หากจะพูดถึงของเล่นของเด็กผู้หญิงที่ครองใจทุกคนมาเกือบ 60ปี ก็ต้องมีของเล่นอย่างตุ๊กตา บาร์บี้ (Barbie) ตุ๊กตาสาวที่มีประวัติศาสตร์และเรื่องราวน่าสนใจ แล้วด้วยความนิยามก็ยังต่อยอดไปสู่สื่อต่างๆรวมถึงภาพยนตร์ฉบับคนแสดงที่ได้สองนักแสดงมารับบทนำอย่าง Ryan Gosling และ Margot Robbie ที่จะได้ชมกัน เพื่อต้อนรับการมาของภาพยนตร์ เราจะพาไปย้อนดูเรื่องราวและเส้นทางของตุ๊กตาบาร์บี้ที่ครองใจทุกคนมาเล่าสู่กันฟังกันครับ
จุดกำเนิด
หากพูดถึงจุดเริ่มต้นของตุ๊กตาบาร์บี้ เราจะเริ่มต้นจาก Ruth Handler อดีตประธานบริหารของบริษัท Mattel ซึ่งสมัยที่เธอนั่งเก้าอี้ประธานเธอกำลังจะหาสินค้าใหม่เพื่อเรียกลูกค้า ซึ่งตอนแรกเธอเห็นลูกสาวกำลังเล่นตุ๊กตากระดาษ และชอบเล่นบทบาทสมมุติในวัยผู้ใหญ่ นั่นคือไอเดียตั้งไข่ที่อยากจะมีของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิงที่สนุกและสามารถเรียนรู้ชีวิตผู้ใหญ่ผ่านตุ๊กตา จนเมื่อเธอและครอบครัวเดินทาง เธอก็เจอคำตอบ
คำตอบที่ว่าก็คือตุ๊กตาสัญชาติเยอรมันที่ชื่อว่า Bill Lilli Doll ซึ่งเธอชอบรูปลักษณ์ เมื่อกลับมายังอเมริกาเธอจึงนำไอเดียของตุ๊กตาตัวนี้ เสนอให้กับ ทีมผู้บริหารของ Mattel ซึงมีความแตกต่างกับตุ๊กตาสำหรับเด็ก ในช่วงเวลานั้น เธอได้แรงบันดาลใจจากตรงนั้น ซึ่ง Barbie ก็เป็นจุดปิดช่องว่างของอุตสาหกรรมของเล่นตุ๊กตา โดยเหมาะสำหรับเด็กที่สามารถโตขึ้นมาในระดับนึง เข้าใจความแตกต่างพื้นฐานของวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ แล้วจะมีการปรับดีไซน์และต่อยอดจากของเดิมเช่น สามารถขยับแขนขาและถอดต่างหูได้
แล้วในที่สุดตุ๊กตาบาร์บี้ก็ได้ยลโฉมเป็นครั้งเมื่อวันที่ 5 มีนาคมปี 1959 ในงาน New York Toy Fair ซึ่งเป็นที่จุดสนใจของผู้ชมร่วมงานในวันนั้น ก่อนที่จะมีการยิงโฆษณา ทำให้ชื่อเสียงและยอดขายไปในทิศทางบวก ซึ่งชื่อของบาร์บี้นั้น เธอได้ชื่อนี้มาลูกสาวของเธอที่ชื่อ บาร์บาร่า (Barbara) นั่นเอง กระทั่งต่อมาในปี 1961 แมทเทลก็ได้เปิดตัว “เคน” (Ken) ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นตุ๊กตาบาร์บี้เพศชาย ในฐานะแฟนหนุ่มของบาร์บี้ โดยชื่อเคนนี้ก็มาจากชื่อลูกชายของรูธด้วยเช่นกัน
ฟันฝ่าอุปสรรค
ในช่วงที่ตุ๊กตาบาร์บี้กำลังติดปีกจนทำยอดขายถล่มทลาย และเป็นที่นิยมในหมู่เด็กผู้หญิงรวมถึงเหล่าแฟนพันธุ์แท้ที่ชอบสะสม ซึ่งในช่วงความสำเร็จ ก็มีบททดสอบและอุปสรรคที่เกือบทำให้ชื่อของบาร์บี้กลายเป็นอดีต เริ่มจากในปี 1961 เมื่อบริษัทที่ถือสิทธิตุ๊กตา Lilli ที่เป็นแรงบันดาลใจนั้นได้ยื่นฟ้องต่อบริษัท Mattel ข้อหาลอกเลียนแบบและละเมิดข้อตกลงในสิทธิบัตร ซึ่งท้ายสุดมีการตกลงนอกศาล ก่อนที่ในปี 1964 Mattel ก็ได้ซื้อสิทธิ์ของ Lilli Doll มาต่อยอด
เรื่องต่อมาคือคำวิจารณ์ จากข้อมูลบทสัมภาษณ์ที่รูธเคยให้ไว้กับทาง BBC เมื่อปี 1997 ก่อนที่รูธจะเสียชีวิตในอีก 5 ปีต่อมา จากบัทสัมภาษณ์มีการเปิดเผยว่า กว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคเพศชายไม่ชอบใจตุ๊กตาบาร์บี้เนื่องจากเป็นตุ๊กตาของเล่นที่เน้นทรวดทรงองค์เอวของผู้หญิงมากเกินไป กล่าวคือเป็นตุ๊กตาที่มาพร้อมคอนเซปต์ผู้หญิงเซ็กซี่ จึงไม่ค่อยเหมาะที่จะนำมาเป็นของเล่นเด็กผู้หญิงเสียเท่าไร
ในช่วงปี 1968 ก็มีกระแสต่อต้านบาร์บี้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นตุ๊กตาที่สร้างตามพิมพ์นิยมของผู้หญิงชาวตะวันตก คือส่วนสูงและทรวดทรงเซ็กซี่ ที่มาพร้อมกับผมสีบลอนด์กับปากสีแดง เหตุนี้เองจึงทำให้ Mattel แก้ปัญหาด้วยการสร้าง “บาร์บี้สัญชาติแอฟริกัน-อเมริกัน” ขึ้นมาในปี 1980
ความสำเร็จและก้าวต่อไป
ผ่านมา 60ปี ตุ๊กตาบาร์บี้ ก็ยังคงได้รับความนิยม และมีการอกกลูกเล่นรวมถึงต่อยอดไอเดียใหม่ๆอย่างไม่มีสิ้นสุด แล้วยังต่อยอดไปสู่สื่อต่างๆมากมาย โดยเฉพาะภาพยนตร์ที่ไปแจมกับภาพยนตร์ดังอย่าง TOY STORY และล่าสุดกำลังจะมีภาพยนตร์ครั้งแรก ซึ่งกำลังจะเข้าฉายในปีนี้
และนี่คือเรื่องราวของของเล่นขวัญใจสาวๆอย่างบาร์บี้ที่นำมาฝากกันครับ….
@P.PETTY
ข้อมูลประกอบ
https://www.vogue.co.th/lifestyle/article/pet-friendly-plants
https://www.blockdit.com/posts/5f07ddee9248f91bb83b4f6a
https://thethaiger.com/th/news/889817/
https://plus.thairath.co.th/topic/subculture/101624