หลังจากเรื่องราวใน “ดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์” ได้จบลง ในช่วงนั้น ทั่วทั้งทวิตพากันออกมาแสดงความเห็นว่า “คาใจ” อยากดูเรื่องราวต่อจากนี้…อยากเห็นตัวละครวายร้ายอย่าง “อสูรข้างขึ้นที่สาม อากาสะ” ได้ออกมาให้กลุ่มนักล่าอสูรได้แก้มืออีกครั้ง ซึ่งถ้าอิงจากมังงะ ก็อีกนานเลย ว่า ทันจิโร่ จะได้ดวลกับอากาสะ (เป็นเรื่องราวหลังจากภาคย่านเริงรมย์ และภาค หมู่บ้านช่างตีดาบ)
แต่ถึงอย่างนั้นเราก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจของตัวละครนี้ ซึ่งแน่นอนว่า เป็นบทความที่ “สปอยล์เนื้อเรื่อง ในส่วนของอากาสะ” เท่านั้น
ความกตัญญูด้วยวิธีการที่ผิด
ถ้ากล่าวว่า ครอบครัวของ “เรนโกคุ เคียวจูโร่” เป็นกลุ่มชนชั้นผู้มีอันจะกิน ใช้ดาบปราบอสูรภายใต้การสนับสนุนด้านเงินทุนของตระกูลอุบุยาชิกิ…
ตระกูลของอากาสะ ก็เป็นขั้วตรงข้ามเลย เพราะเป็นครอบครัวชาวบ้านยากจน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการหลงผิดครั้งแรก
ย้อนกลับไปใน ปลายยุคเอโดะ ช่วงบากูมัตสึ (เป็นเวลา 100กว่าปีก่อนหน้ายุคไทโชอันเป็นฉากหลังของเนื้อเรื่องหลัก) โดยในยุคนั้นเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ชนชั้นพ่อค้าเรืองอำนาจ แม้วัตถุเจริญรุ่งเรืองจาการติดต่อกับประเทศตะวันตก แต่สังคมกลับถดถอยลง คนจน ก็จนชนิดข้าวสารไม่พอยาไส้
อากาสะ หรือในชื่อมนุษย์ คือ ฮาคุจิ เติบโตมาในครอบครัวที่มีเพียงเขา กับพ่อแค่สองคน ทั้งสองใช้ชีวิตไปตามวิถีชาวบ้าน แต่เมื่อโรคร้ายไม่เคยเลือกฐานะ พ่อของฮาคุจิมีอาการป่วยหนักจนไม่สามารถทำงานได้ จากเดิมที่ยากจนอยู่แล้ว ก็กลับย่ำแย่ขึ้น ฮาคุจิที่รักพ่อของเขามาก ก็ได้มีความคิดแบบเด็กๆ หุนหันพลันแล่น ตัดสินใจเอาเอง จึงก้าวเข้าสู่การเป็นหัวขโมย จนถูกทางการจับ และสักแถบที่แสดงถึงการเป็นผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ไว้ที่มือทั้งสองข้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฮาคุจิสำนัก แม้จะถูกโบยตีนับร้อยครั้ง แต่เพื่อพ่อ ที่เป็นเหมือนโลกทั้งใบ ฮาคุจิไม่ได้หวาดกลัว
สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ความตั้งใจอันแรงกล้าของฮาคุจิ ที่ต้องการเงินไปรักษาพ่อ เกิดจากความรักของพ่อที่เลี้ยงดูเขามาอย่างดี แม้ว่าอ.ผู้แต่งเรื่องจะไม่ได้ลงลึกในดีเทลนี้ แต่จากบทในห้วงคำนึงของฮาคุจิ ก็มีคำกล่าวว่า “ถ้าเลือกได้ ข้าขอตายแทนท่านพ่อ” นั่นก็แปลว่า แม้ยากจน แต่ความรัก ความเข้าใจของพ่อแม่ มีผลต่อจิตใจของลูกอย่างมาก ปัญหาก็คือ “การศึกษา” และ “การขัดเกลา” ที่ดี แม้ว่าพ่อจะรักลูกมาก แต่การสอน การปลูกฝังสิ่งที่ดีนั้นยังมีไม่มากพอ ฮาคุจิจึงกลายเป็นคนที่สามารถทำทุกอย่างเพื่อส่วนตัว และพร่ำโทษโลกทั้งใบแทน
สิ่งสุดท้ายที่พ่อของฮาคุจิได้ทิ้งเอาไว้ให้ ก็คือ “คำสอนของพ่อ” ที่อยู่ในจดหมายลาตายที่เขียนขึ้นหลังฮาคุจิถูกจับตัว โดยฝากฝังคำสอนว่า“จงใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมา กลับตัวเสียยังทัน” ซึ่งนั่น ทำให้เกิดคำถามในหัวของฮาคุจิว่า
“คนยากจนนี่ไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่บนโลกใบนี้เลยเหรอท่านพ่อ…”
คนเราแม้ผิดพลาด ก็ควรได้รับโอกาสแก้ตัวอย่างน้อย 1 ครั้ง
ชีวิตของอากาสะ หรือ ฮาคุจิ ในสมัยเป็นมนุษย์ ได้ออกเร่ร่อนในเส้นทางของคนเถื่อนแต่ยังเล็ก เขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไป นอกจากการมีเรื่องวิวาท ใช้กำลังในการแย่งชิง เอาชีวิตรอดไปวันๆ พร้อมคำถามในใจว่า ทำไมพ่อต้องขอโทษ ทำไมพ่อต้องรู้สึกผิดด้วย ในเมื่อเขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อพ่อได้ ความสงสัย กลายเป็นความโกรธแค้นต่อสังคม จิตใจของฮาคุจิถูกความเกลียดชังเข้ากัดกินหัวใจ
จนกระทั่งวันหนึ่ง โอกาสในการกลับตัวก็มาหาเขาโดยไม่รู้ตัว ฮาคุจิได้พบกับ “เคโซ”ครูสอนศิลปะป้องกันตัว ที่สามารถหยุดฮาคุจิได้จากการมีเรื่องกับชาวบ้าน อีกทั้งยังยินดีต้อนรับฮาคุจิที่เป็นคนเถื่อน โดยไม่สนใจว่าเขาผ่านอะไรมา เคโซเองก็เพิ่งเสียภรรยาที่ทนดูอาการป่วยของลูกสาวอย่าง “โคยูกิ” ไม่ได้เช่นกัน ทำให้เคโซตัดสินใจ ลองให้โอกาสคนๆหนึ่งได้กลับตัว ขัดเกลาด้วยความอบอุ่น และบวกกับการที่ฮาคุจิ ได้ดูแลโคยูกิด้วย ยิ่งทำให้จิตใจของฮาคุจิได้รับโอกาสฟื้นฟู และเริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา เพราะการดูแลโคยูกิที่ป่วยนั้น ฮาคุจิคิดเสมอว่า นี่คือการ “แก้ตัว” ที่เขาไม่สามารถดูแลท่านพ่อได้ในอดีต
ในจุดนี้เราจะเห็นว่า จริงๆแล้ว ฮาคุจิ ไม่ใช่คนเลวร้าย แต่เป็นคนดีที่หลงใช้วิธีการที่ผิด การให้โอกาสคนๆหนึ่งที่เคยผิดพลาดได้กลับตัว มีผลต่อจิตใจอย่างมาก ซึ่งคนบางคนได้ทำผิดพลาดในอดีต ถ้าพื้นฐานเป็นคนจิตใจดีงามแล้ว เขาก็จะกลับมาเป็นคนที่ดี และอาจจะดียิ่งกว่าเดิมก็ได้
โลกเราต้องการการมอบโอกาส และ การให้อภัย เช่น เคโซ ปฎิบัติต่อ ฮาคุจิ นั่นเอง…
เพราะความเห็นแก่ตัว ความอิจฉาของมนุษย์ ได้สร้างอสูรร้ายขึ้นมา…
แม้ว่าชีวิตของฮาคุจิจะกลับมามีสีสัน ได้รับโอกาสกลับตัว เขามีความรักต่อโคยูกิที่เขายินดีที่จะปกป้องไปตลอดชีวิต พร้อมกับการเป็น “ว่าที่เจ้าสำนักหมัดโซริว” จากการที่เคโซตั้งใจจะวางมือแล้วให้ฮาคุจิสืบทอดวิชาต่อ (ไม่มีลูกศิษย์มาเข้าสำนักเลย มีแค่ฮาคุจิคนเดียว) … แต่ด้วยที่ดินที่ตั้งสำนักโซริวนั้น เป็นที่หมายตาของเหล่าสำนักดาบต่างๆ จึงมักมีข้อพิพาทชวนทะเลาะกันอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งก่อนหน้านั้นที่ไม่มีเรื่องราวมาก ก็เพราะเจ้าสำนักดาบรุ่นก่อนยอมรับฝีมือของเคโซ
แต่เมื่อลูกชายได้มาเป็นเจ้าสำนักแทนพ่อที่ตายไป จึงตั้งใจจะเอาที่ดินของสำนักโซริว บวกกับความอิจฉาฮาคุจิ ที่กำลังจะได้แต่งงานกับโคยูกิ และการยุของลูกศิษย์สำนักดาบที่เสนอวิธี “การวางยาพิษในบ่อน้ำ” และด้วยเหตุนี้ โคยูกิ และ เคโซ ต้องถูกยาพิษจนตาย
ฮาคุจิ ที่กำลังจะได้ชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมาตามคำพ่อสอน ก็มาถึงจุดที่ไม่สามารถหันหลังกลับได้ ฮาคุจิพกความแค้นขั้นสุด บุกไปสังหารนักดาบ 67 คน ด้วยวิชาหมัดสำนักโซริวมือเปล่า และพละกำลังมหาศาล
ความแค้นที่สูญเสียคนที่คนรัก และอาจารย์ที่เหมือนเป็นพ่อคนที่สอง ได้ทำให้จิตใจของฮาคุจิแตกเป็นเสี่ยงๆ หลังจากลงมือฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมราวกับอสูร ฮาคุจิก็ออกเดินเตร่อย่างไร้จุดหมาย…
บางครั้ง คนเราที่ชีวิตดีๆ ก็มีจุดพลิกผันที่คาดไม่ถึง ต่อให้เรามีสติ ความรอบคอบในการใช้ชีวิตแล้ว แต่ภัยสังคมรอบข้างนั้น เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ฮาคุจิไม่ได้อยากกลับไปเป็นคนเลวร้าย แต่สังคมรอบข้าง ความสูญเสียคนสำคัญ ได้ผลักดันเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ไร้หลักยึดเหนี่ยวจิตใจนั้น ก้าวเข้าสู่จุดที่ไม่อาจหวนกลับคืนความเป็นคนได้…
ต่อให้เขาไม่เจอกับ “คิบุสึจิ มุซัน” … ฮาคุจิ ก็ไม่สามารถเป็นมนุษย์ในแง่ของจิตใจอีกต่อไปแล้ว แม้กายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจได้เป็นอสูรไปแล้ว
“จะเป็นอะไรก็ช่าง ข้าไม่สนใจแล้ว”
-ฮาคุจิ กล่าว-
แม้เป็นอสูร แต่ลึกๆแล้ว อากาสะก็ยังคงเหลือความเป็นคน
ตลอดเวลาที่อากาสะได้ทิ้งความเป็นคนไปแล้ว แต่เขาก็ยังเลือกเป้าหมายที่จะฆ่า นั่นคืออากาสะจะฆ่าคนอ่อนแอทิ้งให้เร็วที่สุด ส่วน “ผู้ที่แข็งแกร่ง” เท่านั้น ที่จะถูกอากาสะชักชวนให้มาเป็นอสูรด้วยกัน เพื่อที่จะต่อสู้ ฝึกวิชาไปจนถึงจุดสูงสุดด้วยกัน ปัญหาคือ การชักชวนของอากาสะนั้นมีมากเกิน และดูน่ารำคาญจนไม่อยากเป็นซะงั้น (55+) ที่ผ่านมา อากาสะไม่เคยชวนเหล่านักล่าอสูร หรือเสาหลักได้เลย เป็นเวลากว่าร้อยปี และมักจะจบลงที่อากาสะฆ่าผู้ที่ถูกชวนทิ้งไปทุกครั้ง
จุดหนึ่งที่อากาสะเป็น และน่าสนใจก็คือ อากาสะชอบการต่อสู้ที่ตรงไปตรงมา สู้กันซึ่งๆหน้า แม้ว่าการต่อสู้ของกากาสะจะเต็มไปด้วยคำดูถูก เหยียดหยาม พร่ำเพ้อถึงความแข็งแกร่งก็ตาม แต่เป้าหมายที่อากาสะฆ่านั้น ไม่มีผู้หญิงเลยแม้แต่คนเดียว เพราะจิตใจส่วนลึก ได้สั่งการให้ร่างกายไม่ทำอันตรายคนพวกนี้ แม้ว่าจะกลายเป็นอสูรสุดชั่วช้า ยังมีความระลึกถึงโคยูกิ ผู้หญิงที่เป็นเหมือนรักแรก และรักเดียวที่เป็นปมในใจที่ไม่สามารถปกป้องได้นั่นเอง ในใจของเขา ลึกๆแล้วก็อาจจะยัง “หลงเหลือความดีเอาไว้” แม้จะมีขนาดเท่าปลายเข็มเย็บผ้าแล้วก็ตาม
คนทั่วๆไปก็เช่นกัน คนที่เรามองว่าเลวร้าย แต่ถ้าได้มีโอกาสศึกษา ทำความรู้จักกันเข้าไว้ อาจจะมีแง่มุมที่เราคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับอากาสะก็ได้
แม้จะเจอเรื่องราวมามากมาย ทั้งดีร้ายจนกลายเป็นอสูร สุดท้าย บั้นปลายช่วงชีวิตของอากาสะนั้น ก็คือจุดที่เหมาะ และ คู่ควรกับเขาแล้ว…
ชีวิตอันแสนเศร้า ที่เขาเลือกเองใน ครั้งแรก อาจจะฟังดูแล้วไม่น่าสงสาร…
แต่โอกาส “ครั้งที่สอง” ที่เขาได้รับ และกำลังจะไปได้ดี
ก็เกิด โศกนาฏกรรมขึ้น
ครั้งนี้อากาสะไม่ได้เป็นคนเริ่ม เขาคือผู้ถูกกระทำอย่างแท้จริง
อย่าได้เกลียดชังอากาสะเลย…
เราควรตั้งคำถามว่า “ถ้าเป็นเราล่ะ จะตัดสินใจอย่างไร” ในเมื่อต้องสูญเสียคนสำคัญของตัวเองถึงสองครั้ง? และไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของตัวเอง
“เพราะการ์ตูน ไม่ได้มีแค่ภาพวาด แต่มีเรื่องราว มีแง่มุมการใช้ชีวิต แฝงอยู่ในนั้น”
“ว่าแต่ เจ้าน่ะมาเป็นอสูรด้วยกันมั้ย??”
แอดมิน AK47
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console