BATTLEFIELD V [Ps4 / PC XboxOne]
ประเภท : FPS
ผู้พัฒนา : DICE / EA
เครื่อง : Ps4 / PC / XboxOne
วางจำหน่าย 20 พฤศจิกายน 2018
ก็ถือว่าเป็นอีก “เกมประเภนี” ปีละภาค ที่เหมือนเอามาชน เอามาวัดพลังกันของเหล่าแฟนๆที่ชื่นชอบเกมเดินหน้ายิงไปซะแล้ว หลังจากที่ BATTLEFIELD 1 ที่แอดมินเคยรีวิวและให้ 10/10 เพราะงานดีมากๆ ทั้งเนื้อหาและเกมเพลย์ของสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่น้อยค่ายจะหยิบมาทำ
มาปีนี้ BATTLEFIELD กลับมาอีกครั้ง สานต่อความสำเร็จของสงครามย้อนยุค คราวนี้ ทีมพัฒนาจะพาเราๆท่านๆไปสัมผัสกับ สงครามโลกครั้งที่ 2 กับเกม BATTLEFIELD V (แบทเทิลฟิลด์ ไฟว์)
เกมนี้คือ!?
BATTLEFIELD V (แบทเทิลฟิลด์ ไฟว์) เป็นเกมแนวยิงแหลกมุมมองบุคคลที่ 1 อันแสนคุ้นเคยคอเกมทั่วโลก ผลงานจากทาง DICE โดยทีมงานตัดสินใจหยิบเอาหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกยอดนิยมอย่าง “World War 2” มาเป็นฉากหลัง หวังสานต่อความสำเร็จของ BF1 ซึ่งตัวเกมภาคนี้ก็จะมีสมรภูมิต่างๆที่เป็นอีเว้นท์ใหญ่ๆให้ได้เล่นกัน
โหมดเนื้อเรื่อง The War Stories
รูปแบบการเล่าเรื่องของเกม BFV จะมาในรูปแบบของเรื่องสั้นจบในตอน ตัวละครเอก หรือตัวผู้เล่นก็จะเปลี่ยนไปตามเนื้อเรื่องนั้นๆ
Nordlys
เรื่อราวการสู้รบของทหารหญิงชาวนอร์เวย์ ที่ต้องต่อสู้กับกองทัพนาซี เพื่อความอยู่รอด การเป็นส่วนหนึ่งของการกอบกู้เอกราช และการตามหาแม่ของเธอที่หายตัวไป
Under No Flag
เรื่องราวของนักโทษชายรายหนุ่มจากคุกเมืองผู้ดีอังกฤษ เขาได้รับโอกาสลดหย่อนโทษด้วยการถูกส่งเข้าไปประจำการในแนวหน้าของการสู้รบระหว่างอังกฤษ และ เยอรมัน
Tirailleur
เรื่องราวการสู้รบของทหารพลร่มรายหนึ่งถูกเกณฑ์ไปทำภารกิจปลดปล่อยพื้นที่ปกครองของฝรั่งเศสที่ถูกเยอรมันยึดในประเทศเซเนกัล
The Last Tiger (รออัพเดทในแพทช์ต่อไป)
เรื่องราวเกิดขึ้นในตอนท้ายของ WW2 กองทัพเยอรมันลงไปสู่ความสับสนวุ่นวาย ภายใต้การบัญชาการของเจ้าหน้าที่ทหารผ่านศึก และกลุ่มพลขับรถถังไทเกอร์ ซึ่งในฐานะผู้นำ เขาเริ่มตั้งคำถามถึงอุดมการณ์ และบางสิ่งที่เชื่อมั่นที่ทำให้พวกเขามาถึงจุดนี้ มันดีจริงหรือไม่อย่างไร?…
Gameplay
จุดขายหลักของเกมแฟรนไชส์นี้อย่าง “โหมดมัลติเพลย์เยอร์” ที่มีฉากกว้างๆ รองรับผู้เล่นจำนวน 64 คน และภาคนี้จะเอา Gimmick ของสภาพแวดล้อมแบบ sandbox แสดงถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ใหญ่ขึ้น มีการลากป้อมปราการ การพังบ้านพังตึก หรือซ่อมแซมได้
โหมดมัลติเพลย์เยอร์แบบคลาสสิก ก็กลับมาอีกครั้ง ผู้เล่นสามารถนำกลุ่ม Company หรือ การจัดหมู่เล็กๆ ที่เคยมีใน BF2 มาใช้ ในการจัดหมู่ ซึ่งแต่ละคลาสก็จะมีหน้าที่ ความโดดเด่นในแบบของตัวเอง
Assault -แนวหน้าขาลุยที่ใช้ปืนกลเล็ก หรือไรเฟิล
Medic -หน่วยพยาบาลที่มีความสามารถในการรักษาและฟื้นฟู มีอาวุธคือ Sub Machine Gun
Support -หน่วยเติมกระสุน และอาวุธหนักทุกชนิด มีปืนกลหนัก เป็นอาวุธคู่กาย
Scout -พลซุ่มยิง ผู้ที่พกพาอาวุธยิงความรุนแรงระดับนัดเดียวจอด เน้นการลอบสังหารจากแนวกลาง มีอาวุธคือ สไนเปอร์ไรเฟิล
และยังให้ผู้เล่นสร้างและปรับแต่งอาวุธทหารรวมไปถึงยานพาหนะที่จะพัฒนาขึ้นตามความคืบหน้า อีกทั้งในโหมด Conquest แบบ 64 ผู้เล่น ก็จะมีภารกิจเมนหลัก หรือ Grand Operations ให้ได้เล่นกันด้วย
โหมดไฮไลท์ และคนเล่นเยอะสุด คงหนีไม่พ้นซิกเนเจอร์ของเกมอย่าง “Grand Operations” ที่เป็นการเอาโหมด “Operations” ของ BF1 มาต่อยอด ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันที่มีภารกิจซับซ้อนหลายขั้นตอนเพื่อจำลองแคมเปญจากสงครามจริง ไม่ใช่แค่การฆ่ากันแล้วจบเกม แต่การยึดจุดยุทธศาสตร์ การทำลายวัตถุ ก็จะถูกกำหนดมาในวัตถุประสงค์ของภารกิจ
ตัวอย่างเช่น ช่วงแรก ผู้เล่นทั้งสองฝ่าย (แดง-น้ำเงิน) ได้ทำการบุกยึดพื้นที่ได้ โดยฝ่ายแดง ยึดพื้นทื่ได้น้อยกว่าฝ่ายน้ำเงิน เกมก็จะเปลี่ยนภารกิจให้ฝ่ายน้ำเงินต้องหาทางไปทำลายวัตถุที่กำหนดของฝ่ายแดง ทำให้ฝ่ายแดงต้องตั้งรับ และถอยร่นจากแนวรบ ซึ่งถ้าฝ่ายแดงต้านได้ การสู้รบเกมนั้นๆก็จะเปลี่ยนเป็นฝ่ายแดงบุก
โดยในแต่ละขั้นตอนจะมีผลสืบเนื่องและจะมีผลกับ “Final Stand” ซึ่งเป็นจุดแตกหักของเกมในรอบนั้นๆ โดยผู้เล่นในโหมดดังกล่าว จุถูกจำกัดการใช้อาวุธหลักที่มีกระสุนจำนวนไม่มาก และเน้นการใช้ประสิทธิภาพของคลาสอาชีพเต็มที่ ส่วนโหมดอื่นๆก็แทบจะยกเอาของภาคก่อนหน้ามาใส่อย่างเห็นได้ชัด
ส่วนโหมดไฮไลท์ที่ทีมพัฒนาเปิดตัว และระบุว่าเป็นโหมดจุดขายคือโหมดที่มีการเล่นเหมือนกับ PUBG อย่าง “Firestorm”ก็จะถูกใส่มาให้เล่นกันในช่วง 2019
Review 8 /10 Rank B
(รีวิวนี้เขียนจากการเล่นบน PS4)
เนื้อเรื่อง 2/3 งานภาพ 3/3 เกมเพลย์ 2/3 ความชอบส่วนตัว 1/1
เหล้าเก่าในขวดใหม่ เปลี่ยนฉลาก และรอของแถมตามมาส่งทีหลัง!!
การกลับมาของเกมยิงในตำนานอย่าง Battlefield ที่ยังคงคุณภาพคงเส้นคงวาไม่เปลี่ยน ทั้งในแง่เนื้อหา งานภาพ เสียงประกอบ เกมเพลย์ จนแอบคิดว่า คงไม่พัฒนาไปไกลกว่านี้แล้ว
ในส่วนของเนื้อเรื่อง ที่มาแบบสั้นๆจบในตอน ก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี ซาบซึ้ง ประทับใจ มีซีนขายที่ดึงอารมณ์ร่วมจากผู้เล่นได้ราวกับชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ก็ทำให้ฟินแล้ว สำหรับสายเสพเนื้อเรื่อง แต่น่าเสียดายที่สั้นเกิน และบางเรื่องก็จบแบบไม่ค่อยถูกใจ แถมยังมีกั๊กเนื้อหาไว้ปล่อยอีก มันน่าตีนัก
งานภาพ ก็ตามมาตรฐาน Frostbite Engine ที่ถ่ายทอดแสงเงาแบบแสบตาจ้าสนิท แค่เล่นบน PS4 นี่ก็รู้สึกเลยว่าเครื่องร้อน ถ้า PC เปิดสุด รันงานภาพแบบเต็ฒ Max คงหนักหนาสาหัสพอสมควร อีกทั้งปัญหาเฟรมเรทร่วง ก็มีให้เห็นอยู่บ้าง
ในส่วนของเกมเพลย์ อันนี้จะเริ่มบ่นยาวละ คืองี้ครับ ตัวเกม BF ภาคที่ผ่านๆมา มันก็ออกจะเป็นแนวๆวิ่งไล่ฆ่าแจกห่ากระสุนในสงครามที่เน้นไปที่ “ความสามารถเฉพาะตัว” กับ “ทีมเวิร์ค” แบบสุดโต่ง ทีมไหนดี ไม่ต้องเล่นเก่งก็รอด ทีมไหนทีมเวิร์คไม่ดี เล่นเก่ง ก็รอดเช่นกัน
แต่กับภาคนี้ ผู้เล่นต้องพยายามเดินทางสายกลาง เพราะรูปแบบเกมเพลย์ที่กดดันมากขึ้น การสื่อสาร ทีมเวิร์คนั้น สำคัญพอๆกับสกิลเพลย์ เราจะไม่เห็น “ซูเปอร์โซลเจอร์” ข้ามาคนเดียวเก็บ100ศพ เหมือนในภาคก่อนๆ ในขณะเดียวกัน สายแค้มป์ ตั้งป้อมรอรับ ก็ไม่ใช่คำตอบของการรบในเกมนี้อีกต่อไป มันต้องให้ความสำคัญกับสองอย่างนี้ในระดับที่เท่าๆกัน ซึ่งทั้งหมดของเกมเพลย์คร่าวๆที่ว่ามา คือแนวคิดการทำเกมที่เรียกว่า “Attrition Warfare” ผู้เล่นเองก็ไม่สามารถฟื้นพลังด้วยตัวเองจนเต็ม 100 HP เหมือนเมื่อก่อน แต่ฟื้นเพียง 30 หน่วยก่อนไปลุยต่อเท่านั้น (เต็ม100% ใช้กล่องพยาบาล) ทำให้เกมเพลย์ถูกหน่วงให้คิดก่อนวิ่ง ไม่ใช่การ Ambush หรือการ Rush A-B แบบเร็วๆเหมือนภาคก่อน
จุดขัดใจของการหน่วงเกมเพลย์ให้ช้าลง ก็คือการกระทำ แอคชั่นซัพพอร์ทเพื่อน จะต้องทำแบบ “ผู่เล่นต่อผู้เล่น” เท่านั้น จะไม่ใช่การวางกับพื้น เดินชนแล้ว “ปิ๊ง… ของเข้าตัว” แถมต้องกดใช้งานด้วย อีกทั้งระบบการเปลี่ยนคลาสกลางเกม ลักไก่ด้วยการเก็บอาวุธศัตรู หรือของเพื่อนที่อยู่บนพื้น จะทำไม่ได้แล้ว เช่น คุณกำลังเล่นคลาส Medic คุณเก็บปืนสไนเปอร์ได้ ก็แค่เปลี่ยนปืน แต่ตัวคุณเองยังคงเป็น Medic เช่นเดิม จนกว่าตุณจะตาย แล้วค่อยเลือกคลาส
โดยตอนจบเกม คุณฆ่าได้มากเท่าไหร่ แต้มก็จะไม่เด้งไปทาง Scout แต่จะเด้งเข้า Medic ที่คุณใช้เล่นจนจบเกมนั่นแหละ! ซึ่งก็เป็นการป้องกันผู้เล่นประเภท One Man Army ที่เล่นคนเดียวเปลี่ยนบทกลางคัน เอาทักษะคลาสมาใช้เพื่อเสริมตัวเอง ทำไม่ได้แล้วนะเออ!
อีกหนึ่งระบบที่ดีของเกมนี้ก็คือการ “มาร์คจุดให้เพื่อน” เมื่อผู้เล่นเจอข้าศึก ตัวเกมจะทำการมาร์คจุดบนหัวเล็กๆชั่วระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เพื่อนร่วมทีมมองเห็น (แต่จะเห็นไม่ชัดมากเท่ากับ Scout ที่Spot ศัตรูแบบ 3D Spotได้) และการดวลปืนในเกมนี้ จะเน้นการปะทะกันมากขึ้น เพราะกาวุธปืนในเกมเหมือนจะดรอปความแรงลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับภาค BF1
ส่วนใครที่รู้สึกว่าการซื้อเกมไม่เต็มแผ่น จ่ายแล้วจ่ายอีกเพื่อ Season pass เกมนี้ไม่ต้องแล้ว เพราะทีมพัฒนาออกมาระบุว่าตัวเกมจ่ายทีเดียวจบ DLC ครบๆ รอทยอยปล่อยในอนาคต แต่ยังคงมีระบบ Microtransactions หรือการเติมเงินในเกม (เป็นในส่วนของการตกแต่งลวดลายเท่านั้น ) ส่วนอาวุธใหม่ๆนั้น ผู้เล่นต้องเล่นคลาสนั้นๆจนเชี่ยวชาญ เลเวลถึง จึงปลดล๊อกให้ซื้อได้นั่นเอง เติมเงินไป ก็ได้แค่สกินนั่นละ
นอกจากนั้น สิ่งที่เชิดหน้าชูตาของแฟนบอยของแฟรนไชส์นี้ก็คือ “ระบบเสียง” ที่ถ่ายทอดเสียงปืนกระหึ่มๆได้ดีกว่า BF1 สะใจมาก เพลงประกอบก็ดีงาม ฟังแล้วเหมือนดูหนังสงครามเลย อันนี้ชอบส่วนตัว อิอิ
สรุป เป็นเกม BF ที่เปลี่ยนไปพอสมควร แต่เป็นการเปลี่ยนในเชิงเทคนิคมากกว่า แต่ถ้าดูรวมๆแล้ว ก็ยังเล่นสนุก มันมือไม่ต่างจาก BF1 เท่าไหร่นักครับ
แต่ถ้าถามว่าควร Day 1 มั้ย ในฐานะแฟน BF ควรจัดครับ แค่ถ้าไม่ใช่ ก็เก็บไปเกมอื่น หรือรอลดราคาดีกว่า เกมนี้ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มไปนิดนั่นเอง…
ซื้อมาแล้วยิงใครไม่ตาย เดี๋ยวจะหัวร้อนซะเปล่าๆ…
แอดมิน AK47
Trailer
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console