Dino Crisis
ประเภท : Panic Horror / Survival Horror game
เครื่อง : PS1(1999), Dreamcast(2000), PC(2000)
พัฒนาโดย : Capcom
วันวางจำหน่าย : กรกฎาคม 1999
ในยุคสมัยที่เกมยิงซอมบี้กำลังเป็นที่นิยม ผสมกับกระแสความดังของหนังอย่าง Jurassic Park จึงทำให้เกมลูกผสมเกมนี้ถูกสร้างขึ้นมาท่ามกลาง คำสบประมาทมากมาย ทั้งเกาะกระแสหนังบ้าง เกาะกระแสผีชีวะบ้าง แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น สิ่งที่ผู้เล่นได้ “พบเจอ” ในเกมนี้ มันกลับเป็นอะไรที่ “สยองอย่างไม่คาดคิด”…
…ใครมันจะไปคิดว่า ไดโนเสาร์มันจะน่ากลัวได้ขนาดนี้…
Dino Crisis จัดว่าเป็นเกมประเภทเอาชีวิตรอดระทึกขวัญ หรือ Survival Horror เช่นเดียวกับเกมรุ่นพี่ที่เป็นต้นแบบอย่าง Resident Evil แต่แท้จริงแล้ว แรกเริ่มเดิมที Dino Crisis ถูกจัดอยู่ในเกมประเภท Panic Horror เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม การถูกเปลี่ยนประเภทเกมไปเพราะกระแสดังกล่าว ก็ไม่ได้ทำให้ความ Panic ที่อยู่ในเกมเกมนี้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย
Gameplay
เนื่องจากมีผู้พัฒนาเดียวกับ Resident Evil จึงทำให้ Dino Crisis เองก็ใช้มุมกล้องแบบกล้องวงจรปิด ที่ถ่ายจากมุมห้องและล็อคมุมกล้องตายตัวเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ รูปแบบการเล่นพื้นฐานที่ยังคงเหมือนกันก็คือ “การเอาชีวิตรอด” พร้อมกับ “การแก้ปริศนา” ในสถานการณ์ต่างๆที่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง (การโหลดเปลี่ยนฉากก็ยังเป็นการเปิดประตูชวนระทึกเหมือนกันอีกด้วยนะ)
…แต่สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์สุดน่าจดจำของ Dino Crisis (นอกจากไดโนเสาร์)ที่ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นอย่างแรกเลยนั้น ก็คือ “ความเร็วของเกมเพลย์” ชนิดที่ทำให้คนที่ชินกับการเล่น เกมซีรี่ย์ RE ในตอนนั้นต้องมีสะดุ้งกันบ้างในทีแรก และถึงแม้ตัวละครเราจะเคลื่อนไหวเร็วกว่าในเกม RE แล้วก็จริง แต่ศัตรูอย่างไดโนเสาร์น่ะ “เร็ว” และไวกว่าซอมบี้ชนิดทำเอาวิ่งหนีกันแบบจิตกระเจิงเลยเชียวล่ะ (เรียกว่าโดน “ไล่กวด”กันข้ามฉากต่อฉากเลยล่ะ)
อย่างต่อมาก็คือ ความจำกัดของจำนวนไอเทมอย่างกระสุนปืนที่ “มีไม่พอใช้” ทำให้ต้องคิดว่า ควรกำจัดศัตรูในเส้นทางไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุด ซึ่งก็ทำให้การ Survival ในเกมนี้มีความเข้มข้นจนได้ใจผู้เล่นสายนี้ได้เป็นอย่างดี (สูตร Action Replay คือคำตอบของหลายๆคนในยุคนั้น)
ในส่วนของระบบเลือดเอง ตัวเกมก็ยังพัฒนาให้มีโอกาสเกิดอาการ “เลือดไหล” เมื่อผู้เล่นถูกศัตรูโจมตี โดยหากไม่ใช้ไอเทมผ้าพันแผลในการรักษา เลือดของผู้เล่นก็จะค่อยๆลดลงจน Game Over แถมเลือดที่ไหลออกมายังทำให้ไดโนเสาร์สามารถตามกลิ่นเลือด มาหาเราได้ง่ายขึ้นอีกต่างหาก
แต่ช้าก่อน หากคุณคิดว่าการมีเลือดเต็ม จะช่วยให้เล่นเกมได้อย่างสบายๆแล้วล่ะก็ “คุณคิดผิด” เพราะระหว่างเกมจะมี ฉาก Mini Cutscenes มาคอยเซอร์ไพรส์ผู้เล่นอยู่เป็นระยะ โดยจะเป็นการ “One Hit Kill” หากผู้เล่น “กดปุ่มรัวไม่พอ”
อีกทั้งด้วยความจำกัดของไอเทมที่มี จึงทำให้ตัวเกมได้ทำการเพิ่มตัวช่วยในการเดินทางให้กับผู้เล่น เพื่อข้ามอุปสรรคต่างๆในแผนที่ได้หลากหลายมากขึ้น เช่น การใช้ปืนยาสลบในการจัดการกับศัตรูเพื่อประหยัดกระสุน สำหรับเส้นทางที่เห็นว่าไม่ได้ผ่านบ่อย หรือ การใช้ “ช่องระบายอากาศ” ในการหลีกเลี่ยงเส้นทางที่เสี่ยงต่อการเสียเลือดหรือเสียทรัพยากรที่มี เป็นต้น
และระบบสำคัญที่ทำให้เกมนี้ประสบความสำเร็จในการกดดันผู้เล่น ก็คือ เสียงและบรรยากาศที่ถูกใส่เข้ามาได้อย่างลงตัว ทั้งในด้านของความตื่นเต้น, เร้าใจ และโดยเฉพาะเหตุการณ์ Event ต่างๆที่ทำให้ผู้เล่นเกิดอาการ Panic อยู่ตลอดในการเล่นครั้งแรก แม้แต่ตอนไขปริศนาก็ตาม (พอเริ่มชิน ก็จะระแวงน้อยลงไปตามปกติของการเล่นเกม)
Story
ในปี 2009 ทีมปฏิบัติการพิเศษอย่าง “S.O.R.T.” (The Secret Operation Raid Team) ได้ทำการส่งเจ้าหน้าที่สายลับในหน่วยอย่าง “Tom” เข้าไปแทรกซึมเพื่อตรวจสอบสถานีวิจัยทางการทหาร(ศูนย์วิจัย) ที่อยู่บน เกาะไอบิส (Ibis Island) จนทำให้ได้รู้ว่า Dr. Edward Kirk (ดร.เคิร์ก) นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกซึ่งถูกรายงานว่าได้เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน กำลังเป็นผู้นำให้กับโครงการสร้างอาวุธลับอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้ ทางหน่วย SORT จึงได้ทำการส่งเจ้าหน้าที่ตามมาสมทบอีก 4คน ได้แก่ เรจิน่า, เกล, ริก และ คูเปอร์ เพื่อไปจับกุมตัว ดร.เคิร์กกลับมา
เจ้าหน้าที่หน่วย SORT ทั้ง 4 ได้แอบเข้ามายังเกาะไอบิส ด้วยการกระโดดร่มลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ แต่ทว่า 1ในสมาชิกทีมอย่างคูเปอร์ กลับไม่ได้ปรากฎตัวที่จุดนัดพบ ตามเวลานัดหมาย ทำให้หัวหน้าทีมอย่างเกล ก็ได้สั่งให้ทุกคนที่เหลือออกปฏิบัติการต่อทันที โดยภาพคัทซีนจะเผยว่า ตัวคูเปอร์ที่ได้กระโดดร่มลงมาบริเวณป่าของเกาะนั้น เขากำลังวิ่งหนีการตามล่าของ T-Rex อย่างสุดชีวิตก่อนจะกลายเป็นอาหารของมันไป
ทันทีที่เข้าไปในฐานทัพ พวกเขาก็ต้องประหลาดใจที่ภายในนั้นเต็มไปด้วยซากศพของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและนักวิทยาศาสตร์ที่อยู่ในสภาพฉีกขาดจนเละเทะ และหลังจากการสำรวจได้ไม่นานพวกเขาก็ได้พบกับต้นเหตุอย่างพวกไดโนเสาร์ที่เริ่มไล่ล่าพวกเขาทันทีที่เห็นตัว พวกเขาจึงต้องปฏิบัติหน้าที่ไปพร้อมกับหลบหนีและกำจัดไดโนเสาร์อย่างยากลำบาก จนกระทั่งเรจิน่าและทีมSORT อีก 2คนก็ได้พบตัวของ ดร.เคิร์กและทำการจับกุมเขาได้สำเร็จ
ทว่าขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัวหนีออกจากเกาะด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่พวกเขาส่งสัญญาณเรียกมานั้น T-Rex ที่พวกเขาพบก่อนหน้านี้ก็ได้ปรากฎตัวขึ้นและทำลายเฮลิคอปเตอร์ จนพวกเขาต้องรีบถอยกลับเข้าไปในฐานเพื่อหาหนทางอื่นในการออกจากเกาะแทน
ในระหว่างนี้ตัวของ ดร.เคิร์กจะเปิดเผยว่าเทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้นมีชื่อว่า “Third Energy” เพื่อหวังจะนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน แต่เขาได้พบว่า มันสามารถนำมาใช้เปิดประตูมิติในการข้ามเวลาได้ และจากการทดลองครั้งล่าสุดได้เกิดความผิดพลาดขึ้นทำให้เกิดช่องว่างของมิติเวลาขึ้นบนเกาะแห่งนี้ จนพื้นที่เวลาในปัจจุบันมีไดโนเสาร์พวกนี้หลุดเข้ามาอย่างที่เห็น
หลังจากการพูดคุยกัน พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะหาทางตัดการเชื่อมต่อของประตูมิติกับยุคดึกดำบรรพ์ ด้วยการเร่งการทำงานของเครื่องจ่ายพลังงานจนทำให้แหล่งจ่ายพลังงานเกิดการ โอเวอร์โหลด
แต่การทำเช่นนั้นก็มีความเสี่ยงมาก เพราะหลังประตูมิติถูกปิด ถ้าไม่สามารถหาทางหยุดการทำงานเตาปฏิกรณ์ของ Third Energy มันก็จะสร้างช่องว่างกาลเวลาขนาดใหญ่จนดูดกลืนสภาพแวดล้อมโดยรอบกลับไปยังช่วงเวลาอื่นแทน
และในระหว่างวางแผนปิดเตาพลังงาน ก็ได้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงจากเตาปฏิกรณ์ที่ใกล้จะระเบิด ทำให้เกลได้รับบาดเจ็บ และดร.เคิร์กสามารถหลบหนีไปได้ (แต่เกลติดเครื่องติดตามตัวไว้ทัน) เรจิน่าจึงได้พาเกลไปหาริคที่เตรียมการหนีทางเรือ Hover Craft ไว้ ซึ่งริคจะเสนอให้ทั้งทีมหนีไปในทันที เพราะเตาปฏิกรณ์ใกล้จะระเบิดแล้ว แต่ตัวของเกลกลับยืนยันว่าตัวของเขาจะไปไล่ล่าตัวของดร.เคิร์กก่อน ซึ่งการตัดสินใจตรงนี้จะนำไปซึ่งฉากจบที่แตกต่างกัน
Ending
Dino Crisis นั้นยังได้ใส่ระบบฉากจบที่แบ่งออกเป็น 4แบบ ตามการตัดสินใจของผู้เล่น ซึ่งก็ทำให้ตัวเกมเกิดความหลากหลายและเพิ่มความน่าเล่นซ้ำให้กับตัวเกมได้มากขึ้น โดยจะมีฉากจบ4แบบดังคลิปนี้
ฉากจบที่ 1
เรจิน่าตามเกลไปจับกุม ดร.เคิร์ก ซึ่งจะเปิดเผยว่า ภารกิจที่แท้จริงในครั้งนี้ คือการนำข้อมูล Third Energy กลับไปให้รัฐบาลเพื่อนำไปพัฒนาต่อเป็นอาวุธ ซึ่งภารกิจการจับกุม ดร.เคิร์กเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น โดยสาเหตุที่ปิดไม่ให้เพื่อนร่วมทีมรู้ เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนเข้ามาพัวพันกับแผนการสกปรกของรัฐด้วย
ซึ่งหลังจากนั้นเกลก็เสียชีวิตจากการฝืนร่างกายมากจนเกินไป เรจิน่าจึงคุมตัว ดร.เคิร์กกลับมาที่เรือ แต่ T-Rex ที่ไล่ตามมาไม่หยุด เรจิน่าจึงใช้ระเบิดรีโมตโยนเข้าไปในท้องของมันและทำการจุดชนวนจนสังหารมันและหลบหนีออกจากเกาะกันได้สำเร็จ
ฉากจบแบบที่ 2
เรจิน่าเลือกที่จะทำให้เกลสลบ และพาเขากลับไปที่เรือโดยไม่ไล่ตาม ดร.เคิร์ก ซึ่งระหว่างกำลังเติมเชื้อเพลิงให้เรือ เรจิน่าต้องต่อสู้กับ T-Rex กระทั่งริคใช้เครื่องยิงจรวดช่วยชีวิตเธอไว้ ทำให้ทั้ง 3หลบหนีออกจากเกาะก่อนที่จะเกิดการระเบิดขึ้นได้ทันเวลา
ฉากจบแบบที่ 3
เรจิน่าเลือกที่จะทำให้เกลสลบ และเป็นคนไล่ตาม ดร.เคิร์กเอง ซึ่งเธอจะพบว่าเขากำลังจะหลบหนีไปด้วยเฮลิคอปเตอร์ เรจิน่าจึงจับกุมเขาพร้อมแจ้งให้คนในทีมตามมาสมทบ ในขณะที่ทำการหลบหนีทางอากาศ T-Rex ได้ตามมาไล่ล่าพวกเขา ทำให้ริคใช้ระเบิดที่ติดตั้งไว้กับเฮลิคอปเตอร์ในการสังหารมันพร้อมกับทำลายศูนย์วิจัย ก่อนจะพาทุกคนหนีออกมาได้สำเร็จ
ฉากจบแบบที่ 4
จะเป็นการรวมกันของฉากจบแบบที่ 1และ3 โดยเรจิน่าจะตามเกลไปจับกุม ดร.เคิร์ก *โดยเธอจะได้พบกับเฮลิคอปเตอร์ที่จอดอยู่ในศูนย์วิจัยก่อน* ทำให้สามารถช่วยชีวิตเกลที่บาดเจ็บไว้ได้ โดยระหว่างที่ ทั้ง4คน(ทีม SORT + ดร.เคิร์ก) ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ T-Rex ก็จะไล่ตามมา และจบแบบฉากจบแบบที่ 3 ทุกประการ
Unloackables
เช่นเดียวกับเกมซีรี่ย์พี่น้องอย่าง Resident Evil เกมDino Crisisเองก็มีสิ่งต่างๆให้ผู้เล่นได้ปลดล็อคหลังเล่นจบเช่นกัน
Minigame
ในเกมเวอร์ชั่น PlayStation ตัวเกมจะบันทึกจำนวนฉากจบที่ผู้เล่นได้รับ ในการปลดล็อค มินิเกม ที่ชื่อว่า “Operation Wipeout”
ซึ่งในมินิเกมนี้ ผู้เล่นจะต้องกำจัดไดโนเสาร์จำนวนหนึ่งภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยมีกระสุนจำกัด
แต่ในเวอร์ชั่นอื่นๆอย่าง PC และ Dreamcast จะสามารถเลือกเล่นโหมดนี้ได้ปกติเลย ไม่ต้องปลดล็อค
Costumes
ผู้เล่นจะได้รับ Skin ของเรจิน่า หลังผ่านเงื่อนไขที่ตัวเกมกำหนด โดยจะมีด้วยกันทั้งหมด 3ชุด ดังนี้
Battle Skin (สีชมพู) : เคลียร์เกมครบ 1ครั้ง
Army Skin (ชุดเขียว) : เคลียร์เกมครบ 1ครั้ง
Ancient Skin (ลายเสือ) : เคลียร์เกมครบ 2ครั้ง โดยในขณะที่ใช้ Skin นี้อาวุธที่ถือก็จะมีหน้าตาที่เปลี่ยนไปด้วย(เป็นกระดูก)
Infinite Grenade Gun
หลังจากดูฉากจบทั้ง 3แบบ (โดยต้องมาจากการเล่นแยกกันนะ ไม่ใช่โหลดเซฟ) เมื่อเราเริ่มเล่นเกมใหม่อีกครั้ง เรจิน่าจะเริ่มเกมพร้อมกับมี Grenade Gun ที่มีกระสุนไม่จำกัดอยู่ในช่องเก็บของของเธอเลย
Characters
บรรดาตัวละครที่มาตะลุยดงไดโนเสาร์ในเกมนี้ บางคนเราก็อาจจะคุ้นๆหน้ากันอย่างเรจิน่าที่ขึ้นปกบ่อยจนเราจำติดตาไปแล้วเป็นต้น ฉะนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่าตัวละครในDino Crisisนั้นมีใครและมีบทบาทสำคัญอย่างไรต่อเนื้อเรื่องเกมกันบ้าง
Regina – ตัวละครหลักของซีรี่ย์ Dino Crisis ที่ผู้เล่นควบคุม เธอเป็นสมาชิกหญิงคนเดียวภายในทีมโดยชื่อที่แท้จริงของเธอนั้นเป็นความลับ โดยเรจิน่า จะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของ “ผู้เชี่ยวชาญอาวุธ” ประจำทีม
แต่เธอก็ยังสามารถรับหน้าที่ด้านอื่นที่ได้รับมอบหมายได้ อย่างการรวบรวมข่าวกรอง รวมทั้งทำหน้าที่ทดแทนสมาชิกคนอื่นชั่วคราว ทั้งนี้ เรจิน่าจะคอยช่วยเหลือสมาชิกคนอื่นในทีมเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างลุล่วง
Rick – หนุ่มแอฟริกัน-อเมริกันอารมณ์ดี เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และเป็นแฮคเกอร์ประจำทีม ซึ่งมีหน้าที่ในการแก้ปัญหาทางเทคนิค, ซ่อมแซมอุปกรณ์และจัดการกับระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆให้กับทีม
Gail – สายลับมากประสบการณ์และหัวหน้าทีมคนนี้ เขาเป็นคนที่มีท่าทางเย็นชาและมักจะนำตัวเองเข้าเผชิญอนตรายด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากอดีตที่บอบช้ำจากภารกิจที่ล้มเหลว
เขาจึงอยากจะสะสางทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวท่าทำได้ นอกจากนี้เขายังคอยดูแลและกำกับหน้าที่ต่างๆให้สมาชิกในทีมสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของภารกิจได้เป็นอย่างดี
Cooper – เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองประจำทีม ในช่วงเริ่มภารกิจ ร่มชูชีพของเขาถูกลมพัดจนพลัดหลงจากทีมที่เหลือ จนถูกT-Rexไล่ล่าและฆ่าตายในที่สุด
และการหายไปของคูเปอร์ที่เป็นสมาชิกคนเดียวที่พกอุปกรณ์สื่อสารภายนอกไว้กับตัว จึงทำให้สมาชิกคนอื่นในทีมไม่สามารถติดต่อกับเฮลิคอปเตอร์ประจำทีมที่อยู่นอกเกาะได้(จนเรจิน่าต้องใช้วิทยุที่ศูนย์วิจัยในการติดต่อให้มารับทีหลัง) ซึ่งหลังจากจบภารกิจ สมาชิกทีมคนอื่นได้แจ้งว่าตัวของเขา “หายสาบสูญระหว่างปฏิบัติภารกิจ” (Missing In Action) เพราะไม่มีใครพบหลักฐานว่าเขาเสียชีวิตอย่างชัดเจนแล้วนั่นเอง
Tom – เจ้าหน้าที่หน่วย SORT อีกคนที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ในศูนย์วิจัย จนได้รับการเชื่อใจจาก ดร.เคิร์ก ในการช่วยดูแลงานวิจัยในโครงการ Third Energy
ในระหว่างปฏิบัติภารกิจจับกุมของสมาชิกทีมที่ตามมาสมทบ เราจะได้พบว่าทอมนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสการจากโจมตีของไดโนเสาร์ จนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
Edwark Kirk – อัจริยะที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หลังจากที่เขาได้คิดค้นเทคโนโลยี Third Energy เขาก็ได้รับการติดต่อจากรัฐบาลบอร์จิเนีย(Borginian Repubic) ว่าจะให้เงินทุนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว จึงทำให้ ดร.เคิร์ก ตอบรับข้อเสนอและจัดฉากต่อทั้งโลกว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วนั่นเอง
โดยบทบาทของ ดร.เคิร์กนั้น ไม่ได้มีต่อในภาคต่อๆไปนอกจากการพูดถึง จึงสามารถคาดได้ว่าเขาเสียชีวิตในเหตุการณ์บนเกาะไปแล้ว
Dinosaurs บรรดาไดโนเสาร์ทั้งหลายที่ปรากฎตัวในเกมนี้
Velociraptor – ไดโนเสาร์สายพันธุ์แรกที่ผู้เล่นจะได้พบ แร็ปเตอร์พวกนี้เป็นศัตรูหลักที่โผล่มามากที่สุด บ่อยที่สุด และโผล่ทั้งเกม (คล้ายๆซอมบี้ทั่วไปของREนั่นแหละครับ) ทั้งสร้างความน่ากลัวแบบเบาะๆที่โผล่มากระตุกจิตกระชากใจเราเล่นๆ ไปจนถึงสร้างความน่ารำคาญว่ามันจะตามอะไรกันนักหนา
นอกจากนี้พวกมันจะฝากความทรงจำให้กับคุณไว้มากมาย ตั้งแต่ความประทับใจแรกที่มันโผล่มาหวังจะกระโดดกอดคุณ กับความรู้สึกที่ว่า “อย่าเข้ามานะ ตูมีปืน!” และเมื่อคุณไม่เหลือกระสุนพอไปห้าวกับมัน ความคิดที่ตามมาคือการ “วิ่งหนี” และการโดนพวกมันไล่กวดแบบนี้นี่ล่ะ ที่จะทำให้คุณ “ค่อยๆกลัวและระแวง” พวกมันมากขึ้นเรื่อยๆ….
ยิ่งการที่พวกมันมักจะแฝงตัวอยู่ตามทางเดิน, ห้องต่างๆ, จุดซอกหลืบที่สามารถแอบได้ จนทำให้ผู้เล่นเกิดความหวาดระแวงชนิด “Panic” ในการเล่นอยู่แทบจะตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าจะโดนตะกวด 2 ขาความเร็วสูงพวกนี้โผล่มาเล่นวิ่งไล่จับกับคุณเมื่อไหร่ แถมในบางครั้งมันก็ยังรักคุณชนิดที่ว่า พยายามหาทางข้ามฉากมาจนได้ จนคุณอยากจะอุทานว่า “เอาจริงดิ…”
Compsognathus – ไดโนเสาร์ตัวเท่าไก่บ้านพวกนี้มักจะพบอยู่ในทางเดินของตัวอาคาร บริเวณที่มีศพของมนุษย์หรือไดโนเสาร์ที่ถูกเรากำจัดไป โดยพวกมันจะอยู่กันเป็นกลุ่มหลายๆตัว ซึ่งแม้ดูแล้วจะน่ารักกว่าตัวที่วิ่งไล่เราแบบแร็ปเตอร์ แต่ความน่าชังมันก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันหรอกนะเอาจริงๆ…(เพราะมันก็ยังทำดาเมจใส่เราได้เหมือนกัน แถมมีหลายตัวด้วย)
Pteranodon – ไดโนเสาร์ประเภทบินได้พวกนี้จะทำให้ผู้เล่นรู้ซึ้งถึงความประสาทเสีย จากการที่ “ข้างในมีแย้(ไล่) ข้างนอกมีนก(โฉบ)” โดยพวกมันมักจะปรากฏตัวออกมาในบริเวณพื้นที่เปิดโล่ง ซึ่งก็เป็นการยากหากผู้เล่นจะทำการยิงใส่พวกมัน และหากคิดว่า งั้นไม่ต้องไปสนใจพวกมันเดินผ่านไปเลยก็ได้ คุณก็จะต้องคิดใหม่แทบทันทีที่เห็นว่าเลือดหายไปมากแค่ไหนหลังถูกมันโฉบใส่เพียงครั้งเดียว…. (นอกจากนี้บางครั้งมันยังจับตัวเรจิน่าหิ้วไปทิ้งดิ่งด้วยนะ)
Therizinosaurus – ไดโนเสาร์หน้าตาคล้ายตัวสลอธ ตัวนี้จะปรากฏให้เห็นในช่วงท้ายของเกม ซึ่งแม้จะมีความเร็วไม่มาก แต่ก็แลกมากับความอึดทนทานจนน่าปวดหัวที่จะทำให้จำนวนกระสุนของผู้เล่นลดลงจนน่าใจหาย
Blue Raptor – พวกมันคือแร็ปเตอร์ช่วงท้ายเกมช่วงหนึ่ง ที่ตัวมีสีฟ้าและฆ่าได้ยากกว่าสายพันธุ์ปกติ…
Tyrannosaurus – T-Rex เกมไดโนเสาร์จะไม่มีทีเร็กซ์มันก็ดูผิดผียังไงอยู่ สำหรับเจ้าทีเร็กซ์ตัวนี้นั้น ทั้งเกมมีแค่ “ตัวเดียว” …..ใช่ครับ และมันคือตัวที่กินคูเปอร์เข้าไป แถมยังเป็นไดโนเสาร์ที่ปรากฏตัวหลังจากผู้เล่นเริ่มชินกับแร็ปเตอร์จนแอบคิดว่า “ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ….”
กระทั่งมันพังตึก(และสุขภาพจิต)เข้ามาหวังจะเขมือบคุณทั้งเป็น จนกลายเป็นอีกฉากที่สร้าง “ฝันร้าย” ให้กับเด็กหลายๆคนในยุคสมัยนั้น และเชื่อว่าสำหรับบางคน “คงมีนั่งทำใจ” กันพักใหญ่ล่ะกว่าจะเล่นผ่านจุดนั้นกันมาได้ (ใครมันจะคิดว่าทีเร็กซ์จะน่ากลัวได้ขนาดนี้…)
โดยบทบาทของ T-Rex จะเป็นเหมือนบอสประจำเกม Dino Crisis ที่จะตามล่าผู้เล่นในเนื้อเรื่องตามฉากสำคัญต่างๆ อาทิเช่น โผล่มาพังเฮลิคอปเตอร์ และ ไล่เขมือบผู้เล่น ทั้งบนบกและในน้ำ ราวกับผู้เล่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไดโนเสาร์อย่างพวกมันสูญพันธุ์ จนภาพการโดนไดโนเสาร์สูงเท่าตึกวิ่งไล่กวดกลายมาเป็น อีกหนึ่งเอกลักษณ์และเสน่ห์ให้กับผู้เล่น Dino Crisis ไปโดยปริยาย
แนะนำให้ไปลองหามาเล่นนะครับ แม้ว่าสำหรับสมัยนี้ เกมนี้คงจะไม่ได้น่ากลัวเท่าเมื่อก่อนแล้ว แต่เสน่ห์ของมันก็นับว่าไม่ได้จางหายลงไปแน่นอนครับ เพราะมันมีไม่กี่เกมหรอก ที่ให้เราได้วิ่งหนีไดโนเสาร์แบบระทึกขนาดนี้
และถ้าผู้อ่านชอบบทความ Dino Crisisนี้ ผู้เขียนเองก็ยินดีที่จะเขียนเกี่ยวกับ Dino Crisis อีกสองภาคที่เหลือ
รวมทั้งบทสรุปของเนื้อเรื่องซีรีส์นี้(ซึ่งไปถูกเล่าในเกมงซีรีส์อื่นแทน) ให้ได้ระลึกความหลังถึงเกมไดโนเสาร์สยองโลกนี้ไปด้วยกันนะครับ
บทความโดย WolfTales