ในนาทีนี้ วงการเกมคอนโซลและ PC ต่างตื่นเต้นกับการเปิดตัวเกมยิง FPS ของสองค่ายยักษ์ใหญ่จนดูเหมือนเป็นอีเว้นท์ประจำปีไปแล้ว ระหว่าง BATTLEFIELD และ Call of Duty ที่สองค่าย EA และ Activision เปิดฉากปล่อยเกมเดินหน้ายิงด้วย Theme ที่ต่างกันสุดขั้ว เราจึงเอามาเจอกันซักยกสองยก ดูว่าฝั่งไหนในปีนี้จะเจ๋งกว่ากัน!?
เปิดหน้าเสื่อด้วยโลกล้ำยุค ปะทะ สงครามโลกครั้งที่สอง
ถ้าพิจารณากันจริงๆแล้ว Call of Duty พยายามจะหนีจากอดีตที่ตัวเองเคยทำเกมแนวสงครามโลก (COD 1-2-3) ไล่มาจนถึงสงครามสมัยใหม่ (COD MW 1-2-3) สงครามโลกแบบ HD (COD WaW) สงครามเย็น (COD BO ภาคแรก / Ghost) ไปยันสงครามโลกอนาคตและอวกาศ เชื่อว่าทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้โหมดมัลติเพลเยอร์ มีอะไรใหม่ๆได้เล่นกัน เพราะเท่าที่สังเกตุจาการเล่นเองในภาคหลังๆ ยิ่งเทคโนโลยีล้ำ การเล่นก็จะมีลูกเล่นมากขึ้น เพื่อหวังส่วนแบ่งแฟนเกมสายออนไลน์มัลติเพลย์นั่นเอง ซึ่งในภาคล่าสุดอย่าง Black Ops 4 ก็เปิดหัวมาด้วยความไฮเทคในแผนที่แคบๆหวังความเร็วของเกมเพลย์เป็นจุดขาย
ในขณะที่ BATTLEFIELD เองเติบโต และมีฐานแฟนๆทั่วโลกจากการที่เป็นเกมสายมัลติเพลเยอร์ตรงๆ โดยชูจุดเด่นเรื่องแผนที่กว้างๆ ทำงานเป็นทีม และความสมจริงของเสียง การวางกลยุทธ์ (บางภาคออกแนวล้ำอนาคตอย่าง BF 2412 แต่ก็พอสร้างชื่อในระดับกลางๆเท่านั้น) มาในภาคนี้ ก็กลับมาใช้ Theme ของสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งทันทีที่เทรลเลอร์จบลง ในช่องคอมเม้นท์ของ Youtube บนแชแนล BATTLEFIELD ก็มีแฟนเกมบางส่วนไม่ค่อยโอเคนัก เพราะพวกเขารู้สึกว่า ตัวเกมเหมือนเอาของ BF1 เมื่อปีก่อนมาย้อมแมวขายซะงั้น
ยกนี้ : เสมอกัน เพราะคนละแนวทาง อยู่ที่ความชอบส่วนบุคคล
Singleplay เสพเนื้อเรื่องเข้มข้นในสมรภูมิ
ทันทีที่เทรลเลอร์จบลงพร้อมกับการประกาศว่า จะเป็นเกม Online แท้ๆเพียวๆ ของ Black Ops 4 ก็ทำเอาแฟนเดนตาย COD บางคนไม่พอใจ เพราะเหมือนพวกเขาสูญเสียสิ่งที่ใช้ข่มแฟนเกมอีกฝั่งในแง่ของเนื้อเรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับกันก่อนว่า เนื้อหาของ COD เองในภาคหลังๆก็ทำออกมาแค่ในระดับ”สนุกใช้ได้” แต่ยังไม่ถึงขั้น Epic Moment เล่นแล้วขนลุกขนชันอย่างที่ COD MW1-2-3 / COD World at War / COD Black Ops เคยทำเอาไว้ บางที การตัดในส่วนเนื้อเรื่องออกไปของ Black Ops 4 ก็อาจจะดีเลยก็ได้ แล้วไปเน้นการเล่าเรื่องผ่านฉากหลังในโหมดต่างๆ ให้ผู้เล่นปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง และยิ่งพอมีข่าวลือของ Call of Duty : Modern Warfare 4 ก็ทำให้แฟนๆ COD บางส่วนหัวเย็นลง และมองข้ามภาคนี้ไปซะงั้น…
ในขณะที่ฝั่ง COD ปีนี้ถอนสมอ ไม่เน้นเนื้อเรื่อง ก็กลายเป็นจังหวะที่ดีของฝั่ง Battlefield ที่จะเข็นเอาเนื้อเรื่องสุดประทับใจมาเป็นจุดขาย ซึ่งถ้าเราย้อนกับไปในช่วง 4-5ปีหลังมานี้ ตัวเกม BF เองก็เริ่มจะให้ความสำคัญกับการวาง Scenario เนื้อเรื่องเข้ามา ก็หวังจะดึงแฟนคลับสายเสพเนื้อเรื่องจากอีกฟากให้มาเล่นเกมของพวกเขาเช่นกัน โดยในภาค BFV จะเล่าเนื้อเรื่องของสงครามโลกครั้งที่สอง และถ้าไม่มีอะไรพลิกโผ ตัวเกมก็คงจะซอยเนื้อเรื่องเป็นบทๆ เปลี่ยนตัวละคร เล่าเรื่องเหมือนละครซีรี่ส์สั้นๆจบในตอน เหมือน BF1 นั่นเอง…
ยกนี้ : BF ชนะบายไม่ต้องลงไปชก
CO-OP ก็ต้องมี!
หลังๆเราจะเห็นเกมที่ออกมาในตลาด จะต้องมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าโหมด CO-OP ที่เล่นกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ช่วยกันผ่านด่าน (ฟิลลิ่งเหมือนเล่นเกม จอย 1 จอย 2 สมัยก่อน แต่เป็นการเล่นผ่านระบบออนไลน์นั่นเอง) ซึ่งทั้ง Battlefield V และ Call of Duty: Black Ops 4 ก็มีโหมดดังกล่าวเช่นกัน
ใน COD BO4 จะมีโหมดที่เรียกว่า Zombies โหมดขาประจำที่มีมาตั้งแต่สมัย World at War สามารถเล่นได้พร้อมกัน 4 คน จริงๆต้องบอกว่าโหมดซอมบี้ สามารถแยกขายเป็นอีกเกมนึงเลยก็ยังได้ เพราะโหมดซอมบี้ใน BO4 นั้นเหมือนเป็นเกมใหม่ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัวเกมหลัก…(จริงๆควรจะเรียกว่า “ตัวเกมหลักอีกตัวหนึ่ง” น่าจะดีกว่า) มีการเล่าเรื่องราวของตัวละครในโหมดนี้อีกด้วย นอกจากนี้ โหมดซอมบี้ก็ยังมี Theme เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็น Theme เรโทร ยุคสงครามโลก หรือย้อนอดีตไปไกลถึงยุคจักรวรรดิ์โรมันเฟื่องฟู ซึ่งในแต่ละ Theme ก็มีเกมเพลย์ที่ต่างกันด้วย แถมการปรับแต่งก็ทำได้มากกว่าโหมดซอมบี้ภาคก่อนๆด้วย นอกจากนี้ ยังมีโหมด Blackout ที่เป็นโหมด Battle Royale สไตล์ PUBG ให้ได้เล่นกัน ส่วนรายละเอียด รออีกซักพัก
ส่วนทางฟากของ BF เอง ถ้านับกันจริงๆ โหมดออนไลน์ CO-OP เองก็ถูกใส่มาแบบจริงจังใน BF3 ที่ชื่อโหมด ‘Combined Arms’ ที่ให้ผู้เล่นได้สร้างหมู่ทหารขึ้นมา มีการปรับแต่งยุทธภัณฑ์ต่างๆ เข้าทำภารกิจในฉากที่ตัวเกมสุ่มขึ้นมา ซึ่งก็จะปลดล๊อกไอเทมใหม่ๆให้ใช้งานกัน…ซึ่งใน BFV เองก็เอาจุดนี้มาใส่เช่นกัน
ยกนี้ : COD ชนะ ด้วยลูกเล่นของ Zombie และ Blackout ที่น่าสนใจ
โหมดออนไลน์ จุดขายแห่งยุคสมัย!!
ทั้ง Battlefield V และ Call of duty: Black Ops 4 จะมีโหมดคลาสสิกที่สำคัญมาใช้กับการเล่นในโหมดมัลติเพลย์เยอร์ โดยแต่ละเกมก็จะยกระดับการปรับแต่งและการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกี่ยวกับการเล่นเกมโหมดหลักๆ เช่น TDM, Domination, Search and Destroy ฯลฯ ใน Black Ops 4 และ TDM, Conquest, Rush ใน Battlefield V
ซึ่งใน COD BO4 จะเน้นที่ระบบ Specialists มากขึ้น ซึ่งจุดนี้จะมีความคล้าย Overwatch และ Rainbow Six Siege ที่แต่ละคนจะมีความสามารถและอุปกรณ์ที่ต่างกัน ซึ่งหลักๆแล้วเกม BO4 จะเป็นการต่อสู้แบบ 5VS 5 ในแผนที่ที่ไม่กว้างมาก เน้นการพบเจอกันอย่างรวดเร็ว จบเกมไว ใช้สกิล ข้าวของต่างๆที่ส่งผลต่อการซัพพอร์ททีม การเล่น และการสังหารเป้าหมาย ตัดเรื่องการกระโดด 2 ชั้น และการไต่กำแพงออกไป เน้นการวิ่งไปบวกกันมากกว่า ฟิลลิ่งเหมื่อนเป็นเกมเดินหน้ายิงแบบอาร์เขต ที่เน้นหนักการดวลปืนในห้องเล็กๆนั่นเอง
ในขณะที่ฝั่ง BFV มีการนำเสนอเกมเพลย์ที่น้นการพุ่งรบบนแผนที่กว้างๆระดับ Sandbox เปิดกว้าง มีการทำลายสิ่งปลูกสร้าง การใช้กลยุทธ์เข้าสู้รบ เพราะในโหมดนี้จะเป็นเหมือนสงครามที่มีผู้เล่น 64 คนในห้องกำลังรบกันอยู่นั่นเอง…นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขการเล่นรูปแบบใหม่ที่เรียลขึ้นและเหมือนจะยากขึ้น กับ ‘War For Attrition’ ที่ผู้เล่นไม่สามารถสแกน และติดตามศัตรู หรือมีแท็กที่หัวได้อีกแล้ว หรือการที่ผู้เล่นเกิดใหม่จะไม่ได้รับกระสุนเพิ่ม กระสุนมีจำนวนจำกัด มีระบบการชุบชีวิตเพื่อนทหารในสนามรบที่ลงไปนอน โดยคราวนี้ทหารทุกคนสามารถชุบเพื่อนได้ (แต่ถ้าเป็นคลาส Medic มาชุบให้ HP เป้าหมายจะเต็ม) อีกทั้งยังสามารถลากเพื่อนที่ล้มเข้ามายังจุดปลอดภัยและทำการชุบชีวิต อีกทั้งยังมีระบบสร้างป้อมปืน การสร้างสิ่งของต่างๆในสนาม เช่นกระสอบทราย บังเกอร์ ลวดหนาม อีกทั้งสภาพแวดล้อม ล้วนส่งผลต่อการเล่นและการแกะรอย เช่นการคลานผ่านพื้นพงหญ้า ห้าก็จะไหวตาม หรือการทิ้งร่องรอยตามหลุมโคลน เป็นต้น
ยกนี้ : เสมอ เพราะยังไม่มีรายะเอียดเพิ่มเติมจากทั้งสองค่าย
กราฟฟิก และเสียง ของที่เอามาขิงใส่กันมานานนม…
CODBO4 ได้ออกมาระบุว่า ในระบบ PC จะเป็นแพลตฟอร์มที่แสดงผลด้านงานภาพที่ดีที่สุด และระบบคอนโซลก็จะดรอปลงมาเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถ้าวัดกันจริงๆแล้ว Frostbite Engine ของ BFV เองก็ให้งานภาพที่สวยงามสมจริงไม่แพ้กัน แต่ทาง DICE เองก็มีไม้เด็ดในเรื่องของเสียงปืน เสียงระเบิดที่สมจริงมาตลอด และภาคนี้เป้นภาคที่เกี่ยวกับ WW2 ด้วย ยิ่งหาแหล่งอ้างอิงของเสียงได้ไม่ยาก ดังนั้นจึงการันตีได้เลยว่า ทั้งงานภาพและงานเสียงของ BFV ก็จัดเต็มอย่างแน่นอน
ยกนี้ : BF มีโอกาสชนะสูงมาก (อย่างน้อยก็เรื่องเสียง) แต่ทั้งนี้ตัวเทรลเลอร์ที่เพิ่งปล่อยออกมาก็ยังระบุอะไรได้ไม่มากนัก
บริการหลังการขาย!?
ในยุคนี้ บอกตรงๆว่าเหมือนซื้อเกมไม่เต็มแผ่น ทำไมน่ะเหรอ ก็เดี๋ยวเราจะต้องซื้อค่า DLC ค่า Season pass ค่าสกิน ค่าโน่นนี่นั่นอีกสารพัดเท่าที่บริษัทเกมๆนึงจะคิดได้ ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากโดนก่นด่ายับเยินเสียผู้เสียคนมาแล้วกับ Star Wars Battlefront 2 เกี่ยวกับระบบ Microtransanction ระบบ Lootbox กาชานรกแสนโหดเหี้ยม ทำให้ทาง DICE ต้องกลับไปทบทวนตัวเองอย่างมาก และก็น่าจะได้ข้อสรุปออกมาว่า ตัวเกมจะให้แผนที่กับโหมดใหม่ๆ จะอัพเดตให้คนที่มีตัวเกมแบบฟรีๆ มีระบบ Tides of War ที่จะมีเควสท์รายวันให้ทำแลกไอเทม โดยไอเทมสวมใส่แฟชั่น หรือเพื่อความสวยงาม จะไม่มีผลต่อ Stat ของผู้เล่นแต่อย่างใด
ส่วน BO4 ยังไม่มีรายละเอียดในส่วนนี้ แต่คาดว่าระบบ Loot BOX ยังคงอยู่ ส่วน Season Pass ถูกยกเลิกในภาคนี้ และแจกแผนที่ใหม่ โหมดใหม่ๆเช่นกัน
ยกนี้ : เสมอ เพราะยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากทั้งสองค่าย
ทั้งหมดนี้เป็นเพียง “ความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน” ที่มีต่อทั้งสองเกมเท่านั้น จริงๆแค่เทรลเลอร์ตัวแรกเอง ยังบอกอะไรไม่ได้มากนะครับ เอาไว้หลังเกมออกแล้วค่อยว่ากัน ด้วยความที่เป็นแฟนเกมของทั้ง COD และ BF ยังไงก็ต้องเล่นแล้วรีวิวให้ชาว Metalbridges ได้อ่านกันอยู่แล้วล่ะครับ
แอดมิน Ak47
บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำความรู้จักกับ BATTLEFIELD V [Ps4 / PC XboxOne]
ทำความรู้จักกับ Call of Duty : Black Ops IIII
Trailer