ชื่ออังกฤษ : ํYoyo Cop Girls
ชื่อญี่ปุ่น :Sukeban Deka (スケバン刑事) (สึเคบัน เดกะ)
ผลิตโดย : Toei
จำนวนตอนที่ฉาย : ซีซั่นแรก 24 ตอน / ซีซั่นสอง และ ซีซั่นสาม 42 ตอนจบ
ออกฉายครั้งแรก : ภาคแรก 11 เมษายน 1985 – 30 ตุลาคม 1985 / ภาคสอง 7 พฤศจิกายน 1985 – 23 ตุลาคม 1986 / ภาคสาม 30 ตุลาคม 1986 – 29 ตุลาคม 1987
ออกฉายในไทย : พ.ศ. 2530-2532 ทางช่อง 5 โดยบ.รัชฟิลม์ทีวี
“นักเรียนในโรงเรียนมัธยมในญี่ปุ่น มีจำนวน 492,000 คน ที่คิดถึงเรื่องการศึกษาจริงๆ มีจำนวนน้อยมากๆ และพวกเขาก็ถูกกีดกัน กลั่นแกล้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว…และการต่อสู้ของ อาซามิยะ ซากิ ได้เริ่มต้นขึ้น…”
นี่คือคำโปรยก่อนเข้าฉากของ “สิงห์สาวยอดนักสืบ” ละครญี่ปุ่นที่โด่งดังที่สุดในยุค 80 ที่ดัดแปลงจากการ์ตูนเรื่องดังของ “อ.วาดะ ชินจิ” ที่หลายๆคนในยุคนี้อาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าคนที่มีอายุหลัก 30+ น่าจะเคยผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว
ที่มาของเรื่องนี้ มาจากช่วงปี 1976 จากความเข้าใจผิดระหว่างตัวของ”อ.วาดะ ชินจิ” ผู้เขียน ที่ตั้งใจจะให้ผลงานเรื่องใหม่ เป็นเรื่องราวดราม่าในรั้วโรงเรียนมัธยม แต่ทางกองบก.นิตยสาร Hana to Yume แห่งสำนักพิมพ์ Hakusensha กลับไปเข้าใจว่าอ.วาดะแกจะเขียนการ์ตูนแนวนักสืบ ไปๆมาๆ อ.แกก็เอามารวมๆกันจนเป็นเรื่้องเป็นราว และตีพิมพ์ครั้งแรกในระหว่างเดือน ก.ย. 1976 – ธ.ค. 1982 กับฉบับรวมเล่ม 22 เล่ม และตัว “อาซามิยะ ซากิ ” ก็กลายเป็นตัวละครที่ครองใจทั้งเด็กผู้ชาย และเด็กผู้หญิงในเวลานั้น
เรื่องย่อ
“สิงห์สาวนักสืบ” (Sukebun Deka) ภาคแรก
สิงห์สาวนักสืบภาคแรก เป็นเรื่องราวของ “อาซามิยะ ซากิ” (แสดงโดย “ยูกิ ไซโต้” ไอดอลสาวชื่อดังในยุคนั้น) เด็กสาวม.ปลายที่ทำงานให้กับ “คุรายามิ ชิเรย์” ผู้ริเริ่มโครงการ “สึเคบัน เดกะ” แห่งกรมตำรวจญี่ปุ่น โดยมี “จิน เคียวอิจิโร่” นายตำรวจคนสนิท คอยประสานงาน
ซากิ รับงานเพื่อล้างมลทินให้แม่ ที่ถูกกระบวนการยุติธรรมที่ผิดพลาดตัดสินโทษ ซากิจึงออกตะเวณไปยังโรงเรียนต่างๆ เพื่อจัดการกับปัญหาการทุจริต คอรัปชั่นภายในที่เป็นต้นตอของคดีคฆาตกรรม ยาเสพติด โดยตัวซากิ จะได้รับอาวุธ “โยโย่” หรือ “ลูกดิ่ง” ของเล่นแบบสั่งทำพิเศษจากกรมตำรวจ ที่มีตรา “ซากุระไดมง” หรือ “ตรากรมตำรวจญี่ปุ่น”
และการต่อสู้กับ “สามพี่น้องมิซึจิ” สามพี่น้องมือสังหารขั้นเทพที่ปราถนาจะครองญี่ปุ่น และทุกสถาบันการศึกษา ซากิเอาชนะพวกเธอได้2คน แต่ทว่าในศึกตัดสินครั้งสุดท้าย “มิซึจิ เรมิ” พี่สาวคนโตของตระกูลมิซึจิ ได้ออกมาล้างแค้นให้น้องสาวๆของเธอ จนทำให้ เคียวอิจิโร่ ต้องตาย ซากิ และเรมิต้องต่อสู้กันในห้องรมแก๊ส และเกิดการระเบิดขึ้น ซากิ หายสาปสูญไปในการต่อสู้ครั้งนั้น
“สิงห์สาวหน้ากากเหล็ก” (แปลตามช่อง5) (Sukebun Deka 2) ภาค 2
สิงห์สาวนักสืบ ภาค 2 จะเล่าเรื่องราวต่อเนื่อง หลังจากการหายสาปสูญของ “อาซามิยะ ซากิ” ทำให้ “คุรายามิ ชิเรย์” ผู้ริเริ่มโครงการ “สึเคบัน เดกะ” ต้องหาสายลับคนใหม่ ทำให้ภาคนี้จะเป็นการเล่าเรื่องราวของ “โกได โยโกะ” สาวน้อยหน้ากากเหล็กสุดลึกลับ ลูกสาวของนายตำรวจโกไดที่หายตัวไป (แสดงโดยสุดยอดไอดอลแห่งยุค 80 “มินามิโนะ “นันโนะ” โยโกะ”) ที่วันนึง หน้ากากเหล็กของเธอก็ถูกเปิดออก และเข้ามาใช้ชีวิตในฐานะสายลับคนใหม่ (แถมได้รับโยโย่อันใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าของซากิ 4 เท่า!!) โยโกะรับงานผ่านทาง “นิชิวากิ” ชายวัยกลางคนที่เป็นเจ้าหน้าที่จากกรมตำรวจ ที่เอ็นดูโยโกะเหมือนลูกสาว อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ในโรงเรียนทุกโรงเรียนที่โยโกะเข้าไปเรียนด้วยเสมอ
“มินามิโนะ โยโกะ”หรือ “นันโนะ”สาวสวยหน้ากลมจากยุค 80 ที่โด่งดังทะลุฟ้าจากละครชุดนี้ มีเดบิวซิงเกิ้ลออกทั่วเอเซีย
ในภาคนี้ นักสืบสาวของเราไม่ได้มาคนเดียว เพราะโยโกะมีเพื่อนร่วมงานอีก 2 คน ได้แก่ “นากามูระ “โอเคียว” เคียวโกะ” สาวน้อยมาดทอมบอย ที่มีอาวุธเป็นลูกแก้ว ซัดใส่ศัตรูระยะไกล กับ “ยูกิโนะ ยาจิม่า” สาวหวานผู้มีอาวุธเป็นเล็บที่ใช้ดิดพิณญี่ปุ่น
และในภาคนี้ สามสาวต้องต่อสู้กับ “เซโรไค” องค์กรก่อการร้ายใต้ดิน ที่มีฐานบัญชาการเป้นโรงเรียนเอกชนต่างๆในญี่ปุ่น นำโดย “ชิงาราคิ เคียวชิโร่” และภาคนี้ ซากิ นางเอกจากภาคแรก ได้กลับมาช่วยโยโกะในการถล่มองค์กรเซโรไคลงได้ โยโกะถูกปลดระวาง กลับไปใช้ชีวิตวัยรุ่นอย่างสงบ ส่วนซากิ หายสาปสูญไปอีกครั้ง…
“สิงห์สาวนักสืบ” (Sukebun Deka) ภาค3
หลังจากสิงห์สาวทั้งสองภาคได้รับความนิยม จนต้องมีภาคต่อ โดยเนื้อหาภาคนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่โยโกะ และซากิ ถูกปลดจากการเป้นนักสืบสาวม.ปลายแล้ว ทำให้ตำแหน่งนักสืบสาว กลับมาว่างอีกครั้ง ทำให้ “คุรายามิ ชิเรย์” ผู้ริเริ่มโครงการ “สึเคบัน เดกะ” ต้องหาสายลับคนใหม่ คราวนี้มาทีเดียว 3 คน เพราะเป็น “สามสาวพี่น้องตระกูลนินจา คาซาม่า” ได้แก่ “ยูกะ” พี่สาวคนโต ผู้ใช้ศาสตร์การพับนกระเรียนเป้นอาวุธ / “ยูมะ” พี่สาวคนรองผู้ใช้เข็มถักโครเชต์ และนางเอกของภาคนี้ น้องสาวคนเล็ก “ยูอิ” (แสดงโดย “ยูอิ อาซากะ”ไอดอลสาวชื่อดังบ้านเขา แต่บ้านเรา “เงียบกริบ”) ผู้ถนัดวิชานินจา การใช้อาวุธลูกดิ่งโยโย่ และสนับมือ โดยสามสาวได้รับภารกิจจากกรม ผ่านทาง “หน้ากากอสูร ฮันเนีย” หรือ “โยดะ คาซุยะ” สุดยอดนินจาแห่งยุค ที่คอยสอนวิชาให้สาวๆเอาไปใช้งานด้วย
โดยศัตรูในภาคนี้คือ “กลุ่มคาเงะ” จะนำโดยกลุ่มผู้นำนินจา “คาชินโยชิ” หรือ “จักรวรรดิ์” และมีลูกน้องคนสนิท “มาฮาระ” หรือตัวจริงคือ “คาซาม่า โคเก็นตะ” ที่พวกคาเงะได้ล้างสมองจนกลายเป็นมาฮาระ ขุนพลซามูไรเกราะเหล็กเข้าต่อสู้กับบรรดาลูกสาวของตน แต่ด้วยความรักของลูกๆ ทำให้เขาได้สติ และส่งให้สาวๆโค่นล้มอำนาจมืดที่หวังจะครองญี่ปุ่นได้อีกครั้ง…
(ภาคนี้สังเกตุว่า ตัวละคร ฟิลลิ่งจะหนักไปทาง StarWars แบบเต็มๆ ทั้งชื่อตัวละคร การวางพล๊อต อย่าง โยดะ / จักรรวรรดิ์ / พลังด้านมืด / มาฮาระ ที่เหมือนดาร์ธเวเดอร์…)
ของเล่น
เมื่อละครมันโด่งดังซะขนาดนี้แล้ว จะไม่มีของเล่นของสะสมออกมาเลยก็กระไรอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น ของเล่นของสะสมจากละครเรื่องนี้กลับมีน้อยอย่างใจหาย เพราะหลักๆแล้วจุดขายของละครเรื่องนี้คือเนื้อหา และนักแสดงที่โด่งดังจนมีซิงเกิ้ลเพลงออกมาเยอะแยะมากมายในขณะนั้นมากกว่า..
ที่แน่ๆ มีอย่างนึงที่มีมาขายคือ “โยโย่” นั่่นเอง…
ตุ๊กตาก็มีขาย แต่เป็นยุคหลังๆแล้วล่ะครับ…
จัดเป็นละครเก่าที่สร้างกระแส และเป็นการสร้าง Gimmick ให้ชุดนักเรียนกะลาสีญี่ปุ่นให้มีภาพลักษณ์ของสาวน้อยนักสู้ ที่แบกรับโชคชะตาอันสาหัส บวกกับเนื้อหาที่ซับซ้อนแต่เข้าใจง่ายจบในตอน ดูสนุกลื่นไหล (เฉพาะสองภาคแรกนะ ภาคสามเลอะเทอะ) และบวกกับความสวยน่ารักของไอดอลสาวแห่งยุค 80 มาเล่นฉากแอคชั่นสนุกๆ (ไม่นับเอฟเฟกต์ตกยุคนะ) ทำให้ละครเรื่องนี้ ตราตรึงใจของผู้ที่ได้รับชม เป็นอีกเรื่องที่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแนะนำให้หามาดูครับ
สามสาวยอดนักสืบในปัจจุบัน
“ยูกิ ไซโต้” ในวัย 5x ปี
“มินามิโนะ “นันโนะ” โยโกะ” ในวัย 4x ปี
“ยูอิ อาซากะ” ในวัย 4x ปี
แอดมิน Ak47
เพลงปิด ภาคแรก