ประเภท : Action, Dramatic, Mecha Sci-Fi
จำนวนตอน :หนังโรง 7 ตอนจบ, ทีวีซี่รี่ย์ 11 ตอนจบ
สถานะ : Animation the Movie. OVA, OAV, TV Series
ออกฉายครั้งแรก : ปี 2010 ในโรงภาพยนตร์ และทาง PSN Network (Sony Entertainment), ทางทีวีในปี 3 เมษายน ปี 2016
ผู้ผลิต : Sunrise, MBS,
ลิขสิทธิ์ภาคภาษาไทยโดย : DEX Exprees
ระยะเวลาในการฉาย : 58 – 60 นาที ต่อตอน(Movie), 24 นาที (TV)
“จากกันดั้มฉบับนวนิยายอันโด่งดังที่ได้โลดแล่นสู่จอเงิน… ที่ได้กลับมาสร้างประวัติศาสตร์แห่งห้วงอวกาศที่ต้องจารึกอีกครั้งในภาคทีวีซี่รี่ย์ ใน Mobile Suit Gundam Unicorn”
Mobile Suit Gundam Unicorn เป็นอนิเมชั่นกันดั้มอีกหนึ่งภาคที่กล่าวได้ว่า “โด่งดังมากที่สุด” อีกหนึ่งภาค เนื้อเรื่องภาคนี้ได้รับการประพันธ์ โดย อ.ฮารุโทชิ ฟุคุอิ และออกแบบเครื่องกลโดย อ.ฮาจิเมะ คาโทกิ เริ่มแรกถูกเขียนเป็นนิยาย “ไลท์โนเวล” มาก่อนซึ่งมีความยาวของหนังสือถึงสิบเล่ม และในปัจจุบันได้ถูกนำมาตีพิมพ์เป็นภาษาไทยแล้วโดยค่าย Dream Express ซึ่งผลงานเรื่องนี้ได้ถูกทางสตูดิโอ Sunrise นำมาสร้างเป็นอนิเมชั่นในรูป OVA และฉายแบบหนังภาพยนตร์ ในความยาวตอนละห้าสิบนาที รวมทั้งหมด 7 ตอนจบด้วยกัน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ ปี 3 เมษายน ปี 2016ทางสตูดิโอ Sunrise ได้นำ Mobile Suit Gundam Unicorn กลับมาฉายใหม่อีกครั้งในรูปแบบอนิเมชั่นทีวีซี่รี่ย์ โดยแบ่งออกฉายเป็นตอนๆ ทั้งหมด 11 ตอนจบ รวมถึงมีการเพิ่มฉากใหม่และหุ่นตัวใหม่ๆ ที่ไม่มีในภาคOVA และแบบหนังภาพยนตร์ โดยใช้ชื่อภาคนี้ว่า “Mobile Suit Gundam Unicorn RE : 0096”
ปฐมบท…
…ในยุคที่มนุษยชาติได้ย่างก้าวตัวเองไปสู่พรมแดนแห่งใหม่และประกาศตนว่าคือผู้ที่อยู่เหนือจุดสูงสุดของสิ่งมีชีวิต ในยุคที่มนุษยชาติได้เอื้อมมือแตะสรวงสวรรค์ ปีศักราชได้ผันเปลี่ยนแปลงจาก คริสตศักราชสู่ยุคแห่งศักราชอวกาศ
Anno Century (A.D.) ก้าวสู่ Universe Century(U.C.)
นับเป็นชัยชนะของมนุษยชาติทั้งปวงที่ทำลายระยะห่างระหว่างโลกและอวกาศได้สำเร็จ เหล่าผู้แสวงหาดินแดนแห่งใหม่ได้สร้างสรรค์อาณาเขตที่จะสร้างโลกใบใหม่สำหรับมนุษย์รุ่นต่อๆ ไป แต่ทว่า… เหล่ามนุษยชาติกลับได้นำพาหายนะอันไปการล้างเผ่าพันธุ์ของตนเองขึ้นไปยังอวกาศอีกด้วย นั่นก็คือ สงคราม…
…ในปีศักราชอวกาศที่ 0079 เมื่ออาณานิคมอวกาศ ได้ประกาศแยกตัวเพื่อเป็นเอกราช เหล่าสเปซนอยด์รวมตัวกันเรียกขานตนเองขึ้นใหม่ว่า จักรวรรดิซีออน (Zeon Empire) โดยมี ตระกูลซาบี้ (Zabi family) เป็นหนึ่งในแกนหลักในการขับเคลื่อนยุคใหม่ ไม่ขอเป็นส่วนหนึ่งของโลกดาวแม่ของตน คำประกาศนั่นถือเป็นการแย่งชิงดินแดนและทรัพยากรต่างๆ ไปจากโลก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ยอมให้กันโดยง่ายๆ ไปไม่ได้… เหล่านานาอารยประเทศได้รวมตัวกันเพื่อจัดตั้งขึ้นเป็น สหพันธ์โลก (Earth Federation Force) ต่อต้านการกระทำดังกล่าว
สนามรบถูกย้ายขึ้นไปบนอวกาศ… การสู้รบกันบังเกิดขึ้น สมรภูมิครั้งแรกบนผืนอวกาศถูกเรียกว่า “สงครามซีออนครั้งที่ 1” ความสูญเสียนั้นหาได้มีสงครามใดๆ ในโลกมาเทียบเคียงได้… สงครามซีออนครั้งที่ 1 สิ้นสุดลง โดยการที่ฝ่ายซีออนได้ใช้แผนการทิ้งโคโลนี่ลงมายังโลก (Operation British) ณ บริเวณซิดนี่ย์ เมืองดูบลิน (Dublin) ประเทศออสเตรเลีย ส่งผลให้สหพันธโลกและดาวแม่เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล
14 ปีผ่านไป… สภาวะไฟสงครามที่ยาวนานกลับมิได้มอดลง… เมื่อเกิดเหตุการณ์ก่อรัฐประหารขึ้นในจักรวรรดิซีออนจากทายาทของอดีตตระกูลไดคุน “แคสวัล เลม ไดคุน” หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “ชาร์ อัสนาเบิ้ล” โดยอ้างตนเองเป็นผู้สืบทอดของซีออนอย่างแท้จริง การก่อกบฏครั้งนั้นเขาได้อาศัยช่วงจังหวะที่จักรวรรดิซีออนอ่อนล้าจากสงครามและสถาปนาซีออน ขึ้นใหม่เป็น “นีโอซีออน” จนตระกูลซาบี้ถูกลดบทบาททางการเมือง ก่อนจะเริ่มแผนการตอบโต้ขั้นแตกหักกับสหพันธ์โลก
สงครามครั้งนี้ถูกเรียกว่า “สงครามนีโอซีออนครั้งที่ 2”
…ปีศักราชอวกาศที่ 0093 บาดแผลยังมิทันสมานต้องปริแตกอีกครั้ง… เมื่อชายผู้มีฉายาว่า ”ดาวหางสีแดง” ในนามของผู้นำคนใหม่แห่งนีโอซีออนมีแผนจะใช้ลูน่าที่ 5 หรือในชื่อ Axis ดาวเคราะห์น้อยอดีตสถานีอวกาศพุ่งชนโลก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ทว่า… แผนการนั้นได้ถูกขัดขวางจาก Mobile Suit สีขาวที่มีวีรบุรุษอันเป็นคู่ปรับตลอดกาลของดาวหางสีแดงเป็นนักบินอย่าง “อามุโร่ เรย์” Axis ถูกผลักดันกลับและสงครามได้สิ้นสุดไปพร้อมกับการหายสาบสูญของวีรบุรุษสีขาวและดาวหางสีแดง…
…เวลานั้นได้ล่วงเลยมาถึงปี ศักราชอวกาศที่ 0096 แม้ตลอดช่วงสามปีที่ผ่านมานั้นมาสงครามระหว่างสหพันธ์โลกกับนีโอซีออนจะยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เป็นทั้งความลับและจุดชี้ขาดในการคงอยู่ของสหพันธ์โลก นั่นคือโค๊ดเนม 100 ปีอันเป็นระยะเวลาที่มนุษยชาติได้เอื้อมมือแตะสรวงสวรรค์ ปีศักราชได้ผันเปลี่ยนแปลงจากคริสตศักราชสู่ยุคแห่งศักราชอวกาศ สิ่งๆ นั้นถูกเก็บอยู่ในกล่องแห่งความลับที่ซุกซ่อนไว้ และดอกกุญแจภายใต้รูปโฉมของม้ายูนิคอร์น
กล่องใบนั้นมีชื่อว่า “กล่องแห่งลาพลัส (Laplace Box)” ที่ต้องใช้กุญแจที่อยู่ในรูปลักษณ์ของ Mobile Suit สีขาวที่ชื่อว่า “ยูนิคอร์น” หรือชื่อที่แท้จริงคือ…
RX-0 Gundam Unicorn…
Episode 1 : The day of the Unicorn.
การรำลึกถึงวันวานเมื่อ 100 ปีก่อน ในเหตุการณ์ที่มวลมนุษยชาติจะไม่มีวันลืมไปจากความทรงจำ เมื่อสภาแห่งลาพลัสถูกลอบวางระเบิดในวันที่มีการประกาศเบิกยุคแห่งศักราชใหม่จากปีคริสตศักราชสู่ปีศักราชอวกาศ
…ผ่านมา 3 ปี หลังจากสิ้นสุดสงครามนีโอซีออน ครั้งที่ 2 เกิดความเคลื่อนไหวบางอย่างภายในจักรวรรดินีโอซีออน เมื่อรัชทายาทแห่งตระกูลซาบี้คนสุดท้ายได้เดินทางมายังอาณานิคมอวกาศอันเป็นที่ตั้งของมูลนิธิวิสท์ (Vist Foundation) พร้อมกับผู้ติดตามจากนีโอซีออนในนาม ”กลุ่มปลอกแขนเสื้อ” (The Sleeves) ที่ได้รับคำสั่งให้มานำเอา “กล่องแห่งลาพลัส”
ทว่ากลับถูกเรือรบลาดตระเวนของลอนโดเบลจับได้และเกิดการต่อสู้ ก่อนจะรอดมาได้… ซึ่งการมาของกลุ่มปลอกแขนเสื้อนั้นเป็นที่รู้กันระหว่างมูลนิธิและนีโอซีออน หากแต่เจตนาของรัชทายาทแห่งตระกูลซาบี้กับนีโอซีออนนั้นกลับไม่ได้เห็นพร้องกัน หากทันทีที่กล่องแห่งลาพลัสได้ถูกส่งมอบจนสำเร็จ เพื่อยับยั้งแผนการมืด… รัชทายาทแห่งตระกูลซาบี้ได้แอบหนีจากการติดตามของกลุ่มปลอกแขนเสื้อเพื่อเดินทางไปยังมูลนิธิวิสท์โดยลำพัง …
บานาจ ลิ้งซ์ นักเรียนวิศวะในศูนย์ฝึกของบริษัท Anaheim Electronic(A.E.) บังเอิญได้ช่วยเหลือเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังจะตกลงมาจากท้องฟ้า เธอชื่อ ออเดรย์ เบิร์น เธอกำลังจะไปสถานที่แห่งหนึ่งในอาณานิคมอวกาศที่กำลังก่อสร้างอยู่ บานาจจึงขออาสาเป็นคนนำทางให้ ในระหว่างทางกลับเจอคนจากกลุ่มปลอกแขนเสื้อที่หมายจะจับตัวออเดรย์ไปจึงเกิดการต่อสู้กันเล็กน้อยก่อนที่ทั้งสองจะหนีรอดมาได้
สถานที่ๆ ออเดรย์จะมาเยือนนั้นเป็นคฤหาสน์ใหญ่… ทันทีที่ได้เห็นบานาจเกิดรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ที่นั่นเอง…ทั้งสองคนได้มาพบกับ คาเดียร์ วิสท์ เจ้าของคฤหาสน์และเป็นผู้นำของมูลนิธิวิสท์ด้วย ออเดรย์ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ไม่ต้องการให้มีการส่งมอบสิ่งของที่ทางมูลนิธิวิสท์จะให้แก่ทางจักรวรรดินีโอซีออน ซึ่งผลที่ตามมาจะกลายเป็นตัวจุดประเด็นให้เกิดสภาวะสงครามระหว่างรัฐบาลโลกกับนีโอซีออนขึ้นมาได้อีกครั้ง
…ในระหว่างการเจรจาเรื่องการส่งมอบที่ทางมูลนิธิวิสท์กับกลุ่มปลอกแขนเสื้อจะตกลงกัน กองกำลังลอนโดเบลภายใต้รัฐบาลโลกได้เข้าขัดขวางและหวังแย่งชิงกล่องลาพลัส ก่อนเห็นควรกำจัดคาเดียร์ วิสท์ที่คิดก่อการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงในทางลับ จนเกิดการสู้รบขึ้นภายในอาณานิคมอวกาศอย่างไม่มีใครได้คาดคิด ฝันร้ายครั้งนี้ช่างไม่ต่างจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่อาณานิคมไซด์ 7 เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ความสูญเสียกำลังเกิดขึ้นจากการต่อสู้ของ Mobile Suit ทั้งของกลุ่มปลอกแขนเสื้อและลอนโดเบล ผู้คนจำนวนมากที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องล้มตาย ซึ่งรวมไปถึงบรรดาเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นของบานาจด้วย …
ฉันต้องการพลังที่จะปกป้อง… บานาจไร้พลังที่จะช่วยเหลือใดๆ จนกระทั่งได้มาพบกับ Mobile Suit สีขาวตัวหนึ่งในโรงเก็บ ใน Cockpit นั้นคาเดียร์ วิสท์ กำลังปรับแต่งข้อมูลนักบินของหุ่น ก่อนจะตัดสินใจให้บานาจเป็นเจ้าของอาชาสีขาวตัวนี้
“เมื่อเธอได้รับพลังนี้… เธอจะต้องแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่าของตัวเอง”
คาเดียร์ วิสท์ ทิ้งท้ายแล้วกล่าวขอโทษบานาจที่ไม่เคยให้เขาได้รับรู้ว่าพ่อแท้จริงก็คือตนเอง… ความเสียใจแปรเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้ก้าวเดินออกไป ม้ายูนิคอร์นสีขาวย่างก้าวจากกองเพลิงเพื่อยับยั้งความบ้าคลั่งของการสู้รบด้านนอก
…วันนี้ ตรงกับช่วงเวลาเมื่อ 100 ปี วันที่มวลมนุษยชาติจะกล่าวขานและจะถูกจารึกอีกครั้ง
วันแห่งยูนิคอร์น…
Episode 2 : Red Comet (ดาวหางสีแดง)
Mobile Suit สีขาวได้เข้าต่อสู้กับ Mobile Suit ของฝ่ายปลอกแขนเสื้อที่ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย ไม่มีใครล่วงรู้ถึงพลังอันถูกซุ่มซ่อนของม้ายูนิคอร์นตัวนี้ มันสามารถกลายร่างออกเป็นอีกรูปลักษณ์
นั่นคือ Gumdam มันคล้ายจนเรียกชื่อนี้ได้อย่างเต็มปาก ร่างของหุ่นถูกสร้างขึ้นจากเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่าหุ่นตัวใดๆ ด้วยการติดตั้งไซโคเฟรมทั้งตัว มันบ่งบอกถึงการลงทุนในการสร้างที่ต้องมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เวลานี้… ฝ่ายปลอกแขนเสื้อเป็นฝ่ายถูก Gundam ไล่ต้อนจนแทบจนมุม
การต่อสู้จบลงที่ฝ่ายปลอกแขนเสื้อล่าถอยจากไป และกันดั้มได้คืนสภาพเป็นม้ายูนิคอร์นดังเดิม…
มิค๊อตและออร์เดรย์ ได้รับการช่วยเหลือจากร้อยตรีริดี้ นักบินเครื่อง ReZel สังกัดลอนโดเบลจนมาอยู่ในยาน เนลอากาม่า (ม้าไม้จำลอง) ชั่วคราว
ยานรบในสังกัดลอนโดเบลได้ทำการเก็บกู้หุ่นสีขาว จนกระทั่งทราบว่านักบินเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายอายุ 16 เท่านั้น… กฎของทหารนั้นการที่พลเรือนฝ่าฝืนนำหรือใช้งานของที่เกี่ยวข้องกับทางการมีความผิดขั้นร้ายแรง บานาจเองรู้เพียงว่าเขาต้องการพลังที่จะปกป้องทุกๆ คนจากฝ่ายผู้ก่อการร้าย
ช่วงเวลานั้น… ยานรบฝ่ายซีออนทราบตำแหน่งของยานเนลอากาม่าที่พรางซ่อนตัวอยู่ในซากอาณานิคมอวกาศร้าง จึงเปิดฉากลอบโจมตี ภายใต้การบัญชาการรบด้วยตนเองของ Full Fontal บุรุษที่ล่ำลือกันว่าคือ “ดาวหางสีแดงผู้หวนคืน” มาพร้อมกับ Mobile Suit สีแดงที่ชื่อ Sinanju หุ่นที่ว่ากันว่าสามารถจมเรือรบของฝ่ายสหพันธ์โลกมาแล้ว
แม้ทางยานรบเนลอากาม่าที่มีอ๊อตโต้ เป็นผู้บัญชาการของยานพยายามต่อต้าน… แต่ก็ไม่อาจต้านทานทักษะการรบของ Full Fontal และประสิทธิภาพของ Sinnanju ที่มีมากกว่าหุ่นทั่วไปถึง 3 เท่าได้เลย Mobile Suit ในหน่วย Romeo และ Juried ถูกจัดการเกือบหมด
เมื่อไม่มีทางเลือก… คุโรดะแห่งเอคอสสังกัดลอนโดเบลได้ใช้แผนต่อรองโดยใช้ออร์เดรย์เป็นตัวประกัน จนกระทั่งทุกคนในยานทราบอย่างตระหนกว่าเธอคือ มิเนอร์ว่า ซาบี้ เจ้าหญิงแห่งนีโอซีออน เป็นเงื่อนไขเพื่อหยุดยั้งการโจมตี แต่ Full Fontal กลับไม่ยอมหลงกลพร้อมทั้งขู่ให้ส่งยูนิคอร์นกลับคืนมา โดยอ้างสิทธิ์ว่าเป็นของมูลนิธิวิสท์ที่จะส่งให้ทางนีโอซีออนอย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะจมยานเนลอากาม่าทิ้ง
สุดท้ายต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับเงื่อนไขการเจรจา จนบานาจคิดออกไปจัดการให้เรื่องมันจบๆ ไป เพื่อปกป้องออร์เดรย์ เขาคิดแต่เพียงเรื่องนี้…
ยูนิคอร์นทะยานตัวออกจากยานเนลอากาม่าเข้าประทะกับ Sinanju ภาพเหตุการณ์ราวกับหนังที่ถูกฉายซ้ำจากเมื่อครั้งสงคราม 1 ปีอันตอกย้ำว่าสงครามยังไม่มีวันยอมยุติลงโดยง่าย
ทั้งฝีมือและทักษะระหว่างนักบินนั้นห่างชั้นกันเกินไป… บานาจไม่อาจต้านทานการโจมตีของ Full Fontal และจะเสียท่า ระบบ NT-D ได้ถูกปลดลิมิตออก จากม้าสีขาวกลายเป็นรูปลักษณ์ของผู้ทำลาย ยูนิคอร์นในร่างของกันดั้มเข้าห่ำหันกับ Sinanju ได้อย่างสู้สี และด้วยความช่วยเหลือของร้อยตรีริทดี้ ทำให้ Full Fontal ต้องล่าถอย บานาจจึงคิดไล่ตาม…
แต่นั่นเป็นแผนลวงให้ติดกับ ไม่ทันได้คาดคิดว่า จะมี Mobil Suit อีกเครื่องแฝงกายอยู่ในสนามรบ Kratasiya ตรงเข้าเล่นงานเมื่อได้จังหวะ จนสามารถยึดยูนิคอร์นและบานาจถูกจับเป็นเชลยในที่สุด สุดท้ายเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ Full Fontal และฝ่ายปลอกแขนเสื้อจึงถอนกำลังจากไป…
ทันทีที่ได้มาถึงฐานของนีโอซีออน บานาจได้มาพบกับชายที่เป็นดาวหางสีแดง ภายใต้หน้ากากที่มีใบหน้าราวกับว่า “ชาร์ อัสนาเบิ้ล” วีรบุรุษแห่งนีโอซีออนที่หายสาปสูญไปในสงครามนีโอซีออนครั้งที่สอง
ซึ่งตัวของ Full Fontal กล่าวเพียงว่า ตนเป็นเปรียบเสมือนความหวังแห่งอิสรภาพของชาวสเปซนอยด์ทั้งปวงที่ไม่ต้องการยึดติดกับแรงโน้มถ่วง ที่คอยพันธนาการตนเองเอาไว้ หากความหวังนั้นได้ถูกฝากเอาไว้ที่ตัวเขา… ตัวเขาก็พร้อมที่จะเป็นชาร์ อัสนาเบิ้ล
ระหว่างที่บานาจถูกจับนั้น… นีโอซีออนเองได้ให้ทางคนของปลอกแขนเสื้อควบคุมตัวไว้ แม้จะถูกทำร้ายร่างกายอยู่บ้าง แต่บานาจก็ไม่ได้ถูกปฎิบัติเยี่ยงนักโทษแต่อย่างใด
Episode 3 : Ghost of Laplace (วิญญาณของลาพลัส)
…บานาจได้รับข้อความบางอย่างจากชายแปลกหน้า (สายลับของทางสหพันธ์โลก) ซึ่งเขียนระบุแผนการชิงเอายูนิคอร์นกลับคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ทางเนลอากาม่าได้เริ่มแผนการบุกตีอาณานิคมอวกาศ Palau
เวลานี้… ร้อยตรีริดี้ตัดสินใจพาออร์เดรย์หนีจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ในเนลอากาม่า พาไปยังคฤหาสน์ตระกูลมาเซนัสที่โลก เพื่อเข้าพบโรแนน มาเซนัส วุฒิสมาชิกแห่งสภากลางสหพันธ์โลก
ทันทีที่เห็นสัญญาณของการระเบิดที่หน่วย ECOAS ได้วางแผนไว้ก่อนหน้า อ๊อตโต้สั่งการให้ยานเนลอากาม่ายิงปืนใหญ่ไฮเปอร์เมก้าแคนน่อน พร้อมทั้งส่ง Mobile Suit ทุกทีมเข้าตีจุดที่ตั้งทางการทหาร แน่นอนว่าความโกลาหลบังเกิดขึ้นในทันที Mobile Suit ประจำ Palau ถูกส่งออกไปยับยั้งข้าศึกราวกับฝูงผึ้งแตกรัง ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้าในการสู้รบ ซึ่งทางเนลอากาม่าเสียเปรียบด้านกำลังพลอย่างชัดเจน ทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับเวลา… ขึ้นอยู่กับบานาจว่าจะหนีออกมาได้รึไม่
บานาจได้มาเจอกับยูนิคอร์น… ห้องนักบินเปิดรอทิ้งไว้ราวนี่เป็นแผนลวงให้ติดกับบางอย่าง แต่นี่ไม่ใช่เวลามัวมาคิด บานาจจึงขึ้นขับทันที ระหว่างที่บานาจหลบหนี มาริด้าได้ขับ เข้าKshatriya เข้าขัดขวาง แม้บานาจพยายามร้องขอยังไงก็หลีกเลี่ยงการต่อสู้กันไม่ได้อยู่ดี
ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าการต่อสู้ระหว่างยูนิคอร์นกับ Kshatriya เป็นแผนของ Full fontal ได้วางเอาไว้ แผนการที่จะเปิดผนึกกล่องแห่งลาพลัสได้จำเป็นต้องทดสอบระบบ NT-D เปลี่ยนให้ม้าสีขาวกลายเป็นผู้ทำลายล้าง
NT-D หรือชื่อเต็มๆ ก็คือ “NEWTYPE – DESTROYER System”
ระบบจะทำงานได้อย่างน่ากลัวก็ต่อเมื่อเป้าหมายตรงหน้าถูกระบุว่าเป็นนิวไทป์ ผู้ทำลายจะกลืนกินเหยื่ออย่างไร้ความปราณี ซึ่งมาริด้าถูกกำหนดบทบาทให้เป็นเหยื่อล่อ…
ผู้ทำลายล้างควบคุมสติสัมปชัญญะของนักบิน มันตรงเข้าฉีกกระชากร่างของเหยื่ออยู่ฝ่ายเดียว Kshatriya ถูกเล่นงานจนสิ้นท่า ทว่าก่อนที่ผู้ทำลายจะสังหารเหยื่อในคราวสุดท้าย เกิดมโนภาพบางอย่างในสมองของบานาจ
แท้จริงแล้วมาริด้าก็คือ Plu 12 ร่างโคลนลำดับที่ 12 ในโครงการนิวไทป์จำลองของซีออน (กล่าวถึงในภาค ZZ) สิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับมาริด้าในอดีตมันน่าเศร้าเกินไป จิตสำนึกของบานาจทำให้ระบบ NT-D ปิดการทำงานลง… ผู้ทำลายล้างยอมจำนนต่อผู้เป็นนาย บานาจจึงพามาริด้าในร่างที่บอบช้ำกลับไปที่ยานเนลอากาม่า และสนามรบเหนือน่านฟ้า Palau ยุติลง…
ยานเนลอากาม่าลอยลำมุ่งตรงไปยังบริเวณชั้นบรรยากาศของโลก พันโทดาคุซะคาดคะเนถึงความเป็นไปได้ที่โปรแกรมลาพลัสอาจจะปลดล็อคตัวเองได้ถ้าหากนำอยู่นิคอร์นไปยังพิกัดที่เรียกว่า “ซากของทำเนียบอวกาศลาพลัส” มันถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่สมัยบุกเบิกยุคศักราชอวกาศใหม่ๆ เกือบ 100 ปี แม้ว่าบานาจจะขอคัดค้านที่จะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ชนักที่ติดหลังมันไม่อาจเลี่ยงได้ที่จะไม่แสดงความรับผิดชอบต่อการที่ตนเองแทรกแซงสงครามมาตลอด 3 ครั้ง
ที่ยาน Garencieres กลุ่มปลอกแขนเสื้อวางแผนชิงตัวประกันเพื่อช่วยมาริด้ากลับมา… ซึ่งทางอัลเบอร์โต้ได้รับการติดต่อมาจากมูลนิธิวิทส์ว่าต้องการให้นำตัวมาริด้ามายังโลก โดยมียานซัตเติ้ล Klimt ของมูลนิธิรอรับอยู่บริเวณชั้นบรรยากาศโลก
บานาจจึงยอมรับคำขอให้ขึ้นขับยูนิคอร์นไปยังพื้นที่ซากของทำเนียบอวกาศลาพลัส โดยมีพันโทดาคุซะโดยสารไปด้วย เมื่อได้มาถึงบริเวณจุดที่ได้กำหนดไว้… ได้มีเสียงวิทยุบางอย่างแว่วดังขึ้น…เป็นเสียงของคำปราศรัยเมื่อครั้งพิธีเปิดยุคศักราชอวกาศเมื่อเกือบ 100 ปีก่อน ต้นตอของเสียงนั้นมาจากภายในตัวของยูนิคอร์น และบริเวณนั้นยังมีอนุภาคมินอฟสกี้กระจายตัวเป็นจำนวนมาก จนต้องมาคำสั่งให้ยานเนลอากาม่าพร้อมรับเหตุฉุกเฉินทันที บานาจรับรู้ถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นจึงเร่งกลับไปยังยานเนลอากาม่าทันที
มีข้าศึกฝ่ายนีโอซีออนจำนวนหนึ่งรุกล้ำเข้ามาในอาณาบริเวณพื้นที่ดูแลของฝ่ายสหพันธ์โลก… ซึ่งเป็นกลุ่มปลอกแขนเสื้อนั่นเอง บานาจเข้าประทะกับศัตรูโดยที่ไม่สังหารเพื่อให้อีกฝ่ายล่าถอยกลับไป กิลโบ หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มปลอกแขนเสื้อและเป็นคนที่บานาจรู้จักบอกถึงจุดประสงค์ว่าไม่ต้องการโจมตียานเนลอากาม่า… เพียงแต่ต้องการนำตัวมาริด้ากลับไปเท่านั้น
ทันใดนั้นเอง… กลุ่ม Mobile Suit อีกกลุ่มหนึ่งจากฝ่ายนีโอซีออนได้ตรงเข้าสู่สนามรบ นำโดย Full Fontal อาศัยจังหวะที่ยูนิคอร์นอยู่ห่างจากการยิงสนับสนุนของยานเนลอากาม่า มีเป้าหมายเพื่อทดสอบให้ระบบ NT-D ทำงาน พันโทดาคุซะรู้ว่าควรจะทำยังไงจึงบอกให้ยูนิคอร์นล่ออีกฝ่ายเข้าไปยังซากของทำเนียบอวกาศลาพลัส ก่อนลงจากห้องนักบินเพื่อเป็นเหยื่อล่อเป้าศัตรู Full Fontal ขับ Sinanju ตามเข้ามา พันโทดาคุซะยิงจรวดต่อต้านเข้าสู้ ก่อนจะถูก Sinanju สังหาร เขาทำความเคารพให้บานาจฐานะทหาร เขาฝากความหวังครั้งสุดท้ายแล้วจึงถูกจบชีวิตลงต่อหน้าต่อตา
ความโกรธเกี้ยวประทุขึ้นในจิตใจของบานาจอย่างรุนแรง… ส่งให้ระบบ NT-D ทำงานโดยทันที ยูนิคอร์นกลายร่างกลายเป็นผู้ทำลายล้างตรงเข้าเล่นงาน Sinanju อย่างไม่ลดละ แม้แองเจโล่พร้อมกับองค์รักษ์จะเข้าประทะกลับถูกจัดการจนสิ้นท่า
ผู้ทำลายล้างบัดนี้กลับกลายเป็น “ปีศาจสีขาว” ในตำนาน… ที่ผู้เป็นนายปลดปล่อยความชิงชังสู่ตัวของมัน เพื่อให้มันกลายเป็นปิศาจกระหายสงคราม
ผู้ทำลายล้างและ Sinanju เข้าโรมรันกลางเวหาเหนือชั้นบรรยากาศโลก คล้ายฉากเดิมที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในสมัยสงคราม 1 ปี กาลเวลาของสงครามถึงจะผ่านพ้นมานานแค่ไหน แต่ความขัดแย้งมันยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม ทางยาน Garencieres เมื่อเห็นว่าเวลานี้ไม่สามารถเข้าใกล้ยานเนลอากาม่าได้อีกแล้วจึงเปลี่ยนแผนการจากชิงตัวประกัน ให้หน่วยของกิลโบเข้าช่วยสนับสนุนหน่วยของ Full Fontal แทน
ระยะห่างที่เข้าใกล้บริเวณแรงดึงดูดเริ่มส่งผลต่อการควบคุม Mobile Suit มากขึ้นเรื่อยๆ Full Fontal ร้องบอกว่าควรยุติการต่อสู้ก่อนจะถูกชั้นบรรยากาศเผาทั้งเป็น แต่บานาจกลับไม่ยอมทิ้งโอกาส ในระหว่างที่อีกฝ่ายกำลังหนี จึงเล็งปืนบีมแม็กนั่มไปที่ Sinanju ในระยะที่ไม่มีทางพลาดเป้าแน่ๆ
ทว่าวินาทีนั้นเอง! กลับมี Mobil Suit เข้ามาขวางทางกระสุนโดนเข้าห้องนักบินอย่างจัง กิลโบเอาตัวเองเข้ากันเป็นโล่ให้ Full Fontal คำสั่งเสียของเขาที่ฝากถึงลูกชายแว่วเข้ามาในหัวของบานาจ ช่วงเวลานั้นเองที่บานาจคืนสติที่เต็มไปด้วยความชิงชังกลับคืนมา ระบบ NT-D ยุติลง ผู้ทำลายล้างคืนสู่ร่างยูนิคอร์นก่อนตกลงไปสู่พื้นโลกเบื้องล่าง
ยานเนลอากาม่าสูญเสียยูนิคอร์นไปอีกครั้ง และยาน Garencieres สูญเสียมาริด้าและกิลโบไป โดยที่เพียงแค่ทำได้แต่มองผ่านมอนิเตอร์และกระจกในยาน
เก้าอี้ห้องนักบินที่กิลโบเคยนั่งถูกเผาไหม้และสลายไปในชั้นบรรยากาศ… คือสิ่งที่บานาจเห็นทั้งน้ำตาในครั้งสุดท้าย
Episode 4 : In the Depths of a Gravity Well (ใต้ก้นบึ้งของบ่อแรงดึงดูด)
… ระลอกการโจมตีของฝ่ายนีโอซีออนเหมือนมวลคลื่นระทบชายฝั่ง แม้ทางฝ่ายสหพันธ์โลกจะขึงแนวป้องกันรับมือยังไงแต่ก็ไม่อาจยับยังการบุกครั้งนี้ได้
…สัญญาณของการยกทัพมาถึง เหล่าซากเดนสงครามซีออน (Zeon Remnants) ที่เฝ้ารอวันแห่งการล้างแค้นต่างยกกำลังพลเข้าบุก ซึ่งทางฝ่ายสหพันธ์โลกได้รับมือส่งกองกำลังเข้ารับมือสุดกำลัง จนพวกซากเดนสงครามซีออนได้ล่าถอยกลับไป
ที่คฤหาสน์ของตระกูลมาเซนัส… ออร์เดรย์แม้จะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ทว่าสถานะของตัวเองในเวลานี้ไม่ต่างจากตัวประกันในเงื้อมมือของฝ่ายสหพันธ์โลก ริดี้รู้ดีว่าการที่พาเธอมายังโลกเท่ากับเข้าทางฝ่ายสหพันธ์โลก ที่ต้องการกล่องลาพลัสและกุญแจไขอย่างกันดั้มยูนิคอร์น ถ้าทุกๆ อย่างมันผิด รวมถึงหากสถานการณ์ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเขาล่ะก็… เขาก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างออร์เดรย์
ในขณะเดียวกันมาริด้าถูกพามาที่ห้องวิจัยของอนาไฮม์ อิเล็กทรอนิกส์ และได้พบกับอดีตอันแสนมืดมนเบื้องหน้า มันหลอกหลอนเธอจนสติของเธอคลั่งอย่างรุนแรง ซึ่งตัวเธอจะถูกใช้เป็นแผนการสร้างนักบินสำหรับโมบิลสูทเครื่องรุ่นใหม่ที่ทางอนาไฮม์ อิเล็กทรอนิกส์กำลังพัฒนาขึ้นอย่างลับๆ
ทางด้านบานาจที่กำลังซึมเศร้าอยู่กับการตายของกิลโบและเฝ้าแต่โทษว่าเป็นความผิดของตนเอง ตัวเขาอยู่ภายใต้การดูแลของซินเนอแมน แม้ว่าต่างคนต่างจะเป็นศัตรูต่อกัน… แต่มันก็เป็นเพียงสงครามในเชิงของทัศนคติและสัญลักษณ์ที่ทั้งสองฝ่ายต่างยึดโยงเอาไว้แค่เท่านั้น บานาจเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะแบกรับต่อความรู้สึกที่ต้องฆ่าคน ตราบใดที่เขายังต้องข้องเกี่ยวกับสงครามของพวกผู้ใหญ่ที่ก่อขึ้น
เวลานี้เอง… บานาจได้เรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับเหล่าลูกเรือการัลเชล จนกระทั่งเขาได้รู้จักกับเด็กสาวคนหนึ่งที่ชื่อ “โลนิ การ์วี” หนึ่งในพลทหารของซีออน ที่ต่อสู้ร่วมกับเหล่าซากเดนสงครามซีออน และเป็นนักบินผู้ที่บังคับเครื่องโมบิลอาร์เมอร์อย่าง “แชมโบล” (SHAMBLO) ไพ่ตายของเหล่าซากเดนสงครามซีออน
ในยามใดที่ลมสงบนิ่งมักจะมีพายุใหญ่ตามมาเสมอ… คำสั่งยุทธการออกรบจากนีโอซีออนได้ถูกส่งมาถึงเหล่าเหล่าซากเดนสงครามซีออนที่ซ่องซุ่มกำลังกระจัดอยู่ตามทุกๆ ภูมิภาคของโลก ให้ทำการบุกเจ้าโจมตีฐาน Torrington เมืองใหญ่อันเป็นเขตพื้นที่ดูแลของทางสหพันธ์โลก เหล่าเหล่าซากเดนสงครามซีออนได้ยกกำลังบุกแบบสายฟ้าแลบ ทำให้ฝ่ายสหพันธ์โลกไม่ทันได้เตรียมการใดเอาไว้รับมือ
บานาจที่ตกตะลึงถึงการสู้รบที่กำลังดึงเอาประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมด้วยได้พยายามขอร้องซินเนอแมนให้ส่งตนเองไปหยุดยั้ง แม้ตอนแรกซินเนอแมนกลับคัดค้านอย่างหนักถึงขั้นลงไม้ลงมือกับบานาจ แต่ก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายลงไปยุติศึกด้านร่าง
ขณะเดียวกันฝ่ายสหพันธ์โลกที่นำโดยหน่วยลอนโดเบลได้รุดไปยังสนามรบพร้อมทั้งส่งหน่วยรบ “สามดาวดำแห่งสหพันธ์โลก” เข้ากู้สถานการณ์ ลมเริ่มเปลี่ยนทิศซากเดนสงครามซีออนที่ได้เปรียบในช่วงแรกถูกฝ่ายสนับสนุนจากสหพันธ์โลกตีโต้อย่างหนัก ประจวบกับริดี้ได้มาเข้าหน่วยลอนโดเบลจากการเชิญชวนของ “ไบร์ท โนอา” กัปตันของยานรา ไคลัม (RA CAILUM) ได้เข้ามาเสริมอีกด้วย
อีกด้านหนึ่งของสมรภูมิบานาจเข้าเผชิญหน้ากับแชมโบลที่มีโลนิเป็นนักบิน เขาได้พยายามที่ร้องขอให้ยุติสงครามในครั้งนี้ เพราะกำลังจะทำให้คนอื่นต้องตาย และตัวของเธอเองก็อาจต้องสูญเสียจิตใจที่เป็นมนุษย์ไปจนหมดสิ้น ซึ่งคำพูดของบานาจได้ถูกส่งไปถึงจิตใจของโลนิ ก่อนแชมโบจะหยุดเคลื่อนไหว
แต่แล้วในอีกด้านหนึ่งของสมรภูมิ ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนเริ่มเสียเปรียบลงเรื่อยๆ “โยเน็ม คริคส์” พลสไนเปอร์และผู้ควบคุมหน่วยรบของซากเดนสงครามซีออนได้สั่งการให้เริ่มถอนกำลังออกจากแนวรบ ทว่ากลับไม่ทันการตัวเขาถูกหน่วยรบสามดาวดำแห่งสหพันธ์โลกปลิดชีพลง ซึ่งการตายของเขาซึ่งเป็นครอบครัวคนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ได้ทำให้จิตใจของโลนิตกไปอยู่ความเศร้า แล้วความเศร้านั้นถูกแปรเปลี่ยนเป็นพลังทำลายล้างให้กับอสูรกายสีแดง
ม้าขาวรู้ถึงภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า มันปิดประตูห้องนักบินเพื่อปกป้องผู้เป็นนาย ในช่วงเวลานี้เอง… สิ่งที่บานาจต้องการมาที่สุดก็คือพลัง พลังที่จะสามารถช่วยเหลือเธอตรงหน้าที่กำลังจะสูญเสียความเป็นมนุษย์และยอมจำนนต่อการควบคุมของอสูรกาย
“จงเป็นพลังให้กับฉัน กันดั้ม”
และแล้วบทเพลงบรรเลงแห่งการโหมโรงครั้งสุดท้ายได้เริ่มขึ้น ม้าขาวกลายร่างเป็นผู้ทำลายล้างเพื่อยอมรับใช้ต่อผู้เป็นนายอย่างบานาจ ระบบไซโคมิวส์ของยูนิคอร์นทำงานเต็มกำลังแผ่ขยายออกเป็นกระแสพลังไอ –ฟิลด์ แชมโบลเองเริ่มแผ่รังสีไอ –ฟิลด์เข้าต้านทาน จิตใจของบานาจได้ถูกส่งมายังโลนิที่กำลังจะถูกครอบงำ แต่กลับถูกปฏิเสธออกมา โลนิที่ไม่เหลือความหวังใดๆ ละทิ้งทุกๆ สิ่งแม้กระทั่งชีวิตเพื่อสงครามตรงหน้า… เพราะว่านี้คือสงครามของตัวเธอเอง
ริดี้ได้เข้ามาช่วยบานาจต่อสู้กับอสูรกายร้ายที่จิตใจกำลังอ่อนไหว หนทางเดียวที่จะหยุดยังความบ้าคลั่งของเธอได้ก็คือ “สังหารเธอ” เพราะยิ่งปล่อยเอาไว้ให้นานเข้า ความเสียหายจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความลังเลในใจของบานาจเกิดขึ้นพร้อมๆ กับเสียงสรรเสริญ “จี๊ค ซีอ้อน” แผ่วดังภายในตัวของแชมโบ โลนิเอื้อนเอ่ยโดยไม่เหลือจิตใจของมนุษย์อีกแล้ว
จุดตัดสินใจมาถึง พร้อมๆ กับเสียงสรรเสริญครั้งสุดท้ายได้ตระโกนออกมา จิตวิญญาณของคริคส์ได้มากล่าวลาพร้อมๆ กับสงครามที่จบลงแล้ว แชมโบตั้งปืนใหญ่เตรียมยิงใส่ทั้งบานาจและริดี้
ริดี้ตะโกนให้จัดการกับโลนิ ก่อนที่บานาจจะลั่นไกสังหารนั้นเอง…
“บานาจ… ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน” เสียงของเด็กสาวในร่างของอสูรกายแว่วดังเข้าในหัวของบานาจเป็นครั้งสุดท้าย
บานาจไม่อาจจะยิงลงได้ ทันทีที่แชมโบยิงบีมใส่เข้ามาหาบานาจและริดี้ แนวเส้นลำแสงถูกลดความรุนแรงด้วยโดรนที่ลอยอยู่รอบตัวแซมโบ ราวกับไม่ต้องการที่จะให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ทว่าริดี้กลับคว้าเอาปืนบีมแม็กนั่มจากกันดั้มยูนิคอร์นยิงสวนกลับไปที่ห้องนักบินของแชมโบ ร่างบอบบางของโลนิสูญสลายหายไปกับกระสุนเด็ดชีวิตในทันใด
อสูรกายร้ายถูกสยบลง แต่กลับไม่มีผู้ใดกล่าวยินดี บานาจทำได้แต่เพียงเอื้อมมือไขว้คว้าความว่างเปล่าเบื้องหน้าทั้งน้ำตา ยูนิคอร์นในร่างของผู้ทำลายล้างเวลานี้สีของตัวมันกลายเป็นสีหม่นอันสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจของผู้เป็นนาย
ริดี้กล่าวพร้อมกับหันปลายปืนเข้าหาบานาจ พร้อมทั้งกล่าวเพียงสั้นๆ ว่าจะมาเอากันดั้มกลับไปยังกองทัพ ซึ่งในใจนั้นอยากจะกล่าวโทษบานาจว่าถ้านายไม่มาอยู่ตรงนี้ สงครามก็คงจะไม่รุนแรงเช่นนี้
ในระหว่างการจับกุมนั้นเอง การปรากฏตัวของร่างสีดำทะมึนลอยลงมาจากท้องฟ้า ร่างนั้นมีรูปโฉมคล้ายกับยูนิคอร์น แต่มันกลับแฝงไปด้วยความน่ากลัวกว่ามาก…
โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ เขียนไม่ทัน^^
ที่มารูปจากประกอบจาก : Randomc.net
ตัวละครที่ปรากฏในเรื่อง
บานาจ ลิ้งท์ (พากย์โดย : Kouki Uchiyama)
BANAGHER LINKS( バナージ・リンクス)
เด็กหนุ่มสเปซนอยด์อายุเพียง 16 ปี เป็นนักเรียนวิศวะในศูนย์ฝึกของบริษัท Anaheim Electronic ที่ได้ช่วยเหลือออร์เดรย์และได้มาขับ Mobile suit ที่ชื่อว่า Unicorn นั่นจึงกลายเป็นว่าตนเองต้องเข้ามาสู่สงครามอันจะชี้ชะตาของสหพันธ์อย่างหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว
ในความจริงแล้วเขาเป็นลูกชายของ “คาเดียร์ วิสท์” ผู้นำของมูลนิธิวิสท์ ที่ครั้งหนึ่งตัวเขาพร้อมทั้งคุณแม่ที่เป็นภรรยาเก็บของคาเดียร์ได้ออกจากบ้านไปตั้งยังเด็ก ทั้งยังมีความเกี่ยวของกันกับการทดลองบางอย่างที่ทำให้ต้องมาเกี่ยวข้องกันกับความลับของกล่องแห่งลาพลัสและความเป็นไปอันสามารถชี้ชะตาของสหพันธ์โลกได้
ออร์เดรย์ เบิร์น (พากย์โดย : Ayumi Fujimura)
AUDREY BURNE (オードリー・バーン)
เด็กสาวปริศนาที่บานาจช่วยเอาไว้ เธอมีเหตุผลบางอย่างที่ต้องมายังมูลนิธิวิสท์เพื่อยับยั้งการส่งมอบกล่องแห่งลาพลัสที่จะมีขึ้นกับนีโอซีออน ซึ่งแท้จริงแล้วเธอคือ “มิเนอว่า เลอ ซาบี้” เจ้าหญิงแห่งจักรวรรดินีโอซีออน เป็นเด็กสาวนี่มีคำพูดคำจาและการวางตัวที่ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัว
ทาคุยะ อิเรย์ (พากย์โดย : Hiro Shimono)
Takuya Irei (タクヤ・イレイ)
เด็กหนุ่มที่เป็นนักเรียนวิศวะในศูนย์ฝึกของบริษัท Anaheim Electronic รุ่นเดียวกันกับบานาจ มีความรู้และสนใจด้าน Mobile Suit รวมไปถึงด้านเทคโนโลยีทางการทหารอีกด้วย
มิค๊อต บ๊ารสซ์ (พากย์โดย : Haruka Tomatsu)
Micott Bartsch (ミコット・バーチ)
เด็กสาวที่เป็นนักเรียนวิศวะในในศูนย์ฝึกของบริษัท Anaheim Electronic รุ่นเดียวกันกับบานาจเช่นกัน ซึ่งเธอแอบชอบบานาจอยู่
ฮาโร่
Haro (ハロ)
หุ่นยนต์ที่เป็นเหมือนมาสคอตอีกหนึ่งอย่างของซี่รี่ย์กันดั้ม โดยฮาโร่ตัวนี้เป็นของดูต่างหน้าของคุณพ่อบานาจในสมัยยังเด็กๆ
ริดี้ มาเชนัส (พากย์โดย : Daisuke Namikawa )
Riddhe Marcenas (リディ・マーセナス)
ชายผมทองนายทหารหนุ่มแห่งหน่วยรบลอนโดเบล สังกัดกองทัพพันธมิตรโลก เขาเป็นบุตรชายของตระกูลนักการเมืองคนสำคัญ ที่ตัวเขาต้องการแยกตัวเองออกมาทำในสิ่งที่คิดว่าไม่ต้องถูกยึดติด เมื่อตัวเขาได้มาเจอกับออร์เดรย์ทำให้เขารู้สึกหลงใหลในตัวของสาวน้อยคนนี้อย่างประหลาด และเมื่อยิ่งมารู้ว่าเธอเป็นถึงเจ้าหญิงแห่งนีโอซีออนที่ยังคงอยู่ใต้เงาของตระกูลคำสาปอย่างซาบี้ ทำให้ตัวเขาอยากที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อเด็กสาวนี้
อ๊อตโต้ มิตัส (พากย์โดย: Naoya Uchida)
Otto Mitas (オットー・ミタス)
ชายผู้เป็นกัปตันยานม้าไม้จำลองเนลอากาม่า เขาต้องมารับหน้าที่ในการเป็นตัวล่อในสนามรบ ซึ่งเขาเองก็ไม่ค่อยเต็มใจกับหน้าที่ตรงนี้สักเท่าไหร่
เลียม บอร์ริเนีย (พากย์โดย: Misa Watanabe)
Liam Borrinea (レイアム・ボーリンネア)
รองกัปตันยานม้าไม้จำลองเนลอากาม่า เธอมักจะเป็นคนที่ค่อยกระตุ้นถึงหน้าที่ให้กับอ๊อตโต้ที่เป็นกัปตันยานอยู่บ่อยๆ
มิฮิโระ โออิวาคเค้น (พากย์โดย: Megumi Toyoguchi)
Mihiro Oiwakken (ミヒロ・オイワッケン)
สาวผมสั้นที่เป็นเจ้าหน้าโอเปอเรเตอร์ประจำยานม้าไม้จำลองเนลอากาม่า เธอมักจะคอยให้ความสำคัยต่อทุกคนในยานอยู่เสมอ
ดากุซะ (พากย์โดย: Hiroki Touchi)
Daguza Mackle (ダグザ・マックール)
นายทหารของหน่วย ECOWAS 920 ที่ทำหน้าที่ในการมาตามสืบค้นหากล่องลาพลัส จนกระทั่งได้มาเข้าสู่สมรภูมิที่ไฟสงครามยังไม่มอดดับลง แม้จะยังไม่อาจที่จะล่วงรู้ถึงที่ซ่อนแท้จริงของกล่องลาพลัส แต่เขาทำหน้าที่ของทหารตราบจนวาระสุดท้ายของตัวเอง ด้วยน้ำมือของ ฟูล ฟอนทัล
คอนรอย ฮาเก้นเซ้น (พากย์โดย : Kenta Miyake)
Conroy Haagensen (コンロイ・ハーゲンセン)
รองหัวหน้าหน่วยรบที่สองของ ECOWAS 920 มียศเป็นพลจัตวาและเป็นมือขวาของดากุซะ
ฮาซาน
Hasan (ハサン)
แพทย์ทหารประจำยานม้าไม้จำลองเนลอากาม่า เขาเคยเป็นทหารผ่านศึกประจำยานรบอากาม่าในสงครามกริปส์มาก่อน แล้วได้เข้ามาทำงานร่วมที่ยานม้าไม้จำลองเนลอากาม่าตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสงครามนีโอซีอ้อนครั้งที่หนึ่ง
ไบร์ท โนอา (พากย์โดย : Ken Narita / Hirotaka Suzuoki)
Bright Noa (ブライト・ノア)
ตัวละครระดับตำนานของกันดั้มภาคแรกเริ่ม ซึ่งในภาคนี้เขามีตำแหน่งเป็นเพียงแค่กัปตันของยานรา ไคลัม สังกัดของหน่วยรบลอนโดเบล ทั้งๆ ที่ประวัติการรบของเขาผ่านสงครามมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน นั่นเป็นเพราะตัวเขาถูกคนใหญ่คนโตในสหพันธ์โลกมองว่าไม่ความสำคัญอะไรมากนัก
เขาถูกทางส่วนกลางให้มาตามสืบเซาะกลุ่มปลอกแขนเสื้อที่เข้ามายังโลก ซึ่งข้องเกี่ยวกับที่ซ่อนของกล่องแห่งลาพลัส
เมราน
Meran
ชายที่เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษบนยานรา ไคลัม ในสังกัดของหน่วยรบลอนโดเบล แม้ว่าจะมีอายุที่มากกว่าไบร์ท แต่เขาก็นับถือในตัวไบร์ทอย่างมาก
หน่วยรบพิเศษไทร-สตาร์ (Tri – Stars)
ซ้ายมือ>>ไนเจล การ์เร็ตท์ (พากย์โดย : Yuichi Nakamura)
Nigel Garrett (ナイジェル・ギャレット Naijeru Gyaretto)
ชายที่เป็นหัวหน้าหน่วยรบพิเศษไทรสตาร์ ยศร้อยโท สมญานามของเขาคือ U007 (Uniform7)เขามักจะไม่ทำงานแบบไม่ค่อยเกรงกลัวต่อคำต่อว่าของพวกผู้ใหญ่ระดับสูง ที่ไม่รู้ว่าสนามรบจริงๆ มันเป็นเช่นไร
กลาง>> ดาริวล์ แม็คกินเนส (พากย์โดย : Anri Katsu)
Daryl McGuinness (ダリル・マッギネス Dariru Magginesu)
ชายที่เป็นสมาชิกของหน่วยรบพิเศษไทรสตาร์ เป็นชาวลาติน สมญานามของเขาคือ U008 (Uniform8)
ขวามือ >> วัตท์ส สแตปนี่ (พากย์โดย : Hiroki Yasumoto)
Watts Stepney (ワッツ・ステップニー)
สมญานามของเขาคือ U009 (Uniform9)มีนิสัยเป็นคนตรงไปตรงมา ค่อนข้างจะโอ้อวดเป็นส่วนใหญ่แถมเลือดร้อนง่ายอีกด้วย
ไซม์ วิสท์ (พากย์โดย : Ichiro Nagai)
Syam Vist (サイアム・ビスト)
ชายผู้ก่อตั้งมูลนิธิวิทส์คนแรกและเป็นบุคคลที่กุมความลับของเรื่องราวทั้งหมด ครั้งหนึ่งเขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อเหตุวางวินาศกรรมระเบิดสภาแห่งลาพลัสเมื่อเกือบ 100 ปี ก่อน
คาเดียร์ วิสท์ (พากย์โดย : Takayuki Sugo)
Cardeas Vist (カーディアス・ビスト)
เจ้าของบ้านคฤหาสน์ตระกูลวิสท์และเป็นผู้อำนวยการของศูนย์ฝึกในบริษัท Anaheim Electronic เขาเป็นผู้พัฒนา Mobile Suit รุ่นใหม่ภายใต้รหัส RX-0 เป็นคนที่ล่วงรู้ถึงความลับทั้งหมดของยูนิคอร์นและกล่องแห่งลาพลัส ก่อนจะฝากยูนิคอร์นที่กุมชะตากรรมของสหพันธ์โลกไว้กับบานาจลูกชายตนเองก่อนจะเสียชีวิตลง
กาเอล ชาน (พากย์โดย : Yutaka Aoyama)
Gael Chan (ガエル・チャン)
บอดี้การ์ดของ คาเดียร์ วิสท์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยอยู่ในสังกัดสหพันธ์โลกมาก่อน
ซูเบอรอล ซินเนอแมน (พากย์โดย : Hideaki Tezuka)
Suberroa Zinnerman (スベロア・ジンネマン)
กัปตันประจำยาน Garencieres และเป็นหัวหน้ากลุ่มปลอกแขนเสื้อ ถึงภายนอกจะดูน่ากลัวเหมือนตัวร้าย แต่ก็เป็นคนที่รู้จักดีรู้จักชั่วหากคิดจะลงมือกระทำเรื่องอันใดๆ ก็ตาม ในอดีตเขาได้ให้ความช่วยเหลือมาริด้ามาก่อน
มาริด้า ครู๊ซ (พากย์โดย : Yuko Kaida)
MaridaCruz (マリーダ・クルス )
หญิงสาวที่เป็นคนของกลุ่มปลอกแขนเสื้อที่คอยทำงานให้กับซินเนอแมนและไม่ลังเลว่าจะเป็นงานใดๆ นิสัยนิ่งเงียบ และเป็นนิวไทป์ นักบินประจำ Kshatriya
กิลโบ ซานท์ (พากย์โดย : Chō)
Gilboa Sant (ギルボア・サント)
ชายวัย 30 ปี ที่เป็นลูกเรือของยานGarencieres แม้ว่าเป็นกลุ่มปลอกแขนเสื้อฝ่ายนีโอซีอ้อน แต่ก็เป็นคนที่นิสัยดีมากๆ มีครอบครัวที่น่ารัก แต่สุดท้ายเขาต้องยอมพลีชีพเพื่อปกป้องฟูลฟอลทัลจากกระสุนสังหารของบานาจ ซึ่งภาพความตายของเขาเป็นเสมือนตราบาปที่ติกตัวบานาจไปชั่วชีวิต
ฟราสท์ สโคล (พากย์โดย : Rikiya Koyama)
Flaste Schole (フラスト・スコール)
รองกัปตันยานGarencieres ที่เป็นกลุ่มปลอกแขนเสื้อ เพื่อนที่เก่าแก่ที่สุดของ ซินเนอแมน
ฟูล ฟอนทัล (พากย์โดย : Shuichi Ikeda)
Full Frontal (フル・フロンタル)
ชายผู้เป็นดาวหางสีแดงคนใหม่ ที่มีใบหน้าและท่าทางราวเป็นคนๆ เดียวกันกับ “ชาร์ อัสนาเบิ้ล” เขาถูกยกย่องให้เป็นความหวังใหม่ของนีโอซีออน หลังจากที่ชาร์ อัสนาเบิ้ลหายสาปสูญไปในสงครามนีโอซีออน
แองเจโล ซาว์เฟอร์ (พากย์โดย :Tetsuya Kakihara)
Angelo Sauper (アンジェロ・ザウパー)
ชายหนุ่มที่เป็นนทยทหารคนสนิทของฟูล ฟอนทัล เขาเชิดชูนับถือฟูล ฟอนทัลยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
โลนิ การ์วี (พากย์โดย : Mariya Ise)
Loni Garvey (ロニ・ガーベイ)
เด็กสาวที่เป็นนักบินของโมบิลอาร์เมอร์ “แชมโบ” ในอดีตเธอเป็นลูกสาวของ “มาติ การ์วี” (Mahdi Garvey) อดีตทหารเก่าของซีออน ที่ตายด้วยน้ำมือของฝ่ายสหพันธ์โลก เธอจึงเครียดแค้นและต้องการจะล้างแค้นให้กับพ่อของตน เลยได้เข้ามาเป็นทหารในซากเดนสงครามซีออน ซึ่งท้ายสุดเธอก็ตายลงในการรบจากฝืมือของริดี้อย่างน่าเศร้าใจ
“โยเน็ม คริคส์”
Yonem Kirks (ヨンム・カークス)
ชายที่เป็นพลสไนเปอร์และผู้ควบคุมหน่วยรบของซากเดนสงครามซีออน ในแถบเกาะนิว กีนี เขายังเป็นเพื่อนของมาติ การ์วีพ่อของโลนิเพราะเคยร่วมผ่านสงครามมาด้วยกัน ภายหลังจากที่พ่อของโลนิเขาก็ได้รับเลี้ยงดูโลนิจนได้กลายมาเป็นทหาร ซึ่งเขาเองก็ได้เสียชีวิตในการสู้รบด้วยเช่นกัน
Mobile Suit ที่ปรากฏในเรื่อง
หุ่นของมูลนิธิวิสท์ (Vist Foundation)
RX-0 Gundam Unicorn
เป็น Mobile Suit รุ่นใหม่ที่ทางมูลนิธิวิทส์ลงทุนและให้ทาง Anaheim Electronic สร้างขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ติดตั้งระบบไซโคเฟรมรุ่นใหม่และควบคุมด้วยระบบไซโคมิวที่ทรงประสิทธิภาพมาก อีกทั้งยังเป็นหุ่นที่กุมความลับที่ซ่อนของกล่องแห่งลาพลัส
RX-0 Gundam Unicorn (Destroy Mode)
Unicorn ในร่างที่เปิดระบบ NT-D เผยให้เห็น ไซโคเฟรมสีแดงฉาน ต่อต้านบีมลำแสงจากอาวุธทุกชนิดได้ด้วยระบบ I-Filed และมีความสามารถแทรกแซงระบบ Funnel ได้อีกด้วย
หุ่นฝ่ายสหพันธ์โลก (Earth Federation Forces)
RGM-89D Jegen
Mobile Suit ในสังกัดลอนโดเบล เป็นรุ่นมาตรฐานที่ใช้งานทั่วไปในจำนวนการผลิตที่มากสำหรับทางสหพันธ์ (Mass-Product) อยู่ในรุ่นพัฒนาของ GM-Type Series ใช้ได้ทั้งในอวกาศและภาคพื้นดิน สามารถติดตั้งอาวุธเพิ่มเติมได้หลายชนิด
RGM-89S STARK JEGAN
เป็น Mobile Suit ในสังกัดลอนโดเบล ที่ติดตั้งอาวุธหนักอย่าง Lunching missile ทรัสเตอร์ความเร็วสูง และเสริมส่วนเกราะขึ้นบางส่วน
RGM-89S PROTOTYPE STARK JEGAN
เป็น Mobile Suit ในรุ่นต้นแบบของ JEGAN ที่ได้เริ่มลดขนาดของตัวหุ่นลง มีการติดตั้งอาวุธมิสไซส์ ลอนเซอร์ และเครื่องทรัสเตอร์ความเร็วสูงเอาไว้ที่ตัวหุ่น ทางสหพันธ์โลกได้นำมาประจำการที่หน่วยลอนโดเบล
RGZ-95 ReZel
Mobile Suit ในสังกัดลอนโดเบล ในสายการผลิตจำนวนมาก อยู่ในรุ่นพัฒนาของ Zeta-Type สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างได้ สามารถใช้ได้ทั้งในอวกาศและในเขตแรงโน้มถ่วง
RGZ-95C ReZel Commander
Mobile Suit ในสังกัดลอนโดเบล เป็นรุ่นสำหรับจ่าฝูง ต่างกันตรงที่มีปีกด้านหลังและมีกระจกครอบ Mono-Eyes เป็นสีเขียว ใช้ปืนบีมสไนเปอร์เป็นอาวุธหลัก
D-50C LOTO
Mobile Suit ในสังกัดลอนโดเบล ของหน่วย ECOAS 920 Special Forces Team ในสายการผลิตจำนวนมาก เหมาะสำหรับลำเลียงกำลังพลทหารราบ ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างให้การเป็นยานพาหนะคล้ายรถถังได้
MSN-001A1 DELTA PLUS
เป็น Mobile Suit ในรุ่นของ MSN Series (รหัสเครื่อง ในสายเดียวกันกับ MSN-00100 Hyaku Shiki) ที่สามารถแปลงร่างเป็นยานเวฟไรเดอร์ได้ เช่นเดียวกันกับรุ่น ZETA Type เป็นเครื่องต้นแบบที่พัฒนาให้มีการสลับสับเปลี่ยนรูปแบบในการใช้งานได้ดีกว่าเดิม ทั้งยังสามารถบินฝ่าชั้นบรรยากาศลงมาบนโลกได้อีกด้วย
RMS-179 GM II
เป็นโมบิลสูทจิมในรุ่นที่สองในสายการผลิตจำนวนมาก ที่เคยใช้ในสงครามหนึ่งปี ซึ่งปัจจุบันยังถูกประจำการในกองทัพอยู่ แม้จะมีโมบิลสูทรุ่นที่ใหม่กว่าอย่างเจกันมาแทนที่แล้วก็ตาม
RGM-86R GM III
เป็นโมบิลสูทจิมในรุ่นที่สามในสายการผลิตจำนวนมาก ตัวเครื่องติดตั้งทรัสเตอร์ความเร็วสูงที่เหนือกว่ารุ่นที่สอง ซึ่งปัจจุบันยังถูกประจำการในกองทัพอยู่ แม้จะมีโมบิลสูทรุ่นที่ใหม่กว่าอย่างเจกันมาแทนที่แล้วก็ตาม
MSA-003 NEMO
เป็นโมบิลสูทที่หน่วยเอลโก้ (AEUG) เคยใช้งาน เป็นเครื่องที่ถูกสร้างเพื่อใช้งานในภาคพื้นดินเป็นหลัก สอง ซึ่งปัจจุบันยังถูกประจำการในกองทัพอยู่
RGM-96X JESTA
เป็นโมบิลสูทรุ่นใหม่ของทางสหพันธ์โลก ในรหัสเครื่องเดียวกับ JEGAN พัฒนาโดยทางอนาไฮม์อิเล็กทรอนิคส์ ซึ่งผลิตออกมาในจำนวนจำกัด ถูกส่งไปประจำการยังหน่วยลอนโดเบล เพื่อให้กับหน่วยพิเศษไทร์สตาร์เป็นผู้ใช้งาน
RX-160S Byarlant Custom
เป็นโมบิลสูทที่อยู่ในขั้นทดสอบของทางสหพันธ์โลก ซึ่งเป็นหุ่น RX-160 Byarlant ที่ฝ่ายทีทานส์เคยใช้ในสงครามกริปส์มาก่อน เครื่องเพิ่มเพียงระบบทรัสเตอร์ให้สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งโดยรวมๆ ยังไม่มีการปรับปลี่ยนระบบพื้นฐานของหุ่นมากนัก
Nall Argama
ยานธงในสังกัดลอนโดเบล มีอีกชื่อเรียกว่าม้าไม้จำลอง ที่รับหน้าที่ในการเป็นแนวหน้าในสนามรบ มีอ๊อตโต้เป็นกัปตันประจำยาน
Ra Cailam
ยานเรือธงของกองทัพสหพันธ์โลก ในสังกัดของลอนโดเบลที่ถูกสร้างขึ้นมาในปี U.C. 0093 ช่วงสงครามนีโอซีออนครั้งที่สอง เครื่องยนต์หลักใช้ Minovsky craft รุ่นใหม่ที่มีความสามารถขึ้นลงในแนวที่ดีกว่ายานรบรุ่นอื่นๆ มีกัปตันประจำยานคือ ไบร์ท โนอา
หุ่นของฝ่ายนีโอซีออน (Neo Zeon Mobile Suit)
AMS-129 Geara Zulu
เป็น Mobile Suit สังกัดนีโอซีออน อยู่ในสายพัฒนาของ Geara-Doga และอยู่ในสายการผลิตจำนวนมาก สามารถติดตั้งอาวุธเพิ่มเติมได้อีกหลายชนิด
NZ-666 Kshatriya
เป็น Mobile Suit สังกัดนีโอซีออน อยู่ในสายพัฒนาของ Queen Mansa ที่ใช้ระบบไซโคเฟรมรอบห้องนักบินแต่เป็นรุ่นเก่าที่ผลิตโดย Anaheim Electronic และติดตั้งอาวุธ funnels ถึง 24 ตัว เป็น Mobile Suit ที่ต้องใช้นิวไทป์เป็นนักบิน ซึ่งนักบินคือ มาริด้า
MSN-06S Sinanju
หรือชื่อเดิมคือ Sinanju Stain เป็น Mobile Suit ที่ Full Fontal เป็นนักบิน เดิมที่เป็นหุ่นที่ทางสหพันธ์โลกสร้างขึ้น ฐานข้อมูลรวมไปถึงระบบพี้นฐานของ Sinanju ยังถือเป็นต้นแบบในการสร้างของยูนิคอร์นอีกด้วย แต่ในระหว่างช่วงการขนย้ายเพื่อทดสอบประสิทธิภาพยังฐานแกรนาด้าบนดวงจันทร์ กลับถูกฝ่ายนีโอซีออนมาขโมยและปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ขึ้นใหม่ดังที่เห็น
MSN-06S Sinanju Stain
(รูปลักษณ์ดั้งเดิมของ Sinanju ซึ่งเป็นสีขาวทั้งตัว ยังคงมีส่วนที่เป็นมุมเหลี่ยมอยู่ให้เห็น)
หุ่นตัวแรกที่อยู่ในสายการผลิตเพื่อทดสอบระบบ “ไซโคเฟรม” เทคโนโลยีที่จะช่วยให้การบังคับโมบิลสูทสำหรับผู้ที่มีความสามารถพิเศษ หรือ “นิวไทป์” ได้รับรู้และขับเคลื่อนโมบิลสูทให้เป็นดุจดั่งเทพเจ้าสงคราม
แต่ด้วยการทดสอบระบบไซโคเฟรมดังกล่าว เป็นการทดสอบระบบในเชิงทฤษฎีเท่านั้น ทำให้ชินันจู สไตน์ “ยังไม่มีนักบินประจำเครื่อง” และการมีตัวตนของชินันจู สไตน์ ยังคงเป็นความลับต่อไป…จนกระทั่ง “The Sleeves” (ปลอกแขนเสื้อ) กลุ่มที่ยังคงนับถือในแนวคิดของ Neo Zeon ได้ทำการบุกมาชิงเอาตัวชินันจู สไตน์ไป…
(ปรากฏตัวอยู่ในภาค Gundam Unicorn MSV)
AMS-129 Geara Zulu (Guard Type)
Geara Zuru เป็นรุ่นหน่วยองค์รักษ์ใช้งาน ที่ติดตั้งโล่และอาวุธเสริม
AMS-129 Geara Zulu (Angelo Sauper Use)
เป็น Geara Zuru เครื่องของแองเจโล ที่ทาเครื่องด้วยสีม่วง
AMS-119 GEARA DOGA
เป็นโมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากของฝ่ายนีโอซีออน ที่เคยถูกใช้ในสงครามช่วง “การก่อกบฏของชาร์” มาก่อน ที่แขนของหุ่นมีการประดับด้วยสัญลักษณ์กลุ่มปลอกแขนเสื้อเอาไว้ด้วย
AMX-009 DREISSEN
เป็นโมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากของฝ่ายนีโอซีออน เคยถูกใช้ในช่วงสงครามนีโอซีออนครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ได้ถูกนำมาใช้ในการป้องกันโคโลนี่พาเลา ที่แขนของหุ่นมีการประดับด้วยสัญลักษณ์กลุ่มปลอกแขนเสื้อเอาไว้ด้วย ตัวหุ่นได้ติดตั้งอาวุธยุทโธปกรณ์แบบใหม่ ซึ่งมีแนวคิดการสร้างอยู่บนพื้นฐานของโมบิลสูทอย่าง MS-09 Dom
MS-21C DRA-C
เป็นโมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากของฝ่ายนีโอซีออน ที่ถูกพัฒนาในช่วงสงคราม Delaz ที่ขับเคลื่อนด้วยทรัสเตอร์โดยไม่ต้องมีส่วนขาของหุ่น ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ได้ถูกนำมาใช้ในการป้องกันโคโลนี่พาเลา
AMX-006 GAZA D
เป็นโมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากของฝ่ายนีโอซีออน ที่มีพื้นฐานการสร้างมาจากโมบิลสูทรุ่น AMX-003 Gaza C สามารถสลับเปลี่ยนร่างเป็นโมบิลอาร์เมอร์ได้ เคยถูกใช้ในช่วงสงครามนีโอซีออนครั้งที่หนึ่ง ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ได้ถูกนำมาใช้ในการป้องกันโคโลนี่พาเลา
AMA-X7 SHAMBLO
โมบิลอาร์เมอร์อันเป็นไพ่ตายของซากเดนสงครามซีออน สามารถใช้เคลื่อนที่ในใต้น้ำและบนบกได้ มีแขนกลขนาดใหญ่ที่สามารถฉีกศัตรูเป็นชิ้นๆ ได้ ทั้งยังมีบีมอนุภาคเมก้าลอนเชอร์ และโดรนขนาดเล็กที่สามารถสะท้อนบีมเลเซอร์ได้อีกด้วย ห้องนักบินสร้างขึ้นมาโดยใช้ระบบไซโคมิว ซึ่งจำเป้นต้องใช้นักบินนิวไทป์ในการควบคุม มีนักบินประจำเครื่องคือ โลนิ การ์วี่
MSM-04G JUAGGU
เป็นโมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ ซึ่งเครื่องรุ่นนี้เคยถูกใช้ในช่วงสงครามหนึ่งปี ในศึกสมรภูมิจาบูโรมาก่อน แขนของตัวหุ่นเป็นปืนกลขนาดใหญ่ ส่วนที่ช่วงกลางลำตัวสามารถใช้บีมเลเซอร์ความเข้มข้นสูงตัดร่างของศัตรูได้
AMX-109 CAPULE
เป็นโมบิลสูทรุ่นผลิตจำนวนมากที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ถูกพัฒนาโดยทางนีโอซีออนในสงครามนีโอซีออนครั้งที่หนึ่ง ตัวหุ่นถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานแบบสะเทินน้ำสะเทินบก ทรงกลมของตัวหุ่นน้ำช่วยให้การเคลื่อนไหวใต้น้ำทำได้อย่างรวดเร็วมากกว่าโมบิลสูทที่เป็นรุ่นดัดแปลงในการใช้ในใต้น้ำ
MS-05L Zaku I Sniper Type
ซาคุรุ่นที่หนึ่งที่ถูกดัดแปลงให้เป็นพลซุ่มยิงที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ ติดตั้งเซ็นเซอร์พิสัยไกลสำหรับการยิง
RMS-192M Zaku-Mariner
ซาคุรุ่นที่สองที่ถูกดัดแปลงให้ใช้ในใต้น้ำได้ ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ เครื่องรุ่นนี้เคยถูกน้ำมาใช้ในภาค ZZ ด้วย
MS-06K Zaku Cannon
ซาคุรุ่นที่สองที่ถูกติดตั้งปืนใหญ่ขนาดลำกล้อง 180 ม.ม.ประทับบ่าด้านขวา ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ เครื่องรุ่นนี้เคยถูกน้ำมาใช้ในภาค Z มาก่อน
MS-06D Zaku Desert Type
ซาคุรุ่นที่สองที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานในพื้นที่ทะเลทราย ที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ เครื่องรุ่นนี้เคยถูกน้ำมาใช้ในสงครามหนึ่งปีมาก่อน
AMX-101K Galluss-K
เป็นโมบิลสูทในสายการผลิตรุ่นเดียวกับ AMX-101 Galluss-J ที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ เครื่องรุ่นนี้เคยถูกน้ำมาใช้ในสงครามครั้งที่หนึ่งมาก่อน ขีปนาวุธตรงไหล่และนิ้วถูกตัดออกและมีการติดตั้งด้วยปืนใหญ่ลำแสงประทับบ่าด้านซ้ายแทนที่ ส่วนอาวุธที่มือใช้ของ AMX-008 Ga-Zowmn เครื่องรุ่นนี้สร้างในปี U.C. 0096
RMS-108 Marasai
เป็นโมบิลสูทในสายการผลิตจำนวนมากฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ใช้งานโดยฝ่ายทีทานส์ ในช่วงสงครามกริปส์มาก่อน ซึ่งเครื่องรุ่นอยู่ในสายการผลิตเดียวกันกับ RMS-106 Hizack
MSM-07 Z’Gok
เป็นโมบิลสูทในสายการผลิตจำนวนมาก ที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ทางซีออนได้พัฒนาขึ้นในช่วงสงครามหนึ่งปีมาก่อน สามารถใช้งานทั้งบนบกและในน้ำได้ ตัวหุ่นมีอาวุธเป็นกงเล็บและปืนอนุภาคขนาดใหญ่ลำกล้อง 240 ม.ม.อยู่ที่ฝ่ามือ ทั้งยังมีจรวดที่ติดตั้งตรงส่วนหัว
MSM-08 Zogok
เป็นโมบิลสูทรุ่นพัฒนาต่อจาก MSM-07 Z’Gok ที่มีความสามารถในระยะประชิดที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ สามารถใช้งานทั้งบนบกและในน้ำได้เช่นเดียวกัน มีจุดเด่นตรงที่สามารถใช้อาวุธรูปแบบมุมเมอแรงได้
MS-09G Dwadge
เป็นโมบิลสูทในสายการพัฒนารุ่นสุดท้ายของ MS-09 Dom ที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ ที่มีความหลากหลายในการใช้งาน ซึ่งเครื่องรุ่นนี้เคยใช้ในสงครามนีโอซีออนภาค ZZ มาก่อน
MS-09F/Trop Dom Tropen
เป็นโมบิลสูทในสายการพัฒนาสุดท้ายของ MS-09 Dom ที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ ซึ่งได้รับการออกแบบใหม่สำหรับการต่อสู้ในสภาพแวดล้อมของเขตร้อนและพื้นที่ทะเลทราย เครื่องรุ่นนี้เคยถูกนำไปใช้ในภูมิภาคแถบแอฟริกา ในช่วงท้ายของสงครามหนึ่ง ปรากฏในภาค 0083 Stardust Memory มาก่อน
MS-14D Desert Gelgoog
เป็นโมบิลสูทรุ่นเกลกุกที่ถูกออกแบบมาใช้งานในสภาพแวดล้อมของเขตร้อนและพื้นที่ทะเลทราย ที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ ซึ่งเครื่องรุ่นนี้ถูกนำไปใช้ในตอนท้ายของสงครามหนึ่งปีมาก่อน
MS-08TX/S Efreet Schneid
เป็นโมบิลสูทรุ่นปรับปรุงของ MS-08TX Efreet ที่ถูกใช้ในช่วงสงครามหนึ่งปีมาก่อน ที่ฝ่ายซากเดนสงครามซีออนนำมาใช้สู้รบ มีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิด ด้วยอาวุธรูปแบบมีดความร้อน
Garencieres
เป็นยานขนส่งของกลุ่มเปลือกแขนเสื้อในสังกัดนีโอซีออน มีซินเนอแมนเป็นกัปตันยาน สามารถเดินทางระหว่างพื้นโลกและอวกาศได้
Rewloola
ยานรบของฝ่ายนีโอซีออน ที่ฟูล ฟอลทัลสังกัดอยู่
Staff
ORIGINAL CONCEPT : HAJIME YATATE, YOSHIYUKI TOMINO
DIRECTOR : KAZUHIRO FURUHASHI
SCRIPT : YASUYUKI MUTO
ORIGINAL CHARACTER DESIGN : YOSHIKAZU YASUHIKO
ANIMATION CHARACTER DESIGN : KUMIKO TAKAHASHI
ORIGINAL MOBILE SUIT DESIGN : KUNIO OKAWARA
MECHANICAL DESIGN : HAJIME KATOKI, JUNYA ISHIGAKI, NOBUHIKO GENMA
MECHANICAL DESIGN COOPERATION : MIKA AKITAKA
DISPLAY DESIGN : YOSHINORI SAYAMA, HIDEKATSU KAMIMURA
CONCEPTUAL CONSULTANT : SHINYA OGURA
STORY : HARUTOSHI FUKUI
MUSIC : HIROYUKI SAWANO
SOUND DIRECTOR : ERIKO KIMURA
ART DIRECTOR : SHIGEMI IKEDA
COLOR DESIGN : TAKAKO SUZUKI
DIRECTOR of PHOTOGRAPHY : TAKESHI KATSURAYAMA, YUI TANAKA
CG DIRECTOR : TOMOHIRO FUJIE
EDITOR : DAISUKE IMAI
ANIMATION PRODUCTION : SUNRISE
Admin : On The Rock & miraclesaven
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก