ชื่ออังกฤษ : Jurassic World 2015
ประเภทหนัง : Action, Adventure, Sci-Fi
ผู้กำกับ : Colin Trevorrow
นักแสดง : Chris Pratt, Judy Greer, Ty Simpkins
วันที่เข้าฉาย : 11 มิถุนายน 2558
สิ้นสุดการรอคอยกว่า 14 ปี สำหรับภาพยนตร์แอคชั่นผจญภัยฟอร์มยักษ์ที่ทุกท่านรอคอย สำหรับ Jurassic World ภาคต่อของ Jurassic Park กับเรื่องราวในอีก 22 ปีต่อมา ภายหลังจากเหตุการณ์ใน Jurassic Park ภาคแรก (1993) บนเกาะอิสลา นูบลา ที่ถูกสร้างขึ้นและเปิดเป็นสวนสนุก เพื่อจัดแสดงไดโนเสาร์เต็มรูปแบบ ด้วยการใช้เทคโนโลยีตัดต่อพันธุกรรม และการเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ไดโนเสาร์ให้มีจำนวนมากขึ้น รวมทั้งการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ให้พวกมันมีทั้งขนาดและความปราดเปรื่องที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม จนนำมาสู่หายนะครั้งใหม่ให้มนุษย์ต้องเอาชีวิตรอดอีกครั้ง อำนวยการสร้างโดย สตีเวน สปีลเบิร์ก นำแสดงโดย คริส แพรตต์, ไบรซ์ ดัลลาส ฮาวเวิร์ด, นิค โรบินสัน, ไท ซิมป์กินส์, เจก จอห์นสัน, อีร์ฟาน ข่าน และบีดี หว่อง ภาพยนตร์กำกับการแสดงโดย โคลิน เทรวอร์โรว์
ด้วยยอดการเข้าชมกว่า 30 ล้านวิว สำหรับการเปิดเพียง 2 วัน ของตัวอย่างภาพยนตร์ Jurassic World ภาคต่อจากไตรภาค Jurassic Park ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในยุค 90 ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกจับตามองจากบรรดานักบรรพชีวินวิทยา ซึ่งเป็นผู้ศึกษาประวัติความเป็นมาของวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตในยุคบรรพกาลเป็นอย่างมาก
โดยใน Jurassic World ซึ่งถูกสร้างต่อจากต้นฉบับมานานกว่า 2 ทศวรรษนั้น ค่อนข้างถูกวิพากย์วิจารณ์ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับไดโนเสาร์ที่ถูกนำเสนอไม่ตรงกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจจะเป็นด้วยเพราะพล็อตเรื่องที่เป็นการพูดถึงการดัดแปลงพันธุกรรมให้ไดโนเสาร์มีความเฉลียดฉลาดและน่าสนใจกว่าเดิม ทำให้รายละเอียดหลายๆ เรื่องเกี่ยวกับไดโนเสาร์ถูกบิดเบือนไป ไม่ว่าจะเป็น…
“เวโลซีแรปเตอร์” ไดโนเสาร์กินเนื้อที่ฉลาดและว่องไวมาเป็นตัวดำเนินเรื่องหลักของ Jurassic World ที่ถูกนำเสนอในแง่ของสัตว์ที่เป็นภัยคุกคามและมีขนาดที่ใหญ่เกือบเท่ามนุษย์ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว แรปเตอร์ มีขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าไก่ตัวหนึ่งเท่านั้น
“ไทแรนโนซอรัส” หรือ “ทีเร็กซ์“ ที่ในหนังภาคแรก ก็ถูกวิจารณ์อย่างมาก เมื่อจากหลักฐานทางฟอสซิลพบว่า ทีเร็กซ์ ในยุคจูราสสิค ไม่มีวันตัวใหญ่โตเหมือนในหนัง และมีความเร็วในการวิ่งสูงสุดแค่ 25 ไมล์ต่อชั่วโมง จึงไม่อาจวิ่งไล่ตามรถยนตร์ได้เหมือนที่ผู้สร้างถ่ายทอดในหนังแต่อย่างใด โดยใน Jurassic World 2015 นี้ สายพันธุ์ของทีเร็กซ์จะถูกปรับเปลี่ยนพันธุกรรมแบบลับๆ โดยมีชื่อใหม่ที่เรียกว่า “อินโดไมนัส เร็กซ์” ซึ่งมีทั้งความเร็วและความฉลาดที่มากขึ้นกว่าเดิม
“โมซาซอร์” กิ้งก่าทะเลดึกดําบรรพ์ ที่เชื่อว่าเป็นญาติใกล้ชิดกับงูในปัจจุบัน แต่ขนาดที่ใหญ่โตเท่ากับเครื่องบิน Boeing และมีความแตกต่างจากหลักฐานการค้นพบฟอสซิลซึ่งยืนยันว่า โมซาซอร์ มีขนาดความยาวที่สุดที่ 15 เมตรเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกวิจารณถึงเรื่องรายละเอีดที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และจะดีกว่าหากเป็นการถ่ายทอดไดโนเสาร์ให้ถูกต้องตามการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ภาพยนตร์มีความน่าเชื่อถือมากกว่าเป็นเพียงการถ่ายทอดเรื่องราวเพ้อฝัน แต่ในวงการวิทยาศาสตร์ก็ยังคงยกย่องให้ หนังต้นฉบับเมื่อปี 1993 ช่วยให้การศึกษาเกี่ยวกับที่มาของไดโนเสาร์ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมาก
เรื่องย่อ
เรื่องราวการผจญภัยสานต่อความระทึกขวัญต่อจากภาค Jurassic Park เมื่อปี 1993 หลังจากระยะเวลาผ่านไป 22 ปี สวนสนุกแห่งโลกจูราสสิคก็ได้กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบยิ่งกว่าเดิมอีกครั้งในชื่อ “จูราสสิค เวิลด์ (Jurassic World)” บนเกาะนอกชายฝั่งประเทศคอสตาริกา ภายใต้ความดูแลของ Masrani Global Corporation ซึ่งหลังจากกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง พวกเขาก็พบว่ายอดการเข้าเที่ยวชมของนักท่องเที่ยวเป็นไปไม่สวยนัก
โครงการพัฒนาปรับปรุงพันธุกรรมเหล่าไดโนเสาร์จึงเกิดขึ้น เพื่อเรียกความน่าสนใจดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม จนก่อเกิดเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่ทั้งอันตรายและเฉลียวฉลาดมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น โมซาซอร์ ขนาดยักษ์ที่กระโดดงับปลาฉลามบนผืนน้ำขนาดใหญ่, ไทรเซอราท็อป ตัวจิ๋วผู้อ่อนโยน หรือแม้กระทั่ง อินโดไมนัส เร็กซ์ ที่เป็นการผสมพันธุ์ทางพันธุกรรมซึ่งปิดเป็นความลับ จนได้ทีเร็กซ์พันธุ์ใหม่ที่มีทั้งขนาดใหญ่โตกว่าและอันตรายกว่าเป็นเท่าตัว
แต่แล้วระหว่างการดำเนินกิจการที่กำลังเป็นไปได้สวย ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่แห่แหนกันมามากมาย สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อสิ่งที่สวนสนุกแห่งโลกจูราสสิคปกปิดไว้ ได้หลุดออกมาพร้อมกรงเล็บที่พร้อมขย้ำนกท่องเที่ยวและมนุษย์ทุกคนบนเกาะ ขณะเดียวกับที่ แซช และ เกรย์ สองพี่น้องหลานชายของ แคลร์ ผู้ดูแลหญิงของสวนสนุกแห่งนี้มาเยือน
นี่จึงไม่ใช่แค่การอพยพผู้คนออกจากเกาะที่เต็มไปด้วยเหล่าสัตว์ร้ายแห่งโลกจูราสสิค แต่ยังเป็นการหาทางหยุดยั้งและหาทางช่วยเหลือเด็กๆ ที่แคลร์จำเป็นต้งร่วมมือกับ โอเวน อดีตทหารผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ที่ทำงานที่ศูนย์วิจัยชายขอบของสวนสนุกแห่งนี้ ที่จะต้องงัดทั้งความรู้และไหวพริบ เพื่อต่อกรกับเหล่าไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ ที่ทั้งร้ายกาจและเฉลียวฉลาด โดยเฉพาะกับเจ้า “อินโดไมนัส เร็กซ์”
ความโกลาหลวุ่นวายของสวนสนุกจูราสสิคครั้งนี้จะจบลงอย่างไร? จะซ้ำรอยเดิมกับภาคก่อนๆ หรือไม่? ร่วมพิสูจน์ภาคต่อของภาพยนตร์ระดับสุดยอดตำนวนเรื่องนี้กันได้ ใน Jurassic World กันได้ทุกโรงภาพยนตร์ 11 มิถุนายนนี้!!
18 ความประทับของเดิม ที่ Jurassic World นำมาถ่ายทอดอีกครั้ง
หลากหลายความประทับใจที่เคยถูกกล่าวถึงใน Jurassic Park จะถูกนำกลับมาถ่ายทอดสู่สายตาผู้ชมใหม่อีกครั้งใน Jurassic World โดยการอำนวยการสร้างของ “สตีเวน สปีลเบิร์ก” ที่จะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของโลกล้านปีให้เราได้สัมผัสกัน และนี่คือ 18 ความประทับใจที่ Jurassic World ยังคงรักษาไว้จากต้นฉบับเดิม…
1. วิธีการเดินทางสู่เกาะอิสลา นูบลา (Isla Nublar)
สำหรับวิธีการเดินทางมายังเกาะอิสลา นูบลา ใน Jurassic World นั้น ยังคงแฝงกลิ่นไอของลึกลับและชวนตื่นเต้นไว้เช่นเดียวกับในภาคที่เเล้วเช่นเดิม แม้จะมีการเปลี่ยนยานพาหนะขนส่ง จากการเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์มาเป็นการเดินทางในน้ำ โดยเรือข้ามฟาก Ferry แทน แต่ก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงการถูกตัดขาดจากโลกภายนอกให้ผู้ชมได้อารมณ์เช่นเดียวกับการดู Jurassic Park ที่คุ้นเคย
2. ประตูทางเข้าสู่อาณาจักรโลกล้านปี
หากมาถึง Jurassic Park แต่ไม่ได้ผ่านประตู ก็อาจถือได้ว่ายังมาไม่ถึงอาณาจักรโลกล้านปีก็ว่าได้ นี่จึงถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญอย่างหนึ่งในหนังเรื่องนี้ ดังนั้นใน Jurassic World จึงไม่ลืมที่จะมีฉากแสดงประตูทางเข้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญ และยังเพิ่มเติมรถราง ให้ดูมีความน่าสนใจมากขึ้นด้วย
3. เด็กและสวนสนุก
แน่นอนว่า หากพูดถึง Jurassic Park สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักนึกถึง ก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและสวนสนุก ที่มักเป็นของคู่กันเสมอ การกลับมาครั้งนี้ของ Jurassic World ก็ยังคงอิงความสัมพันธ์ในแง่นี้ให้ผู้ชมได้ชวนย้อนวัยกัน ตลอดจนยังไม่ลืมที่จะแฝงแง่คิดสำหรับครอบครัวให้เราขบคิดกันตามเคยอีกด้วย
4. ความมหึมาของขนาดไดโนเสาร์
ถ้าพูดถึงไดโนเสาร์ นอกจากความน่ากลัวแล้ว ด้วยลักษณะใหญ่โตของมัน ก็เป็นจุดเด่นหนึ่งที่ไม่ว่าจะภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับไดโนเสาร์เรื่องใดก็ตาม ย่อมไม่ลืมที่จะนำมาถ่ายทอดสู่สายตาคนดู และในเวอร์ชั่นของ Jurassic World ก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับพล็อตเรื่องที่มีการปรับแต่งพันธุกรรมให้ใหญ่โตมากขึ้นกว่าเดิมด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการรับประกันความตระการตาของไดโนเสาร์ที่เราจะได้เห็นจากหนังเรื่องนี้
5. การเที่ยวชมเหล่าไดโนเสาร์ท่ามกลางสายน้ำและป่าไม้
ธรรมชาติ สายน้ำ และผืนป่า ถือเป็นหัวใจหลักสำหรับการดำรงชีวิตของสัตว์ทุกชนิด แม้กระทั่งไดโนเสาร์เองก็ตาม แน่นอนว่า ความเป็นธรรมชาติ ยังคงไว้ให้เราได้อิ่มเองกันเช่นเดียวกับใน Jurassic Park เช่นเคย และอาจทำให้ทุกคนรู้สึกได้ใกล้ชิดมากขึ้น กับการพาเที่ยวชมโลกของไดโนเสาร์ด้วยการล่องเรือที่จะได้พบใน Jurassic World ที่กำลังจะมาถึงนี้
6. มนต์สเน่ห์ของกัลลิมิมัสบนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
หากจะพูดถึงความมีชีวิตชีวาที่สุดของภาพยนตร์ Jurassic Park แล้วนั้น คงต้องยกให้กับกองทัพของเหล่ากิลลิมัสที่พากันวิ่งไปมาบนที่ราบปกคลุมไปด้วยใบหญ้าเขียวชะอุ่ม และความมีชีวิตชีวานี้ก็ถูกนำมาถ่ายทอดใน Jurassic World อีกครั้ง
7. ผู้บรรยายกระบวนการวิทยาศาสตร์
หากใครยังจำ Dr. DNA การ์ตูนอนิเมชั่นที่มีหน้าที่บรรยายกระบวนวิทยาศาสตร์ต่างๆใน Jurassic Park กันได้ ในภาคของ Jurassic World จะมีการเปลี่ยนแปลงโดยให้ตัวละครหญิงที่มีชื่อ “Claire” ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในนักวิจัยเบื้องหลังการพัฒนาสายพันธุ์ไดโนเสาร์ทั้งหมด มาทำหน้าที่่บรรยายเรื่องราววิทยาศาตร์ต่างๆ แทน รับรองได้ว่าน่าดูน่าชมกว่ากันแน่นอน
8. ยุงในอำพัน
ถ้าพูดถึงไดโนเสาร์ หลังฐานชิ้นสำคัญที่บ่งชี้ถึงสิ่งมีชีวิตในโลกล้านปีได้ดีที่สุดก็คงหนีไม่พ้น ยุงในอำพัน หรือยางไม้ที่จับตัวแข็ง และมันก็จะยังคงกลับมาปรากฏในภาคของ Jurassic World ให้เราได้เชยชมกันอีกครั้ง
9. นักวิทยาศาสตร์กับไข่ไดโนเสาร์
น่าจะเป็นกิจกรรมเพียงไม่กี่อย่างของนักวิทยาศาสตร์ในเรื่อง Jurassic เลยก็ว่าได้ กับการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงไดโนเสาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Jurassic World ที่มีเนื้อเรื่องเน้นมาทางด้านนี้เป็นสำคัญ การปรากฏตัวของนักวิทยาศาสตร์เคียงคู่กับไข่ไดโนเสาร์จึงเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่คุณได้พบกันตามเคย
10. ความน่ากลัวของไดโนเสาร์ขนาดยักษ์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคของ Jurassic Wolrld ที่มีพล็อตเรื่องว่าด้วยการพัฒนาสายพันธุ์ไดโนเสาร์ด้วยแล้ว ความน่ากลัวขนาดยักษ์ย่อมทวีมากกว่าภาคที่แล้วแน่นอน
11. “เหยื่อล่อ”
แค่เหยื่อล่อก็ไม่ธรรมดาแล้วสำหรับในภาคของ Jurassic World ที่หยิบเอาปลาฉลามมาเป็นเหยื่อล่อของเจ้ายักษ์กินเนื้อแห่งผืนน้ำอย่าง “Mosasaurus” ที่จะทำให้ “แพะ” เหยื่อล่อทีเร็กซ์ใน Jurassic Park กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับขากรรไกรขนาดมหึมาของเจ้า Mosasaurus ที่งับฉลามลงน้ำไปทั้งตัว สร้างความตื่นตาตื่นใจได้ไม่น้อยแน่นอน
12. กรงเล็บนักล่า
หากมนุษย์มีปืนติดตัว เหล่าสัตว์ร้ายแห่งโลกล้านปีก็มีเขี้ยวและกรงเล็บที่พร้อมจะขย้ำทุกสิ่งเป็นอาวุธติดตัว นี่จึงเป็นอีกเอกลักษณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพลังและความแข็งแกร่งของไดโนเสาร์ที่ไม่ว่าจะในภาค Jurassic Park หรือ Jurassic World ไม่ลืมที่จะใส่ลงไป
13. การแกะรอยนักล่า
เป็นฉากที่ลุ้นระทึกและน่าตื่นเต้นฉากหนึ่งก็ว่าได้ สำหรับการสำรวจแกะรอยไดโนเสาร์นักล่าที่พร้อมจะฆ่าบรรดาเหล่านักสำรวจหรือผู้แกะรอยได้เสมอ และใน Jarussic World แน่นอนว่าทุกคนจะได้เห็นมันอีกครั้ง ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน พร้อมด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่จะทำให้การเดินทางสำรวจของพวกเขาน่าตื่นตาตื่นใจมากยิ่งขึ้น
14. การเอาชีวิตรอดจากทีเร็กซ์ขนาดยักษ์
เท้าทีเร็กซ์ขนาดยักษ์กับฉากหลังที่เป็นการหลบหนีของตัวละคร ดูจะเป็นฉากที่ชวนติดตามมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะไม่เพียงแค่แสดงถึงความตื่นเต้นที่ทุกคนจะได้รับ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความใหญ่ยักษ์ของฟอร์มหนังให้เราได้เห็นกันอีกด้วย
15. การอพยพผู้คน
เมื่อหายนะกำลังจะเกิดขึ้น คงหนีไม่พ้นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการจัดการกับสถานการณ์ดังกล่าว และหากคุณกำลังคาดหวังถึงกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ขอบอกว่าอาจต้องผิดหวังสักหน่อย เพราะใน Jurassic World นั้น ส่ง “Owen”มาจัดการแค่คนเดียวก็อยู่แล้ว
16. การหลบซ่อนของตัวละครเด็ก
ฉากที่เร้าอารมณ์และลุ้นระทึกมากที่สุดฉากหนึ่งใน Jurassic Park คงหนีไม่พ้นฉากชิงไหวชิงพริบระหว่างไดโนเสาร์นักล่าและตัวละครเด็ก แน่นอนว่าหากใครหลายคนเคยประทับใจกับฉากนี้มาแล้ว ใน Jurassic World อรรถรสเดียวกันนี้จะกลับมาสร้างความตื่นเต้นให้คุณแน่นอน
17. ความแข็งแกร่งของตัวละครหญิง
เป็นนักแสดงหญิงในเรื่อง Jurassic Park ต้องอดทน สวย ผมสั้น เป็นลอนอย่างเดียวคงไม่ได้ ความแกร่งของเธอถือเป็นสิ่งสำคัญ และแน่นอนว่าในภาคของ Jurassic World ก็ถอดแบบบุคลิกเดียวกันมาได้อย่างคล้ายคลึงมากทีเดียว
18. ความฉลาดและการโจมตีที่รวดเร็วของแรปเตอร์
แค่เห็นภาพ เชื่อว่าหลายคนก็อาจได้ยินเสียงของเจ้าแรปเตอร์จอมเจ้าเล่ห์กันแล้ว แต่สำหรับในภาค Jurassic World นั้น บทบาทไดโนเสาร์จอมวายร้ายแสนเจ้าเล่ห์นี้ อาจแตกต่างออกไปจากที่หลายคนเคยสัมผัสมาจากในภาคของ Jurassic Park เมื่อในภาคใหม่นี้ มีการดัดแปลงตัดต่อพันธุกรรมสู่ไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อว่า Diabolus Rex หรือ D-Rex จากการผสมกันของยีนส์ T-rex, Raptor, ปลา Cuttle Fish และ งู ที่รับรองได้ว่าจะทำให้แรปเตอร์ที่ทุกคนรู้จัก ชิดซ้ายไปเลย นอกจากนี้ยังมีข่าวลือที่พูดถึงอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นมาเพื่อใช้กับเจ้าพวกแรปเตอร์ในภาคนี้ด้วย อาทิเช่น มอร์เตอร์ไซที่สามารถส่งเสียงออกมาในคลื่นความถี่เดียวกับการได้ยินของเหล่าบรรดาฝูงแรปเตอร์ ที่จะสามารถหลอกให้มันเชื่อว่ามนุษย์อยู่ฝูงเดียวกับมันได้ เอาเป็นว่าฟังหูไว้หู และคงต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าข่าวจริงหรือมั่วนิ่ม
แฟนโลกล้านปีคนต้องอดใจกันไปยาวๆ สักพัก สำหรับ Jurassic World ภาคต่อหนังไดโนเสาร์ไตรภาคของ Jurassic Park ซึ่งมีกำหนการเข้าฉาย มิถนายน 2558 แล้วมาเตรียมลุ้นระทึกกันอีกครั้ง.
Rank Movie A 9/10 !!
“ความสนุกในวัยเด็ก ที่กลับมาให้รำลึกถึงวันวาน”
Jurassic World เป็นผลงานการกำกับของ “โคลิน เทรวอร์โรว” ผกก.โนเนมที่ “สตีเว่น สปิลเบิร์ก” ได้ให้โอกาสเขามาทำหน้าที่ กำกับแฟรนไชส์หนังไดโนเสาร์แทนตัวลุงสปิลเบิร์กที่เลื่อนเลเวลตัวเองมาเป็นผู้อำนวยการสร้างแทน
ตัวหนังได้”เคารพ”ความเป็น Original ที่ลุงสปิลเบิร์กได้ริเริ่มไว้ 22 ปีที่แล้ว และถ่ายทอดมันออกมาได้น่าตื่นเต้นครับ ทั้งCGที่เนียนตา การเซตฉากสวยๆ สตอรี่บอร์ดที่มีชั้นเชิงการถ่ายทอด มุมกล้องที่ชวนลุ้นระทึก เพลงประกอบอันเป็นเอกลักษณ์ที่พอเพลงลั่นปุ๊ป ขนแขนแอดฯนี่ลุกเกรียวเลย
พระเอก “คริส แพทท์” หล่อ ล่ำ เข้ม อารมณ์เหมือน “รพินทร์ ไพรวัลย์” จาก “เพรชพระอุมา” ยังไงยังงั้น คือเป็นคาแรคเตอร์ที่เหมาะกับแนวลุยป่าจริงๆ นางเอก แอดฯขัดใจทรงผม กับชุดเชยๆยังกะหลุดมาจากหนังยุค’90 และคาแรคเตอร์ที่ขึ้นๆลงๆ บ้าๆบอๆ เดาอะไรไม่ได้มากนัก สองพี่น้องในเรื่อง (หลานนางเอก) ที่สมควรจะมีบทเด่น กลับถูก”แถ”ด้วยบทอันวายป่วง เดี๋ยวไปจั่วกันในย่อหน้าต่อไป…
แต่ถึงตัวหนัง จะมีชั้นเชิงในเล่นกับมุมกล้อง การถ่ายทำ สตอรี่บอร์ดที่เล่าเรื่องได้ดีมากแค่ไหน…
ก็พินาศวายป่วงกับ “บทที่ขาดๆเกินๆ” บางอย่างไม่สมเหตุผลสุดๆ (ไม่เล่า เพราะถ้าเล่าคือสปอลย์เละเทะ ใครสงสัย ไปถามแอดฯหลังไมค์) มุกบางอย่างโคตรเชยยังกะหนังยุค’90 มันคือความ”มั่ว”เหมือนคนเขียนบทเมากาวทามิย่าฝาขาว ตั้งแต่การพาเรื่องไปสู่จุดพีค ไปจนถึงการหา”ทางลง”ให้กับเรื่องราวที่แทบจะสาปส่งคนเขียนบท ทำให้แอดฯจำใจตัดไป1คะแนนครับ! และยิ่งถ้าท่านเป็นคอหนังรางวัล หนังขายเนื้อเรื่อง ขายเมืองคานส์ เทศกาลอินดี้ละก็ ไม่ต้องไปดูเลยครับ หงุดหงิดแน่นอน เพราะหนังเรื่องนี้ ลุงสปิลเบิร์กชัดเจนในจุดยืนมากๆ ว่า “ตรูเป็นหนังซัมเมอร์ ทำมากะเอาตัง ไม่สนรางวัลว้อย!!”
สรุป
เป็น 120 นาที ที่แอดฯขอยอมรับว่าสนุก ระทึก และขนลุกทุกครั้งที่ “มัน” ออกมาจากกรง!!
***วันนี้แอดฯไปดูแถวๆบ้าน เด็กๆเต็มโรงเลยครับ ไดโนเสาร์ออกมาที เด็กๆเฮเลย
แต่ในหนังก็ทำลายความฝันด้วยฉากโหดเลือดสาดพอสมควร…
พ่อแม่นี่ปรับอารมณ์เด็กๆไม่ทันเลย 5555***
#ไปดูซะเดี๋ยวพรุ่งนี้คุณจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง!!
11/06/2015 21:41 น.
รีวิวโดย… แอดมิน Ak47
ตัวละคร
โอเวน – Owen รับบทโดย Chris Pratt
อดีตทหารผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์ที่ทำงานที่ศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ชายขอบของสวนสนุกจูราสสิคเวิลด์
แคลร์ – Claire รับบทโดย Bryce Dallas Howard
สาวผู้ดูแลสวนสนุกจูราสสิคเวิลด์ (Jurassic World) ผู้เข้มแข็งและมีความทะเยอทะยาน
แซช – Zach รับบทโดย Nick Robinson
หลานชายคนโตของแคลร์ ซึ่งแม่มาฝากไว้กับเธอในจูราสสิคเวิลด์ 2-3 วัน
เกรย์ – Gray รับบทโดย Ty Simpkins
หลานชายคนเล็กของแคลร์ เดินทางมาพร้อมพี่ชาย ซึ่งแม่ของเขาได้นำมาฝากไว้กับเธอในจูราสสิคเวิลด์ 2-3 วัน
ตัวอย่างภาพยนตร์
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก scified.com, thaipbs และ IMDb
By : Admin@no_สวยสึดๆ
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก