Ben Affleck (เบน แอฟเฟล็ก) หรือชื่อจริง Benjamin Geza Affleck-Boldt (เบนจามิน เกซา แอเฟล็ค โบลท์) เป็นชื่อของนักแสดงหนุ่มใหญ่ผู้มีผลงานมากมาย ทั้งในหนังฟอร์มใหญ่ และฟอร์มกลางๆ ไปจนถึงการเป็นนักเขียนบท ผู้อำนวยการสร้างฝีมือดีอีกคนของฮอลลีวู้ดเลยก็ว่าได้
เบน เกิดที่เมืองเบิร์คเลย์, รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1972 หลังจากครอบครัวแยกทางกันตอน11ขวบและย้ายมาที่เมืองแคมบริดจ์, รัฐแมสซาชูเซ็ตต์ส ซึ่งที่นั่น ทำให้เขาได้พบกับเพื่อนข้างบ้านที่ชื่อ “แมตต์ เดมอน” (Matt Damon) ที่ต่อมาอีกหลายปี ทั้งสองคนนี้ก็จะกลายเป็นคู่หูคู่ซี้แห่งวงการฮอลลีวูด และแสดงภาพยนตร์ร่วมกัน
ในปี 1992 เบนได้รับเลือกให้แสดงภาพยนตร์เรื่อง School Ties (1992) ซึ่งมี แมตต์ เดมอน และ เบรนแดน เฟรเซอร์ (พระเอกมัมมี่ ไตรภาคแรก) เป็นนักแสดงในเรื่อง และหลังจากนั้นก็มีงานภาพยนตร์เข้ามาอย่างต่อเนื่องทั้งๆที่เขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเท่านั้น
โดยในปี 1992 ทั้งเบน และ แมตต์ สองเพื่อนรักก็ได้ร่วมกันเขียนบทภาพยนตร์ “Good Will Hunting” และทางค่ายภาพยนตร์ Miramax ได้เข้ามาติดต่อขอซื้อไปทำเป็นภาพยนตร์ ในปี 1996 โดยมีสองเพื่อนซี้รับบทนำในเรื่อง (แมตต์เป็นพระเอกนะ) และได้ดารารุ่นใหญ่อย่าง“โรบิน วิลเลี่ยมส์” มาร่วมแสดงเช่นกัน เบน และ แมตต์ ได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ต้นฉบับยอดเยี่ยม จากการประกาศผลรางวัลลูกโลกทองคำและรางวัลออสการ์อีกด้วย
ในที่สุดชื่อของ เบน แอฟเฟล็ค ก็โด่งดังอย่างมากในช่วงปลายยุค 90- 2000 ต้นๆ ด้วยการรับบทเด่นในภาพยนตร์ Armageddon ที่แสดงกับ “บรู๊ซ วิลลิส” และ “ลิฟ ไทเลอร์” และเริ่มมีผลงานการแสดงร่วมกับดาราดังในยุคนั้นมากมาย ทั้ง Shakespeare in Love ที่คว้ารางวัลออสการ์มาได้ถึง 2 รางวัล แต่กับเรื่อง Dogma ที่แสดงร่วมกับ “แมตต์ เดมอน” กับ เรื่อง Forces of Nature ที่แสดงร่วมกับ “แซนดร้า บุลล็อค” โดนนักวิจารณ์สับเละซะอย่างนั้น
ก่อนจะกลับมากู้ชื่อได้ในภาพยนตร์สงครามโลกผสมรักดราม่า “Pearl Harbor“ของนักระเบิดเขาเผากระท่อม “ไมเคิล เบย์” ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ชีวิตในโลกภาพยนตร์ของเขา ก็ขึ้นๆลงๆ ซึ่งฝีมือของเบน ไม่มีใครสงสัย แต่บทและตัวภาพยนตร์ที่เขาแสดงต่างหากที่เป็นปัญหา เพราะเบนเป็นคนที่รับงานหมด งานเล็กใหญ่ อะไรทำได้ทำ จึงมีหนังที่ดีผสมแย่ คละๆกันไปในตลอดชีวิตการทำงานนั่นเอง
และนี่คือ “10 ผลงานหนังที่แฟนๆของ “Ben Affleck” ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
**อันนี้จัดมาให้ตามความชอบของแอดมินนะครับบอกก่อน อิอิ**
The Sum of All Fears (2002) วิกฤตนิวเคลียร์ถล่มโลก
นี่เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ Tom Clancy เรื่อง The Sum of All Fears โดยจะเล่าเรื่องราวของสายลับ “แจ๊ค ไรอัน” (เบน แอฟเฟล็ค) ที่เข้ามาทำภารกิจหยุดแผนการของนีโอนาซี ที่ตั้งใจจะจุดชนวนสงครามโลกครั้งใหม่ ด้วยขีปนาวุธนับหมื่นๆลูก
ตัวภาพยนตร์มีความสนุกตามแบบสายลับ แต่ไม่ทิ้งลายของปู่ทอม แคลนซี่ ที่มักจะต้องมีความลึกลับซับซ้อนมีนอกมีใน และจุดพลิกผันของเรื่อง โดยรวมก็เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกๆของเฮียเบนที่ดูเอาสนุกได้ครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Daredevil (2004) มนุษย์อหังการ
ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกของเฮียเบนเขา และถูกจัดเป็นหนังฮีโร่ที่มีคะแนนรีวิวต่ำเตี้ยเลียดิน เรื่องราวของ “แมด เมอร์ด๊อค” ทนายความตาบอด (เบน แอฟเฟล็ค) ที่มีความสามารถพิเศษในการรับรู้สิ่งต่างๆได้เฉียบคมเหนือมนุษย์ ในช่วงกลางวัน เมอร์ด็อคเป็นตัวแทนของผู้ถูกย่ำยี แต่ในยามค่ำคืน เขาคือ แดร์เดวิล ผู้ปกป้องในหน้ากาก ที่ท่องราตรีไปตามถนนสายมืดมิดของเมือง เป็นตัวแทนแห่งความยุติธรรม ผู้ไร้ซึ่งความปราณีระดับศาลเตี้ยกันเลย
เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่แม้แต่เจ้าตัวยังไม่อยากจำ ทั้งความล้มเหลวของเนื้อหา และเสียงตอบรับจากผู้ชมนั่นเอง ที่เอามาแนะนำก็เพราะอยากให้ดูจุดที่แย่ที่สุดของชีวิตการแสดง แต่ถ้าไม่ฟังเสียงคำวิจารณ์ หรือไม่คิดอะไรมาก ก็จัดว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดูเพลินๆเอาสนุกได้ครับ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Argo (2012) แผนฉกฟ้าแลบลวงสะท้านโลก
ภาพยนตร์ดราม่าเรื่องเยี่ยมของเฮียเบนอีกหนึ่งเรื่อง ที่สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ชิงตัวประกันชาวอเมริกันในอิหร่านเมื่อ วันที่ 4 พฤศจิกายน 1979 ที่เตหะราน
เกิดเหตุปฏิวัติของชาวอิหร่านขั้นรุนแรง และมีการจับชาวอเมริกัน 52 คนเป็นตัวประกัน ท่ามกลางความโกลาหลชาวอเมริกัน 6 คนวางแผนหลบหนีและหาที่ลี้ภัยในบ้านของเอกอัครราชทูตชาวแคนาดา ในช่วงพริบตาก่อนที่ทั้ง 6 คนจะถูกพบตัวในสภาพใกล้ตาย “โทนี่ เม็นเดส” (เบน แอฟเฟล็ค) ซีไอเอที่ได้รับฉายาพิเศษว่า “จอมสกัด” เข้ามาพร้อมแผนการร้ายเสี่ยงภัย เพื่อพาพวกเขาหลบหนีออกนอกประเทศอย่างปลอดภัย
จัดเป็นภาพยนตร์ที่ลุ้น และสนุกโดยไม่มีฉากแอคชั่นเว่อวังอะไรมากนัก และลงตัวมากๆ จนคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม / สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม และ สาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม แถม เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำรวม 5 รางวัลด้วย ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเหมือนความภูมิใจของเฮียเบนเลยก็ว่าได้ เพราะแกมากำกับเองเล่นเอง และกวาดรางวัลไปมากมาย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
The Town (2010) ปิดเมืองปล้นระห่ำเดือด
เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่แอดมินชอบมาก เพราะการเล่าเรื่อง และการนำเสนอที่ลงตัวมากๆ อีกทั้งเฮียเบนแกกำกับเองเล่นเองอีกแล้ว แถมทำหนังกะฟันรางวัลออสการ์ แต่ว่ายังไม่ถึงฝัน
ปิดเมืองปล้นระห่ำเดือด จะเล่าเรื่องราวของหัวขโมย “ดั๊ก แมกเครย์” (เบน แอฟเฟล็ก) เขามีช่องทางเอาตัวรอดที่ประสบความสำเร็จเสมอ เขาเป็นหัวหน้าโจรปล้นธนาคารที่ทั้งโหดเหี้ยมและภูมิใจในตัวเอง เขาโจรกรรมได้ทุกสิ่งที่ต้องการ และไม่เคยทิ้งร่องรอยใดๆ เอาไว้ ครอบครัวที่เขามีเพียงครอบครัวเดียวคือคู่หูในการก่ออาชญากรรม “เจมส์” (เจเรมี เรนเนอร์) ผู้ที่แม้จะมีอารมณ์ขึ้นๆลงๆ แต่ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดดั๊กที่สุด เฉกเช่นพี่ชายแท้ๆ
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อเจมส์จับตัว “แคลร์” (รีเบกกา ฮอลล์) ผู้จัดการธนาคารไว้เป็นตัวประกัน แต่พวกเขาปล่อยเธอไปโดยไม่ได้ทำอันตรายใดๆ และแล้วเธอก็ได้พบกับ“ดั๊ก” โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขาเป็นคนเดียวกับที่ทำให้เธอหวาดผวาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ความสัมพันธ์ของดั๊กกับแคลร์ถลำลึกไปสู่ความรัก ดั๊กต้องการหลุดพ้นจากชีวิตแบบนี้ แต่เจ้าหน้าที่รัฐที่นำโดย อดัม ฟราวลีย์ (จอน แฮมม์) กำลังจับตามองเขา และเจมก็กำลังตั้งข้อสงสัยในความจงรักภักดีของเขา ดั๊กพบว่าการถอนตัวออกมาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และที่แย่ไปกว่านั้น อาจเป็นการทำให้แคลร์เข้ามาอยู่บนเส้นทางหายนะ ทางเลือกของเขามีไม่มากนัก นั่นคือต้องยอมทรยศเพื่อนฝูงหรือยอมสูญเสียผู้หญิงที่เขารัก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Pearl Harbor (2001) เพิร์ล ฮาร์เบอร์
ไม่ต้องบอกล่าวเล่าเรื่องอะไรมากสำหรับหนึ่งในภาพยนตร์สงครามโลกที่ดูมันส์สะใจ และลุ้นไปกับเรื่องราวรักสามเส้าเราสามคน และเป็นภาพยนตร์ที่เฮียเบนสามารถกลับมาแจ้งเกิดในบทของ“เรฟ” ทหารหนุ่มนักบินคู่กับ “แดนนี” (จอช ฮาร์เน็ตต์) ที่ประจำการอยู่ที่ท่าเรือนาม “เพิร์ลฮาร์เบอร์” และยังมีเนื้อเรื่องเสริมเป็น การรุกรานของดูลิตเติลอีกด้วย
จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวสามารถทำให้คนดูถูกใจไปกับเรื่องราวความรัก คนที่ชอบสงครามที่อยากดูฉากวินาศสันตะโร ในยุทธการถล่มเพิร์ลฮาร์เบอร์ในช่วงกลางเรื่อง และหาข้อสรุปของรักสามเส้าที่คนดู”ไม่รัก ก็เกลียดเลย”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Armageddon (1998) อาร์มาเก็ดดอน วันโลกาวินาศ
อันนี้เป็นบทเด่นของเฮียเบนสมัยยังหล่อใส กับการรับบทเป็น “เอ.เจ.” (เบน แอฟเฟล็ก) ลูกเขยจอมเกรียน และไม่ถูกกับว่าที่พ่อตาเจ้าของกิจการขุดเจาะน้ำมันอย่าง แฮร์รี่ (บรูซ วิลลิส) แต่ต้องมาทำภารกิจกู้โลก หลังเกิดเหตุสะเด็ดอุกกาบาตชนโลก และในอีก 18 วัน อุกาบาตลูกใหญ่กำลังจะชนโลก ถ้าพวกเขาที่เป็นนักขุดเจาะไม่สามารถทำภารกิจหย่อนนิวเคลิยร์เพื่อเปลี่ยนเส้นทางของอุกกาบาตนั่นได้ โลกก็จะพบกับการดับสูญเท่านั้น
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Runner Runner (2013) ตัดเหลี่ยมเดิมพันอันตราย
แม้ว่าเรื่องนี้เฮียเบนจะไม่ใช่พระเอก แต่ด้วยมาดที่ร้ายเหลือ และการแสดง รวมไปถึงการเล่าเรื่องที่ชวนให้คิดตาม ก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่แนะนำครับ
Runner Runner จะเล่าเรื่องราวของ “ริชชี่” (จัสติน ทิมเบอร์เลค) บัณฑิตหนุ่มจาก Princeton เชื่อว่าตัวเองถูกโกงพนันออนไลน์ จึงเดินทางไปที่คอสตาริก้า เพื่อประจัญหน้ากับนักธุรกิจด้านการพนันออนไลน์ “ไอแวน บล็อค” (เบน แอฟเฟล็ค) บล็อค ได้สัญญากับริชชี่ว่าทำให้เขาจะร่ำรวยอย่างมหาศาล จนกระทั่งเขาได้รู้ความจริงเรื่องคนที่คอยให้การสนับสนุนด้านการเงินของบล็อค ก็คือ เอฟบีไอ ที่ข่มขู่ริชชี่ให้มาช่วยโค่นล้มบล็อค ทำให้ริชชี่ต้องพบกับการพนันครั้งสำคัญ ที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Batman v Superman:Dawn of Justice (2016) แบทแมน ปะทะ ซูเปอร์แมน แสงอรุณแห่งยุติธรรม
Batman v Superman: Dawn of Justice นี้ ถือเป็นการปะทะกันครั้งแรกของซูเปอร์ฮีโร่ฝั่ง DC ซึ่งได้พระเอกหนุ่ม “เบน แอฟเฟล็ค” เข้ามารับบท “แบทแมน” และ “เฮนรี่ คาวิล” มารับหน้าที่ในบท ซูเปอร์แมน อีกครั้ง และยังเป็นการรวมตัวกันของเหล่าฮีโร่จาก DC เพื่อต่อสู้กับมหันตภัยที่ยิ่งใหญ่กับอสูรกายดูมเดย์
บรูซ เวย์น หรือ แบทแมน (เบน แอฟเฟล็ค) ที่อยู่ในเหตุการณ์ถล่มเมืองจากการต่อสู้ของ “นายพลซ็อด” กับ “ซูเปอร์แมน” ทำให้บรูซได้เห็นถึงพลังอำนาจของซูเปอร์แมนที่เป็นได้ทั้งคุณและโทษ จนเมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี กระแสสังคมที่มีต่อซูเปอร์แมนผู้มีพลังเหนือมนุษย์ ได้แตกออกเป็น 2 ฝั่ง ผู้ที่นับถือเขาเปรียบดังพระเจ้าองค์ใหม่ และผู้คนที่หวาดระแวงในพลังของเขาที่มากเกินควบคุม
ความบาดหมางระหว่างแบทแมนกับซูเปอร์แมนที่ค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภัยคุกคามเบื้องหลังพวกเขาก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้มวลมนุษยชาติต้องตกอยู่ในอันตรายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน…แต่ผลสรุปเรื่องราว และกระแสวิจารณ์ก็อย่างที่ทราบกันว่าออกไปทางไหน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบ และความสนุกในการชมของแต่ละคนก็แล้วกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Gone Girl (2014) เล่นซ่อนหาย
ผลงานการกำกับของ “เดวิด ฟินเชอร์” ผู้ที่มีผลงานการกำกับภาพยนตร์สุดจัดจ้าน และมีชั้นเชิงอีกหนึ่งคนของฮอลลีวูด ที่หยิบเอานวนิยายขายดีมาทำหนัง
Gone Girl เล่าเรื่องเกี่ยวกับคู่สมรสคู่หนึ่ง “นิค” (เบน แอฟเฟล็ค) และ “เอมี่” (โรสมันด์ ไพค์) แต่แล้ว เอมี่ก็หายตัวไปในวันครบรอบแต่งงาน 5 ปี โดยไม่รู้สาเหตุว่าเธอถูกฆ่าหรือถูกลักพาตัวไป พร้อมทั้งยังเจอบันทึกลับของเอมี่ที่เล่าเรื่องของชีวิตคู่ที่ผ่านมาอีกด้วย และนั่นทำให้นิคได้กลายเป็นผู้ต้องสงสัยทันที
ตัวภาพยนตร์มีสไตล์การเล่าเรื่องที่น่าสนใจผ่านมุมมองของสองตัวละครและเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ติดตามปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเองอีกด้วย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
The Accountant (2016) อัจฉริยะคนบัญชีเพชฌฆาต
เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์แนะนำของเฮียเบน ถึงแม้ว่าตัวหนังจะอุดมไปด้วยตรรกะ และศัพท์ยากๆด้านการเงินและบัญชี แต่จุดที่น่าสนใจกลับเป็นความย้อนแย้งในตัวละครที่เฮียเบนแสดงมากกว่า เพราะเขารับบทเป็นมือปืนที่มีฉากหน้าคือนักบัญชีผู้มีอาการทางจิต ชอบย้ำคิดย้ำทำ และแสดงได้เหมือนคนมีอาการทางจิตจริงๆ แถมฉากแอคชั่นทำออกมาค่อนข้างเน้นความสมจริง (เสียงปืนแน่นมาก)
เนื้อหาจะเล่าถึง “คริสเตียน วูลฟฟ์” (เบน แอฟเฟล็ค) เป็นอัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ที่ผูกพันกับตัวเลขมากกว่าผู้คน เขาเปิดสำนักงานบัญชีในเมืองเล็ก ๆ เพื่อเป็นฉากบังหน้า แต่เบื้องหลังคริสเตียนเป็นนักบัญชีอิสระให้บรรดาแก๊งอาชญากรที่อันตรายที่สุดในโลก
เมื่อฝ่ายปราบปรามอาชญากรรมของกระทรวงการคลังซึ่งนำโดย “เรย์ คิง” (เจ.เค. ซิมมอนส์) เริ่มแกะรอยใกล้เข้ามา คริสเตียนจึงรับงานจากลูกค้าถูกกฎหมายเป็นบริษัทหุ่นยนต์ ซึ่งมีเทคโนโลยีอันล้ำสมัย พนักงานบัญชีของบริษัทแห่งนี้ (แอนนา เคนดริก) ค้นพบว่ามีตัวเลขส่วนต่างนับหลายล้านเหรียญ และส่วนต่างที่พวกเขาค้นพบ ก็นำไปสู่อันตรายครั้งใหม่ที่ทำให้ทั้งสองคนต้องสู้เพื่อเอาตัวรอด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราก็จะพบกับ “เบน แอฟเฟล็ค” อีกครั้งกับบทบาทของ “แบทแมน” ในภาพยนตร์รวมพลฮีโร่ DC อย่าง Justice League ที่คราวนี้เป็นการรวมเอาดาราดังๆมาลงจอให้ได้ชมกันช่วงสิ้นปี 2017 จะออกมาดีหรือไม่อย่างไร โปรดติดตามผลงานเฮียแกด้วย! และถ้ามีภาพยนตร์เรื่องไหนที่เพื่อนๆชอบ ก็สามารถแนะนำได้ที่ช่องคอมเม้นท์นะครับ
แอดมิน Ak47
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก