Nintendo Switch OLED ที่กำลังจะวางตลาดนั้น แม้ว่าเหล่าแฟนๆเครื่องนินจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่กับการอัพเกรดครั้งนี้ แต่ทางอุตสาหกรรมเกมในญี่ปุ่น การมาของ Switch OLED ทำให้เหล่านักวิเคราะห์การตลาด และทีมพัฒนาเครื่องเกมต้องจับตามองกันเลยทีเดียว … 

หากมองย้อนกลับไปเมื่อสองปี ในช่วงที่ไวรัสโควิด19 ระบาด ก็ได้ส่งผลต่อทุกชีวิตบนโลกให้เข้าสู่วิถีใหม่ NEW Normal ที่ทำให้อุตสาหกรรมเกม ต้องปรับตัวอย่างมาก เพราะการทำงานแบบ Work Form Home นั้น ส่งผลต่อทุกภาคส่วนของวงการเกม เช่น ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ลดกำลังการผลิตลง การสร้างและออกแบบเกมที่ไม่ต่อเนื่อง การกระจายสินค้าที่ล่าช้า รวมไปถึงความต้องการตลาดที่มีสูง เพราะคนมีฐานะ และไม่ได้เดือดร้อนมาก ก็มีเวลาอยู่บ้านมากขึ้น อยากเล่นเกมแก้เบื่อมากขึ้น บริษัทเกมในญี่ปุ่นเองก็เช่นกัน ทั้ง Nintendo, Sony , Microsoft และบริษัทสร้างเกมเอง ต่างก็ดิ้นรนเพื่อตอบสนองความต้องการที่หนีไม่พ้นจากผู้เล่นที่แสวงหาความบันเทิง

แต่สิ่งที่นินเทนโดทำนั้น น่าสนใจมากๆ เพราะนอกจากจะขายฮาร์ดแวร์เก่าพร้อมอัพเกรดนิดหน่อย แล้วแปะป้ายราคาที่สูงกว่าเดิม 5,000เยน  (สวิทช์ Oled ขายที่ 37,980 เยน)

มีการกล่าวอ้างจาก bloomberg ระบุว่าส่วนต่างกำไรของ Nintendo Switch (รุ่น OLED) จะเพิ่มขึ้น หลังหักหลบต้นทุนทั้งงานวิจัย และงานผลิตต่างๆแล้ว นินเทนโด อาจจะทำกำไรต่อเครื่องเพิ่มขึ้นราวๆ 1,100 เยน 

-ด้วยการอัพเกรดจอแสดงผล OLED ขนาด 7 นิ้วของ Switch ใหม่ อันเป็นผลงานจาก Samsung Display Co. มีต้นทุนราคาเพิ่มอีก 547เยน ต่อเครื่อง ตามที่ โยชิโอะ ทามุระ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท วิจัยอุตสาหกรรม DSCC กล่าวอ้าง…

-การเพิ่มที่เก็บข้อมูลภายในเป็น 64GB นั้นเพิ่มขึ้น 383เยน ตามข้อมูลของ อากิระ มินามิคาว่า จาก Omdia กล่าวอ้าง…

-ส่วนประกอบอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา เช่น แท่นวางคอนโซลใหม่และพอร์ต LAN คาดว่าจะเพิ่มอีกสองสามร้อยเยน

ซึ่งตามที่สำนักข่าวหลายๆเจ้าได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ก็พากันคิดว่า  Nintendo กำลังปรับปรุงส่วนต่างกำไร และอาศัย “คลังเกม” ที่หลากหลายเพื่อให้ยอดขายพุ่งสูงขึ้น ถือเป็นการ “ปฏิเสธหลักเศรษฐศาสตร์เกมคอนโซลแบบเดิม”

ที่ส่วนมากแล้ว ช่วงกลางๆ Gen ของเครื่องเกมคอนโซล มักจะลดราคา  แต่สวิตช์กำลังเคลื่อนไปสู่ระดับที่สูงขึ้นแม้กำไรต่อเครื่องไม่มาก แต่ถ้านับโดยรวมถ้าขายได้ล้านเครื่อง… ก็กำไร 1,100 ล้านเยนขึ้นมาเลย

แต่ล่าสุด ทางนินเทนโด ออกโพสชี้แจงผ่านทางทวิตเตอร์ทางการ  ออกมาแล้วว่า ส่วนต่างต้นทุนที่มีการคาดเดานั้น “ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด”

“รายงานข่าวเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2021  bloomberg อ้างว่าส่วนต่างกำไรของ Nintendo Switch (รุ่น OLED) จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Nintendo Switchตัวเก่า เพื่อให้แน่ใจว่านักลงทุนและลูกค้าของเราเข้าใจอย่างถูกต้อง

เราต้องการชี้แจงว่า การกล่าวอ้างนั้น เป็นข้อมูลที่ “ไม่ถูกต้อง”

เราต้องการชี้แจงเพิ่มด้วยว่าเราเพิ่งประกาศเปิดตัว Nintendo Switch (รุ่น OLED) ในเดือนตุลาคม 2021 และไม่มีแผนที่จะเปิดตัวรุ่นอื่นในเวลานี้”

———————————————–

ทางด้านคุณ ฮิเดกิ ยาสุดะ นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัย Ace Research Institute กล่าวว่า ทางทีมงาน PlayStation กำลังจับตามองทิศทางของนินเทนโดอยู่ 

“Sony อาจตั้งราคา PlayStation รุ่นล่าสุดให้สูงขึ้น เนื่องจากความต้องการ PS5 มีมาก และมีการResell ที่ราคาสองเท่าของราคาเครื่องจริง ขณะนี้บริษัท Sony เองกำลังติดตามการตลาดของ Nintendo อย่างใกล้ชิด ตามที่เจ้าหน้าที่ในแผนก PlayStation ที่ไม่ประสงค์ออกนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้หารือเกี่ยวกับบริษัทคู่แข่งได้กล่าวเอาไว้”

ทางฝั่งนักลงทุนเอง ก็มีมุมมองเชิงลบต่อฮาร์ดแวร์ใหม่ และการกำหนดราคา ทำให้หุ้นของบริษัทนินเทนโดลดลงประมาณ 5% นับตั้งแต่การประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 

“Nintendo ล้มเหลวในการจัดหามูลค่าเพิ่มที่เพียงพอเพื่อพิสูจน์ว่าฮาร์ดแวร์ใหม่มีราคา 5,000เยน ” คาซุโนริ อิโตะ หัวหน้าฝ่ายวิจัยตราสารทุนของ Morningstar กล่าว

“ฮาร์ดแวร์ใหม่นั้นแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยและจะไม่ช่วยอะไรในการรักษาโมเมนตัมของแพลตฟอร์ม สวิตช์มีจุดท๊อปฟอร์มในปีที่แล้ว และจะชะลอตัวลงในปีนี้เท่านั้น”

แต่ คุณ เซอร์กัน โทโต้ ที่ปรึกษาอิสระสำหรับบริษัทเกมกล่าวว่าจอแสดงผลที่ปรับปรุงใหม่ของรุ่นใหม่นั้นดีพอที่จะ “บีบผู้บริโภคให้จ่ายเพิ่มอีก 5000 เยน” เมื่อพิจารณาจากความนิยมของคอนโซล สวิตช์ยังคงมียอดขายทะลุ 100 ล้านตลอดอายุปีงบประมาณนี้

“ผมไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมรุ่นนี้ถึงล้มเหลว…Nintendo ขึ้นราคารุ่นใหม่เนื่องจากไม่จำเป็นต้องลดราคาสำหรับรุ่นปัจจุบัน เนื่องจากความต้องการที่แข็งแกร่ง ทั้งจากแฟนๆนินเทนโด และคนที่ยังไม่มีเครื่องสวิทช์” โทโต้  กล่าว 

ทางด้าน คุณ ทากายูกิ มิยาจิม่า นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Sony Financial Holdings กล่าวว่า

“Nintendo ตัดสินใจอย่างกล้าหาญจริง ๆ เพราะเห็นได้ชัดว่าผู้คนจะเริ่มออกมาใช้จ่ายมากขึ้นใน “การบริการ” และใช้จ่ายน้อยลงไปกับ “สินค้า” ในอนาคต…จากมุมมองทางเศรษฐกิจมหภาค การเคลื่อนไหวนี้ไม่สามารถทำได้หากพวกเขามีแม้แต่ความกังวลเล็กน้อยว่าคอนโซลจะทำได้ดีเพียงใด”

(เหมือนกำลังจะบอกว่า คนยุคนี้ เน้นซื้อคอนเท้นท์ เนื้อหาที่ต้องการเสพ มากกว่า สินค้าที่เป็นชิ้นเป็นอันแปะโลโก้ ขอแค่คอนเท้นท์ที่ดี จะแพลตฟอร์มไหน ยี่ห้ออะไรคนก็ซื้อ)

ในขณะที่ 23% ของรายได้ของบริษัท มาจากตลาดภายในประเทศญี่ปุ่นของ Nintendo นั่นเอง

แม้ว่าจะไมถูกใจเกมเมอร์ แต่ตอนนี้ เหล่านักวิเคราะห์เศรฐกิจของญี่ปุ่นนี่เปิดโต๊ะถกกันอย่างเมามันส์มากๆ สมแล้วกับประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกสื่อบันเทิง Pop Culture อันดับต้นของโลก …

แอดมิน AK47

ที่มา 

ทวิตเตอร์ทางการ นินเทนโด

apantimes nintendolife 

bloomberg eurogamer 

businesshala nme