*** ขอขอบคุณร้าน Disc Channel
ที่ช่วยอนุเคราะห์แผ่นเกมส์สำหรับใช้ในการรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ
Battlefield 1
ประเภท : FPS
เครื่อง : PC / PS4 /XboxOne
วันวางจำหน่าย : 21 ตุลาคม 2016
พัฒนาโดย : EA / Dice
สเปคขั้นต่ํา
Intel CPU : Core i5-6600K 3.5GHz
AMD CPU : FX-6350
Nvidia Graphics Card : GeForce GTX 660
AMD Graphics Card : Radeon HD 7850
RAM :
OS : Win 7 64
Direct X : DX 11
HDD Space : 50 GB
สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นเรื่องราวหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของความขัดแย้งระดับโลก มีเขตการสู้รบอยู่ในทวีปยุโรป โดยสงครามครั้งนั้นคู่กรณีได้ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ได้แก่
“ฝ่ายสัมพันธมิตร” มีศูนย์กลางอำนาจของประเทศใหญ่ๆ 3 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ / ฝรั่งเศส และ รัสเซีย โดย 3 ประเทศนี้จะเรียกว่า “ไตรภาคี” (จริงๆแล้ว เป็น Phase หนึ่งในแผนการโอบล้อมจักรวรรดิเยอรมันของฝรั่งเศส)
“ฝ่ายมหาอำนาจกลาง” นำโดย จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี / ราชอาณาจักรบัลแกเรีย และ จักรวรรดิออตโตมัน (ตุรกี)
ชนวนของสงครามโลกครั้งที่ 1 บางตำรากล่าวว่า เป็นเรื่องของการลอบปลงพระชนม์ “เจ้าชายฟรานซิส เฟอร์ดินานด์” องค์รัชทายาทของจักรวรรดิออสเตรีย- ฮังการี ขณะเสด็จประพาสนครหลวงแคว้นบอสเนีย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1914 โดยฝีมือของ “กัฟรีโล ปรินซีป” นักชาตินิยมยูโกสลาฟ
บางตำราก็กล่าวว่าเป็นเรื่องของ “นโยบายต่างประเทศแบบจักรวรรดินิยม” ของฝ่ายมหาอำนาจกลาง ที่ฝ่ายพันธมิตรไม่ยอมรับข้อตกลง ทำให้เหล่าบรรดานานาประเทศทั้งหลายซึ่งก่อตั้งมาหลายทศวรรษก่อน ถูกลากเข้ายึดโยงมั่วซั่วไปหมด และอีกไม่กี่สัปดาห์ให้หลัง สงครามก็ลุกลามไปทั่วโลก
ในปีค.ศ. 1918 กองทัพสหรัฐอเมริกาก็โดดเข้าร่วมสงครามโลกครั้งนี้ บวกกับกองทัพสัมพันธมิตรก็สามารถต้านพวกเยอรมันจนต้องถอยกลับ อีกทั้งเยอรมันเองก็ประสบปัญหากับนักปฏิวัติ ทำให้ไม่มีกำลังมากพอที่จะต่อสู้ได้อีก
ในที่สุด ทั้ง”ฝ่ายสัมพันธมิตร” และ “ฝ่ายมหาอำนาจกลาง” มีการตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “วันสงบศึก” และชัยชนะตกเป็นของฝ่ายสัมพันธมิตร หลังจากมีผู้คนล้มตายไปจากสงครามครั้งนี้มากถึง 40 ล้านคน ซึ่งเป็นสงครามที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์เป็นอันดับที่ 6
เมื่อสงครามยุติลง ฝ่ายมหาอำนาจกลางก็ได้สูญเสียอำนาจทางการเมือง และการทหารจนสิ้นสภาพไป สันนิบาตชาติถูกก่อตั้งขึ้เพื่อไม่ให้เกิดสงครามอีก โดยประเทศผู้แพ้ จะต้องถูกบังคับให้ลงนามในสนธิสัญญา ดังนี้
-สนธิสัญญาแวร์ซายส์ ทำกับประเทศเยอรมัน
-สนธิสัญญาตรีอานอง ทำกับประเทศฮังการี
-สนธิสัญญาเนยยี ทำกับประเทศบัลแกเรีย
-สนธิสัญญาแซงต์แยร์แมง ทำกับประเทศออสเตรีย
-สนธิสัญญาแซฟส์ ทำกับประเทศตุรกี
และหลังจากนั้นไม่นานนัก ลัทธิชาตินิยมยุโรปก็ได้ก่อตัวขึ้น แต่ทว่า ผลสะท้อนจากความพ่ายแพ้ของเยอรมนี และปัญหากับสนธิสัญญาแวร์ซาย ที่ยังมีข้อสรุปที่ไม่ชัดเจน ทำให้เยอรมันฉีกสนธิสัญญาแวร์ซาย และนำไปสู่การปะทุของสงครามโลกครั้งที่สองในเวลาต่อมา…(จริงๆก็มีปัจจัยอื่นมาเอี่ยวด้วย แต่เดี๋ยวยาวไปจะไม่อ่านกัน)
และนี่คือสรุปประวัติศาสตร์คร่าวๆของ “สงครามโลกครั้งที่ 1″ อันเป็นฉากหลังของเกมใหม่จากทาง EA และ Dice ที่มีชื่อว่า “Battlefield 1″
Battlefield 1 คืออะไร !?
“Battlefield 1″ เป็นเกมแนวยิงแหลกมุมมองบุคคลที่ 1 อันแสนคุ้นเคยคอเกมทั่วโลก โดยทีมงานตัดสินใจหยิบเอา “หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์สงครามโลกที่ไม่เคยมีใครนำมาทำเป็นเกมแอคชั่นเต็มสูบ” ซึ่งจะมีสมรภูมิต่างๆให้ได้เล่นกัน โดยอ้างอิงจากภาพถ่ายในตำราสงครามโลกหลายๆแหล่ง เพื่อสร้างบรรยากาศที่สมจริง
โดยเนื้อหาของเกม BF1 จะเป็นการรบในสงครามโลกผ่านเรื่องสั้น 6 เรื่อง ในสมรภูมิที่แตกต่างกัน ไม่จำกัดแค่ตัวละครเดียวเล่ายาวยันจบเหมือนภาคก่อนๆ สามารถแยกออกมา 6 Chapter ดังนี้ (ไม่สปอยนะ ไปเล่นเอาเอง)
Storm of Steel (Prologue)
เรื่องราวเกริ่นนำของเกม BF 1 ที่เริ่มเรื่องในปี 1918 ผู้เล่นจะควบคุมเป็นทหารหลายๆนาย ใน กรมทหารราบที่ 369 (สหรัฐอเมริกา) หรือหน่วย “ฮาเร็ม เฮลไฟเตอร์” ที่สมรภูมิ No Man’s Land เขตสู้รบที่วุ่นวาย สูญเสีย และโกลาหลที่สุดในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เป็นการปะทะกันเพื่อยึดแนวรบของฝ่ายพันธมิตร ที่รุกคืบต่อกองทัพเยอรมัน ซึ่งทั้งหมด จะเป็นการเล่าเรื่องราวของทหารนิรนามนายหนึ่ง ที่รอดตายจากสมรภูมิเดือดแห่งนี้…
“Through Mud and Blood”
เรื่องราวที่สอง เป็นเรื่องเล่าที่เริ่มในฤดูใบไม้ร่วง 1918 เป็นการสู้รบที่เกิดขึ้นใน “สมรภูมิกอมเบร” (Battle of Cambrai) ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ที่คนไทยอย่างเราๆไม่ค่อยคุ้นชื่อ แต่เป็นอีกหนึ่งอีเว้นท์ของสงครามโลกครั้งที่ 1 ในเกมนี้ที่ทำออกมาดราม่าพอสมควร เป็นสมรภูมิที่เป็นการเปิดหน้าเสื่อแลกกระสุนกันระหว่างรถถัง กับกองทหารราบเยอรมัน
ใน Chapter นี้ จะเล่าถึง “แดนนี่ เอ็ดเวิร์ด” (Danny Edward) อดีตคนขับรถชาวอังกฤษที่พาตัวเองเข้าสู่สงคราม โดยเขาได้รับมอบหมายให้ขับรถถัง “มาร์คไฟว์” (Mk V) ที่มีชื่อว่า “Black Bess” พร้อมทีมงานร่วมรบ ทั้งผู้บัญชาการทาวเซนด์ / พลปืน แมคมานัส ที่คอยตั้งแง่กับเอ็ดเวิร์ดมาตลอด / พลปืนสอง ฟินช์ และ ช่างเครื่อง ทั้งหมดที่มีความคิดแตกต่างกัน แต่รถถังเกิดตกลงไปในบ่อโคลน ทำให้ไม่สามารถวิ่งออกไปได้ ทุกคนต้องมาร่วมมือกันหาทางทำให้รถถังไปต่อได้ เพื่อสานต่อภารกิจฝ่าทะลวงแนวรบของกองทหารราบเยอรมันที่ปิดล้อมด้วยอาวุธครบมือ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเสียสละ การกรีฑาทัพ และเข้าปะทะกันของรถถังกว่า 300 คันในสงครามนี้…
“Friends in High Places”
เรื่องราวที่ 3 เป็นเรื่องราวของ “ไคลด์ แบล็คเบิร์น” (Clyde Blackburn) นักพนันหนุ่มชาวอเมริกันที่ได้พบกับ “จอร์จ รัคแคม” นักบินหนุ่มชาวอังกฤษในวงไพ่ แล้วก็โกงไพ่จนตัวเองได้สวมรอยเป็นรัคแคมในขโมยเครื่องบิน และแท็กทีมกับพลปืนคู่หู “วิลสัน” ในวันที่เขาเอาเครื่องขึ้นบิน ก็ได้พบกับกองบินของเยอรมันโดยบังเอิญ จนนำไปสู่การเปิดเผยฐานที่มั่นของเยอรมัน และจบลงด้วยการทิ้งระเบิดถล่มฐานดังกล่าว แต่ทั้งคู่ก็คลาดกันจากเหตุเครื่องบินตกใน No Man’s Land
จุดวัดใจของคำว่ามิตรภาพ และการต่อสู้เพื่อค้นหาบางอย่าง ได้เริ่มขึ้นบนน่านฟ้าของอังกฤษเมืองผู้ดี ก่อนการโจมตีของกองทัพอากาศเยอรมัน…
“Avanti Savoia”
เรื่องที่สี่ จะเล่าเรื่องราวใน Dolomites นั้นอยู่ตอนบนของอิตาลีเป็นอีกส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอลป์ (เกือบจะถึงออสเตรีย) โดยจะเล่าผ่านตัวละครชายชรา “ลูก้า วินเซนโซ่ คอคิโอล่า” ที่เป็นอดีตสมาชิกของหน่วยอิตาลี Arditi พลปืนหนักผู้สวมเกราะเหล็ก ได้นั่งเล่าให้ลูกสาวชาวอเมริกันได้ฟัง ซึ่งในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เขาและน้องชายฝาแฝดของเขา “มัตเตโอ” มีส่วนร่วมในสู้รบที่สำคัญในการยึดป้อมปราการ ของฝ่าย “ออสโตร – ฮังการี” โดยเรื่องราวนี้จะเป็นการสู้รบของกองทัพ “ออสโตร -ฮังการี” กับ “กองทัพอิตาลี” จนนำไปสู่ความสูญเสีย ที่เป็นบทสรุปของเรื่องราว
“The Runner”
เรื่องที่ 5 เป็นเรื่องราวของ “เฟรดเดริค บิชอป” (Frederic Bishop) พลนำสานส์หนุ่ม (ที่แต่งตัวยังกะลูกเสือชาวบ้าน) ชาวออสเตรเลีย ที่ทำภารกิจเสี่ยงตายใน Gallipoli หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ยุทธการดาร์ดาแนล” ที่เป็นแนวรบระหว่าง อังกฤษ+ ออสเตรเลีย +นิวซีแลนด์ +อินเดีย มาร่วมกันยำตรีน จักรวรรดิ์ออตโตมัน (หรือ ตุรกี ในปัจจุบัน) ซึ่งแนวรบนี้ก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่แพ้กัน อังกฤษจำเป็นต้องร่นถอย เพราะเสียหายหนักมาก (ซะงั้น) แต่แล้วปลายทางการวิ่งของบิชอปคืออะไรกันแน่นะ!?
“Nothing is Written”
เรื่องราวสุดท้ายนี้ เป็นเรื่องราวของ “ซาร่า”(Zara) นักรบสาวชาวอาหรับ ที่ทำงานให้กับเหล่ากองกำลังพิเศษที่เรียกตนเองว่า Lawrence of Arabia เข้าต่อสู้กับจักรวรรดิ์ออตโตมัน (ตุรกี) ที่รุกรานดินแดนบ้านเกิดของพวกเขา และซาร่าก็ต้องการที่จะกำจัดพวกออตโตมันที่บุกมาฆ่าครอบครัวของเธอ
สงครามในทะเลทรายของนักรบสาวบนหลังม้า ที่มีความแค้นอยู่เต็มอก จะจบลงอย่างไรกันแน่…ไปหาคำตอบเอาเองในเกมนะครับ!
Gameplay
นอกจากการรื้อระบบการเล่าเรื่องใหม่แล้ว ทางทีมงานก็ไม่ละเลยจุดขายหลักของเกมแฟรนไชส์นี้อย่าง “โหมดมัลติเพลย์เยอร์” ที่มีฉากกว้างๆ รองรับผู้เล่นสูงสุด 64 คน (บน PC) และปรับปรุงระบบการต่อสู้ระยะประชิด ที่ไม่ได้แค่ไล่แทงเอา Dog Tag แบบภาคก่อนๆแน่นอน โดยจะมี Class พื้นฐาน 4 สาย ได้แก่
Assault -แนวหน้าขาลุยที่ใช้ปืนกลเล็ก หรือไรเฟิล
Medic -หน่วยพยาบาลที่มีความสามารถในการรักษาและฟื้นฟู มีอาวุธคือ Semi Auto
Support -หน่วยเติมกระสุน และอาวุธหนักทุกชนิด มีปืนกลหนัก เป็นอาวุธคู่กาย
Scout -พลซุ่มยิง ผู้ที่พกพาอาวุธยิงความรุนแรงระดับนัดเดียวจอด เน้นการลอบสังหารจากแนวกลาง มีอาวุธคือ สไนเปอร์ไรเฟิล
โหมดการเล่นออนไลน์
โหมดออนไลน์หลักยอดนิยมที่เราๆท่านๆคอเกมเดินหน้ายิงขาประจำซีรี่ยส์ BF คุ้นเคยอย่าง Conquest Mode และ Rush Mode ก็ยังคงมี และขาดไม่ได้ อันนี้ขอเล่าสั้นๆสำหรับผู้ที่ไม่เก็ทละกันนะ ว่ามันเป็นโหมด “ชิงธง” ล่าแต้มสะสมจากการทำภารกิจ ทั้งยึดธงจุดเกิด สังหารศัตรู หรือทำกิจกรรมใดๆในสนามรบ ที่ส่งผลต่อการเล่น จะถูกนับเป็นคะแนนรวมของทีม ถ้าในConquest Mode ผู้เล่นต้องทำแต้มทีมรวมกันให้ได้ 1000 แต้ม และในส่วนของ Rush Mode เดินหน้าฆ่าเรียบเก็บแต้มให้ครบ 100 เดียวก็จบรอบไป ง่ายๆ แต่ ชุลมุนสุดๆ
และใน Battlefield 1 นั้นจะมีโหมดการเล่นใหม่ ที่ไม่เคยมีมาในภาคไหนๆเลย ก็คือโหมด War Pigeons (ปล่อยนกพิราบ) และ โหมด Operation
War Pigeons เกมล่านกพิราบมหาประลัย
โหมดใหม่ ที่จะเปลี่ยนเกม BF อันแสนเครียด เป็นเกมตลกเบาสมองไปเลย (หรือเครียดกว่าเดิม อันนี้ไม่แน่ใจ) เพราะโหมดนี้ นอกจากจะให้ผู้เล่นไล่ฆ่ากันอย่างเมามันส์แล้ว ภารกิจหลักก็คือ ผู้เล่นต้องออกตามล่า “นกพิราบ” ให้ได้ โดยฝ่ายไหนเก็บนก 3 ตัวกลับฐานของแต่ละฝ่ายก่อนเวลาหมด จะเป็นฝ่ายชนะในรอบนั้น
และฝ่ายที่ไม่สามารถขัดขวางการส่งนกพิราบได้ ก็จะโดน “ทิ้งระเบิดปูพรม” ตายคาสนามเกือบยกฝ่ายกันเลย (แต่นกที่ถูกปล่อยไปแล้วฝ่ายตรงข้ามก็สามารถใช้สไนเปอร์สอยให้ร่วงได้เช่นกัน)
และถ้าผู้เล่นคนไหนถือครองนกพิราบ ก็จะบอกให้ทุกคนในแผนที่รู้ว่าคนๆนั้นอยู่จุดไหนของแผนที่ แน่นอนว่า ผู้เล่นคนนั้นต้องตกเป็นเป้าหมายการไล่ล่าอย่างแน่นอน!
Operation Mode
ในโหมดนี้อยากให้นึกถึง Star Wars Battlefront ที่จะแบ่งผู้เล่นออกเป็นสองฝั่ง ได้แก่ฝ่ายโจมตี ที่ต้องทำภารกิจเข้าตีในจุดสำคัญในแผนที่ๆตัวเกมกำหนดมา ส่วนฝ่ายตั้งรับ ก็จะต้องประสานงานให้ดี ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าตีสำเร็จ ซึ่งถ้าฝ่ายเข้าตีทำสำเร็จ ก็จะรุกคืบ และบีบให้ฝ่ายตั้งรับร่นถอยไปยังโซนต่อไป ซึ่งถ้าถูกตีจนแตกหมด ก็แพ้ไปนั่นเอง
ในขณะที่ฝ่ายบุก จะแพ้ก็ต่อเมื่อยึดฐานไม่ได้ทั้งหมดนั่นเอง เป็นโหมดที่ทำให้เกมมีสเกลสงครามที่ใหญ่ และแน่นมากขึ้นนั่นเอง…อยากให้ลองครับ พีคจริงๆ!!
“Warbound”
ความสนุกของเกมนี้ ยังคงอยู่ที่การปลดล๊อกปืนใหม่ๆ แต่ระะบบการปลดล็อคของภาคนี้ จะทำออกมาแตกต่างจากภาคที่ผ่านๆมา โดยระบบ Rank จะแยกกับเลเวลของคลาสนั้นๆ ซึ่งถ้าผู้เล่นสามารถเล่นจนสามารถอัพแรงค์ (ยศ) ก็จะได้เงินสกุล Warbound มาจำนวนหนึ่ง เพื่อใช้ซื้อปืนใหม่ๆนั่นเอง ส่วนการอัพเลเวลคลาส เป็นการปลดล๊อกปืนใหม่ๆที่สามารถซื้อได้นั่นเอง
—
ภาพอาวุธบางส่วนจากยุคสงครามโลกครั้งที่ 1
ที่มา : http://andreasilva60.deviantart.com/art/WW1-automatic-weapons-587029221
—
Review 10/10 Rank S เกมดีที่คุณต้องเล่น!!
และ 8 /10 สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ (เพราะอาจโดนไล่ Kill แจกแต้มจนหัวร้อน ปาจอยเอาง่ายๆ และผู้ที่มีอาการเมา FPS )
เนื้อเรื่อง 3/3 งานภาพ 3/3 เกมเพลย์ 3/3 ความชอบส่วนตัว 1/1
เกมนี้จัดว่าเป็นเกมที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ทั้งในแง่ของเกมเพลย์ เนื้อเรื่อง งานองค์ประกอบต่างๆที่มีรายละเอียดสูงมาก งานภาพสวยบาดจิต จนเวปมาสเตอร์ของเราบอกเลยว่า “ถ้าเอามาเล่นกับ VR สงสัยจะสมจริงสุดๆ”
ด้วยการเล่าเรื่องแบบเรื่องสั้นจบในตอน แต่ประทับใจ มีซีนขายที่ดึงอารมณ์ร่วมจากผู้เล่นได้ราวกับชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ หลังจากฝ่าดงลูกปืน และสารพัดระเบิด ก็พบกับฉากจบที่สวยงาม ก็ทำให้ฟินแล้ว สำหรับสายเสพเนื้อเรื่อง แต่น่าเสียดายที่สั้นไปนิดเท่านั้นเอง
ส่วนใครที่ต้องการความบันเทิงชนิดถึงอกถึงใจ โหมดออนไลน์ คือคำตอบ เพราะเป้นการต่อยอดโหมดออนไลน์มาจาก BF ภาคเก่าๆ มายำรวม และปรับให้สนุกขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยโหมดใหม่ สุดมันส์ โหมดเก่าที่ยังคงตอบโจทย์ของแฟนๆเกมยิงแหลก ถึงแม้จะมีบางแมปเท่านั้น ที่ยังดูไม่สมดุลย์มาก รวมไปถึงการปรับแต่งอาวุธที่อาจจะยังไม่มีตัวเลือกเยอะ ตามยุคสมัย ใครชอบโมปืนอาจจะสะดุดนิดหน่อย ก็ขอให้ทำใจเลย
ข้อเสียในโหมดออนไลน์ มีความเหลื่อมล้ำกันชัดเจน ระหว่างผู้เล่นใหม่ และผู้เล่นเดนตาย คนเก่ง แม่มก็โคตรเก่ง เก่งวัวตาย เก่งควายล้ม เก่งจนต้องกราบสดุดี ส่วนคนเล่นใหม่ หรือผู้เล่นขาจร ก็กากเกินใจจะทน (อย่างแอดมิน) ที่โดนไล่ยิงทิ้งเป็นเป้าซ้อมยิง ในส่วนนี้ก็ว่ากันไม่ได้ อยู่ที่ความขวนขวาย ฝึกซ้อมเอาละนะ
นอกจากนั้น สิ่งที่เชิดหน้าชูตาของแฟนบอยของแฟรนไชส์นี้ก็คือ “ระบบเสียง” ที่ถ่ายทอดเสียงปืนกระหึ่มๆมาแทบจะทุกภาค มาภาคนี้ก็อาจจะผิดหวังนิดๆ เพราะเหมือนเสียงจะแบนๆไปนิด (หรือปืนยุคเก่าเสียงงั้นก็ไม่รู้) ไม่แน่น ไม้ตึ้บเหมือนภาคก่อนๆ
อีกส่วนที่อยากให้ทำใจก็คือ เราอยู่ในยุคที่ “ซื้อเกมไม่เต็มแผ่น” เพราะเกมนี้ เตรียมตัวออก DLC ยิบย่อยคอยสูบตังค์ผู้เล่นเป็นระยะๆ (ใครจัด Day 1 อันนี้สบายตัว เพราะมี Season Pass เล่นได้ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม)
“สำหรับแอดมินแล้ว ใครจะว่าอวยออกนอกหน้า ก็ยอมโดนครับ เพราะของเค้าดีจริงๆ”
แอดมิน Ak47
Trailer
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console