้โจมตี) สู่การเป็น “แอทแทคริงเหล็ก” แบบเต็มตัว อีกทั้งยังมีสนามรูปแบบใหม่ กฎใหม่ เนื้อเรื่องบทใหม่ ตัวละครใหม่ ไม่มีความคาบเกี่ยวกับภาคก่อนหน้า เป็นการปูฐานคนดูสู่เรื่องราวที่อัพเกรดและสนุกยิ่งขึ้น กับ “เบย์เบลด บท Metal Saga”
“ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของ Beyblade มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับค่าพลังโจมตีหรือค่าความแข็งแกร่ง แต่มันคือความรู้สึกของ Blader ที่เชื่อมต่อกับมัน ราวกับว่าพลังแห่งจักรวาลถูกติมเต็มลงไป นายต้องใส่หัวใจลงไปให้มากที่สุด ให้มันเทียบเท่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว” – ฮากาเนะ กิงกะ
เรื่องราว “เบย์เบลด บท Metal Saga” จะเล่าเรื่องราวของ “ฮากาเนะ กิงกะ” เด็กหนุ่มจากหมู่บ้านโคมะ (อ้างอิงจากหมู่บ้านนึงในจังหวัดนางาโนะ ญี่ปุ่น) เขาหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเป็น “สุดยอดเบลดเดอร์ในตำนาน” ด้วยการใช้เบย์เบลด “เปกาซัสไทป์ – Storm Pegasus 105RF”เขาจึงเดินทางไปทั่วประเทศ เพื่อค้นหาเบลดเดอร์เก่งๆมาท้าสู้ แพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่เขาก็เริ่มเรียนรู้ว่าการเป็นอันดับ 1 ในตำนานนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากเขาพยายามต่อไปโดยมีเพื่อนๆที่ไว้ใจได้คอยสนับสนุนเขา ทั้งเคนตะ / เบงเคย์ / มาโดกะ หรือแม้แต่ “ทาเทงามิ เคียวยะ” ชายผู้เป็นศัตรูกับกิงกะ แต่ด้วยความตั้งใจของกิงกะ ทำให้เคียวยะกลับใจมาเป็นพรรคพวกที่แข็งแกร่งอีกหนึ่งคน
ซึ่งต่อมาเคียวยะก็ได้เปิดเผยว่าเขากำลังตามหาเบย์เบลดต้องห้าม “Lightning L-Drago 100HF” ที่ถูก “ริวงะ” คนขององค์กร Dark Nebula แย่งชิงไปเพื่อการครองโลก
ในศึกสุดท้าย กิงกะที่แทบจะหมดสภาพ จากการที่พลัง Dark Spin ที่มาจากมังกรดำ “Lightning L-Drago 100HF” ที่ริวงะครอบครองอยู่ แต่ด้วยพลังมิตรภาพของเพื่อนที่ร่วมเดินทางกันมานาน และความรักในเบย์เบลดของกิงกะ ก็สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดพลังด้านลบ และเอาชนะริวงะไปได้
หลังจากจบศึก Dark Nebular มาได้หลายเดือน ในภาค METAL FIGHT BEYBLADE Baku พวกของกิงกะก็ได้พบกับเพื่อนใหม่ “คาโดยะ มาซามุเนะ” และเบย์เบลดใหม่ Ray Striker D125CS เขาตั้งใจจะต่อสู้กับกิงกะอย่างยุติธรรม แต่ก็ยังไม่ได้ตัดสินอะไรจริงจังมาก เพราะกิงกะเองก็ได้รับเชิญเข้าร่วมทีม Gan Gan Galaxy ตัวแทนประเทศญี่ปุ่นในการแข่งระดับโลก Beyblade World Championships Tournament ทำให้ กิงกะ และมาซามุเนะจำต้องร่วมมือกัน กวาดทุกรางวัลมาไว้ในมือให้ได้!!
หลังจากกลับมาจากศึกชิงแชมป์โลก ใน ภาค METAL FIGHT BEYBLADE 4D กิงกะและเพื่อนๆได้พบกับเด็กคนนึงที่ชื่อ “มิสึซาว่า ยุกิ” นักดาราศาสตร์ ที่คอบครองเบย์เบลด Mercury Anubius 85XF จากการตามล่าของเด็กลึกลับที่ชื่อ “โยฮัน” ยุกิได้ค้นพบเรื่องราวของ “เศษเสี้ยวดวงดาว” ที่พวกของกิงกะ และเพื่อนๆเองก็สามารถสัมผัสได้
และยังได้รู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายที่จะปลุกเทพเจ้าในตำนาน “Nemesis” และเบย์เบลดเทพ Diablo Nemesis X:D ซึ่งเป็นเทพแห่งการทำลายล้างโดยใช้พลังที่ลึกลับของ “เศษเสี้ยวดวงดาว” (Star Fragment) เพื่อทำลายโลก แต่ด้วยพลังของพวกกิงกะในตอนนี้ไม่อาจต่อกรกับเหล่าผู้ที่ต้องการปลุกเทพได้ จึงต้องอัพเกรดเบย์เบลดอีกครั้งให้เป็นระบบ 4D System จึงเอาชนะไปอย่างยากลำบาก
หลังจากจบเรื่องราวของเทพแห่งความมืด การต่อสู้ของเหล่าเบลดเดอร์รุ่นใหม่เริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อ “คุโรงาเนะ ซีโร่” ตัวเอกคนใหม่ของ ภาค METAL FIGHT BEYBLADE ZERO-G ผู้ที่เรียกตัวเองว่า “เบลดเดอร์แห่งเปลวไฟ” จากการที่ใช้เบย์เบลด “Samurai Ifrit W145CF” ที่รวดเร็ว ร้อนแรงดุจไฟ ผู้ที่มีเป้าหมายกลวงๆแบบเดียวกับกิงกะ นั้นก็คือการเป็น “สุดยอดเบลดเดอร์อันดับหนึ่ง” แต่เมื่อซีโร่มาถึงเมืองที่กิงกะอาศัยอยู่ เขากลับไม่พบกับกิงกะ แต่กลับพบการแข่งเบย์เบลดรูปแบบใหม่ ZERO-G Stadium และได้ฝึกตัวเองผ่านเรื่องราว และการแข่งขันอันร้อนแรง โดยมีกิงกะ เป็นเป้าหมายที่เขาต้องเอาชนะให้ได้
“BEYBLADE BURST ศึกลูกข่างสะท้านปฐพี BURST – SAGA“
ภาค BEYBLADE BURST / 4 เมษายน พ.ศ.2559 - 27 มีนาคม พ.ศ.2560
ภาค BEYBLADE BURST Evolution / 3 เมษายน พ.ศ.2560 – ยังไม่จบ
เบย์เบลดเจเนอเรชั่นล่าสุด กับการเปลี่ยนรูปแบบการเล่นที่เน้น “การเข้าโจมตีให้ชิ้นส่วนหลุดออกจากกัน” หรือ “การ Burst” และยังให้ความสำคัญกับทิศทางการหมุนของเบย์เบลด การใช้ตัวลันเชอร์ (ตัวปล่อย และสายดึง) ที่พัฒนาขึ้น ในราคาที่สามารถจับต้องได้ (กล่องละ 5xx บาทพร้อมเล่น) และเมคานิคการบังคับรอบหมุน รวมไปถึงการรองรับแอพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ กับภาค BURST – SAGA
เรื่องราวของภาค Burst จะเล่าถึง “อาโออิ บารุโตะ” (หรือ บัลท์) เด็กชายชั้นป.5 ที่คลั่งไคล้ในเรื่องราวของการเล่นเบย์เบลด เขาต้องเรียนรู้การเล่น เทคนิคใหม่ๆ เพื่อที่จะไปสู้กับ ” คุเรไน ชู” เพื่อนซี้ที่กลายเป็นเบลดเดอร์ที่เก่งกาจและผู้ครอบครองเบย์เบลดเทพ Storm Spriggan S2 Knuckle Unite ทำให้บารุโตะต้องไต่เต้าระดับจากหน้าใหม่ สู่การเข้าแข่งขันทัวร์นาเม้นท์ที่ใหญ่ที่สุด และชิงเอาตำแหน่ง “สี่จักรพรรดิ์”(四転皇, Shitennō) กลุ่มคนที่เล่นเบย์เบลดที่เก่งกาจที่สุดในวงการมาครอง ซึ่งชู ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
กลุ่ม 4 จักพรรดิ์
คุเรไน ชู – เบย์เบลด Storm Spriggan S2 Knuckle Unite
ไคสะ ซาคุเอนจิ - เบย์เบลด Xcalius X2 Magnum Impact
คุโรงาเนะ เซนคุโร่ - เบย์เบลด Zeutron Z2 Infinity Weight
ชิราซากิโจ รุอิ - เบย์เบลด Luinor L2 Nine Spiral
และหลังจบศึกภาคสี่จักรพรรดิ์ บารุโตะก็พบกับความท้าทายครั้งใหม่ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก ใน ภาค BEYBLADE BURST Evolution แต่เขาก็ต้องเข้ารอบคัดเลือก และเอาชนะทีมชาติสเปนอย่าง “BC Sol” และเริ่มเข้าสู่ศึกชิงแชมป์โลกที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ เพราะอนิเมยังฉายไม่จบนั่นเอง!!
BEYBLADE (Hollywood Ver.) (ชื่อชั่วคราว / เป็นหนังLive Action และยังไม่กำหนดเปิดกล้องถ่ายทำ)
อันนี้เป็นข่าวเมื่อช่วงปี 2558 หลังจากความสำเร็จของ Transformers ในแง่ของการขายของเล่น ทาง Hasbro ผู้ถือลิขสิทธิ์ของเล่นจากทาง Takara Tomy จึงเกิดไอเดียที่จะทำหนังโรงเวอร์ชั่นคนแสดงให้กับโปรเจคท์ Beyblade โดยได้ทาง Paramount Pictures ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ได้เห็นดีงามด้วย แต่ทว่าผ่านมาหลายปีแล้ว โครงการก็ยังไม่คืบหน้าเสียที…
และนี่คือ “ย้อนอดีตการ์ตูนดัง” Beyblade : เบย์เบลด ศึกลูกข่างสะท้านฟ้า หนึ่งในการ์ตูนขายของเล่นที่ประทับใจเด็กๆยุค 2000 เป็นอย่างดี ทั้งเนื้อหาง่ายๆ ดูเอามันส์ มีคติสอนใจในเรื่องของการต่อสู้ทั้งกับศัตรู หรือในใจของตัวเอง สอนถึงความเพียรพยายามเพื่อเอาชนะอุปสรรคสารพัด และความสามัคคี มิตรภาพเพื่อนพ้อง (พระเอกในเรื่องนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเก่ง หรือชนะแบบงงๆในช่วงแรกๆ แต่พอฝึก+เจอเพื่อน จะเก่งขึ้น) ถ้าไม่ติดว่าขายของเล่นหนักๆ ก็นับว่าเป็นอนิเมน้ำดีอีกเรื่องที่ควรให้เด็กๆดูครับ
อีกทั้งของเล่นก็ยังเท่เฟี้ยวฟ้าว แต่น่าเสียดายที่ในไทย เบย์เบลดแท้ในยุคหลังๆ จัดเป็นสินค้าที่ขายยาก เพราะขาดการนำอนิเมมาฉาย หรือทำตลาดให้ได้รู้จักเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่ด้วยความที่มันเป็นของเล่นที่มีพัฒนาการ การแก้ไขบทต่างๆ ในญี่ปุ่น อเมริกา และโซนยุโรปเองก็ยังคงมีการเล่นเบย์เบลดเป็นจริงเป็นจังอยู่ และเงินรางวัลก็ตีเป็นเงินไทยก็หลักแสนเหมือนกัน
เอาเป็นว่า ใครสนใจอยากรำลึกความหลัง ก็ลองไปหาซื้อเบย์เบลดที่มีขายตามห้างของ บ. Takara Tomy มาเล่นได้ แล้วจะรู้เลยว่ามันต่างจากของอดีตอย่างมาก ทั้งราคา วัสดุ และคุณภาพ ที่สำคัญ เบย์เบลดรุ่นใหม่ เท่มาก!! บอกเลย!!
แอดมิน Ak47
+
+
+
เพลงที่เด็กไทยต้องเคยฟัง”เบย์เบลด กระแทกทะลุโลก!!”
(โดย พี่นัท และ น้องนพ)
ใส่เลยด้วยเบย์เบลด พลังมังกรฟ้า อัดเลยด้วย พลังหงส์แดง ใส่เลยด้วยเบย์เบลด พลังพยัคฆ์ขาว อัดเลยด้วยพลังเต่าคะนอง!!!
Beyblade The Epic Tournament 2016 ที่ อินเดีย
การแข่ง EPIC TOURNAMENT ANIME NORTH 2017 ที่ประเทศแคนาดา วันที่ 27 มิถุนายน 2017
พยัคฆ์ขาวรุ่นเก่า ปะทะ BEYBLADE BURST เก่าแต่เก๋า
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console