เทคโนโลยีและการพัฒนาก้าวหน้ามักเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับมนุษย์เราเสมอ เรามักที่จะได้ตื่นเต้น ตะลึงทุกๆครั้ง เมื่อได้เห็นเทคโนโลยีมีระดับที่สูงขึ้น สูงเกินกว่าที่จะจินตนาการเองได้ “กันดั้ม” และ “โมบิลสูท” ต่างๆเองก็เช่นกัน ทุกครั้งที่เราได้เห็น “Variation” หรือ พัฒนาการของมันในทางต่างๆที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็มักทำให้เราได้ตื่นตาอยู่บ่อยครั้ง วันนี้ผมจะพามารับชม “Laboratory LOG” ของบริษัท “Anaheim Electronics” แห่งไทม์ไลน์ Universal Century ที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นบริษัทที่สร้างและพัฒนาเหล่าหุ่นเทพมากมาย …. Laboratory Log เป็นนิตยสารออนไลน์ที่จะนำเสนอ “โมบิลสูทที่คุณอาจไม่เคยเห็น” มาก่อนในซีรีย์ทั่วๆไป ..
Anaheim Laboratory Log(アナハイム・ラボラトリー・ログ)เป็นโนเวลที่เขียนขึ้นมาโดยคุณ มาคาโตะ อิชิอิ และ ยาซึชิ ทาคามุระ และมีการเผยแพร่ในรูปแบบของนิตยสารออนไลน์ในเว็บไซต์ http://www.yatate.net/g-al/g-al-main.html ให้เข้าไปรับชม-อ่านกันได้ฟรีๆ โดยเริ่มปล่อยออกมาให้ได้อ่านกันตั้งแต่ปี 2016 แล้ว จนถึงวันนี้ก็พึ่งมี 3 Chapter ได้แก่ “The Lost Red Machine , Return from AXIS และ MS Flying For The New Era”
ทั้งนี้… เป็นภาษาญี่ปุ่นนะครับผม
เนื้อเรื่องของโนเวล จะดำเนินอยู่ในช่วงปี “UC 0100” ในช่วงเวลาที่ Universal Century จะได้ทำการฉลองในโอกาสครบรอบ 1 ศตวรรษ .. Anaheim Electronics ก็ยังคงแข็งขันทำงานพัฒนาเทคโนโลยีของตนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็น ยานพาหนะ ยาวไปถึงโมบิลสูท รวมไปถึง“กันดั้ม”
Laboratory Log จะนำเสนอเรื่องราวในรูปแบบของ “การบันทึก” โดยฝีมือของ วิศวกรที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา , ทหารที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบหุ่น และ ปฏิบัติการต่างๆจากห้องควบคุม …
Anaheim Laboratory Log นี้เรียกสั้นๆว่า “Analog”
[ MSF-007 Gundam Mk-III ] จุดเริ่มต้นของโมบิลสูทตัวนี้ MK-III พัฒนาต่อมาจาก Gundam MK-II ที่ได้ไปขโมยมา 3 ตัวจากฐานของกลุ่ม Axis โดยได้ส่ง 1 เครื่องเข้าไปที่แล็บของอนาไฮม์เพื่อชำแหละ ค้นคว้าวิจัยในทันที และมีการประกอบกลับเข้าที่ พร้อมกับการสร้างพาร์ทบางส่วนใหม่ด้วย “Gundarium Alloy” (ต่อยอดมาจาก Luna Titanium ที่ใช้กับพวก RX ซีรี่ส์ โดยมีความทนสูงกว่า แต่น้ำหนักเบากว่า) นั่นทำให้หุ่นมีน้ำหนักที่เบาลงจากเดิม เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว อีกทั้งเป็นการเพิ่มพลังป้องกันของเกราะด้วย(เดิมเกราะLuna Titanium ที่ติดมากับ MkIIIเดิมนั้นบางกว่า)
อนาไฮม์ได้ทำการผลิตหุ่นตัวนี้ออกมาหลายตัวโดยมีจุดประสงค์คือการวิจัย พัฒนา และ เก็บข้อมูล จนกระทั่งทำไปถึง Unit-8 ได้มีการใช้เกราะ Anti-Beam coating แบบเดียวกับ “Hyaku Shiki” เพียงแต่เป็นสีแดง ซึ่งนั่นเป็นความตั้งใจสร้างหุ่นตัวนี้ขึ้นมาเพื่อ “ควาโทร บาจีน่า” (ชาร์ อัสนาเบิล) นั่นเอง ในระหว่างการขนส่งไปยังกองกำลัง AEUG การขนส่งก็ถูกจู่โจมโดยโมบิลสูทของ Axis … ไพล็อทของหุ่น “Boyd Swan” สามารถปราบหุ่นของ Axis ได้หมด แต่ก็เกิดความเสียหายกับ MK-III อย่างหนักเลย ….
ด้านอาวุธของ MK-III ก็จะมี 2-Barrel Beam Cannon , Beam Saber และ Long Barrel Beam rifle
[ MSA-005X-1 Methuss X-1 ]X-1 เป็นโปรโตไทป์ยูนิตพัฒนาสำหรับโปรเจค “Methuss” โดยจุดประสงค์ของโปรเจคนี้คือ การทดลอง/วิจัยเกี่ยวกับ Transformation Mechanism ซึ่งอธิบายชัดๆคือ โปรเจค Methuss นี้ทำขึ้นมาเพื่อปูทางไปสู่ “Project Zeta ” นั่นเองครับ ทีมงานที่ได้เข้ามาร่วมโปรเจคนี้ “Hervic Company” เป็นทีมชุดเดียวกับที่พัฒนา Core Fighter มาก่อนในสมัยสงคราม 1 ปี
แต่อย่างไรก็ตาม Methuss X-1 ก็ยังไม่ใช่ผลงานที่จะเรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จ เพราะเป็นโมบิลสูทที่ “ไม่สามารถเปลี่ยนร่างฉับพลัน” ในขณะที่กำลังบินด้วยความเร็วสูงได้ และหุ่น Methuss X-1 ก็ได้ระเบิดไปในการทดสอบ …
[ MSA-005 X-2 Methuss X-2 ] ในด้านของการดีไซน์ X-2 ได้คงดีไซน์เดิมต่อมาจาก ORX-005 Gaplant ซึ่งทำให้ X-2 รุ่นนี้นั้นสามารถติดบูสเตอร์ได้อย่างหลากหลาย ในด้านจุดประสงค์การใช้งาน X-2 นั้นจะเน้นไปทางด้าน “Anti-ship combat” เน้นสู้กับยานรบ เนื่องจากน้ำหนักตัวที่น้อยและความคล่องตัวสูง
แต่ด้วยดีไซน์ของหุ่นนี้แหละที่ได้สร้างจุดอ่อนขึ้นมา แขนขาอันเรียวบางนั้น ทำให้หุ่นเบาก็จริง แต่แทบจะสู้ระยะประชิดไม่ได้เลย (แขนเล็ก อ่อนแรง ถึงแม้จะมี fixed Beam saber ติดไว้ที่แขนก็ตาม)
ภาพของ GM Custom และ GM II จากโนเวล Anaheim Laboratory LOG
[ MS-09SS Dowas Custom ] Dowas เป็นหุ่นรุ่นสุดท้ายที่พัฒนาต่อมาจาก Rick Dom ของกองทัพ Zeon แต่ทว่าสงครามกลับจบลงไปก่อนที่เจ้า Dowas จะได้ออกมาโชว์สะอีก Zeon ได้ทำการส่งโดวาสที่สร้างเอาไว้ให้กับ Axis นำไปพัฒนาสมรรถนะให้สูงขึ้น อีกทั้งติดเกราะ Gundarium เกิดเป็น “Dowas Custom” ในภาพนี้ นี่เอง !
Dowas Custom มีอาวุธที่หลากหลายทั้ง Vulcan , Beam Bazooka และ Diffuse Beam Cannon เมื่อครั้งที่ชาร์ได้ทำการออกจาก Axis เขาก็ได้ขับหุ่นตัวนี้ออกมา ตรงเข้าอนาไฮม์ และทำให้หุ่นตัวนี้เป็นต้นแบบสำหรับ “Rick Dias” ที่ AEUG ใช้ในตอนสงครามกริปส์ นั่นเอง (ขโมยข้ามทัพมาให้อีกฝั่งนึงนำไปพัฒนาต่อซะงั้น)
[ RGM-79SP GM Sniper II (Titans) ](บนในรูป) พัฒนาต่อมาจาก GM Sniper Custom ที่ใช้งานกันในช่วงสงคราม 1 ปี มีการติดตั้ง Laser sensor และกล้องออปติคัลรุ่นใหม่สำหรับ “Ultra long-ranged sniping” เสริมด้วยการใช้งาน L-9 Beam rifle (Long Barrel)
[ RX-80PR-4 Pale Rider DII (Titans) ] เพลไรเดอร์ DII พัฒนาต่อมาจาก RX-80PR-3 Pale Rider Dullahan ภายใต้โปรเจ็ค “Pale Rider” อาวุธใหม่ที่ติดตั้งให้กับ Pale Rider DII นับว่าเป็นจุดน่าสนใจมาก
“Hybrid Shekinah weapons” เป็นเหมือนอาวุธ 2 in 1 เพราะยิงได้แบบทั้ง Mega Beam Launcher และ Gatling Gun ในกระบอกเดียวเลย ทำให้หุ่นตัวนี้สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการสู้รบได้ทั้ง ประชิด และ ระยะกลาง
แต่หุ่นเพลไรเดอร์ตัวนี้กลับไม่ได้มีการติดตั้งระบบ “HADES” (Hyper Animosity Detect Estimate System) แบบเพลไรเดอร์รุ่นก่อนหน้า
[ MS-14J ReGelgu] (ซ้าย) ReGelgu เป็นโมบิลสูทที่ Axis พัฒนาขึ้นจากการอัพเกรด Gelgoog เดิมของ Zeon
ชื่อ ReGelgu เลยมีที่มาจากคำเต็มๆว่า “Refined Gelgoog” จุดที่อัพเกรดอย่างเห็นได้ชัดคือ เกราะที่บริเวณหัวไหล่ ที่มีการติดตั้ง Thruster เพิ่มประสิทธิภาพการเคลื่อนไหวแบบเต็มสูบไปเลย อีกทั้งแบ็คแพ็คติดตั้งเครื่องยิงมิสไซล์ และ Propellant tank ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานเสริม ช่วยให้หุ่นปฏิบัติภารกิจได้ยาวนานมากขึ้น ทางด้านอาวุธของ ReGelgu ต้องบอกว่าหลากหลายทีเดียวครับ ดาบพร้อม โล่พร้อม ถ้าพูดถึงปืนนี่ก็มีทั้ง Beam Rifle ที่บรรจุ Grenade Launcher … และ Beam Machine Gun มีปืนใช้ถึง 2 รูปแบบเลยทีเดียว
[ MS-21D1 DRA-C Custom ](ขวา) ร่าง Custom นี้ได้มีการติด Heavy Weapons เข้าไปให้ตัวโมบิลสูทใช้ นั่นได้แก่ปืน Gatling ที่ถือด้วยมือขวา , missile pod ถึง 4 pod ติดอยู่ที่บริเวณทรัสเตอร์ขา แต่ด้วยน้ำหนักหุ่นที่เยอะ บวกกับการเสริมอุปกรณ์ด้านการเคลื่อนไหวที่น้อย ทำให้หุ่นตัวนี้ไม่มีความคล่องแคล่วสักเท่าไหร่
[ FXA-08R-X1 Proto Mega Rider ] เป็นซัพพอร์ทยูนิทที่สร้างขึ้นมาสำหรับซัพพอร์ทีมโมบิลสูทได้ถึง 3 ทีม ทำหน้าที่คล้ายๆกับพวก “Mobile Base” (พวกที่เอาไว้ขี่ๆกันหนะ) โมบิลสูทสามารถใช้ ProtoMega Rider เครื่องนี้เป็นพาหนะรูปร่างมอเตอร์ไซค์ได้ด้วย ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีอาวุธนะ ! มีการติด Missile pods และ Gatling Gun และต่อมาก็พัฒนาต่อเป็น Mega Rider ให้ AEUG ใช้ใน First Neo Zeon War
ลองดูจากภาพนี้ให้เห็นชัดๆ ว่า Proto Mega Rider นี่มันก็ใหญ่ทีเดียวเลย
[ MS-17 Galbaldy α ] กัลบัลดี้อัลฟ่า เป็นโมบิลสูทของซีอ้อนที่พัฒนาสำเร็จต่อมาจาก Gyan โดยมีการนำพาร์ทชิ้นส่วนของ “Gelgoog” มาติดตั้งด้วย โล่ของหุ่นก็เป็นโล่แบบ Gelgoog เลยเพียงแต่ลดขนาดให้เล็กลง …. และนี่ ก็เป็นอีกหนึ่งโมบิลสูทที่มาไม่ทันสงคราม (ไม่ทันสงคราม 1ปี) นอกจากนั้นในครั้งที่ EFF ได้ไปบุกยึด Pezun Asteroid นั้นก็ได้แปลนของหุ่นตัวนี้มาด้วย และนำไปพัฒนา อัพเกรดต่อเองเกิดเป็น
“Galbaldy Beta” ที่ได้มีการใช้งานในช่วง Gryps Conflict นั่นเองครับ
และนี่คือทั้งหมดของบทความ “ANALOG.” หากท่านต้องการอ่านเนื้อเรื่องภาษาอังกฤษแบบเต็มๆ ก็ขอให้ตามลิงค์http://www.zeonic-republic.net/?page_id=4014นี้ไปได้เลย
***ทำไมไม่แปลเนื้อเรื่องจากภาษาอังกฤษ : บทความนั้นมีความยาว และออกไปทาง Side Stories ซะเยอะมากๆ กลัวจะเบื่อกัน เลยขอทำบทความเป็นแนะนำให้รู้จักหุ่นแปลกๆดีกว่าครับ ^ ^***
- บทความโดย NuthSWR
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console