ขุดกรุเกมเก่า – The 3rd Birthday
ประเภท : Third-person shooter(RPG)
ผู้พัฒนา : HexaDrive, Square Enix
เครื่อง : Playstation Portable
วางจำหน่าย : 22 ธันวาคม 2553
11 ปี หลังจากเกมภาคที่ 2 อย่าง Parasite Eve 2 เกมซีรีส์นี้ก็ได้ถูกนำกลับมาลงให้กับเครื่องพกพาอย่าง PSP โดยเปลี่ยนแนวทางไปอย่างสิ้นเชิงจาก Survival Horror มาเป็น Full Action Shooting มุมมองบุคคลที่ 3 แทน (คล้ายๆสิ่งที่เกิดขึ้นกับREนั่นแหละ) ซึ่งก็ทำให้ผู้เล่นที่ตั้งตารอคอยต่างผิดหวังกันไปไม่ใช่น้อย และ “ไม่นับเป็นภาคที่ 3″ ในขณะที่ทางฝั่งคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เมื่อได้เห็นภาพปกและฉาก CG ก็คงสงสัยว่านี่เกมอะไร ทำไม“ภาพสวยจัง”
แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้จะดูเหมือนว่าทางผู้พัฒนาจะแอบเปิดทางไว้ให้กับภาคต่อไปไว้ (รวมถึงข่าวลือการทำรีเมคและภาคใหม่อยู่บ่อยครั้ง) แต่ตอนที่ได้ทำการเขียนบทความนี้ เกมภาคนี้ก็ยังคงเป็นภาคสุดท้ายของซีรีส์อยู่นะครับ
เนื่องด้วยเนื้อหาของเกมที่มีความเกี่ยวข้องกับการย้อนเวลาแก้ไขอดีตเพื่อเปลี่ยนอนาคต และความซับซ้อนของเนื้อเรื่อง (ผสมกับ ความไม่สมเหตุสมผลในหลายๆอย่าง…) ทางผู้เขียนจึงได้ทำการตัดเนื้อหาบางส่วนออก และจะเป็นการทำการสรุปเนื้อหาโดยย่อ ให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายที่สุดนะครับ
ส่วนรายละเอียดต่างๆในเนื้อเรื่องที่ตัวเกมไม่ได้มีการเฉลยไว้จากผู้พัฒนา ก็… ปล่อยไปแล้วกันนะครับ เพราะเยอะมากจนไม่อยากพูดถึงเลยล่ะ
Twisted
เพื่อลดความสับสน จึงอยากให้ผู้อ่านได้รู้จักกับสิ่งมีชีวิตที่เป็นศัตรูในภาคนี้กันก่อน โดยพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ “มีความไม่ชัดเจนในข้อมูลหลายอย่าง” แต่โดยรวมแล้วพวกมันกลับมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างลักษณะที่มีความบิดเกลียวตรงตามชื่อของพวกมัน (สันนิษฐานว่ามาจากพลังวิญญาณที่แตกสลายของอายะ ที่สร้างตัวตนบางอย่างให้พวกมันหลุดออกมาจากที่ไหนซักที่ในเอกภพ)
Story
24 ธันวาคม 2010 (10ปีนับจากภาค2)
ในระหว่างพิธีแต่งงานของของอายะและ Kyle นั้น ได้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นในงานจนทำให้ตัวของอายะความจำเสื่อม อีกทั้งตัวของ Kyle และ อีฟ ก็ได้หายสาปสูญไป(โดยที่อายะได้ลืมเรื่องราวของทั้งสองไป) และจากเหตุการณ์นั้น อายะก็ได้ถูกช่วยไว้โดยชายที่ชื่อว่า Hydr Bohr (หัวหน้าหน่วยของอายะในเกมภาคนี้)
ในเวลาต่อมาไม่นาน ได้มีการค้นพบสิ่งมีชีวิตรูปแบบใหม่ที่ได้รับการเรียกว่า “Twisted” แต่ด้วยที่พวกมันมักจะหลบซ่อนอยู่ใต้พื้นดิน จึงไม่ค่อยได้มีการพบเห็นมากนัก แต่ด้วยความอันตรายในระดับสูงของพวกมัน ทำให้รัฐบาลสหรัฐได้จัดตั้งองค์กรที่มีชื่อว่า “Counter Twisted Investigation” หรือ หน่วย “CTI” ขึ้นเพื่อหาทางกำจัดพวกมันและช่วยเหลือมนุษยชาติให้รอดพ้นจากภัยคุกคามเหล่านี้
24 ธันวาคม 2012
นคร New York ได้ถูกทำลายลงจาก โครงสร้างบิดเกลียวขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายรากต้นไม้ที่ปรากฏขึ้นมาทั่วทุกหนแห่ง โดยพวกมันถูกตั้งชื่อว่า “Babel” ซึ่งพวกมันมาพร้อมกับกองทัพของเหล่า Twisted จำนวนมหาศาล(เป็นเหมือนรังพวกมัน) ส่งผลให้ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต ร่วม 3ล้านคนและ นคร New York ถูกสั่งปิดตาย เมื่อมนุษยชาติเกิดความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ ทำให้ทางหน่วยเฉพาะทางอย่าง CTI ต้องคิดค้นแผนการที่จะนำมาแก้ไขวิกฤติในครั้งนี้ขึ้น
ซึ่งในระหว่างนี้ทาง CTI จะค้นพบพลังในตัวของอายะที่สามารถถอดวิญญานของเธอไปเข้าควบคุมร่างของคนอื่นได้ โดยพวกเขาเรียกพลังนี้ว่าการ “Overdrive” ทำให้ หลังจากเกิดเหตุที่ Babel ตื่นขึ้น 1ปี ทางCTI ก็ได้เพิ่มขีดความสามารถของอายะด้วยการสร้าง ระบบที่เรียกว่า “Overdrive System” (ซึ่งเครื่องนี้มีอายะใช้ได้คนเดียว)เครื่องมือที่จะช่วยให้อายะสามารถย้อนเวลากลับไปควบคุมร่างของใครก็ได้ ซึ่งจะทำให้แก้ไขเรื่องเลวร้าย เปลี่ยนแปลงอดีต ที่ส่งผลต่ออนาคตได้
ในระหว่างภารกิจแต่ละครั้ง อายะได้พบกับสิ่งมีชีวิตอีกประเภท ที่ทรงอำนาจกว่าพวก Twisted อย่างเหล่า High Ones สิ่งมีชีวิตหน้าตาคล้าย Twisted ที่สามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้(โดยจะเป็นคนใกล้ตัวอายะทั้งนั้น) และทุกครั้งที่เธอปราบพวกมันลงได้ ความทรงจำบางส่วนที่หายไปก็จะกลับคืนมาเสมอ
และหนึ่งในความทรงจำที่สำคัญนั้นก็คือเรื่องราวของการหมั้นของเธอกับ Kyle และตัวตนของ อีฟ น้องสาวบุญธรรมของเธอ แต่ทว่าหลังจากที่ได้รู้เรื่องราวเหล่านั้นไม่นาน ในช่วงเวลาปัจจุบัน ฐานบัญชาการของหน่วย CTI และเครื่อง Overdrive System ก็ได้ถูกทำลายลง
แต่โชคยังดีที่อายะได้รับความช่วยเหลือจาก ดร.มาเอดะ (ตัวละครที่เคยช่วยเหลือเธอจากภาคแรก) ในการตามหาความจริงเบื้องหลังการเกิดขึ้นของเหล่า Babel จนทำให้อายะได้รู้ว่า แท้จริงแล้วตัวจริงของ Hydr หัวหน้าหน่วยของเธอคือ 1ใน High Ones ที่บงการให้เธอปราบ High Ones คนอื่น เพื่อสร้าง Grand Babel ซึ่งมีความสามารถเหมือน Overdrive System ขนาดยักษ์ขึ้น ส่งผลให้ตัวของเขาสามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขเหตุการณ์ “Time Zero” ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด และเขาจะได้กลายเป็นสุดยอดสายพันธุ์ที่อยู่เหนือกว่าที่เคยมี
แต่การต่อสู้ของอายะและ Hydr ก็ทำให้ทั้งคู่ย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น…
ในช่วงเวลา Time Zero ความจริงทั้งหมดจะถูกเฉลยว่า มันคือช่วงเวลาในวันแต่งงานของอายะและ Kyle ที่มีหน่วย SWAT บุกเข้ามากราดยิงคนในงานจนทำให้อายะเสียชีวิต ซึ่งอีฟที่พยายามจะช่วยชีวิตเธอได้บังเอิญใช้ความสามารถในการย้ายจิตของเธอเข้าไปในร่างของอายะ (ซึ่งเป็นการ Overdrive ครั้งแรกแบบไม่ตั้งใจของอีฟ) โดยในการกระทำครั้งนั้นส่งผลให้วิญญาณของอายะได้แตกสลายหายไปในกาลเวลา จนเศษเสี้ยวเหล่านั้นได้ให้กำเนิดเหล่า Twisted ขึ้น
ส่วนสติและจิตสำนึกของอีฟได้ติดอยู่ในร่างของอายะ โดยที่ร่างกายเดิมของ อีฟ ที่ไร้วิญญาณ ก็ได้เปลี่ยนสภาพของเพื่อนๆของอายะที่เหลือรอดในงานให้กลายสภาพเป็นเหล่า High Ones ขึ้นมา(Hydr และ Kyle เป็น 1ในนั้น)
และเมื่อทำการย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง จิตวิญญาณของอีฟ ก็ได้กลับไปอยู่ในร่างของเธอ โดยที่ตัวของ Hydr ได้ยื่นข้อเสนอให้เธอดูดกลืนจิตของเขาเข้าไป เพื่อให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ตามแผนของเขา แต่เมื่ออีฟปฏิเสธ เขาจึงพยายามดูดกลืนวิญญาณของเธอแทน
แต่แล้วในขณะที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของ Hydr อายะตัวจริงในร่างเจ้าสาวก็ได้เหนี่ยวไกยิงตัวของ Hydr จนเขาเสียชีวิตทันที (ทั้งคู่ย้อนกลับมาก่อนการ Overdriveครั้งแรก ซึ่งอายะยังไม่เสียชีวิต) เมื่อสองพี่น้อง อายะ และ อีฟ ได้พบกันอีกครั้ง อายะจะเปิดเผยความจริงอีกอย่างหนึ่งว่า หากจะหลีกเลี่ยงการเกิดขึ้นของเหล่า Twisted และเหล่า High Onesแล้วล่ะก็ ผู้เป็นต้นกำเนิดของพวกมันอย่างอายะและอีฟจะต้องหายไป โดยอายะได้บอกกับอีฟว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอเสียใจที่สุด นั่นก็คือการที่ไม่ได้กล่าวคำสาบานในพิธีแต่งงานกับคนที่เธอรัก
อีฟ ทำการสลับร่างกับอายะ พร้อมกับเหนี่ยวไกสังหารอายะที่อยู่ในร่างอีฟ ตามคำขอของอายะก่อนการสลับร่าง…
โดยใน Timeline ใหม่ที่เกิดขึ้น(จากความเสียสละของอายะที่ยอมตายเพื่อน้อง) อีฟ ในร่างของอายะได้เข้าพิธีแต่งงานกับ Kyle แต่เขากลับรู้ว่า จิตใจในตัวของอายะนั้น จริงๆแล้วคืออีฟ เขาจึงบอกให้อีฟ ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองปรารถนา โดยเขาจะออกตามหาจิตวิญญาณของอายะที่หายไปเอง
(ในกรณีนี้คืออายะตายเหมือนตอนแรก แต่จิตวิญญาณของเธอไม่ได้แตกสลายไปเป็นพวก Twisted ตัวเกมเลยเหมือนสื่อว่าจิตของเธอล่องลอยหายไปในกาลเวลาแทน)
4 ปีหลังเรื่องทั้งหมดจบลง อีฟ(ในร่างอายะ)ที่กำลังเดินไปตามถนนของนคร New York ได้เดินสวนกับหญิงสาวคนหนึ่งที่รูปร่างเหมือนอายะมากๆ
โดยเธอคนนั้นได้พูดขึ้นว่า “สุขสันต์วันเกิดครั้งที่ 4 นะ”
ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
—————————————–
Gameplay
HUB
ภายในเกมหลังจบภารกิจทุกครั้ง ผู้เล่นจะถูกส่งกลับมาที่ ศูนย์บัญชาการของ CTI เสมอ(หรือบ้านมาเอดะตามเนื้อเรื่อง ซึ่งจะเป็นพื้นที่ให้เดินเล่นได้) โดยจะมีตัวเลือกสำคัญดังนี้
Mission Start : เริ่มภารกิจต่อไป
Over Energy Setting: ระบบจัดการสกิลคล้ายกับเกมภาคก่อน
Weapon Bank : ซื้อและปรับแต่งอาวุธเพื่อนำไปลงภารกิจโดยใช้แต้ม Bounty Point ที่ได้มาจากการกำจัดศัตรูในแต่ละด่าน(เหมือนเงินในภาค2)
Protect Gear : จุดเปลี่ยนเสื้อผ้า(สกิน)
Case Training : เมนูสำหรับเลือกกลับไปเล่นด่านที่ผ่านมาอีกครั้ง
Data Save/Load : เซฟ/โหลดเกม
Combat
อย่างที่ได้บอกไปตอนต้นว่าเกมเพลย์ของภาคนี้ได้กลายเป็น Action Shooting เต็มรูปแบบ ทำให้มีระบบอย่างการเล็งเป้า และการกลิ้งหลบการโจมตีศัตรูเข้ามาให้ โดยจะสามารถเปลี่ยนอาวุธที่พกมาได้ทีละ 3ชนิด
นอกจากนี้พลังใหม่ในภาคนี้อย่างการ Overdrive ยังช่วยให้สามารถสลับตำแหน่งกับทหารที่เป็น NPC ในด่านได้อย่างอิสระ(และทำได้ตลอด) โดยเลือดของผู้เล่นจะเปลี่ยนไปตามร่างที่ใช้อยู่
ซึ่งอีกหนึ่งความสนุกของเกมภาคนี้คือการที่เราสามารถ “ออกคำสั่ง” ให้ทหารเหล่านี้ ช่วยยิงสนับสนุน(Cross Fire) จนสามารถใช้ท่าอย่าง “Overdrive Kill” ทีเป็นการเข้าสิงร่างศัตรูที่กำลังอ่อนแอและทำดาเมจมหาศาลใส่พวกมัน(ทำให้ช่วยคลายเหงาในการเล่นคนเดียวไปได้บ้างเหมือนกัน)
อีกทั้งยังมีท่าไม้ตายอย่าง “Liberation” ที่เมื่อเกจมุมขวาล่างเต็ม ตัวของอายะ(อีฟ)จะทำการเข้าสู่ร่างสุดยอดของเธอ(ที่สามารถทำให้ใช้ท่า Overdrive Kill ต่อได้อีกด้วย)
โดยภายในเกมภาคนี้จะแบ่งระดับความยากของเกมเอาไว้ทั้งหมด 5ระดับได้แก่ Easy, Normal, Hard, Deadly และ Insane(หรือระดับ Genocide ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น)
Over Energy
ระบบสกิลที่ถูกใส่เข้ามาแทนที่ระบบ Parasite Energy ในภาคก่อน โดยจะเป็นการใช้ OE Chip ที่จะได้มาระหว่างการต่อสู้เพื่อนำมาผสมและปลดล็อคให้เกิดสกิลต่างๆที่เกิดประโยชน์ในเกม(หรือส่งผลเสียต่อเราเองถ้าผสมไม่ดี)ซึ่งจะแบ่งได้เป็น 6สายดังนี้
ประเภท Overdrive – สกิลที่มีโอกาสทำงานเมื่อทำการ Overdrive ใส่ NPC
ประเภท Overdrive Kill – สกิลที่มีโอกาสทำงานเมื่อทำการ Overdrive ใส่ศัตรู
ประเภท Liberation – สกิลที่มีโอกาสเปิดใช้งานเมื่อเข้าสู่โหมดร่างสุดยอด
ประเภท Crossfire – สกิลมีโอกาสทำงานเมื่อ ทำการ Crossfire(สั่งให้ทหารระดมยิง)
ประเภท Passive Skill – สกิลติดตัวที่ส่งผลเป็นบวก
ประเภท Passive Down – สกิลติดตัวที่ส่งผลเป็นลบ
Cheat Code
ในเกมภาคนี้จะทำการใส่ระบบสูตรโกงมาให้เลือกใช้ได้เลย เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับการเล่น โดยจะแบ่งเป็น 2หมวดหมู่ดังนี้
Assist Code คำสั่งต่างๆที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมได้ง่ายขึ้น
Challenge Code: คำสั่งต่างๆที่ช่วยให้ผู้เล่นเล่นเกมนี้ได้อย่าง “ท้าทาย”มากขึ้นตามชื่อ
Outfits
ในเกมภาคนี้ ได้มีการเพิ่มชุดต่างๆที่มีค่าสถานะแตกต่างกันให้ผู้เล่นได้เลือกเปลี่ยน โดยส่วนใหญ่จะต้องทำการปลดล็อคตามเงื่อนไขที่กำหนดก่อน นอกจากนี้ยังมีระบบวาบหวิวเป็นแฟนเซอร์วิสหอมปากหอมคอ อย่างการฉีกขาดของเสื้อผ้าเมื่อตัวละครได้รับดาเมจนั่นเอง (มันต้องมีคนที่ยืนรับกระสุนเฉยๆเพื่อดูเนื้อหนังอายะแน่ๆ….)
ในตอนท้ายนี้ อยากจะขอชมเรื่องของงานภาพและเพลงของเกมนี้จริงๆ โดยเฉพาะฉากอาบน้ำที่น่าจะเป็นจุดขายของเกมเลย (ฮา) และถ้าหากมีเนื้อหาส่วนใดที่ขาดหายหรือตกหล่นไป ทางผู้เขียนก็ต้องอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
บทความโดย WolfTales
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก