หากจะพูดถึงการ์ตูนทำอาหารที่ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคน ก็ต้องมีชื่อเรื่อง Mister Ajikko หรือชื่อไทยคือ พ่อครัวรุ่นจิ๋ว ผลงานของ อาจารย์ ไดสุเกะ เทระซะวะ ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1986 ก่อนจะกลายเป็นการ์ตูนทางทีวีในปีต่อมา (1987) มีจำนวนตอนทั้งสิ้นถึง 99 ตอน ว่าด้วยเรื่องราวของ โยอิจิ เด็กหนุ่มที่มีฝีมือการทำอาหารจนได้มีโอกาสประลองฝีมือกับคู่แข่งพร้อมจะพิสูจน์ฝีมือการปรุงอาหารกับพระเอกตลอดเวลา
ถ้าให้พูดถึงเสน่ห์ของเรื่องนี้ ก็ต้องเป็นฉากการทำอาหารในแต่ละเมนู ที่เมื่อปรุงเสร็จและได้ชิมก็เกิดรีแอคชั่นสุดอลังการแบบเล่นใหญ่รัชดาลัยกันเลยทีเดียว ที่สำคัญตอนที่ที่การ์ตูนเรื่องนี้เข้าฉายในไทยก็ทำให้หลายคนชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นหรือลองทำตามสูตรในการ์ตูนให้เป็นจริงให้ได้ วันนี้เราจะพาไปดู 10 เมนูจากเรื่องพ่อครัวรุ่นจิ๋ว ที่ใครเคยดูก็ประทับใจจนทุกวันนี้ มาฝากกันครับ…
มักกะโรนีกราแตงปลาซาร์ดีน (ตอนที่10)
เมนูนี้เกิดจากการที่ โยอิจิ ต้องเจอกับ เองาวะ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ซึ่งมีลูกชายเรียนอยู่ที่เดียวกันกับเขา ซึ่งเล่าให้พระเอกฟังว่าไม่เคยได้ชิมอาหารฝีมือของแม่ และเมื่อเองาวะได้มาที่ร้านเพื่อตามลูกชายแล้วได้เห็นสภาพของร้านจึงดูถูก แต่ด้วยเลือดนักสู้ของโยอิจิและแม่จึงท้าเธอแข่งทำอาหารด้วยกติกาก็คือ มักกะโรนีกราแตงปลาซาร์ดีน ซึ่งจะต้องทำให้น่าทานและถูกหลักโภชนาการ ซึ่งโจทย์สำคัญคือ ปลาซาร์ดีนที่แค่เห็นก้างเด็กก็ต้องร้องยี้ออกมา
สำหรับมักกะโรนีกราแตงสูตรของโยอิจินั้น เขาทำให้เนื้อและก้างปลาบดผสมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำมาบีบใส่ลงในเส้นมักกะโรนี ซึ่งทำให้เด็กไม่ต้องกังวลเรื่องรูปลักษณ์และทานได้สบายๆ แล้วยังนำเส้นไปต้มผสมกับของสามอย่างคือ มะเขือเทศ, ผักขม และ แกงกะหรี่ พอทานคู่กับไวท์ซอสนอกจากรสชาติจะหลากหลายแล้วยังได้คุณค่าสารอาหารครบถ้วน ข้อสำคัญที่ทำให้กราแตงยังร้อนตลอดเวลา เพราะโยอิจิใช้แป้งพายคลุมไว้อีกชั้นเพื่อรักษาอุณหภูมิรสชาตินั่นเอง
แฮมเบิร์กสเต๊กเสียบไม้ (ตอนที่11-12)
เมื่อโยอิจิ ตัดสินใจยื่นมือช่วยเจ้าของร้าน ทรอย เมไร หลังจากที่ถูกเชฟจอมโหดแห่ง อาจิโชกุน องค์กรวายร้ายด้านอาหารที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อครองความเป็นหนึ่งในโลกรสชาติ ได้เข้ามาตั้งร้านแย่งลูกค้าแข่งกัน และเมื่อโยอิจิได้รับรู้เรื่องราวอดีตของพ่อที่เคยถูกองค์กรนี้กลั่นแกล้ง จึงประกาศสงครามนำไปสู่การแข่งขันทำเมนู แฮมเบิร์กเสต๊ก
ซึ่งทางด้านฝ่ายอาจิโชกุน เตรียมเมนูแฮมเบิร์กสูตรใหม่ที่มีจุดเด่นคือนำไปตุ๋นในซอสสูตรพิเศษ
ทางด้านโยอิจิ ก็แก้เกมด้วยการทำ แฮมเบิร์กสเต๊ก ในแบบบาร์บีคิวเสียบไม้ทั้งสามชิ้นพร้อมหัวหอมย่างเพื่อเพิ่มความอยากอาหาร ซึ่งตัวเนื้อแฮมเบิร์กเขาได้ห่อขนมปังเพื่อให้น้ำหวานของเนื้อยังคงอยู่และเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยเมล็ดพริกไทย แถมยังสอดไส้ชีสลงไปอีกชั้นเพื่อเพิ่มความกลมกล่อม
แต่ความสุดยอดอีกอย่างก็คือทั้งสามชิ้น สามารถทานได้ไม่เลี่ยน เพราะว่าโยอิจิได้กำหนดอัตราส่วนผสมระหว่างเนื้อวัวและหมูให้ปริมาณพอเหมาะ เสิร์ฟพร้อมกับแครอทถั่วลันเตาบดเป็นเครื่องเคียง
ข้าวหน้าคาคิอาเกะจัมโบ้ (ตอนที่17)
เมื่อโยอิจิ ต้องช่วยเหลือ โคทาโร่ ลูกจ้างของร้านเทปปุระอันดับหนึ่งไล่ออกเพราะทำงานผิดพลาด โยอิจิเลยขอแข่งทำข้าวหน้าเทมปุระ โดยเดิมพันว่า ถ้าโยอิจิชนะ เจ้าของร้านจะต้องรับโคทาโร่กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง ซึ่งโยอิจิเลือกที่จะทำเป็น ข้าวหน้าคาคิอาเกะ หรือ เทมปุระรวม ที่ทำแบบจัมโบ้ซ้อนหลายๆชั้นซึ่งทีเด็ดคือซอสที่ซ่อนอยู่ในตัวเทมปุระโดยการทำเป็นวุ้นแล้วสอดไส้ลงไป เมื่อโดนความร้อน ซอสจะชุ่มช่ำกลมกล่อมถึงรสชาติเลยทีเดียว
ในการแข่งขันสุดยอดเชฟของสมาคมอาหารอาจิโอ ซึ่งโยอิจิต้องเจอกับคู่รักคู่แค้นอย่าง คาสึมะ ซาคาอิ ในกติกาอาหารอิตาเลี่ยนสุดฮิตอย่าง พิซซ่า ซึ่งโยอิจิได้ดัดแปลงรสชาติสไตล์ญี่ปุ่น ด้วยการใช้ แฮม. สับปะรด, หอยเม่น รวมถึง ไข่ไก่ เพื่อเพิ่มความสดชื่นและผสมผสานรสชาติของวัตถุดิบเป็นเนื้อเดียวหัน แล้วยังได้ดอกฟังทองเพิ่มรสชาติ แต่ที่โดดเด่นคือแทนที่จะนำไปอบเหมือนทั่วไป โยอิจิ เลือกที่จะพับครึ่งและนำไปทอด เป็นหนึ่งในเมนูที่สามารถพลิกแพลงรสชาติได้อย่างลงตัว
ข้าวกล่องปิ่นโตหน้าสถานีรถไฟ ร้านคิคุจิ (ตอนที่15-16)
เมื่อโยอิจิตัดสินใจยื่นมือช่วยร้านข้าวกล้องที่เจ้าของร้านเคยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อของโยอิจิ ซึ่งกำลังจะถูกปิดร้านจากฝีมือของคู่แข่งอย่าง โออิคาวะ หนึ่งในสมาชิกขององค์กรอาหารสุดโหดอย่าง อาจิโชกุน จึงท้าสู้ด้วย ข้าวกล่อง ภายใต้วัตถุดิบเหมือนกันแต่รสชาติต้องอร่อยกว่า
ซึ่งข้าวกล่องที่โยอิจิคิดค้นใหม่ประกอบด้วย หมูชุบแป้งทอดที่ทอดในน้ำมันน้อยนิดแต่ยังคงรสชาติแบบไม่ต้องจุ่มซอส (เนื่องจากตอนชุบไข่ก่อนชุบแป้งเกล็ดขนมปังได้เติมซุปที่เคี่ยวลงไปเพื่อเพิ่มรสชาติกลมกล่อม) ปลาแซลม่อนย่างห่อฟอยล์ ที่มีซุปเห็ดหอมและเห็ดชิเมจิ
นอกจากนี้ยังมีไข่ทอดสอดไส้อะโวคาโด กับ สลัดผักในถ้วยมะเขือเทศ และ ผักดอง ก่อนจะตบท้ายด้วยถ้วยชากับ ซุบมิโสะที่อยู่ในถ้วยเดียวกัน
แต่ความสุดยอดของข้าวกล่องนี้คือ โยอิจิ คิดค้นวิธีที่ทำให้ข้าวกล่องอุ่นตลอดเวลา ด้วยการใส่ถุงบรรจุปูนขาวผสมน้ำ เมื่อใช้ไม้เสียบไปที่ถุงก็จะทำปฏิกิริยาจนข้าวกล่องร้อนตลอดเวลานั่นเอง (เวทมนต์ข้าวกล่องขนานแท้)
สเต๊กเนื้อซอสหัวไชเท้า (ตอนที่ 8-9)
ในตอนที่ 8-9 โยอิจิเข้าร่วมแข่งขันทำ สเต๊ก ซึ่งจะต้องใช้ เนื้อแดง ที่ว่าเหนียว และ เคี้ยวยาก นำมาปรุงเป็นสเต๊กกระทะร้อน โดยเขาต้องเจอกับอดีตสมาชิกอาจิโอนามว่า โคนิชิ คัตสึยะ เชฟผู้เย่อหยิ่งแต่มีฝีมือการปรุงอาหารไม่เป็นสองรองใคร
โดยโยอิจิ ทำให้เนื้อนุ่มด้วยการใช้ เบกกิ้งโซดา หมักเนื้อจนนุ่มและ เสริมด้วยไขมัน ก่อนจะนำเนื้อที่หมักแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆแล้วนำมาซ้อนให้เหมือนเดิมเพื่อเรียกน้ำหวานจากเนื้อ ส่วนซอสที่ใช้ทานคู่กับเนื้อนั้นก็เป็นซอสหัวไชเท้าผสมไข่แดงเพื่อเพิ่มความสดชื่น แต่ข้อเสียคือถ้าปล่อยไว้นานเนื้อก็จะเย็น
ซึ่ง โยอิจิงัดไม้เด็ดด้วยการสร้างแท่นกลมสีแดงบนกระทะโดยบรรจุหินร้อนเข้าไป ทำให้สามารถเก็บความร้อนได้นาน แล้วเมื่อนำเนื้อไปทาบบนแท่นก็จะทำให้เนื้อสุกเหมือนตอนย่างใหม่ๆเลยทีเดียว ถือเป็นไอเดียสร้างสรรค์สุดบรรเจิดของพ่อครัวรุ่นจิ๋วก็ว่าได้
โอโคโนมิยากิสูตรฮิโรชิม่า (ตอนที่13-14)
เมื่อโยอิจิต้องแข่งกับเจ้าของร้านโอคาดะ ร้านกระทะร้อนเพื่อชิงสิทธิ์พื้นที่ออกร้านในวันขึ้นปีใหม่ ด้วยการ แข่งทำโอโคมิยากิ หรือพิซซ่าญี่ปุ่นสไตล์ฮิโรชิม่า ซึ่งของร้านโอคาดะ ได้เปรียบในเรื่องซอสสูตรเด็ดของร้านที่ใช้เวลาบ่มเพาะ 1ปี
ทำให้โยอิจิแก้เกมด้วยการใช้ ผงโรยข้าว รวมถึง ไข่ปลาเมนไทโกะ เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนเข้ากับซอสโอโคมิยากิ ส่วนเครื่องที่ทำให้หนักท้องมีทั้งหัวบุกและเอ็นเนื้อตุ๋นที่เคี่ยวนานหลายชั่วโมง รวมถึงโมจิเพื่อให้หนักท้องนั่นเอง
ข้าวแกงกะหรี่ไก่ในถ้วยสับปะรด (ตอนที่4-5)
เมนูที่โยอิจิต้องแข่งกับ คาสึมะ ซาคาอิ เพื่อรักษาร้านของตนเองให้ได้ โดยโยอิจิทำ แกงกะหรี่ใส่สับปะรด เพื่อให้เนื้อไก่ยังคงนุ่มตลอดเวลา แกงที่ผสมผสานระหว่างมัสตาร์ดและกาแฟเพื่อรสชาติกลมกล่อมกินกับข้าวหุงด้วยแครอทกับเนยที่ส่งกลิ่นหอมและออกรสหวาน
ซึ่งการใช้สับปะรดทำเป็นถ้วยใส่แกงกะหรี่เพื่อที่น้ำหวานในสับปะรด ดูดซึมไปยังน้ำแกง และทำให้ไก่นุ่มจนกระดูกหลุดออกมาง่ายดาย
เค้กวันเกิดมารุอิ (ตอนที่50)
ในช่วงตอนที่ 49-50 เป็นตอนที่น่าจะเรียกได้ว่าประทับใจที่สุดนั่นก็คือ การแข่งทิ้งทวนครั้งสุดท้ายของ มารุอิ หัวหน้าเชฟอาจิโอสาขาอาหารอิตาลีที่เคยแข่งกับโยอิจิในการดวลด้วยสปาเก็ตตี้ ก่อนที่เขาจะพ่ายแพ้แล้วกลายเป็นหนึ่งในก๊วนของโยอิจิมาโดยตลอด ซึ่งในตอนนี้ มารุอิ ตัดสินใจไปสอนทำอาหารตามคำเชิญของประเทศอิตาลี แต่ก่อนไปเขาอยากจะดวลกับโยอิจิส่งท้าย แม้จะถูกก่อกวนโดยกลุ่มอาจิโชกุน ซึ่งท้ายสุด โยอิจิเลือกทำเค้กวันเกิด เพราะวันแข่งตรงกับวันเกิดพอดี
ขณะที่ มารุอิเลือกจะทำข้าวถั่วแดง เพื่อแทนคำขอบคุณที่มีต่อโยอิจิ ซึ่งแม้ผลจะออกมาเป็นเช่นไร แต่มันแสดงให้เห็นถึงความผูกพันของทั้งคู่ที่ช่วยเหลือมาโดยตลอดนั่นเอง
ข้าวหน้าหมูทอดสูตรพิเศษของร้านฮิโนเดะ
และนี่คือที่สุดของเมนูจากเรื่องนี้ก็ว่าได้ เพราะ นี่คือเมนูที่เป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด เมื่อ อาจิโอ ราชาแห่งรสชาติมาเยือนที่นี่และได้สั่งข้าวหน้าหมูทอด ซึ่งโยอิจิเลยเดิมพันด้วยป้ายประจำตระกูลของร้าน
วินาทีที่ได้ชิมคำแรกก็ทำให้อาจิโอรู้จักฝีมือที่แท้จริงของโยอิจิ พ่อครัวรุ่นจิ๋ว ซึ่งเคล็ดลับความอร่อยของข้าวหมูทอดชามนี้คือ การทอดสองครั้ง นั่นคือ
ครั้งแรกใช้ไฟแรงเพื่อสุกทั่วถึง
ทอดอีกครั้งด้วยไฟอ่อนเพื่อให้รสชาติคงอยู่
และเมนูชามนี้ที่ทำให้อาจิโอค้นพบเพชรเม็ดงามแห่งวงการอาหารคนต่อไป
——————————-
ทั้งหมดนี้คือ 10 เมนูที่สุดจาการ์ตูนเรื่อง Mister Ajikko พ่อครัวรุ่นจิ๋วที่มารำลึกรสชาติกันอีกครั้งครับ ใครทันเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังได้ครับผม…
@P.PETTY
อ่านเรื่องราวเพิ่มเติม
โยอิจิ พ่อครัวรุ่นจิ๋ว [เรื่องย่อ / ตัวละคร]
ใครหิวบ้าง? ไปดู 10 เมนูน่าทานจากการ์ตูนดังชวนน้ำลายสอกันดีกว่า
ดูแล้วหิว แนะนำ 10 หนังแนวทำอาหารน่าดู
-
Soul Land: New World เกมเปิดโลก MMO ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซานเกมแรกของโลก เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว!
#เกมมือถือ #เกมออนไลน์ #เกมออกใหม่
-
Monster Hunter Outlanders
#เกมมือถือ #เกมใหม่ #CAPCOM
-
ฉลอง 2 ปีกับความสำเร็จของเกม NIKKE เปิดประสบการณ์ใหม่จับมือกับ True5G จัดงาน MINI GALLERY ใจกลางสยาม
ไม่เพียงแค่เป็นการสังสรรค์ แต่เป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จ และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างทีมพัฒนาและผู้เล่นทั่วโลก