Kingdom of the Planet of the Apes

กำกับโดย : Wes Ball
บทโดย : Josh Friedman /Rick Jaffa/Amanda Silver/Patrick Aison
สร้างโดยอิงจากบทประพันธ์ต้นฉบับนวนิยาย Planet of the Apes โดย  Pierre Boulle
Produced : Joe Hartwick Jr. /Rick Jaffa/Amanda Silver/ Jason Reed
แสดงโดย : Owen Teague / Freya Allan /Peter Macon /Eka Darville/ Kevin Durand

แนว/ประเภท : Action, Drama , Sci-Fi

กำหนดฉายไทย :   9 พฤษภาคม 2024

ผู้ผลิต : 20th Century Fox

จากความถือดีของมนุษย์ ที่หมายมั่นว่าตนจะได้ปกครอง และสรรค์สร้างทุกสิ่ง ได้ มอบสติปัญญาให้กับพวกสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น โดยหวังผลเพื่อการเอาชนะธรรมชาติ และโรคภัย จากตัวอย่างทดลองการรักษาอาการอัลไซเมอร์ สู่หายนะโลกครั้งใหม่ ที่มนุษย์เป็นผู้เริ่มก่อน มอบปัญญาให้ก่อน และเรื่องราวจากจุดนั้น ได้ทำให้มนุษย์ เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตด้อยปัญญา และวานร ได้ครองโลกอย่างแท้จริง…นี่คือการสานต่อเรื่องราวพิภพวานรภาคล่าสุด Kingdom of the Planet of the Apes

เรื่องราวในภาพยนตร์จะเล่าถึง หลายปีหลังจากเหตุการณ์ใน War for the Planet of the Apes (2017) ได้ทำให้เกิดกลุ่มวานรจำนวนมาก อาศัย และมีกฎ มีการปกครองต่างกันไปทั่วโลก ในขณะที่มนุษย์กลับเข้าสู่สภาวะสติปัญญาถดถอย กลายเป็นคนป่าไร้อารยะ บัดนี้เหล่าวานร ได้ครองโลกอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมธรรมชาติ ผืนป่าปกคลุมทุกพื้นที่บนโลกแล้ว…

เวลาก็ผ่านเลยไป…หลายปี เรื่องราวของซีซาร์กลายเป็นคำสอนที่ส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น…

เรื่องราวเล่าผ่าน “โนอา” ลิงหนุ่มจากเผ่าเจ้าอินทรี ที่ต้องออกเดินทางเพื่อช่วยเหลือเพื่อน และแม่ ที่ถูกราชาลิง จอมกระหายอำนาจ บุกทำลายหมู่บ้าน โนอา ได้เดินทางมายังชายฝั่ง ที่ๆราชาลิงถือครอง แต่ระหว่างนั้น โนอาได้พบกับมนุษย์หญิงสาวรายหนึ่ง ที่มีความลับซ่อนอยู่…และทั้งหมด นำไปสู่เรื่องราวบทใหม่ของพิภพวานร

Review 

มูฟออนจากซีซาร์ เข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของพิภพวานร ที่เชื่อว่าถ้าคุณได้ดูจบ ต้องอยากปีนเสาแน่ๆ

 

หลายคนอาจจะเริ่มรู้สึกว่า ภาพยนตร์แฟรนไชส์พิภพวานร น่าจะเริ่มหมดมุกในการนำเสนอแล้ว และจะเอาอะไรมาเล่าต่อ เพราะเราก็รู้ว่า สุดท้ายแล้ว ลิงก็ครองโลกได้อยู่ดี…นั่นคือสิ่งที่เรารู้ในระดับผิวเผิน เท่านั้น เพราะจริงๆ ถ้าคุณได้ดูพิภพวานร ในแต่ละภาค ในช่วงท้ายเรื่อง ที่แม้ว่าจะจบโดยสมบูรรืในตัว แต่ก็จะทิ้งปมบางอย่างเอาไว้เพื่อการเล่าเรื่องในสเกลที่ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ…

และ Kingdom of the Planet of the Apes คือข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนมากๆ ในการหยิบเอาสิ่งละอันพันละน้อยในแต่ละภาคได้ทิ้งเอาไว้ มาขยี้ และ ขยายปมประเด็นต่างๆ เพื่อสร้างเรื่องราวใหม่ๆ  การเดินทาง การต่อสู้ของซีซาร์ ความสัมพันธ์ของแต่ละตัวละคร ในไตรภาคเก่า ในตอนนี้เป็นเพียงเรื่องเล่าทางความเชื่อที่มีเพียงวานรไม่กี่ตัวที่นำมาน้อมนำคำสอนมาใช้…และในขณะเดียวกัน คำสอนที่ถูกบิดเบือน ก็นำไปสู่การไขว่คว้าหาผลประโยชน์ใส่ตัวได้เช่นกัน จุดนี้ มนุษย์ และ ลิง แทบจะไม่ต่างกันเลย

 

ซึ่งในภาพยนตร์ ได้นำจุดที่ว่านี้มาเป็นแกนหลัก และใส่สถานการณ์ที่สามารถเชื่อมโยงทั้ง เรื่องราวความมักใหญ่ใฝ่สูง การกระหายองค์ความรู้ของราชาลิง + ความสูญเสีย ที่เป็นแรงผลักดันให้ลิงหนุ่มธรรมดา กลายเป็นผู้กอบกู้เผ่าลิงผู้เลี้ยงนกอินทรีที่รักสงบ + มุษย์หญิงที่กุมความลับอะไรบางอย่าง ซึ่งเมื่อเอาทั้งหมดนี้ ปั่นรวมกัน ออกมาเป็น “แนวทางใหม่ของจักรวาลพิภพวานร” เส้นเรื่องใหม่ เจเนอเรชั่นใหม่ และทำให้เห็นทิศทางที่จะนำไปสู่ภาคต่อ และเชื่อมกับเรื่องราวออริจินอล “อีกก้าวนึง”แล้ว…

 

ส่วนประเด็น “ความไม่ไว้ใจกันระหว่างมนุษย์ และวานร , ความมักใหญ่ในอำนาจ , การเสียดสีสังคมลิงที่เริ่มจะเหมือนคนเข้าไปทุกที” เป็น Point หลักที่นำเสนอที่ คมคายใช้ได้ แต่เทียบกับภาคก่อนๆ ดูจะเบาไปหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ว่า ตัวภาพยนตร์เองก็ต้องการมูฟออนจากความขัดแย้งของ ลิงกับคน “เป็นการชั่วคราว”

 

 

เพื่อให้เราได้รู้จักโลกทัศน์ที่ผ่านไปหลายชั่วอายุลิงหลังซีซ่าร์ตาย แน่นอนว่า จุดนี้ทำให้ทีมงานฝั่งวิชวล และอาร์ตไดฯ ทำงานหนัก เพื่อสร้างสรรค์โลกล่มสลาย และกลายเป็นผืนป่าแบบจัดหนักจัดเต็ม ไม่มีกั๊ก ถือเป็นพิภพวานร ที่ภาพสวยที่สุดในบรรดาทั้งหมด โดยมุ่งเน้นไปที่งานภาพมุมกว้าง ถ่ายมุมสูง โชว์ทิศทางงานศิลป์ที่สวยงามในหลายๆช๊อต และฉากแอคชั่นภาคนี้ จัดเต็ม สนุกเร้าใจ และหลายซีน ทำเท่ ทำถึงมากๆด้วย…

  #อาณาจักรแห่งพิภพวานร

#KingdomOfThePlanetOfTheApes

#KingdomOfThePlanetOfTheApesTH