Gourmet Fighter: ยุทธภูมิกระเพาะเหล็ก
แนวการ์ตูน: อาหาร, คอเมดี้
เรื่องและภาพโดย: Shigeru Tsuchiyama
สำนักพิมพ์: Nihonbungeisha
จำนวนตอน: 216 ตอน (24เล่มจบ)
ใครจะคิดว่าการกินเพื่ออิ่มท้องจะสามารถกลายเป็นกีฬาได้! วันนี้เอาใจคนชื่นชอบการกินโดยเฉพาะการแข่งกินจุที่เราเคยเห็นบ่อยๆตามรายการทีวีกับการ์ตูนที่ชื่อ Gourmet Fighter หรือชื่อไทย ยุทธภูมิกระเพาะเหล็ก ผลงานของ อ.ชิเงรุ ทสึจิยาม่า ที่ฝากผลงานเกี่ยวกับอาหารมากมายหลายเรื่อง สำหรับเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Weekly Manga Goraku ก่อนจะรวมเล่มซึ่งมีทั้งหมด 24 เล่มจบ โดยของไทยได้ สนพ.บูรพัฒน์ คอมิคส์ พับลิเคชั่น เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์
ตัวละคร
โอฮาระ มังทาโร่
หนุ่มออฟฟิศที่หมดเงินเดือนไปกับกาตระเวนกินของอร่อยทั่วประเทศ แต่เมื่อเขาลงแข่งกินข้าวหมูทอดจนได้เจอกับ ฮันเตอร์ โชจิ นักแข่งกินจุพเนจรที่ทำให้เขาได้เข้าสู่โลกของการแข่งขันกินจุที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและดุเดือดเข้าจนได้
ฮันเตอร์ โจจิ
นักแข่งกินจุหรือ “ฟู้ดไฟเตอร์” (Food Fighter) ที่ตะลอนไปทั่วประเทศเพื่อแข่งกินตามร้านทั่วญี่ปุ่น เป็นคนแรกที่เห็นแววในตัวของมังทาโร่และเป็นครูคนแรกที่ถ่ายทอดวิชาการแข่งกินจุอีกด้วย
ทังเกะ โคโนะสุเกะ
อดีตประธานสมาพันธ์และเจ้าของกิจการยักษ์ใหญ่ในเครือเทโอะ หลังจากเกษียณจากการงานก็ตะเวนเดินทางไปชิมของอร่อยทั่วญี่ปุ่นและมีความคิดที่จะพัฒนาการแข่งกินจุให้เป็นกีฬาแนวหน้าดั่งเช่นเบสบอลรวมถึงสร้างทีม Tange Pro Food Fighter (TFF) เพื่อสร้างเหล่านักกินจุให้เป็นนักกีฬาชั้นนำเพื่อเผยแพร่ให้คนทั่วไปรู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
เรื่องย่อ
โอฮาระ มังทาโร่ หนุ่มออฟฟิศที่หมดเงินเดือนไปกับความเพลิดเพลินในรสชาติจากการเดินทางไปชิมของอร่อยทั่วญี่ปุ่นจนต้องทานบะหมี่ถ้วยเป็นประจำ วันหนึ่งขณะที่กลุ้มใจกับเงินที่เหลือน้อยนิดเขาก็ไปเห็นร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งกำลังจัดแข่งกินข้าวหมูทอด เมื่อคนล่าสุดทำไม่สำเร็จมังทาโร่จึงขอลงแข่งแต่มีการปรับกติกาเล็กน้อย ทว่าด้วยความมือใหม่ทำให้เขาไม่สามารถเอาชนะไปได้ก่อนจะเสียเงินค่าข้าวซึ่งเป็นที่เหลือของเดือนนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
วันต่อมาเมื่อถึงพักเที่ยงเขาจึงกลับไปที่ร้านเดิมอีกครั้ง แล้วภาพที่เขาเห็นก็คือมีผู้ท้าชิงอีกคนกำลังแข่งกินข้าวหมูทอด ซึ่งสิ่งที่มังโทโร่ไม่เชื่อสายตาตัวเองคือเขายังกินต่อเนื่องได้โดยไม่มีท่าทีว่าจะอิ่มเลย ในที่สุดชายดังกล่าวก็สามารถกินข้าวหมูทอดได้ตามที่ร้านกำหนด แต่ยังไม่ทันฉลองชัยชนะก็มีนักกีฬายูโดที่คาดว่าน่าจะเป็นรุ่นน้องของคนที่แพ้ก่อนหน้านี้ขอท้าแข่งกินข้าวหมูทอดอีกครั้ง แต่เนื่องจากว่าชายคนนี้เพิ่งจะแข่งกินเสร็จไปก็เลยจะหาตัวแทนมาแข่งกับนักยูโดให้ แล้วหวยก็ลงที่มังทาโร่!!
โดยการแข่งกินครั้งนี้ชายผู้นี้ได้ให้คำแนะนำกับมังทาโร่ซึ่งตัวเอกเราก็เลยต้องลงแข่งอีกครั้งและด้วยคำแนะนำของชายคนนี้นี่เองที่ทำให้มังทาโร่สามารถเอาชนะนักยูโดพร้อมถอนทุนจากครั้งก่อนได้สำเร็จ ภายหลังมังทาโร่ก็ได้รู้จักชายคนนี้ที่มีชื่อว่า ฮันเตอร์ โจจิ โดยอีกฝ่ายก็ทาบทามให้มังทาโร่มาเข้าทีมแข่งกินจุแต่เจ้าตัวมองว่าเป็นเรื่องตลกก่อนจะโดนโจจิต่อว่าเพราะคิดว่ามังทาโร่กำลังดูถูกทั้งที่เขาทำให้ตัวเอกชนะมาแล้ว
วันหนึ่งมังทาโร่ถูกประธานบริษัทเรียกไปพบในตอนค่ำ ทำให้เขาได้เจอกับ โยโกคาวะ ยาสุโอะ ก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยเจอกันที่ร้านอุด้ง โดยทางยาซุก็ถูกเรียกตัวเช่นเดียวกับมังทาโร่ ก่อนที่ประธานทั้งสองฝ่ายจะเฉลยว่าจะให้ทั้งสองคนแข่งกินโดยมีโจทย์คือ ซาลาเปาไส้หมู ใครกินมากที่สุดก็จะเป็นผู้ชนะ
ก่อนการแข่งมังทาโร่ได้โทรหา โจจิ เพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งฝ่ายหลังก็ตกใจเมื่อรู้ว่าคู่แข่งของมังทาโร่คือ ยาสุโอะ เคยสร้างวีรกรรมเมื่อตอนแข่งกินทาโกยากิ 100 ลูก จนได้รับฉายาว่า “ยาสุจอมเขมือบ” วิธีกินของเขาคือแยกไส้กับแป้งออกจากกันโดยทานไส้ก่อนและราดน้ำอุ่นลงในแป้งและยกซดหมดถ้วย ขณะที่ทางมังทาโร่ใช้วิธีกินน้ำเย็นเล็กน้อยแล้วค่อยกินเพื่อป้องกันลวกปากพร้อมกับจิ้มซอสต่างๆเพื่อแก้เลี่ยน
แต่ท้ายที่สุดการแข่งขันต้องหยุดชะงักเมื่อชายแก่คนหนึ่งบุกเข้ามาและยุติการแข่งขัน ทำให้ประธานทั้งสองไม่พอใจและจะวางมวยแต่เมื่อรู้ว่าชายแก่คนนี้คือ ทังเกะ โคโนะสุเกะ หรือที่รู้จักในชื่อ ท่านทังเกะ อตีดประธานในบริษัทเครือเทโอที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น ทำให้สองประธานสำนึกผิดไม่ทันพร้อมกับโดนท่านทังเกะเทศนาชุดใหญ่ว่าใช้ลูกน้องแข่งเพื่อวัดฝีมือตัวเองและตำหนิยาสุที่กินแบบทำลายรสชาติ แต่ว่าเขากลับชื่นชมมังทาโร่ที่ยังคงรักษารสชาติจึงให้ชนะไป แต่ยาสุไม่พอใจก่อนจะขอตัวกลับพร้อมทวงสัญญาที่ท่านประธานของเขารับปากไว้
ทางด้านมังทาโร่ก็ถูกท่านทังเกะไปร่วมโต๊ะซึ่งได้เจอกับโจจิอีกครั้ง แต่มังทาโร่ยืนกรานว่าเขาจะไม่ลาออกจากงานเพื่อเป็นนักกินจุ ทำให้ท่านทังเกะเลยชวนว่าเอาอย่างนี้ลองไปกับโชจิเพื่อสัมผัสโลกของการแข่งกินจุ
โจจิพามังทาโร่แวะมาทานราเม็งซึ่งกำลังมีการแข่งทานราเม็ง 4 ก้อน (2ชาม) ชิงเงินรางวัล 5,000 เยน โดยช่วงที่ดูทั้งคู่ก็สั่งข้าวผัดกับซุปกินพร้อมให้มังทาโร่จับตาดูคนที่กำลังแข่งพร้อมถ่ายทอดความรู้ว่าเป็นการแข่งแบบไหนและวิธีต่างๆ เมื่อคนที่แข่งอยู่ทำไม่สำเร็จ โจจิเลยของแข่งกินราเม็งต่อ แต่ทว่าเจ้าของร้านที่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของโจจิเลยขอปรับกติกา 2 ชาม จาก 8 ก้อนเป็น 10 ก้อนและต้องซดน้ำซุปให้หมดเกลี้ยง
โจจิรับคำท้าทำให้บรรยากาศในร้านครึกครื้นทันที โจจิรับคำท้าก่อนจะให้โจจิจับตาดูเขาแข่งเพราะเขาจะ สอนวิชาการกินจุทางลัดให้โดยโจจิได้โชว์เทคนิค “ตะเกียบคู่” คืออีกมือคีบเส้นทานส่วนอีกข้างคีบค้างไว้เพื่อให้เส้นเย็นแล้วทานได้ทันทีจนสามารถจัดการชามแรกได้ชนิดที่เจ้าของร้านและลูกค้ารวมถึงมังทาโร่ไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่เมื่อเจ้าของไม่ได้ทำชามที่สองออกมาผลการแข่งเลยเป็นโมฆะ
สถานที่ต่อไปที่โจจิให้มังทาโร่มาแข่งคือ ร้านโยชิสึเนะราเม็ง ที่ขึ้นชื่อน้ำซุปเข้มขนจากฮากาตะและมี คาเอดามะ(การเพิ่มเส้นหลังกินชามแรกหมด) งานนี้มังทาโร่ได้เจอกับ โทริไค โทบิโอะ ซึ่งเป็นรองแชมป์ของที่นี่ (โจจิเป็นแชมป์) แต่ท้ายสุดก็แพ้เพราะประสบการณ์แต่โทบิโอะก็ชื่นชมในตัวเขา
โจจิเล่าให้มังทาโร่ฟังว่าโทบิโอะก็เป็นหนึ่งในทีมนักกิจุที่ท่านทังเกะรวบรวมเหมือนกับเขาและค่าใช้จ่ายท่านทังเกะจะออกให้ แต่ยังไม่ทันจะได้เล่าต่อโจจิได้รับโทรศัพท์จากหนึ่งในทีมที่จะลงแข่งกินแฮมเบอร์เกอร์ใน3เดือนหน้า ซึ่งเขาบอกว่าไม่สามารถลงแข่งได้แล้วเพราะถูกชายที่ชื่อ ซันชิโร่ ท้าแข่งกินข้าวหน้าปลาไหลใส่น้ำชาแถมทำสัญญาซ้อนจนทำให้ลูกทีมคนนี้หมดสิทธิ์ลงแข่ง
มังทาโร่ตัดสินใจเข้าลงแข่งขัน โจจิเลยให้มังทาโร่ไปปรับสภาพกระเพาะให้พร้อมลงแข่งกับ อินุมารุ ที่ร้านอาหารในโรงแรมหรู ก่อนที่จะเล่าเรื่องราวของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า OKFF หรือ Osaka Kuitaore Food Fighter กลุ่มนักกินจุแห่งโอซาก้า ที่มีส่วนทำให้หนึ่งในทีมของทังเกะถอนตัวการแข่งกินแฮมเบอร์เกอร์ครั้งนี้
แต่เดิม ท่านทังเกะ และ โทยามะ คินจิโร่ เคยให้สัญญาไว้ว่าจะสร้างทีมนักกินจุมาแข่งกันเพื่อทำให้การแข่งกินจุเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เบสบอลหรือซูโม่ โดยทังเกะดูแลฝ่ายตะวันออก ส่วนคินจิโร่จะดูแลฝ่ายตะวันตก แต่ทว่าครึ่งปีผ่านไปคินจิโร่ก็จากโลกนี้ไปด้วยโรคร้ายทำให้กิจการบริษัทในเครือนานิวะตกอยู่ที่คุณนายโทยามะ ซึ่งอุปนิสัยคุณนายเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินและไม่คิดจะสานต่อเจตนารมณ์ของสามีจึงสร้างทีมนักกินจุเพื่อเรียกเงินเข้ากระเป๋าจนเป็นที่มาของทีม OKFF ในที่สุด
หลังจากเตรียมความพร้อมที่จะลงแข่งคัดเลือกเพื่อชิงสิทธิ์เข้าแข่งขันกินแฮมเบอร์เกอร์ที่เซนได มังทาโร่จะต้องลงแข่งกินข้าวปั้นซึ่งสามารถเข้ารอบไปได้แบบหวุดหวิดหลังจากนั้นก็กลับมาเตรียมความพร้อมสำหรับแข่งกินแฮมเบอร์เกอร์ ทว่าตอนที่ไปกินอุด้งก็เจอคนของ OKFF เข้ามาก่อกวน โชคดีที่ โยโกะคาวะ ยาสุโอะ หรือ
ยาสุจอมเขมือบ เข้ามาช่วยมังทาโร่ก่อนจะเล่าว่าเขาลาออกจากลุ่ม ก่อนจะเลี้ยงเกี๊ยวซ่าแทนคำขอบคุณแต่จริงๆแล้ว ยาสุโอะวางแผนสกัดดาวรุ่งด้วยการให้มังทาโร่กินเกี๊ยวซ่าสุดเด็ดโคตรเผ็ดจัดจ้าน เพราะไส้ที่ใช้ทำจากพริกน้ำเข้าจากเมืองไทย จนทำให้ตัวเอกลิ้นพองแถมร่างกายรวนรวมถึงเป็นร้อนในนั่นเอง (แสบจริงๆ)
เมื่อการแข่งขันกินแฮมเบอร์เกอร์มาถึงแม้อาการจะทุเลาลง แต่อาการคออักเสบยังคงสร้างความทรมานใจให้กับเขาจนถึงวันแข่งทำให้เขาไม่สามารถกินได้เยอะเหมือนคราวก่อน อินุมารุจึงตัดสินใจโยนผ้ายอมแพ้ เป็นความพ่ายแพ้ที่มังทาโร่รู้สึกเจ็บใจไม่น้อย ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำและเข้าสู่โลกของแข่งกินจุอย่างจริงจังโดยเดินทางไปแข่งทั่วประเทศ
ตลอดที่มังทาโร่ได้เดินทางไปแข่งกินจุนั้นเขาได้เจอเรื่องราวมากมาย อาทิ แข่งกับ อิโนเสะ คุโรเบะ เจ้าของเทคนิคการกินแบบปลาวาฬผู้ปรารถนาจะเข้ากลุ่ม OKFF ในการแข่งกินข้าวหน้าปลาแซลม่อน แถมเจอกับ
โยคาวะ วาตารุ แมวมองแห่งทีม OKFF ที่จะทาบทามมังทาโร่เข้าร่วมทีมแต่ก็ถูกปฏิเสธ
หลายวันถัดมามังทาโร่ได้แวะที่ร้านไดร์ฟอินที่ชื่อ อิโคอิ ร้านที่ได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของเหล่านักกินจุ มังทาโร่ได้แข่งกับ โคอิเคะ หรือ ราเม็งแมน ซึ่งสามารถเอาชนะด้วยเทคนิคตะเกียบคู่ที่ได้จากการถ่ายทอดของโจจิ ก่อนที่จะได้รู้ว่าร้านนี้ ฮันเตอร์ โจจิ เคยช่วยเหลือร้านแห่งนี้มาหลายครั้ง
หนึ่งในนั้นคือเรื่องราวของ “สามพี่น้องเปิบพิสดาร” เป็นกลุ่มพี่น้องที่ยึดอาชีพขับรถส่งของ มีนิสัยการกินที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่มาในร้าน แต่เมื่อโจจิได้พาคุณพ่อมาจนทำให้ทั้งสามได้รู้จักกับรสชาติมากขึ้น ก่อนจะช่วยร้านนี้กลับมารุ่งเรื่องอีกครั้งโดยทั้งสามคนได้แนะนำอาหารอร่อยๆในนาโงย่าให้มังทาโร่อีกด้วย
เมื่อมาถึงนาโงย่า มังทาโร่ก็ได้เข้าร่วมแข่งขันกินอุด้งแกงกะหรี่ของร้านที่เปิดขึ้นใหม่ซึ่งเขาได้เจอกับ โทริไค ซึ่งถูกทาบทามผ่านวาตารุซึ่งวางแผนจะดึงตัวโทริไคให้เข้าทีม OKFF ซึ่งทั้งคู่สามารถเข้าถึงรอบชิงท้ายที่สุดมังทาโร่เอาชนะด้วยการสั่งข้าวสวยกินกับซุปแกงกะหรี่ ก่อนที่โทริไคจะรู้แล้ว่าวาตารุแอบหลอกให้เซ็นเช็คค่าเข้าแข่ง (ค่าเข้าสังกัดทีม) จนต้องใช้เทคนิคนอกกติกา โทริไคตัดสินใจจะลับฝีมือในฐานะนักกินแห่ง OKFF และจะล้มมังทาโร่กับโจจิให้ได้
การเดินทางไปแข่งกินจุของมังทาโร่ยังคงดำเนินต่อเนื่องทั้งแข่งกินโดรายากิกับ หลวงพี่คูเน็น พระที่ต้องบิณฑบาตเพื่อชดใช้ความผิดที่ตัวเองทำไว้และเมื่อได้เห็นการกินของมังทาโร่จึงติดตามไปด้วย ในการแข่งกิน
สเต็ก มังทาโร่ก็ได้เจอกับ โอคุเระ ทาโร่ เจ้าของสมญานาม “ตะพาบน้ำโอคุเระ” ที่ใช้กลยุทธ์ด้วยเครื่องปั่นแต่มังทาโร่ก็สามารถเอาชนะไปได้
ศึกคูอิวัน กรังด์ปรีซ์
มังทาโร่เดินทางมายังโอซาก้าเพื่อเข้าร่วมแข่ง คูอิวัน กรังด์ปรีซ์ ซึ่งเป็นรายการที่ทีม OKFF จะใช้เวทีนี้ในการโปรโมททีมของตัวเอง ซึ่งจะต้องแข่งคัดเลือกด้วยการกินตามร้านที่ร่วมรายการ ถ้าทำได้จะได้รับแสตมป์ 1 ดวง คนที่ครบ 5 ดวงจะได้สิทธิ์ลงแข่งคัดเลือกทันที
ในช่วงรอบคัดเลือก ทีม OKFF ก็พยายามขัดขวางเหล่า TFF ของท่านทังเกะ โดยทางท่านทังเกะก็ส่งเด็กในสังกัดไปสังเกตการณ์รวมถึง ฮันเตอร์ โจจิ ซึ่งทางทีม OKFF เทียบเชิญเพื่อจะล้มเขาให้ได้ แต่ทั้งสองคนก็สามารถรอดจากกลโกงจนเข้ารอบคัดเลือกได้สำเร็จ
โดยรอบคัดเลือกจะเป็นการแข่งกินตามที่ตัวเองถนัด โดยมังทาโร่เลือกแข่งกินโอเด้งทำให้ได้เจอคู่ปรับที่เคยฝากแผลร้อนใน ส่วนโจจิเลือกแข่งกินข้าวหมูทอด ทั้งสองคนสามารถผ่านเข้ารอบไปได้สบายๆ เมื่อถึงรอบ 2 คนสุดท้ายก็ต้องเจอโจทย์พิซซ่ายักษ์ ที่ทาง OKFF แอบใส่พริกให้กับโจจิและมังทาโร่ แต่ก็ยังเข้ารอบแบบหวุดหวิด
เมื่อเข้าสู่รอบ 8 คนสุดท้าย มังทาโร่ถูกประกบให้เจอกับ ยาสุโอะ จอมเขมือบ เป็นการแข่งล้างตาจากครั้งก่อนโดยรอบนี้ได้โจทย์คือซาลาเปา ยาสุโอะยังคงใช้เทคนิคเดิมคือแยกไส้และเทน้ำร้อนใส่แป้งยกซดหมดชาม แต่ก็ตกม้าตายจากเทคนิคตัวเอง ขณะที่มังทาโร่แยกซาลาเปาคว้านไส้ออก แล้วใส่ไส้กลับไปใหม่เพื่อไล่ความร้อนก่อนจะกินโดยคงความเร็วจนสามารถคว้าชัยชนะไปได้ในที่สุด
ส่วนทางด้าน ฮันเตอร์ โจจิ ต้องเจอกับอดีตเพื่อนร่วมสำนักอย่าง โทริไค โทบิโอะ โดยฝ่ายหลังหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องชนะ เลยเลือกกติกาแข่งกินโซเม็ง เพราะว่าก่อนที่โทริไคจะเข้าวงการแข่งกินจุ เขาเคยเป็นเด็กเก็บตัวอยู่ในห้องแต่เมื่อได้เห็นฝีมือการกินของโจจิ จึงพยายามฝึกฝนจนพ่อแม่เห็นความมุ่งมั่น เลยตัดสินใจฝากฝั่งให้โทริไคไปอยู่ทีม TFF ของท่านทังเกะ โดยได้แข่งกินโซเม็งจนสามารถชนะโจจิได้ แต่การแข่งคูอิวันครั้งนี้โจจิที่เตรียมตัวมาดีกว่า จึงสามารถเอาชนะโทริไคได้ก่อนจะชูมือในความเป็นนักสู้ ผ่านเข้ารอบชิงพร้อมกับมังทาโร่ได้สำเร็จ
ในศึกรอบชิงชนะเลิศ ทั้งมังทาโร่และโจจิต้องเจอกับสองสมาชิกจากทีม OKFF อย่าง ทาคาโอกะ โมโมกะ และ นิชิยาม่า ฮิโรชิ โดยตัดสินด้วย ฟุโต้มากิซูชิ ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งทางผู้จัดอย่างคุณนายโทยามะก็เตรียมแผนกำจัดมังทาโร่และโจจิทั้งมีแท่นกั้นเพื่อไม่ให้มีใครเดาว่ากินไปแล้วกี่ชิ้น แต่ท้ายสุดกลายเป็นดาบสองคมเพราะเมื่อถึง 10 นาทีสุดท้ายมีการดับไฟเพื่อให้แท่นกั้นลดลง นิชิยาม่าเกิดเสียสติกลางคันจนต้องออกจาการแข่งขัน ส่วนทางด้านโมโมกะกินต่อไม่ไหวจนเกือบล้มก็เป็นอีกคนที่ถอนตัว จนเหลือมังทาโร่และโจจิชิงดำแบบดุเดือดก่อนจะจบลงแบบประทับใจคนดู และทำให้คุณนายโทยามะได้เห็นสิ่งที่สามีผู้ล่วงลับอยากให้เป็นจริง จึงตัดสินใจจะตัดสินเพื่อหาผู้ชนะจากเม็ดข้าว ก่อนที่ ฮันเตอร์ โจจิ จะเป็นผู้คว้าชัยชนะในศึกคูอิวัน กรังด์ปรีซ์
หลังจากรายการคูอิวันจบลง ท่านทาเกะและคุณนายโทยามะได้จับมือก่อตั้งสมาพันธ์นักกินจุแห่งประเทศญี่ปุ่นขึ้นเพื่อผลักดันกีฬาแข่งกินจุเป็นที่ยอมรับในระดับสากล…
ศึกคูอิลิมปิก
หลังจบศึกคูอิวัน กรังด์ปรีซ์ มังทาโร่ก็ยังคงเดินทางไปแข่งกินเหมือนทุกครั้งเพียงแต่ชื่อเสียงของเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่แล้วความท้าทายครั้งใหม่ได้เริ่มอีกครั้งเมื่อ โยคาวะ วาตารุ อดีตแมวมอง OKFF ที่ตอนนี้กลับตัวกลับใจ ได้ชักชวนให้เขาลงแข่งรายการ คูอิลิมปิค ซึ่งเป็นรายการแข่งกินจุที่ได้เทียบเชิญนักแข่งกินจุชั้นนำทั่วโลกมาประชันกันซึ่งจะจัดแข่งที่ไต้หวัน โดยมีบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งเป็นเจ้าภาพ ก่อนหน้านี้ได้คุยกับทางสมาพันธ์นักกินจุของญี่ปุ่นแต่ก็ปฏิเสธที่จะลงแข่ง แต่เมื่อมังทาโร่เห็นว่าเป็นโอกาสที่จะได้พิสูจน์ฝีมือจึงตอบรับเข้าร่วมแข่งขันรายการคูอิลิมปิคทันที
การแข่งขันในรายคูอิลิมปิคนั้นได้มีการคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันตั้งแต่เดินทางด้วยรถไฟฟ้ากับการแข่งกินข้าวกล่อง ก่อนจะรับประทานอาหารมื้อเย็นซึ่งเป็นการจับคู่แข่งรอบคัดเลือกตามพิกัดน้ำหนักที่ได้รับประทานไป สำหรับมังทาโร่ได้เจอกับ อาเล็ม ตัวแทนจากเอธิโอเปีย ในการแข่งกินชีส ซึ่งเป็นด่านเสียเปรียบของมังทาโร่ แต่ก็สามารถหาทางกินจนสามารถคว้าตั๋วเข้ารอบชิง
เมื่อถึงรอบชิงชนะเลิศผู้แข่งขันจะต้องแข่งกินจุ 5000 เมตร โดยจะต้องกินอาหารตามโจทย์ที่ได้รับให้หมดจึงจะสามารถขึ้นรถไปยังด่านต่อไป ซึ่งแต่ละด่านก็จะเพิ่มปริมาณอาหารอีกด้วย ซึ่งด่านสุดท้ายมังทาโร่ต้องเจอกับ หลิน เหมยลี หญิงแกร่งตัวแทนจากไต้หวัน ที่ลงแข่งเพื่อชิงของสำคัญกลับสู่ครอบครัวอีกครั้ง โดยทั้งคู่ต้องสู่ในโจทย์เมนูโต๊ะจีนแบบฟูลคอรส์ ที่กลายเป็นโทย์หินเพราะสี่ด่านที่ผ่านมาแทบจะเต็มท้องอยู่แล้วงานนี้มังทาโร่เลยต้องเลือกของที่ตัวเองถนัด แต่ทางฝั่งหลินก็ไม่ยอมน้อยหน้า ก่อนที่ทั้งคู่จะใช้ฮึดสุดท้ายจนหมดเวลาเมื่อชั่งส่วนต่างปรากฏว่า มังทาโร่ กลายเป็นผู้ชนะรายการคูอิลิมปิครั้งแรกได้สำเร็จ
หลังจบการแข่งขันก็ได้ยกรางวัลให้หลินก่อนจะกลับญี่ปุ่นเพื่อพิสูจน์ฝีมือกับ โจจิ ฮันเตอร์ ต่อไป…..
ถือเป็นการ์ตูนที่สนุกมากๆ โดยเฉพาะเรื่องราวในโลกของการแข่งกินจุที่เราเคยดูในทีวี จนเราสงสัยว่าเขากินไปได้ยังไงกระเพาะไม่ระเบิด ซึ่งการ์ตูนก็ได้ให้เกร็ดเล็กๆน้อยๆ และเทคนิคของนักกินจุผ่านเรื่องราวในการ์ตูน จนสิ่งที่เราสงสัยก็ได้คำตอบที่กระจ่าง ถ้าใครชื่นชอบแนวกินจุหรือการ์ตูนอาหารที่เห็นของอร่อยบนหน้ากระดาษจนน้ำลายสอก็อยากแนะนำเรื่องนี้ครับ…
@P.PETTY
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก