วิสัยทัศน์ของคนเป็นลูกพี่!! ใช้ชีวิตอย่างผู้นำ แบบ”เรนโกคุ เคียวจูโร่”
05 กุมภาพันธ์ 2564 15:34 น.
Share on FacebookTweet about this on TwitterShare on Google+

Kimetsu No Yaiba - Mugen Ressha Hen  (8)

หลังจากฉายทางทีวี และต่อด้วยเดอะมูฟวี่ที่แสนตราตรึงใจ “ดาบพิฆาตอสูร” ได้สร้างพลังใจ แรงบันดาลใจ ผ่านคาแรคเตอร์ตัวละครผู้เข้มแข็งในโลกอันโหดร้ายจากฝีมือของอสูรที่เดิดจาก “คิบุสึจิ มุซัน” อสูรที่แข็งแกร่งที่สุด…และเรื่องราวการต่อสู้ของมนุษย์ และอสูร ได้ผ่านการเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองของตัวละครทุกแง่มุม ทั้งตัวพระเอก ตัวรอง ตัวร้าย แทบทุกตัวละครมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองเสมอ…

ตัวละครที่เด่น และฮอตมากๆตัวละครหนึ่งในเรื่อง ถึงขั้นมี FC อย่าง เรนโกคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิงแห่งกลุ่มพิฆาตอสูรเอง ก็ได้นำเสนอมุมมอง สะท้อนแนวคิดการใช้ชีวิตไม่น้อยเลย โดยเฉพาะวิสัยทัศน์แบบผู้นำให้ผู้ชมได้ขบคิดกัน…บางครั้ง เราก็อาจจะต้องให้ตัวละครในอนิเมสอนใจเราบ้าง ก็ดีนะ 

 

 

 

 

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (4)

 

จุดเริ่มต้นการเป็นผู้นำ มาจากพ่อแม่ที่สอนลูกดี ลูกก็จะเป็นคนดีได้เช่นกัน

เคียวจูโร่ โตมาในตระกูลของเสาหลักเพลิง “เรนโกคุ ชินจูโร่” ในยุคที่ชินจูโร่ทำงานเป็นเสาหลักแห่งหน่วย ถือเป็นคนที่น่าเคารพ ทั้งด้วยการวางตัว และด้านฝีมือที่ยอมรับกันในกลุ่มว่าเป็นสุดยอดของยุค แน่นอนว่าทุกวิชา ทุกเพลงดาบ ชินจูโร่ สอนลูกชายทั้งสองอย่าง เคียวจูโร่ และ เซนจูโร่ แม้ว่าลูกชายคนเล็กอย่างเซนจูโร่จะไม่มีความสามารถในเชิงดาบ แต่เคียวจูโร่นั้นมีพัฒนาการที่ดีถึงขั้นสามารถเข้าหน่วยพิฆาตอสูรได้ในช่วงอายุไม่มาก…

 

แม้ว่าชินจูโร่จะสอนลูกด้วยความร้อนแรงของเพลงดาบปราณเพลิง  แต่ เคียวจูโร่ ยังได้รับการอบรมสั่งสอนจาก “เรนโกคุ รุกะ” ผู้เป็นแม่ ที่ทั้งเข้มแข็ง เงียบขรึม และอ่อนโยน โดยคำสอนของรุกะ จะเป็นการมุ่งเน้นถึงหน้าที่่และความสำคัญของการเกิดมา “แข็งแกร่ง” หรือมีสิทธิพิเศษในการใช้ชีวิตบางประการ ได้มีบ้านหลังใหญ่ มีชีวิตที่สุขสบาย เมื่อเทียบกับตระกูลชาวบ้านที่ปากกัดตีนถีบในยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม และวัฒนธรรมเช่นยุคไทโช…

 

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (4)

 

โดยคำสอนของรุกะ ก่อนที่จะจากโลกนี้ ได้เป็นแก่นสำคัญที่ลูกชายได้รับไปว่า…

 

“ผู้ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์มากกว่าคนอื่นจะต้องใช้พลังนั้นเพื่อโลก เพื่อคนอื่น พลังที่ได้รับจากสวรรค์ จะใช้ทำร้ายผู้คนหรือหาประโยชน์ใส่ตนเองไม่ได้ การปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า เป็นหน้าที่ของผู้ที่แข็งแกร่ง จงรับผิดชอบหน้าที่ และทำให้สำเร็จลุล่วง”

 

คำสอนของแม่ คือพรอันแสนวิเศษที่ทำให้เคียวจูโร่ มีชีวิตเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ทำในส่วนที่แม่ได้สั่งเสียไว้ก่อนตาย ซึ่งนั้นก็น่าจะเป็นนิสัยที่คิดถึงผู้อื่นของรุกะ ได้ถ่ายทอดเจตนารมณ์มายังลูกชายคนโตของตระกูลอย่างเคียวจูโร่ ด้วยเช่นกัน…

 

 

 

 

 

 

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (8)

เมื่อความทุกข์ที่เกินทน จะหลอมคนให้ทนทาน

ในชีวิตของเคียวจูโร่ หน้าฉากคือเสาหลักเพลิงผู้แข็งแกร่ง แต่หากมองย้อนกลับไปในเรื่องสั้น ที่เล่าถึงภารกิจหนึ่งที่เรนโกคุได้รับหลังเข้าหน่วยพิฆาตอสูร ระหว่างการปฏิบัติภารกิจแรกที่ต่อสู้กับอสูรขลุ่ย มันได้พรากเอาชีวิตของพรรคพวกกลุ่มล่าอสูรไปมากมายที่ไปด้วยกันกับเขา บางคนก็เป็นเพื่อนร่วมรุ่นด้วยซ้ำ แถมการต่อสู้ที่หนักหนาบั่นทอนจิตใจในครั้งแรก ก็ได้ทำให้แก้วหูของเคียวจูโร่เสียหาย กลายเป็นคนหูตึง ไม่ค่อยได้ยินเสียงคนรอบข้าง จึงต้องอาศัยการพูดจาเสียงดังนับแต่นั้น แม้ว่าจะพิการทางการได้ยิน แต่ก็ไม่แสดงอาการความอ่อนแอให้ใครได้เห็นเลย

 

และในช่วงที่เขาได้เลื่อนขั้นเป็นนักล่าอสูรชั้น “คิโนะเอะ” ก็ได้ทำภารกิจในฐานะ “ตัวแทนเสาหลักเพลิงชินจูโร่”  ที่หมดกำลังใจ ไฟมอด กลายเป็นคนติดเหล้าเมายา เพราะได้สูญเสียสิ่งที่สำคัญอย่าง รุกะ แม่ของเคียวจูโร่ ทำให้เคียวจูโร่ต้องอยู่ในฐานะผู้นำครอบครัวเป็นที่ยึดเหนี่ยว เป็นแบบอย่างให้น้องชาย โดยที่เขาไม่เคยตำหนิน้องชายที่ไม่มีความสามารถทางด้านดาบ และไม่เคยตำหนิพ่อของเขาที่กลายเป็นคนไม่เอาไหน

 

เคียวจูโร่เลือกแบกรับทุกอย่างของครอบครัว และหลังจากปราบ “อสูรข้างแรมที่สอง” ผู้ใช้ปืนไฟหวังจะระเบิดเมืองลงได้สำเร็จ แม้จะยังมีคนไม่พอใจ แต่ผลงานของเคียวจูโร่ ก็ได้ทำให้ใครๆยอมรับในฐานะ “เสาหลักเพลิงคนใหม่” ทำหน้าที่อย่างดีเสมอมา…แทนพ่อของเขาที่ยังจมอยู่กับความทุกข์อยู่ในบ้านไปวันๆ นานวันเข้า จากการเข้าใจผู้คน การเคารพผู้อื่น และความเด็ดเดี่ยว เคียวจูโร่ก็กลายเป็นที่นับถือเช่นเดียวกับที่พ่อเขาเคยเป็น…

 

 

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (1)

แม้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เคียวจูโร่ ก็ยังฝากความปราถนาดีต่อพ่อของเขา และนั้น ทำให้ชินจูโร่ที่ไม่เคยแยแสโลก ได้กลับมาหลั่งน้ำตา ดึงสติ และทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันเจ้าบ้านตระกูลอุบุยาชิกิ “คนใหม่” ในศึกที่เสาหลักคนอื่นๆไปไล่ล่ามุซันนั่นเอง…

 

 

 

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (2)

ซื่อตรงต่อหน้าที่ ใจกว้าง ปล่อยวางเป็น

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เคียวจูโร่เป็นตัวละครลูกพี่ ผู้น่าเป็นแบบอย่าง คือความเถรตรงสุดๆ แต่ก็โอนอ่อนได้ ปล่อยวางได้

 

หลังจากที่ได้พบกับทันจิโร่ และเนซึโกะที่คฤหาสน์อุบุยาชิกิในการประชุมเสาหลัก… “การปกป้องอสูร ก็เป็นสิ่งที่ผิด” นี่คือคำตัดสินของเคียวจูโร่ที่นึกคิดตามหลักการและเหตุผลของกลุ่มเป็นที่ตั้ง แม้ว่านายท่านผู้เป็นผู้นำสูงสุด ได้มีการเปิดจดหมายของ อุโรโกะดากิ อดีตเสาหลักวารี ได้รับรองว่าเนซึโกะจะไม่ทำร้ายคน หากมีข้อผิดพลาด อุโรโกะดากิ / ทันจิโร่ / กิยู จะขอคว้านท้องตาย เป็นการใช้ชีวิตของคน 3 คน+คำรับรองของท่านเจ้าบ้าน เป็นหลักประกัน ก็ไม่อาจคัดค้านความตั้งใจนี้ได้

 

ในที่สุด  เนซึโกะ ที่เป็นอสูร ก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง สามารทนการยั่วยุด้วยเลือดของ “ซาเนมิ” ผู้เป็นเสาหลักวายุ ได้ ก็ทำให้เคียวจูโร่นึกยอมรับในความแน่วแน่นี้ และยอมลดหลักการของกลุ่มลง แล้วมองบริบทแยกแยะให้ถี่ถ้วนขึ้น

 

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (3)

เมื่อวันที่ทันจิโร่ ได้พบกับเคียวจูโร่อีกครั้งที่รถไฟนิรันดร์ ตัวเขาก็ไม่มีท่าทีว่าเคลือบแคลงใจใดๆ เพราะถือว่าจบในที่ประชุมแล้ว  ก็หันหน้าคุยกัน อีกทั้งยังแชร์ข้อมูล พร้อมดูแลเอาใจใส่ผู้ติดตามที่แม้ว่าจะเพิ่งพูดคุยกันครั้งแรกอย่างจริงจังก็ตาม

 

และเมื่อได้ต่อสู้ร่วมกัน เคียวจูโร่ได้พบว่า ทั้งพวกของทันจิโร่ และเนซึโกะ ต่างต่อสู้เพื่อปกป้องผู้คนบนรถไฟอย่างยากลำบาก ก่อนสิ้นใจ เขาได้ออกมายอมรับว่า พวกทันจิโร่ และ เนซึโกะที่เป็นอสูร คือหนึ่งในสมาชิกหน่วยพิฆาตอสูรอย่างเต็มใจ เป็นการแสดงถึงความไม่ยึดติดในหลักการที่มากเกินไป จนหลงลืมบริบทรอบข้าง เป็นสิ่งที่ตัวเคียวจูโร่เรียนรู้ และได้ทิ้งไว้ให้ผู้อ่าน ผู้ชมได้คิดตามในจุดนี้

 

 

 

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (6)

ตัดสินใจรอบคอบ ลดความกังวลของเพื่อนผู้ร่วมงานได้…ก็ถือเป็นศิลปะการเป็นผู้นำเช่นกัน

นี่คือหนึ่งในคุณสมบัติผู้นำเช่นกัน ในยามคับขัน การอ่านสถาณการณ์ที่แม่นยำ และการถ่ายทอดคำแนะนำ คำสั่งที่ตรงประเด็น นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ระบบการทำงานเดินหน้าต่อไปได้  

 

เคียวจูโร่ที่เพิ่งตื่นจากภวังค์ของ เอนมุ (อสูรข้างแรมตัวเดียวที่มุซันไว้ชีวิต) เขาได้พบกับขบวนรถไฟที่กลายเป็นอสูรไปแล้ว จึงประเมินสถาณการณ์ และความเสียหายเบื้องต้น พร้อมให้คำแนะนำแก่พวกทันจิโร่ในการให้ออกไปตามหา “คอของอสูร” ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน ยังไงอสูรก็ต้องมีคอ นี่คือองค์ความรู้ที่เคียวจูโร่ได้รับมาในฐานะผู้ศึกษาในด้านการปราบอสูรจนเชี่ยวชาญ  

 

คนเราเมื่อทำสิ่งใดซ้ำๆ จะเกิดความชำนาญ ส่วนสติ ความนิ่ง จะทำให้สามารถอ่านเหตุการณ์พร้อมหาทางรับมือได้อย่างทันท่วงที การตัดสินใจของเคียวจูโร่นั้นทำให้ทันจิโร่ได้วิ่งไปที่หัวขบวน และก็พบว่า เอนมุ และคอของมันอยู่ที่หัวขบวนจริงๆ ส่วนตัวเคียวจูโร่เลือกที่จะแบกรับการปกป้องผู้คนในรถไฟ 5 โบกี้ ออกช่วยเหลือคนที่ติดในขบวน นอกจากช่วยคนแล้ว ยังเป็นการลดความกังวลแก่เพื่อนร่วมงานได้ด้วยการ “ช่วยลงมือทำให้เห็น” 

 

 

 

xDqaCUz

ไม่ว่าจะย่ำแย่แค่ไหน ชีวิตต้องเดินต่อไปด้วย Positive Thinking

เคียวจูโร่ คือหนึ่งในตัวอย่างของคนที่มี Positive Thinking (ความคิดเชิงบวก) ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความจำเป็นต่อองค์กรอย่างมาก เพราะเขาจะเป็นคนที่สามารถปลุกใจคนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงานได้ 

 

ถึงจะมี  Positive Thinking สูง แต่เคียวจูโร่ ก็ไม่ได้จัดว่าเป็นคนโลกสวย แต่เป็นคนที่มองโลกด้วยความเป็นจริง ด้วยสัจธรรมของความเป็นมนุษย์ หลายครั้งที่เขาถูก “อสูรข้างขึ้นที่สาม อากาสะ” ชักชวนให้เป็นอสูรอยู่หลายครั้ง แต่เคียวจูโร่ ก็เลือกที่จะใช้ความเป็นมนุษย์ ทุ่มเทสุดกำลังเพื่อสู้กับปัญหา(อากาสะ) ยอมเจ็บปวด ยอมสละชีวิต เพื่อปกป้อง “อนาคต” (ลูกน้อง) โดยหวังว่า อนาคตที่เขาปกป้อง จะกลับมากำจัดเหล่าอสูรให้สิ้นซาก ด้วยไฟในจิตใจดวงเล็กๆที่เขาได้ส่งต่อให้กับคนรอบข้างไปแล้ว… นอกจากนั้น ยังรวมไปถึงปัญหาครอบครัวที่เคียวจูโร่ ต้องแบกรับ อย่างที่กล่าวไปในตอนต้น ถ้าเป็นคนแบบ เซนอิสึที่เป็นคนธรรมดาๆ ก็อาจจะท้อแท้ สิ้นหวังได้ง่ายๆ แต่ถ้าวิสัยทัศน์ผู้นำที่กล้าหาญ กล้าได้เสีย พร้อมชนกับอุปสรรคแบบเคียวจูโร่ แล้วล่ะก็ ความคิดเชิงบวก คือหนึ่งในกุญแจของการรับมือกับปัญหาชีวิตได้อย่างดี

 

 

 

main-qimg-d309c06fc1f80217f1d9ba724cf8e51a

 

ทำให้ดู สู้ให้เห็น สอนให้เป็น แล้ววางมือ

ลักษณะการปลุกใจแบบเคียวจูโร่ จะเป็นการ “ทำให้ดู สู้ให้เห็น” ไม่ได้อยู่บนหอคอยงาช้างแล้วสั่งให้ทำนั่นนี่โดยที่ไม่รับรู้ถึงความเป็นไปได้จริงแบบวัฒนธรรมองค์กรแบบไทยๆ ที่อาศัยยศอย่างสั่งการเว่อวังแต่ไม่ดูความเป็นจริงเลย…

 

การมาของอากาสะ คือตัวแทนของ “เหตุไม่คาดคิด” ที่โผล่มาในระหว่างการทำงาน และเคียวจูโร่ ก็เลือกที่จะรับมือกับปัญหา ต่อสู้ให้เด็กมันดูในฐานะผู้นำในเวลานั้นอย่างกล้าหาญ

 

แม้ว่าจะไม่อาจยื้อให้อากาสะได้พบกับแสงแดดในยามเช้า จนหนีเข้าป่า แต่ก่อนตาย เขาก็ยังกล้าที่จะฝากฝังอนาคตขององค์กรไว้ในมือของคนรุ่นใหม่ ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป เป็นการวางมืออย่างสง่างาม ในจังหวะที่สมควร ไม่ยื้อยุดฉุดรั้งเอาไว้ ถึงคราวไป ก็ยอมรับวาระที่จะไปแต่โดยดีและมีความสุข…

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (7)

จึงกลายเป็นว่า เหล่านักล่าอสูรรุ่นน้องได้เห็นการต่อสู้ของเคียวจูโร่ และเรียนรู้ว่าการต่อสู้กับพวกอสูรข้างขึ้นนั้น “มันหนักหนาในระดับที่ไม่ควรสู้คนเดียว” และหลังจากนั้นมา ไม่มีเสาหลักคนไหนที่จะเดินเข้าไปใส่เดี่ยวกับอสูรข้างขึ้นอีกเลย ยกเว้น มุอิจิโร่ ปะทะกับ โคคุชิโบ ซึ่งนั่นจะเป็นเรื่องราวหลังจากนั้นไปหลายเล่ม…

 

 

 

rengoku-kyoujuro-best-leader-mind-thinking (5)
สิ่งที่เรนโกคุ เคียวจูโร่ ทิ้งเอาไว้ให้ นอกจากคำสอน การจุดไฟในจิตใจของเหล่านักล่าอสูรรุ่นใหม่แล้ว ยังเป็นการสะท้อนมุมมองของคนเป็นลูกพี่ เป็นหัวหน้า ที่พร้อมแบกรับ พร้อมขัดเกลา และพร้อมที่จะส่งต่ออนาคตของการพัฒนาองค์กร หรือบริษัท ให้เดินหน้าต่อไป …

 


“เพราะการ์ตูน ไม่ได้มีแค่ภาพวาด แต่มีเรื่องราว มีแง่มุมการใช้ชีวิต แฝงอยู่ในนั้น”

 

แอดมิน AK47