Godzilla (ゴジラ) คือชื่อของอสูรกายขนาดยักษ์ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในตำนานอันยิ่งใหญ่และยาวนานของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ถือกำเนิดโดยสตูดิโอ TOHO มันถูกตั้งสมยานามว่าเป็น “ราชาแห่งเหล่าสัตว์ประหลาดทั้งปวง” (The King of Monsters) ปรากฏตัวอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์มาอย่างยาวนานถึง 62 ปีเลยทีเดียว
เล่าที่มากันสักเล็กน้อย
ก๊อตซิล่า เป็นเรื่องราวของอสูรกายขนาดใหญ่ ที่มีรูปร่างคล้ายๆ กับมังกร มีความสามารถในการพ่นลำแสง Atomic Breath ทำลายล้างท่ีสูงมากได้ มันเป็นผลพวงที่เกิดจากการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ที่ได้ทำให้สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเกิดการกลายพันธุ์ อันนำมาซึ่งหายนะของมวลมนุษย์ชาติ
ก๊อตซิลล่า คือตัวแทนของเหตุการณ์การทิ้งระเบิดปรมาณูในสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายพันธมิตรนำโดยอเมริกาได้ใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดลงที่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิของจักรวรรดิญี่ปุ่น จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้จิตใจของคนญี่ปุ่นจำนวนมากต่างประหวั่นพรั่นพรึงถึงความน่ากลัวของมหัตภัยนิวเคลียร์ จึงได้สร้างสิ่งที่เสมือนเป็นตัวแทนของความน่ากลัวนั้นขึ้นมา นั่นก็คือ ก๊อตซิลล่านั่นเอง…
ก๊อตซิลล่า ตามท้องเรื่องในหนังจะถูกตีความให้แตกต่างออกไปในแต่ละภาค บางภาคนั้นมันเป็นสัตว์ประหลาดที่พยายามจะเข้ามาทำลายล้างเมือง ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของธรรมชาติที่ต้องการจะทวงคืนมนุษย์ผู้ทำให้สิ่งแวดล้อมบนโลกต้องเสื่อมโทรมลง และในบางภาคมันก็ถูกเชิดชูให้เป็นเสมือนสัตว์เทพเจ้าที่คอยปกป้องมวลมนุษย์ จากการรุกรานของสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ที่จ้องจะทำลายโลก
แล้วตลอด 62 ปีที่ผ่านมานั้น… ก๊อดซิลล่ามีพัฒนาการด้านการออกแบบมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งก๊อดซิลล่าจะมีกี่ดีไซน์นั้น ลองอ่านดูตามนี้ได้เลยครับ
Godzilla (1954)
เป็นครั้งแรกที่ภาพยนตร์เรื่อง Godzillaได้ออกฉายในปี ค.ศ.1954 (หรือเมื่อ 62 ปีก่อน) เป็นชุดแบบสวมใส่ทั้งตัว มีชื่อเรียกว่า “ShodaiGoji” (初代ゴジ) ที่มีความหมายว่า “ก๊อตจิล่ารุ่นแรก” นั่นเอง
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla, Godzilla Raids Again
Godzilla (1955)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “GyakushuGoji” (逆襲ゴジ) เป็นการดีไซน์ชุดของก๊อตซิล่าแบบ ShodaiGoji มีความกระชับมากขึ้น มีความยืดหยุ่นที่มากขึ้นเวลาที่ต้องเข้าฉากต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวอื่นๆ ส่วนหัวมีขนาดเล็กลงเล็กน้อย ดวงตาสามารถขยับได้
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องGodzilla Raids Again, King Kong vs. Godzilla
Godzilla (1962)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “KingGoji” (キンゴジ) เป็นหนึ่งในการออกแบบชุดก๊อตซิลล่าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้น เป็นชุดที่มีความทนทานกว่าสองรุ่นแรกมากขึ้น มือของก๊อตซิลล่ามีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ช่วยให้สามารถจับพล๊อบวัตถุประกอบฉากดีขึ้นดีอีกด้วย
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง King Kong vs. Godzilla, Mothra vs. Godzilla
Godzilla (1964)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “MosuGoji” (モスゴジ) เป็นอีกหนึ่งในการออกแบบชุดก๊อตซิลล่าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้นเช่นกัน ตัวหุ่นใช้วัสดุในการทำชุดที่มีความมันเงา แต่ดีเทลยังคงเป็นผิวที่มีความขรุขระเหมือนเดิม ส่วนมือหุ่นที่ดูเรียวขึ้นและกรงเล็บที่ดูน่ากลัวกว่าเดิม
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Mothra vs. Godzilla, Ghidorah the Three-Headed Monster
Godzilla (1965-1966)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “DaisensoGoji” (大戦争ゴジ) เป็นก๊อตซิลล่าในบทบาทของผู้ปกป้องโลกจากสัตว์ประหลาดจากต่างดาวและสัตว์ประหลาดจากใต้ทะเลลึกที่ชื่อ “Ebirah” งานออกแบบตัวก๊อดซิล่านั้นมีรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นจากแบบ MosuGoji ไม่มากนัก ส่วนหัวจะมีขนาดใหญ่กว่า MosuGoji เล็กน้อยและมีใบหน้าที่กลมขึ้น
ครั้งหนึ่ง… ทางสตูดิโอ Tsuburaya เคยได้ขอยืมส่วนหัวของตัวนี้ไปเป็นปรับปรุ่งเพื่อใช้เป็นมอนสเตอร์ตัวหนึ่งที่ชื่อ “Gomess” ในเรื่อง “Ultra Q” อีกด้วย
Gomess ใน Ultra Q
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Invasion of Astro-Monster, Ebirah, Horror of the Deep, Son of Godzilla , Destroy All Monsters , Godzilla vs. Hedorah
Godzilla (1967)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “MusukoGoji” ( 息子ゴジ) โดยรวมแล้วจะไม่เปลี่ยนแปลงจากชุดแบบเดิมมากมายนัก นอกจากการปรับแต่งในรายละเอียดของส่วนหัวให้มีดวงตาที่ใหญ่ขึ้น มีความเป็น “เพศแม่” ที่มากขึ้น เพราะก๊อตซิลล่าตัวนี้จะมีลูกน้อยหนึ่งตัว
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Son of Godzilla, Godzilla vs. Gigan
Godzilla (1968-1972)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “SoshingekiGoji” (総進撃ゴジ) เป็นอีกหนึ่งในการออกแบบชุดก๊อตซิลล่าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้นเช่นกัน ตัวชุดได้ต้นแบบมาจาก DaisensoGoji ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิม แต่ส่วนหัวถูกออกแบบคล้ายคลึงกับ DaisensoGoji ที่มีความดุดันและน่าเกรงขามมากกว่า ดวงตาของตัวนี้สามารถกระพริบได้
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Destroy All Monsters, All Monsters Attack, Godzilla vs. Hedorah, Godzilla vs. Gigan
Godzilla (1973-1975)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “MegaroGoji” (メガロゴジ) ตัวนี้มีรูปร่างที่แลดูสั้นและอ้วน มีใบหน้าที่ดูกลม ดวงตาขนาดใหญ่แต่ไม่สามารถขยับและกระพริบหนังตาได้ ก๊อตซิล่าตัวนี้ดูมีนิสัยขี้เล่นและเป็นมิตรมากกว่าภาคที่ผ่านๆ มา
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla vs. Megalon,Zone Fighter, Godzilla vs. MechaGodzilla, Terror of MechaGodzilla
Godzilla (1984)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “84Goji” (84ゴジ) ซึ่งตั้งตามปีที่สร้างขึ้น ซึ่งก๊อตซิล่าตัวนี้เป็นจะมีบทบาทเป็นอสูรกายที่หมายจะทำลายล้างโลกดั้งเช่นตัวต้นฉบับเดิม ตัวชุดนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลงในด้านการออกแบบ แต่น้ำหนักของชุดจะมีมากขึ้นถึง 110 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่าชุดแบบ SoshingekiGoji ที่มีน้ำหนักเพียง 40 กิโลกรัมเท่านั้น ด้วยน้ำหนักที่มากทำให้ขั้นตอนการถ่ายทำต้องแยกส่วนถ่าย ในส่วนหัวของก๊อตซิลล่าจะแก้ไขหน้าตาให้ดูดุดันขึ้น
ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง The Return of Godzilla
Godzilla (1989-1991)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “BioGoji” (ビオゴジ) เป็นก๊อตซิลล่าที่มีความเปลี่ยนแปลงที่มากขึ้นกว่าในยุคก่อนๆ อย่างชัดเจน ด้วยรูปร่างที่มีขนาดใหญ่โตกว่าทุกๆ ภาค หน้าตาที่ดูดุดันสมกับเป็นราชาแห่งเหล่าสัตว์ประหลาด ทำให้คนดูรู้สึกจดจำในภาพลักษณ์ของก๊อตซิลล่าตัวนี้มากกว่าทุกๆ ภาค น้ำหนักของชุดจะมีมากขึ้นถึง 110 กิโลกรัม ทำให้ขั้นตอนการถ่ายทำนั้นต้องแยกเป็นส่วนๆ ในการถ่ายทำ
ชุดหนักมาก จนสตั๊นในชุดล้มแบบลุกไม่ขึ้น ต้องให้ทีมงานช่วยกันเลยทีเดียว
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla vs. Biollante, Godzilla vs. King Ghidorah, Godzilla vs. Mothra
Godzilla (1992)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “BatoGoji” (バトゴジ) ที่ยังใช้ภาพลักษณ์ของอสูรกายร้ายเช่นเดียวกับแบบ BioGoji ตัวชุดมีน้ำหนักที่เบาลงจากเดิมและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น มีผิวดีเทลขรุขระและมันเงา ดวงตาของก๊อตซิลล่าตัวนี้จะมีส่วนสีขาวสะท้อนเป็นสีทองได้ เป็นอีกตัวที่คนดูรู้สึกจดจำในภาพลักษณ์ของก๊อตซิลล่าตัวนี้อย่างมากด้วยเช่นกัน
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla vs. Mothra, Godzilla vs. MechaGodzilla 2 , Godzilla vs. SpaceGodzilla
Godzilla (1993)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “RadoGoji” (ラドゴジ) ตัวนี้ยังไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปจากแบบ BatoGoji มากนัก มีการปรับลดส่วนไหล่ให้กระชับลง ส่วนหัวจะกว้างกว่าแบบ BioGoji ส่วนขาก็ถูกปรับให้กระชับขึ้นด้วยเช่นกัน ตัวชุดทั้งตัวจะมีสีที่ดำคล้ายสีถ่านมากกว่าทุกๆ ภาค
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla vs. MechaGodzilla 2, Monster Planet of Godzilla, Godzilla vs. SpaceGodzilla
Godzilla (1994-1995)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “MogeGoji” (モゲゴジ) ภาคที่ต้องต่อสู้กับะสัตว์ประหลาด Destoroyah ตัวชุดเหมือนกับแบบ RadoGoji ดูอ้วนท้วมขึ้น มีการเพิ่มขนาดของไหล่ให้กว้างขึ้น ซึ่งตามเนื้อหานั้น… ก๊อตซิลล่าตัวนี้จะมีสารกัมมันตภาพรังสีในร่างกายที่สูงมากจนมีสีแดงอมส้มเปล่งออกมาอย่างชัดเจน จึงได้มีการออกแบบตัวชุดให้ติดตั้งหลอดไฟเรืองแสงสีแดง, ส้มขนาดเล็กถึง 200 ดวงที่ถูกคลุมทับด้วยแผ่นไวนิลกึ่งโปร่งแสง ติดตั้งกลไกไอน้ำให้ดูคล้ายกับควันที่คุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ภาคนี้มีการใช้ CGI ในการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วย
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla vs. Destoroyah
Godzilla (1998)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า“ShodaiJira” (初代ジラ) ซึ่งเป็นก๊อตซิล่าที่สร้างโดยทางฝั่งอเมริกา โดยเนื้อหาจะหยิบยกเอาเหตุการณ์การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของประเทศฝรั่งเศส บนหมู่เกาะเฟรนช์โปลินีเซีย บริเวณกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ทำให้อีกัวน่าบนเกาะนั้นเกิดการกลายพันธุ์จนมีขนาดร่างกายที่ใหญ่โตมาก และมันก็ได้เข้ารุกรานเกาะแมนฮัตตันที่ประเทศอเมริกา เพื่อวางไข่ขยายเผ่าพันธุ์
ก๊อตซิล่าตัวนี้ถูกออกแบบมาให้ดูคล้ายคลึงกับ “ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์” (Tyrannosaurus Rex) เป็นภาคที่ใช้ CGI และ Motion Capture ในการถ่ายทำตัวก๊อตซิลล่าในเรื่อง
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง GODZILLA (1998)
Godzilla (1999-2000)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “MireGoji” (ミレゴジ) เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นในภาคการพื้นกลับมาอีกครั้งของราชาอสูรกาย งานดีไซน์ชุดนี้ได้ใช้การออกแบบของ KingGoji ในปี 1962 เป็นพื้นฐาน มีการปรับครีบที่หลังให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีสีม่วง เป็นภาคที่ใช้ CGI และชุดสวมในการถ่ายทำ
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla 2000: Millennium, Godzilla vs. Megaguirus
Godzilla (2001)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “SokogekiGoji” (総攻撃ゴジ) เป็นตัวที่ใช้ในภาพยนตร์ญี่ปุ่น ซึ่งตัวนี้มีขนาดและลำตัวที่อ้วนท้วม กล้ามแขนและใบหน้าที่ดุดัน ลูกตาเป็นสีขาวทั้งดวง ซึ่งโดยรวมๆ ไม่มีความเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากนัก เป็นภาคที่ใช้ CGI และชุดสวมในการถ่ายทำ
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla, Mothra and King Ghidorah: Giant Monsters All-Out Attack
Godzilla (2002)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “KiryuGoji” (機龍ゴジ) ก๊อตซิลล่าตัวนี้ได้ใช้งานออกแบบ MireGoji มาเป็นพื้นฐาน แต่มีสีของร่างกายที่ดูคล้ายสีถ่านมากกว่า เกล็ดตามร่างกายมีความแหลมยื่นนูนออกมามากขึ้น เป็นภาคที่ใช้ CGI และชุดสวมในการถ่ายทำ
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla Against MechaGodzilla, Godzilla: Tokyo S.O.S.
Godzilla (2004)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า“FinalGoji” (ファイナルゴジ) ก๊อตซิลล่าตัวนี้ถูกสร้างขึ้นสำหรับหนังภาพยนตร์ฉลองครบรอบ 50 ปีของก๊อตซิลล่า งานดีไซน์ของตัวนี้ได้นำเอาแนวคิดการออกแบบของ 84Goji, BioGoji และ MogeGoji มาเป็นพื้นฐาน แถมยังมีส่วนที่เป็น “หู” ที่ยื่นออกมาอีกด้วยเป็นภาคที่ใช้ CGI และชุดสวมในการถ่ายทำ
ปรากฏตัวในหนังภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่อง Godzilla: Final Wars
Godzilla (2014)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า “LegendaryGoji” (レジェンダリーゴジ) เป็นก๊อดซิลล่าอีกหนึ่งภาคที่สร้างโดยทางอเมริกา ฝีมือการถ่ายทำโดยค่าย Legendary ตัวนี้มีส่วนสูงที่มากถึงประมาณ 108 เมตร น้ำหนัก 164,000 ตัน เคยเป็นก๊อดซิลล่าตัวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมา จนกระทั่งมีตัวใหม่ที่มาทำลายสถิติความสูงอีกครั้งในปี 2016 เป็นภาคที่ใช้ CGI ถ่ายทำตัวของก๊อตซิล่าทั้งหมด
ภาพเปรียบเทียบขนาดของแต่ละภาค
Godzilla (2016)
ก๊อตซิลล่าตัวนี้มีชื่อเรียกว่า“ShinGoji” (シンゴジ ) เป็นก๊อดซิลล่าในภาคล่าสุดสร้างโดยทางญี่ปุ่นกับกับโดยคุณHideaki Annoและ Shinji Higuchi ตัวนี้มีรูปลักษณ์ที่ดูน่ากลัวสมกับที่เป็นอสูรกายร้าย และมีความอัปลักษณ์ในเวลาเดียว แขนที่ดูผอมลีบ ลำตัวที่เป็นสีดำกับสีแดงที่เรืองออกมาดูคล้ายๆ กับเส้นเลือดที่กำลังปริแตกออก ว่ากันว่ามันมีขนาดของความสูงที่มากกว่าทุกๆ ตัวเท่าที่เคยมีมา มากถึงประมาณ “118 เมตร” ซึ่งก๊อตซิลล่าในภาคนี้ได้กลับมาเป็นหายนะของมวลมนุษยชาติอีกครั้ง ในปี 2016 ในชื่อ “Shin Godzilla”
“Shin Godzilla” ภาคล่าสุดในปีนี้ของทาง Mongkol Major Mongkol Cinema มีกำหนดฉายในวันที่ 8 กันยายน 2016 ที่จะมาถึงนี้
**เกร็ดน่ารู้เล็กน้อย
“เสียงของก๊อตซิลล่า” เกิดจากการใช้ถุงมือที่ชุบด้วยน้ำมันมาสีกับเครื่องดนตรีประเภทสีอย่าง “Double Bass” แล้วปรับเสียงแต่งเสียงโดยการเล่นย้อนกลับ จนเป็นเสียงในแบบที่ได้ยินกันจนถึงทุกวันนี้
คลิปจาก : ortboys
หากมีข้อมูลตัวไหนตกหล่นสามารถบอกกล่าวกันได้นะครับ^^
miraclesaven
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก