รีวิวจอคอม BenQ Mobiuz EX2710S จอ 27 นิ้ว จอขนาดกลางสเป็คแน่น เล่นเกมจริงจัง ดูหนังเต็มตา!!

 

BenQ Mobiuz EX2710S 

ขนาดจอ 27 นิ้ว

Backlight Technology : LED backlight

พอร์ต : 

HDMI (v2.0) : 2
DisplayPort (v1.4) : 1

อัตราส่วนภาพ 16:9

ประเภทหน้าจอ : ips

Resolution : 1920 x 1080  FHD (full high definition)

Refresh rate :  เชื่อมต่อด้วยพอร์ท DP : ที่ 165 hrz

ขอบเขตสี  :  99% sRGB

Colors  :  1.07 พันล้านสี 

ความสว่าง : เมื่อเปิด Hdr ได้  400 nits (ทั่วไป)

โหมดถนอมสายตา รับรองโดย TÜV Rheinlandลดแสงสีฟ้า / ลดการกระพริบของภาพ

ลำโพงคู่  2.5w x2

 

ถ้าหากคุณต้องการจอคอมสำหรับไว้เล่นเกม ดื่มด่ำกับงานภาพที่สวยคม ชมภาพยนตร์เรื่องโปรดแบบเต็มอรรถรส แต่พื้นที่ และงบประมาณจำกัด นี่คือจอมอนิเตอร์เกมมิ่งที่คุณต้องการแน่นอน กับ BenQ Mobiuz EX2710S จอ 27 นิ้ว จอขนาดกลาง FHD สเป็คแน่น! เพราะแทบจะเอาสิ่งที่ดีงามของ  BenQ Mobiuz EX3415R จอ 34 นิ้ว มาย่อขนาด และปรับราคาให้จับต้องได้

 

 

ก่อนเสียบปลั๊กใช้งาน 

รูปทรงภายนอกของ BenQ Mobiuz EX2710S ที่ใช้โครงสร้างขาตั้งที่มั่นคง มาในดีไซน์วงแหวนสามเหลี่ยม ตัดกับสีส้มสุดเท่ พร้อมข้อต่อบานพับที่สามารถทำให้จอตัวนี้สามารถหันซ้ายขวา ก้ม และเงยได้ ส่วนพาเนลหลังจอนั้น จะนำเสนอในรูปแบบสีดำด้าน ดูหนักแน่น พร้อมตัวโลโก้ Mobiuz ที่เคลือบเงาสวยงาม

 

 

 

 

ที่ด้านหลังนี้จะมีพอร์ทไม่มากนัก เมื่อเทียบกับตัวใหญ่อย่าง  BenQ Mobiuz EX3415R  แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานในพื้นที่จำกัดแล้ว ด้วย HDMI 2 ช่อง และ DisplayPort 1 ช่อง พร้อมช่องปลั๊กไฟ ข้อดีของ EX2710S คือไม่ต้องใช้หม้อแปลงเหมือน ตัว 34 นิ้วที่ทางเราเคยรีวิวไปแล้วนั่นเอง ทำให้ไม่ต้องใช้พื้นที่ในการเซตติ้งอะไรมากนัก

 

 

 

 

 

เล่นเกม

BenQ Mobiuz EX2710S คือจอที่ถูกออกแบบมาเน้นการเล่นเกมเป็นหลัก ด้วย Response Time เพียง 1ms (และราวๆ 2 ms ใน PS4) สาย eSports ต้องถูกใจเจ้าจอตัวนี้อย่างแน่นอน มันทั้งตอบสนองเร็ว และจุดนี้จะชัดเจนขึ้น เมื่อเทียบกับจอทั่วไปที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการแข่งขันเกมที่จริงจัง คุณจะตอบสนองต่อเป้าหมายได้ช้ากว่า สังเกตว่าเหล่าโปรเพลย์เยอร์ทั้งไทย และต่างประเทศเองก็จะใช้จอที่มีอัตราการตอบสนอง หรือ Response Time พยายามไม่เกิน 4ms (มิลลิเซคันด์ -เสี้ยววิ) เพราะนั่น ชี้เป็นตายในเกมได้เลย!

 

 

ซึ่งเจ้า EX2710S ทำหน้าที่นี้ได้ดีมากๆ แถมยังมีตัวช่วยในการลดความเบลอของภาพเคลื่อนไหว มีโหมดโอเวอร์ไดรฟ์ ‘AMA’ (Advanced Motion Accelerator) ตั้งแต่ 0 ถึง 3 ระดับด้วยกัน

 

ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนฟังก์ชันของจอที่เหมาะสมผ่านทางระบบ OSD ของจอ ที่มาในรูปแบบของคันโยกที่ด้านหลังจอ

 

หรือสามารถเปิดคีย์ลัดโหมด HDRi ได้ที่มุมขวาล่างของจอ ซึ่งเราจะได้อัตรารีเฟรชสูงสุด และค่าสี HDRi ที่คมเข้ม พื้นที่มืดและสว่างสุด ก็จะมีความลึกและความรู้สึกของรายละเอียดมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับค่าความสว่าง ตามชื่อ “HDR” หรือ High Dynamic Range ที่ต้องขับแสงออกมาเพื่อเผยรายละเอียดของสิ่งที่กำลังแสดงผลบนจอนั่นเอง  

 

ซึ่ง HDRi ที่ทาง BenQ ทำมานั้น ก็ได้ยกระดับความคมชัด ด้วยการผสานกับเทคโนโลยี Brightness Intelligence Plus (B.I. Tech) เซนเซอร์อัจฉริยะตรวจจับแสงและปรับความสว่างแบบอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม เพื่อปกป้องสุขภาพดวงตาให้กับผู้ใช้งาน ให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด โดยยังคงคุณภาพของความคมชัดและรายละเอียดนั่นเอง  

 

 

ความลื่นไหล แม้จะเป็น 60hrz บนคอนโซลอย่าง PS4 Pro แต่ก็มีอัตราการตอบสนองที่ฉับไว ทันใจ กดปุ๊ป ติดปั๊ป และยังให้ค่าสีที่อิ่มจัดจ้าน สวยงามสมจริงตรงตามผู้พัฒนาเกมได้วางเอาไว้   และในระบบ PS4 นั้น สามารถเปิดภาพเต็มสเกล และรัน HDR ได้ด้วยในระบบ OS จากเครื่องเกมได้เลย กับ Output ที่ 60hrz ตามสเปคของเครื่อง PS4 Pro  และยังแสดงผลได้ที่ 4K พร้อมค่าสี YUV420 (เมื่อใช้งาน HDR) ที่ให้ค่าสีสด จัดจ้านกว่า RGB อีกด้วย

 

ในขณะเดียวกัน ถ้าคุณเล่นเกมบน PC อัตรารีเฟรชเรทจะพุ่งไปถึง 165hrz (เมื่อคุณต่อสาย DP นะ) ซึ่งความลื่นไหล ผิดกันอย่างมากกับคอนโซล (แน่นอนล่ะ) แม้ว่าจอภาพจะไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการว่ารองรับ G-SYNC แต่ FreeSync Premium จะทำงานโดยไม่มีปัญหากับการ์ดค่าย NVIDIA  ตราบใดที่คุณใช้สล็อต DisplayPort

 

 

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์สำคัญ ที่ถือเป็นจุดเด่นของจอตัวนี้เลย ได้แก่ 

– Black eQualizer: การปรับ “สีดำ” ให้สว่างขึ้น ถ้าศัตรูอยู่ในเงามืด หรือมองได้ยาก เราจะมองได้ชัดขึ้น

 

– Color Vibrance: อันนี้อธิบายง่ายๆคือ การแยกสีของวัตถุที่อยู่ในร่มเงา ให้โดดเด่นขึ้นมา ซึ่งความสวยงามเมื่อเปิดสองโหมดนี้ อาจจะมีสีเพี้ยนๆนิดหน่อย แต่เป็นสิ่งที่ทำให้คุณแยกได้ว่าศัตรู หรือเป้าหมายในที่มืดนั้นเป็นอย่างไร

 

 

 

ดูหนัง

 สายหนังต้องชอบแน่นอนเพราะถ้าให้กล่าวแบบรวบรัดเลย ก็คือ EX2710S เป็นการเอา EX3415R จอ 34 นิ้ว มาย่อขนาด เพราะนอกจากขนาดแล้ว คุณสมบัติการแสดงผลสี ขอบเขตต่างๆ ความลึกของมิตินั้น ยกยอดมาใส่ในตัวนี้ทุกประการ

ดูหนังใน NETFLIX เรื่องไหนรองรับ HDR จอจะ Detect ปรับโหมดเป็น HDR ให้อัตโนมัติเลย

 

 ในฟุตเทจทดสอบ 4K (เอาต์พุตที่ 1440p เพื่อให้ตรงกับความละเอียดดั้งเดิมของจอภาพ) หากไม่ได้เปิด HDR สีต่างๆเข้าขั้นจืด และจมไปมาก แต่ถ้าคุณเปิด HDR ปุ๊ป ทุกอย่างดูดีอย่างมาก สีสันกลับมาคมชัด มีดีเทล มีมิติมากขึ้น

 

 

แต่ข้อสังเกตก็คือ เรื่องของเสียง ที่แตกต่างอย่างมาก เนื่องจากจอ EX3415R จอ 34 นิ้ว ที่เราเคยรีวิวนั้น มีลำโพงคู่ 2W 2 ตัว และมีซับวูฟเฟอร์  5W คอยขับเสียงเบส

 

แต่กับ   EX2710S  จะถูกลดสเปคลงเหลือ ลำโพงคู่ 2.5W 2 ตัว เท่านั้น ซึ่งเสียงในโหมดต่างๆนั้น ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ก็ยังแบนๆ ไม่อิ่มเท่าที่ควร แต่ก็ชดเชยด้วยการใส่ Equalizer ลงไป ซึ่งมีการใส่มาให้ 3 เซตติ้ง ได้แก่

 

FPS - เน้นเก็บเสียงครบๆ ไม่ใส่มิติมาก เหมาะกับเกมยิง

Cinema - เน้นดูหนัง ขับเบสออกมา เพิ่มมิติ (แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ายังไม่สุดเท่าตัว 34 นิ้ว) 

และ Pop / Live - ที่จะเน้นเสียงโทนแหลมเป็นหลัก

 

**ถ้ามีโอกาสอยากให้ลองไปฟังด้วยหูของท่านเองครับ รีวิวไป ทั้งบทความ หรือแม้แต่คลิปวิดิโอ ก็ไม่อาจถ่ายทอดมิติเสียง และความดีงามของระบบเสียงที่ติดมาให้ได้ครบถ้วนจริงๆ **

 

 

โดยรวม

หลังจากที่ใช้มาหนึ่งเดือนเต็มๆ  ก็ถือว่าประทับใจมากๆสำหรับ BenQ Mobiuz EX2710S โดยจะมีจุดเด่นที่อัตราการรีเฟรชที่สูงถึง 165 Hz และอัตราการตอบสนองที่ 1ms

 

 

จัดเป็นเป็นรุ่นอัพเกรดของ EX2710  และเหมือนเป็นการเอาสิ่งดีๆที่อยู่ในจอ 34 นิ้วตัวจบของปี 2021 มาใส่ไว้ในตัวรองอย่าง EX2710S 

 

ยอดเยี่ยม สมราคา สำหรับการเล่นเกม พร้อมทั้งตอบโจทย์ในแง่ความบันเทิง และการใช้งานที่ให้ค่าสีที่เที่ยงตรงแม่นยำ ด้วยคุณสมบัติ HDRi, Motion Blur Reduction และ Eye Care ในตัว ก็ถือว่าคุ้มเกินค่าตัวแล้ว 

 

นอกจากนี้ การจัดการสายเคเบิล การเซตติ้งต่างๆที่ง่ายดาย ก็สามารถสนองความต้องการของเกมเมอร์ที่มีพื้นที่ และงบประมาณไม่มากนัก 

 

ราคาเปิดตัว 9,900 บาท สินค้ารับประกัน 3 ปี   
สนใจแวะไปอ่านรายละเอียดได้ที่  https://bit.ly/3DuDA0K

 

 

แอดมิน AK47

 

#BenQ

#Mobiuz #EX2710S

#จอคอม #ดูหนัง #เล่นเกม #คุ้มค่า