หากพูดถึงเกมยิงที่ให้งานภาพสวยสุด อลังการสุด และเป็นจุดชี้วัดของเทคโนโลยีการพัฒนาเกม ชื่อของ CRYSIS จะต้องถูกนึกขึ้นมาในหัวของเหล่าเกมเมอร์ที่เคยผ่าน(การ์ดจอ)ร้อน ผ่านหนาว(กับค่าเปลี่ยนฮาร์ดแวร์) ซึ่งนอกจากกราฟฟิกที่ใบไม้เป็นใบ น้ำเป็นน้ำ แสงเงาบาดตาบาดใจ แม้แต่คอมในยุคนี้ยังไม่อาจมั่นใจ 100% ว่าจะเปิดสุดตามที่ทีมพัฒนาตั้งใจไว้ได้หรือไม่..ก็ยังมีในส่วนของเนื้อเรื่องที่เรียบเรียงออกมาอย่างเมามันส์ และลุ้นเหมือนดูหนังแอคชั่นมันส์ๆเรื่องหนึ่ง…
CRYSIS เป็นซีรีส์วิดีโอเกม FPS ที่พัฒนาโดย Crytek และเผยแพร่โดย Electronic Arts ซีรีส์ดังกล่าวจะเล่าเรื่องของกลุ่มตัวละครเอกที่สวมชุดเกราะทางทหารสุดไฮเทค ที่ช่วยให้พวกเขาได้รับความแข็งแกร่งทางกายภาพ ความเร็ว การป้องกัน และความสามารถในการพรางตัว
ล่าสุด ทาง Crytek ได้ประกาศวางจำหน่ายเกมยิง Crysis ฉบับรีมาสเตอร์งานภาพแบบมัดรวม 3 ภาค กำหนดออกปลายปี2021 ซึ่งก่อนหน้านี้ ในปี 2020 ก็มีการขายทั้งสามภาคแบบรีมาสเตอร์แบบแยกภาคลง นินเทนโดสวิตช์ PS4, Xbox One และ PC ส่วนมัดแพ็กรอบนี้ ลงให้ทุกระบบเกม พร้อม PS5 กับ Xbox Series X|S เพิ่มความไหลลื่นขึ้น
ผลงานการรีมาสเตอร์ เป็นฝีมือของสตูดิโอ Saber Interactive ร่วมกับ Crytek เน้นปรับปรุงกราฟิกความละเอียดสูงสุดถึง 8K รองรับเทคโนโลยีแสงเงา Ray-Tracing และระบบปัญญาประดิษฐ์ DLSS ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม
เพื่อต้อนรับการมาของเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ เรามาสรุปเนื้อเรื่อง CRYSIS ไตรภาคกันดีกว่า เผื่อใครหลงลืมกัน…
CRYSIS
เนื้อเรื่องของภาคแรก เริ่มขึ้น ในปี 2020 เมื่อกองกำลังเกาหลีเหนือนำโดย “นายพล รี ชาง คยอง” ได้เดินหน้าส่งทหารเข้าควบคุมหมู่เกาะหลิงซาน ในประเทศฟิลลิปินส์ ทำให้ทีมนักโบราณคดีพลเรือนชาวอเมริกันนำโดย ดร. เดวิด โรเซนธาล ได้ส่งสัญญาณฉุกเฉิน ขอความช่วยเหลือ โดยระบุว่าพวกเขาค้นพบบางสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ทำให้ทางสหรัฐ ส่งทหารชั้นยอดที่เรียกว่า “ทีม Raptor” เข้าไปยังหมู่เกาะดังกล่าว โดยมีภารกิจหลักในการอพยพพวกเขาออกไปและรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่มีค่านั้น
ในทีม Raptorประกอบด้วย Nomad, Psycho, Aztec, Jester และ หัวหน้าทีม Prophet (ทั้งหมดเป็นชื่อรหัส) พวกเขามีอาวุธสุดล้ำที่เรียกว่า “นาโนสูท” ชุดเกราะนาโนซึ่งช่วยปกป้องพวกเขาจากกระสุนปืนและแรงระเบิดรวม ทั้งให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพ และความสามารถเหนือมนุษย์
ในขณะที่พวกเขากระโดดร่ม ลงมายังจุดหนึ่งของเกาะ ก็มีบางสิ่งที่ขัดขวางการลงพื้นของทีม ทำให้ Nomad และทีมจะถูกแยกออก แถมชุดเกราะกำลังจะหยุดทำงาน และทำลายร่มชูชีพของเขา แต่ถือว่ายังโชคดี เพราะเขาตกลงมาที่ทะเลก่อนถึงชายหาดบนเกาะหลิงชาน หลังจากที่เขาไปถึงฝั่งแล้วก็ได้พบกับ Prophet จึงสามารถรีเซ็ตชุดของ Nomad ได้ หลังจากนั้นพวกเขาจึงได้เดินหน้าทำภารกิจต่อไป พร้อมกับออกตามหาเพื่อนร่วมที่ที่เหลือ แต่ Aztec หนึ่งในทีม ก็ถูก “บางอย่าง” ฆ่าตาย
สมาชิกที่เหลืออยู่ของทีม Raptor ยังคงดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับ และพบว่าเรือของตัวประกันที่เป็นเป้าหมาย ถูกแช่แข็งใกล้กับชายฝั่งของเกาะ ระหว่างทาง พวกเขาได้เจอกับ “มนุษย์ต่างดาว” ที่โจมตีทีมของพวกเขา และลงมือสังหาร Jester หลังจากที่พวกมันได้ลักพาตัวเขาไป…
ตัวประกันคนแรกที่ทีมสามารถเข้าช่วยเหลือ คือ ตัวแทนซีไอเอ ที่ถูกส่งไปตรวจสอบการทำงานของดร. โรเซนธาล ในป่า ต่อมา Nomad ก็พบตัวประกันอีกคนที่ชื่อ Badowski แต่ก็มาช้าไป เขาตายไปแล้ว ด้วยแผ่นน้ำแข็งที่เกาะหลังอย่างแปลกประหลาด สถาณการณ์เลวร้ายลงทุกขณะ เมื่อ Nomad ต้องรับมือกับทหารเกาหลีเหนือ หรือ KPA พร้อมกับต้องต่อสู้กับเครื่องจักรเอเลี่ยนที่อยู่บนเกาะนี้…เขาจึงตัดสินใจรีบไปหา Prophet หัวหน้าทีมที่เขาหวังว่าจะมีทางออกให้กับเรื่องนี้ แต่ทว่าลูกพี่ที่เป็นความหวัง ก็ดันถูกเอเลี่ยนลักพาตัวไปอีกด้วยยานบินของพวกมัน หลังจากนั้นไม่นาน Nomad ก็ได้รับการติดต่อจากทางกองทัพอเมริกันทางวิทยุสื่อสาร เพื่อขอให้เขายกเลิกภารกิจ เนื่องจากทีมส่วนใหญ่ของเขาถูกฆ่าหรือหายสาปสูญไป แต่ Nomad ก็เลือกที่จะลุยต่อ เพื่อช่วยพรรคพวก และทำภารกิจให้จบ Nomad ปฏิเสธโดยบอกว่าเขายังสามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้
Nomad เดินทางไปยังศูนย์วิจัยของดร. โรเซนธาล ที่นั่นเขาได้ค้นพบสิ่งประดิษฐ์ฟอสซิลที่หายากซึ่งตีว่ามีอายุราวๆเมื่อสองล้านปีก่อน โดย โรเซนธาลยังอ้างอิงการค้นพบอื่น ๆ ของสิ่งประดิษฐ์ที่คล้ายกันในอัฟกานิสถานและไซบีเรียโดยบอกว่า เหล่าเอเลี่ยนพวกนี้ คือพวก “Ceph” ที่ลงมายังโลกเมื่อสองล้านปีที่แล้ว…พวกมันทิ้งหลักฐานการมีอยู่ และเทคโนโลยีล้ำจินตนาการเอาไว้ทั่วโลก ไม่เฉพาะกับที่เกาะหลิงชานนี้
ในขณะที่โรเซนธาลกำลังสแกนวัตถุ มันปล่อย energy pulse พลังงานอันทรงพลังที่ทำให้ดร. โรเซนธาลถูกแช่แข็ง แต่โชคดีที่ชุดนาโนสูทของ Nomad สามารถรักษาอุณหภูมิภายในของเขาไว้ รอดตายอย่างหวุดหวิดหลังจากนั้น Nomad ไปพบกับเครื่องบิน VTOL หลังจากกำจัดทีมกองกำลังพิเศษ KPA จากเกาหลีเหนือสี่คนที่มี Nanosuit พร้อมอุปกรณ์ใกล้กับพื้นที่ลงจอด เขาแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาของเขาทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะกองทัพสหรัฐฯนั้นไม่ต้องการให้ข้อมูล และความลับของการสร้างนาโนสูทรั่วไหลไปยังพวกเกาหลีเหนือ
จากนั้นทหารสหรัฐก็เริ่มส่งกองกำลังเข้าบุกเกาะหลิงชานอย่างเต็มรูปแบบนำโดย ผู้พัน สตริคแลนด์ ในขณะที่กองกำลังสหรัฐฯยังคงเดินหน้าไปสถานที่ขุดค้น แต่อยู่ๆ ภูเขาที่ตั้งตรงใจกลางเกาะก็เริ่มพังทลายลงเผยให้เห็นโครงสร้างของ Ceph ขนาดใหญ่ภายในซึ่งเกือบจะเป็นขนาดของภูเขา Nomad เข้าสู่พื้นที่ขุดสำรวจที่ฐานล่างของภูเขา แต่ถูกจับตัวโดยคนของ นายพลคยอง และสามารถสั่งปิดการใช้งานฟังก์ชั่น Nanosuit ของเขา Nomad ที่กำลังหมดหวังว่าจะรอด ก็ได้เห็นการกระทำของนายพลคยองที่ยิงตัวประกัน แล้วก็จุดชนวนระเบิดที่ระเบิดเพื่อเปิดเส้นทางการสำรวจต่อจากที่ดร. โรเซนธาลทำไว้ แต่นั่นก็ได้ทำให้เกิด energy pulse เล็ดลอดออกมาจากโครงสร้างและฆ่าทหารของคยอง โชคดี ที่ energy pulse ได้เข้าไปกระตุ้นปฏิกิริยาของชุดนาโนสูทของ Nomad อีกด้วย แต่ว่านายพลคยองเองก็ใส่ชุด Nanosuit เช่นกัน ทั้งสองเข้าต่อสู้ และNomad สามารถฆ่าเขาได้ ในขณะที่ภูเขายังคงพังทลาย ยาน VTOL ก็อพยพตัวประกันคนสุดท้าย “เฮเลนา” ซึ่งเป็นลูกสาวของดร. โรเซนธาล แต่ไม่สามารถช่วย Nomad ได้เพราะเวลาไม่พอ…
Nomad ถูกขังอยู่ในนั้น ได้ตัดสินใจที่จะลุยต่อ ในโครงสร้างของยานต่างดาวขนาดใหญ่ ไม่นานนัก บรรยากาศรอบตัวเขาก็เข้าสู่สภาวะไร้น้ำหนัก แรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์ Nomad ใช้พลังขับดันที่มาจากชุดของเขาเดินทางต่อไป และเผชิญหน้ากับพวก Ceph ที่เป็นศัตรูในนั้น นอกจากนี้เขายังเห็นกองกำลังขนาดใหญ่ ที่เหมือนจะเตรียมการบุกโลก ซึ่งประกอบด้วยเครื่องจักร Ceph มากมาย ซึ่ง Nomad ต้องหาทางหลบหนีเพื่อแจ้งข่าวนี้
แต่ด้านนอก…รอบๆเกาะก็เกิดสนามพลังงานขนาดใหญ่ที่แช่แข็งทุกอย่างที่ อุณหภูมิ -200 ° เมื่อออกไปข้างนอก Nomad ถูกโจมตีโดยเครื่องจักร Ceph สารพัดแบบ ก่อนที่จะพบ Prophet อีกครั้ง! Prophet ผู้มีคสามครีเอท ก็สามารถสร้างอาวุธโดยใช้เทคโนโลยีของ Ceph ที่เรียกว่า Molecular Accelerator (MOAC) แต่ Nanosuit ของ Prophet ทำงานผิดปกติบ่อยครั้ง ทำให้เขาต้องหยุดและชาร์จพลังใหม่โดยใช้แหล่งความร้อนเช่นซากรถถังทหารที่กำลังไหม้ ทั้งสองออกจากสนามพลังเยือกแข็งนี้ได้สำเร็จ และช่วยเฮเลนาซึ่งเกิดอุบัติเหตุยาน VTOL ร่วงในช่วงที่เกิดสนามพลัง
Prophet จะออกไปกับเฮเลนาใน VTOL ลำอื่นเพื่อเดินหน้าไปที่จุดอพยพของกองทัพสหรัฐอเมริกา และVTOL ที่จะออกจากเกาะลำสุดท้าย ก็ได้ช่วยชีวิต Nomadจาก Exosuit Ceph แต่ผู้พันสตริคแลนด์สละชีพเพื่อให้หนีไปได้ เมื่อพวกเขาออกจากเกาะ นักบินของ VTOL กลับถูกฆ่าตาย และ ทำให้ Nomad จะต้องรับบทนักบินจำเป็น จนสามารถกลับไปที่เรือ USS Constitution ของ “พลเรือเอก ริชาร์ด มอร์ริสัน” เพื่อเตรียมต่อสู้กับ Ceph ไปพร้อมกันกับทีมจู่โจมของกองเรือดังกล่าว… เมื่อNomadไปถึงที่นั่น มอร์ริสันกล่าวสรุปว่าจะมีการสั่งการโจมตีทางนิวเคลียร์กับพื้นที่น้ำแข็งนั้น ซึ่งเฮเลนาเตือนเขาว่าพวก Ceph อาจดูดซับพลังงานนิวเคลียร์มาโต้กลับได้ แต่มอร์ริสันไม่สนใจ ในขณะเดียวกัน Prophet ขับเครื่องบิน VTOL กลับไปที่เกาะ เพื่อที่จะหยุดพวกมันก่อนที่คำสั่งนิวเคลียร์จะมาถึง
แต่ขีปนาวุธนิวเคลียร์ก็ถูกปล่อยแล้ว และแรงระเบิดของนิวเคลียร์ก็ถูกดูดซับมาเป็นพลังงานของพวก Ceph จริงๆ สนามพลังเยือกแข็งได้ขยายตัวอย่างรุนแรง และพวกมันตอนนี้คือพร้อมเข้าปะทะมากๆเสียด้วย
Nomad ได้รับคำสั่งให้ซ่อมแซมหนึ่งในเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เสียหาย เพราะ นาโนสูทมีความทนทานต่อรังสีในระดับสูง แต่การได้รับสารเป็นเวลานานจะเป็นอันตรายถึงชีวิตก็จะดูเป็นการเสี่ยงเกินไป แต่ Nomad ก็ยินดีรับภารกิจนี้ในขณะที่ Nomad อยู่ในห้องเครื่องของเตาปฏิกรณ์ เฮเลนาส่งสัญญาณคลื่นความถี่พิเศษที่เธอทดลอง โดยผ่านชุดของ Nomad คลื่นนี้ จะทำให้เครื่องจักรของ Ceph ดูดซับพลังงานมากเกินไปจนเกิดการโอเวอร์โหลด และสามารถทำลายพวกมันได้
เมื่อ Nomad กลับไปที่ดาดฟ้าเครื่องบิน ก็พบว่ามอร์ริสันถูกฆ่าตายแล้ว และ Nomad เข้าต่อสู้ Exosuit Ceph คล้ายกับคนที่ฆ่าสตริคแลนด์ จากนั้นเรือรบขนาดใหญ่ของ Ceph ก็โผล่ออกมาจากทะเล และเฮเลนาสามารถปิดการใช้งานโล่พลังงานของพวกมันได้ โดยส่งสัญญาณผ่านทาง นาโนสูทของ Nomadทำให้เขาสามารถใช้ TAC-Cannon อาวุธปืนต้นแบบทำลายเรือรบ และจัดการกับเรือรบพวก Ceph ลงได้
Nomadได้กระโดดขึ้นเครื่องบิน VTOL ที่ Psycho เพื่อร่วมทีมรอเขาอยู่..จากนั้น Psycho จะได้รับการส่งสัญญาณว่าProphet ที่อยู่บนเกาะนั้น ยังไม่ตาย!! ทำให้พวกของ Nomad ตัดสินใจว่าจะกลับไปที่เกาะนั้นอีกครั้ง…
( หลังจากนั้น Nomad ได้รับบาดเจ็บสาหัส เสียชีวิตจากการสละชีพตัวเอง เพื่อให้ Prophet และ Psycho รอดชีวิต เรื่องราวนี้มีเล่าในหนังสือการ์ตูน ของสนพ. IDW)
CRYSIS 2
ในปี 2023 สามปีหลังจากเหตุการณ์ภาคแรก เกมเริ่มต้นด้วยภาพข่าวการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัส “แมนฮัตตัน” ซึ่งเป็นโรคร้ายที่น่าสยดสยองที่ทำให้เกิดการสลายของเซลล์อย่างสมบูรณ์ และผู้คนตื่นตระหนกเกี่ยวกับการบุกรุกของมนุษย์ต่างดาว Ceph เผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวที่มีรูปร่างเหมือนปลาหมึก ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ของ Crysis แมนฮัตตันในตอนนี้ อยู่ภายใต้กฎอัยการศึก และภายใต้สัญญาจากกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ได้จัดจ้างทหารรบพิเศษจาก C.E.L.L. ซึ่งเป็น บริษัทจัดหาทหารเอกชนที่บริหารโดย บริษัท Crynet ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์
หน่วยนาวิกโยธินสหรัฐได้เดินทางมายังนิวยอร์กโดยเรือดำน้ำ เพื่อพาตัว ดร.นาธาน กูลด์ อดีตพนักงานของ Crynet ผู้ที่อาจมีข้อมูลสำคัญในการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาว อย่างไรก็ตามการแทรกซึมในพื้นที่นั้น ผิดแผนโดยการโจมตีของพวก Ceph แต่ก็มีผู้รอดชีวิตจากการโจมตีดังกล่าว เขาคือพระเอกของภาคนี้ นั่นก็คือ “Alcatraz” ทหารธรรมดาๆผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในทีม เพราะ Prophet ได้สละชุดนาโนสูท2.0 และมอบให้ “Alcatraz” สานต่อภารกิจนี้ เนื่องจากตัวProphetเองติดเชื้อจากไวรัสแมนฮัตตันนั่นเอง และได้ฆ่าตัวตาย เพื่อให้ระบบชุดนาโนสูทได้เข้าเชื่อมต่อกับ Alcatraz ได้ 100% โดยไม่มีการตกค้างของการล๊อกอินของProphet
ซึ่งในตอนนี้ ตัวของ “Alcatraz” = Prophet ทำให้ช่องทางการติดต่อสื่อสาร และข้อมูลต่างๆจากภายนอกนั้น ยังคงเข้าใจว่า Prophet ยังไม่ตาย และยังทำภารกิจต่อ และทำให้ได้รับการติดต่อจาก ดร.นาธาน กูลด์ และขอให้เขานำหน่วยนาวิกโยธินไปยังห้องปฏิบัติการของเขา ก่อนเกิดเหตุการณ์ Prophet ได้รับการกำหนดให้เป็น “เป้าหมายในการตามล่า” โดยผู้บัญชาการ C.E.L.L. โดมินิก ล็อคฮาร์ต ซึ่งตัว Prophet เป็นภัยร้ายแรง เนื่องจากติดเชื้อไวรัสแมนฮัตตัน และส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลข้างเคียงของการสวมใส่ชุดนาโนสูทที่ทำให้เขาถูกหมายหัวเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรอย่าง Alcatraz ต้องเผชิญกับการต่อสู้กับหน่วยพิเศษของ C.E.L.L. ซึ่งเชื่อว่าเขาเป็น Prophet เพราะ Nanosuit ของเขา
Alcatraz ได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ CELL ระดมยิงเรือ Ceph dropship ซึ่งตกไม่ไกลจากตำแหน่งของเขา ดร.กูลด์ ถามว่าเขาสามารถมุ่งหน้าไปยังจุดที่เกิดเหตุเพื่อค้นหาตัวอย่างเนื้อเยื่อของมนุษย์ต่างดาวได้มั้ย Alcatraz ตกลงทำ เขาได้ฆ่าพวกเอเลี่ยน และจัดการเพื่อรวบรวมเนื้อเยื่อของมนุษย์ต่างดาวจากซากศพของมัน ซึ่งเป็นสาเหตุของปฏิกิริยาที่ผิดปกติภายใน Nanosuit
ดร.กูลด์ ที่ได้รู้ความจริงว่า Alcatraz ไม่ใช่ Prophet ที่เขาไว้ใจ ก็รู้สึกไม่พอใจ และไม่ยอมรับ แต่เมื่อชุดสูทได้เล่นบันทึกสุดท้ายที่ Prophet ตัวจริงบันทึกเอาไว้ ดร.กูลด์ ก็เข้าใจ และอธิบายว่า เนื่องจากปฏิกิริยาต่อเนื้อเยื่อของมนุษย์ต่างดาว กับ “นาโน Catalyst” ซึ่งเป็นเลเยอร์ชั้นลึกสุดของ Nanosuit2.0 อาจจะเป็นทางออกของการค้นพบวัคซีนต่อต้านโรคร้ายนี้
ดร.กูลด์ และ Alcatraz มุ่งหน้าไปที่ฐาน Crynet บน Wall Street เพื่อสแกนโครงสร้างของชุดเพื่อหาหนทางทำวัคซีนตามสมมติฐานของเขา และพบว่าความจริงก็คือ Alcatraz ได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อครั้งที่ Prophet ช่วยชีวิตเขา และ Nanosuit เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ Alcatraz ยังมีชีวิตอยู่
การสแกนถูกขัดขวาง ลงเมื่อกองกำลัง C.E.L.L. นำโดย ผบ.ล๊อคฮาร์ท และ ทาร่า สตริคแลนด์ ลูกสาวของ ผู้พันสตริคแลนด์ จากเกมภาคแรกเข้าซุ่มโจมตี ทั้งสองคน แต่ Ceph ก็โจมตีพวก C.E.L.L และ ปล่อยอาวุธชีวภาพประเภทสปอร์ พุ่งขึ้นมาจากใต้อาคาร Crynetอัลคาทราซถูกปล่อยทิ้งไว้ และกำลังจะตายอีกรอบ เพราะความผิดปกติของนาโนสูท ที่เกิดจากอาวุธชีวภาพสปอร์ของพวกเอเลี่ยน อยู่ๆก็มีการรีบูตชุดสูทจากระยะไกลโดย จาคอบ ฮากรีฟ ผู้อำนวยการของ Crynet ที่มีองค์ความรู้ และพัฒนาสิ่งที่ได้จากการศึกษาพวก Cept ผ่านทางการขุดค้นมาอย่างยาวนานนับศตวรรษ และยังเป็นผู้ออกแบบนาโนสูทที่มีต้นกำเนิดมาจากเทคโนโลยี Ceph อีกด้วย
ภายใต้คำสั่งของฮากรีฟ , Alcatraz เข้าสู่หนึ่งในยอดแหลม ที่ผุดขึ้นมาจากพื้นของมนุษย์ต่างดาว เพื่อทดสอบว่าระบบของ Nanosuit สามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวได้หรือไม่ การทดลองล้มเหลวเนื่องจากนาโนสูทไม่มีพลังเพียงพอที่จะทำให้แน่ใจว่าการแทรกซึมเป็นไปอย่างราบรื่น ในขณะเดียวกันกระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ยกเลิกอำนาจของ C.E.L.L. ในแมนฮัตตันและใช้นาวิกโยธินสหรัฐแทนพวกเขาภายใต้คำสั่งของ พันเอกบาร์เคลย์
ฮาร์กรีฟ ได้ติดต่อกับ Alcatraz และพบว่านาโนสูทได้กำลังวิเคราะห์ตัวอย่างเนื้อเยื่อของมนุษย์ต่างดาวที่ Alcatraz ได้ทำการกู้คืนมาก่อนหน้านี้ และกำลังเขียนรหัสของตัวเองเพื่อเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว เขาบอกให้ Alcatraz เดินทางไปที่อาคาร Hargreave-Rasch ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานบริษัทแม่ของ Crynet ที่นั่น Alcatraz ได้รับคำสั่งให้หาตัว stabilizing มีความเสถียรในห้องปฏิบัติ bio-lab เพื่ออำนวยความสะดวกในกระบวนการวิเคราะห์ของ Nanosuit แต่นักวิจัยของ C.E.L.L. ที่ดูแลอาคารภายใต้คำสั่งของ Lockhart ยังเชื่อว่า Alcatraz นั้นเป็น Prophet และพยายามฆ่าเขา แต่อาคาร Hargreave-Rasch ถูกโจมตีโดย Ceph บวกกับน้ำท่วมใหญ่ที่ซัดมาที่ตึก ทำให้น้ำทะลักเข้ามาอย่างแรงจนซัด Alcatraz ออกจากอาคารและทำให้เขาไม่สามารถเข้าสู่ห้องปฏิบัติการ bio-labได้
ฮาร์กรีฟ บอกให้อัลคาทราซไปรวมกลุ่มกับนาวิกโยธินที่แกรนด์เซ็นทรัลเพื่อช่วยอพยพพลเรือน อาคารแกรนด์เซ็นทรัลเทอร์มินัลถูกกองกำลังของCeph แต่อัลคาทราซจัดการถ่วงเวลาเอาไว้ได้นานพอที่รถไฟจะออก และหลบหนีจากการทำลายของอาคารลงได้สำเร็จ Alcatraz ได้ไปยังจุดอพยพอื่นๆ ทั้งไทมส์สแควร์ และเกาะรูสเวลล์ ในระหว่างนั้น เขาก็ค้นพบว่า ชุดนาโนสูท สามารถต่อกรกับไวรัสแมนฮัตตันได้ เขาได้รับคำแนะนำจากฮาร์กรีฟอีกครั้ง ให้ไปที่ศูนย์กระจายข่าวสารของ Crynet ชื่อ “The Prism” เพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ของ C.E.L.L. แต่ทั้งหมดนี้เป็นแผนของฮาร์กรีฟ ที่ต้องการจับตัวAlcatraz และถอดชุดนาโนสูทของเขาแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากชุดของเขาได้หลอมรวมเป็นร่างเดียวกันโดยสมบูรณ์แล้วนั่นเอง
ในยามจวนตัวสุดๆของAlcatraz เขาก็ได้รับความช่วยเหลือจาก Lockhart และได้รับการเปิดเผยว่าเธอเป็นสายลับของ CIA และเป็นคนสั่งให้กลุ่มของ Alcatraz มายังที่นิวยอร์คเอง
Alcatraz ได้พยายามที่จะจับกุมฮาร์กรีฟ แต่ก็มารู้ว่าที่จริง ฮาร์กรีฟเองก็อยู่ในสภาพจำศีล แต่จิตสำนึก ความรู้และตัวตนของฮาร์กรีฟนั้น มีตัวตนแค่บนหน้าจอในฐานะข้อมูลออนไลน์เท่านั้น เขาได้บอกกับAlcatraz ว่าได้จบในสิ่งที่ Prophet เริ่มไว้ คือการเก็บข้อมูลการต่อสู้ และการเป็นชุดเกราะแห่งความหวังของมนุษยชาติ เขาได้มอบชุดอัพเกรด Nanosuit ขั้นสุดท้าย “Tunguska Iteration” ให้กับ Alcatraz ระบบเข้าสู่การรีบู้ต … ชุดเกราะนาโนสูทขั้นสุดยอด อยู่ในตัวของ Alcatraz แล้ว!!
Alcatraz ได้รับแจ้งจากพันเอกบาร์เคลย์ ว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ตัดสินใจเปิดฉากการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธวิธีบนเกาะแมนฮัตตัน มนุษย์ต่างดาวขนาดใหญ่ปรากฏตัวในเซ็นทรัลพาร์ค และเตรียมขึ้นสู่อากาศ ด้วยความช่วยเหลือจาก ดร.กูลด์ , สตริคแลนด์ และ บาร์เคลย์ ทำให้ Alcatraz โจมตีส่วนที่ลอยอยู่ใน Central Park และประสบความสำเร็จในการหาทางไปสู่ยอด central alien spire เขาเข้าไปในนั้น และ Nanosuit ของเขาที่ผ่านการอัพเกรด Tunguska Iteration ก็สามารถเปลี่ยนอาวุธชีวภาพในนั้นเป็นอาวุธต่อต้าน Ceph ละอองที่มาจากชุดนาโนสูท ได้ฆ่า Ceph ทั้งหมดในนิวยอร์กได้สำเร็จ
Alcatraz ที่หมดสติได้สื่อสารกับ Prophet (ผ่านความทรงจำ ประสบการณ์ และบุคลิกภาพ ถูกเก็บไว้ในชุดสูท) โดยระบุว่าในขณะที่ภารกิจในนิวยอร์กประสบความสำเร็จ พวกเขาก็ยังมีงานต้องทำมากขึ้นตั้งแต่ Ceph บุกโลก สิ่งก่อสร้างที่สร้างของพวกมันผุดขึ้นทั่วโลกและไม่จำกัด เฉพาะนิวยอร์กและหมู่เกาะหลิงซาน ก่อนที่นาโนสูทจะรีบู้ตอีกครั้ง ก็มีการระบุว่า ตอนนี้ความทรงจำของ Prophet ได้ “หลอมรวม” ไปยังจิตสำนึกของ Alcatraz แล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาใน Central Park เขาได้รับสัญญาณจาก คาร์ล ไอน์ ราสท์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัย Hargreave-Rasch เพื่อขอทราบชื่อของวีรบุรุษผู้กู้โลก…
Alcatraz ตอบว่า “พวกเขาเรียกผมว่า Prophet“
CRYSIS 3
หลังจากเหตุการณ์ Crysis 2 ตอนนี้บุคลิกของ Prophet ที่ถูกเก็บไว้ในนาโนสูทของเขา ได้ซึมซับและเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของ Alcatraz และกลายเป็น Prophet คนที่สองไปแล้วจริงๆ โดยสถานะของบริษัท C.E.L.L. หลังจากเหตุการณ์การโจมตีในนิวยอร์ค ในตอนนี้ ได้ทำการครอบครองพื้นที่ ขยายอิทธิพล และเทคโนโลยีทั่วโลก พร้อมกับไล่ทวงเอาชุดนาโนสูททั้งหมดเพื่อกู้คืนเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวที่หายไป และข้อมูลในชุดนาโนสูท อันเป็นประโยชน์ต่อองค์กรในอนาคต ทุกคนที่เกี่ยวข้องในโครงการนาโนสูท ถูกหมายหัว รวมถึงนักวิทยาศาสตร์ ดร.นาธาน กูลด์ อดีตพนักงานของ Crynet พวกเขาต้องอยู่อย่างหลบซ่อนจากการตามล่าขององค์กร แม้ว่าพวกเขาจะส่งคืนชุดนาโนสูทไปแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม คาร์ล ไอน์ ราสท์ ได้ทราบถึงการทุจริตของ C.E.L.L. และได้ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของ Hargreave-Rasch แล้วได้ลบการวิจัยทั้งหมดที่ทำโดยเขาและฮาร์กรีฟ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีของพวก Ceph เพื่อหยุด C.E.L.L. จากการเอามันไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด หลังจากที่หน่วยรบชุดนาโนสูทถูกยึดชุดคืน เมื่อหมดประโยชน์แล้ว ก็จะได้เวลาสั่งปิดโครงการ โดยเหลือเพียง Prophet เท่านั้นที่ยังถูกขังอยู่ในอุปกรณ์ EMP อันทรงพลัง เพื่อทำการศึกษาต่อ เพราะสิ่งที่อยู่ในตัวเขา ทั้งสตินึกคิด ตัวตนของคนสองคนที่อยู่ร่วมกันอย่างแปลกประหลาด และเทคโนโลยีนาโนสูดขั้นสุดยอดยังคงเป็นทรัพย์สินของบริษัท ทำให้เขาได้ถูกส่งไปยัง nanodome ในนิวยอร์ค และถูกจับแช่แข็งนับแต่นั้นมา…
ในที่สุด Prophet ก็เข้าร่วมกับ Psycho เพื่อนเก่า ในอีก 20 ปีให้หลัง โลกได้เปลี่ยนไปอย่างมากหลัง Prophet ถูกแช่แข็ง Psycho ได้อธิบายต่อว่า C.E.L.L. ได้ใช้เทคโนโลยีของ Ceph เพื่อสร้างแหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด ทำให้ C.E.L.L. ได้รับการผูกขาดในฐานะผู้ผลิตกระแสไฟรายใหญ่ของโลก และใช้มันเพื่อผลักดันให้ทุกคนกลายเป็นหนี้ ผู้ที่ไม่สามารถจ่ายค่าไฟ หรือพลังงานของบริษัทนี้ จะถูกส่งไปที่ “ค่ายอาสา” ทำงานเยี่ยงทาส เพื่อแลกกับความสะดวกสบายของชีวิตคนในครอบครัว…
ขบวนการต่อต้าน จึงได้ถือกำเนิดขึ้น และเริ่มลงมือโต้ตอบองค์กรขูดเลือดประชาชนนี้ อีกทั้ง ทาร่า สตริคแลนด์ (จาก Crysis 2)อดีต CIA ยังมาช่วยเคลื่อนไหวต่อต้านทางการเมืองในฐานะสมาชิกวุฒิสภา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเนื่องจากการอำนาจทางการเมืองของ C.E.L.L.L.นั้นเรียกว่า ไม่มีสมาชิกสภาคนไหนกล้าแย้ง หรือตั้งข้อสงสัยใดๆเลย…ส่วนที่มาของการผลิตกระแสไฟฟ้า สำหรับคนทั้งโลกที่เรียกว่า System X นั้นตั้งอยู่ในนิวยอร์กที่ถูกทอดทิ้งจนกลายเป็นป่ารก และถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา Psycho ต้องการให้ System X ถูกทำลายเพื่อปลดปล่อยโลกจาก C.E.L.L.
Psycho และ Prophet ได้เข้าต่อสู้กับ C.E.L.L. และ กองกำลัง Ceph Stalkers ที่ยังหลงเหลืออยู่ พวกเขาไปถึงสำนักงานกลุ่มต่อต้าน พวกเขาได้พบกับ คาร์ล ไอน์ ราสท์ และ แคลร์ ฟอนทาเนลลี่ ผู้บัญชาการการต่อต้าน โดยราสท์พยายามโน้มน้าวให้เธอรู้ว่าProphet คือสิ่งที่ฝ่ายต่อต้านต้องการที่จะโค่นล้ม C.E.L.L. แม้จะมีการยืนยันจาก Psycho ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะไม่ยอมรับ Prophet อย่างเห็นได้ชัดเนื่องจาก เขาเป็นมนุษย์ดัดแปลงที่รวมร่าง ระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีเอเลี่ยน แต่ในที่สุดเธอก็เห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจ
เป้าหมายแรกของพวกเขาคือการทำลายการป้องกันภายนอกของ System X แม้จะมีความสามารถในการผลิตพลังงานแบบไม่จำกัด ของ C.E.L.L. เลือกที่จะเพิ่มพลังป้องกันด้วยเขื่อนพลังน้ำProphet ได้ตั้งสมมติฐานว่า C.E.L.L. ทำเช่นนี้เพราะกลัวบางสิ่งเกี่ยวกับ System X และด้วยประสบการณ์ และการแกะรอยต่างๆ
ในที่สุดเขาก็ไปจนถึงใจกลางระบบ ก็พบว่า System X คือ Alpha Ceph เอเลียนตัวแรกที่ลงมายังโลกเมื่อล้านปีก่อน และเมื่อ Prophet เข้าไปปิดระบบมัน แทนที่ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี แต่นั่นคือหายนะครั้งใหม่…
Alpha Ceph ยิงลำแสงสู่ชั้นบรรยากาศเพื่อเปิดช่องรูหนอนข้ามมิติ เชื่อมดาวของพวก Ceph ในกาแลกซี่ M33 Galaxy กับโลกมนุษย์!! พวกมันก็ได้เริ่มแผนการที่เตรียมไว้นานนับล้านปี พวก Ceph จะเปิดใช้งาน Ceph Hive รังนางพญาอีกครั้งและการโจมตีของเหล่า Ceph ที่เชื่อมต่อการรับรู้ร่วมกัน จะเข้าบุกโลก Prophet ตัดสินใจที่จะฆ่าอัลฟ่า Ceph และยุติการบุกรุกนี้ทันที
แต่ก่อนจะทำยังงั้นได้ Prophet รู้ว่าเขาจะต้องปลดล็อคชุดสูทของเขาเพื่อเอาชนะ Ceph ทำให้เขาและ Psycho มุ่งหน้าไปยังห้องทดลองแห่งหนึ่ง ที่นั่นเขาได้พบบรรดาทหารนาโนสูทที่ต้องตายจากการลอกคราบ เอาชุดเกราะออกจากร่างกายอย่างทรมาน ทั้งสองได้เดินทางมายังห้องที่ใช้ในการอัพเกรดซอฟท์แวร์ และฟังก์ชั่นของชุด Psycho ใช้แหล่งกำเนิดพลังงานบางส่วนเพื่อปลดล๊อก “ตัวป้องกันระบบประสาท” ที่ถูกตั้งค่ามาเพื่อป้องกันไม่ให้เหล่า Ceph เข้าแทรกซึมไปในสติของผู้สวมชุด
แต่ในตอนนั้น Psycho กลับเห็นเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกไม่โอเค เพราะที่เขารับรู้จากการขุดค้นไฟล์ข้อมูลของชุด Prophet มาก็คือ แคลร์ เป็นคนสั่งเอาชุดนาโนสูทออกจากตัวของ Psycho ตามคำสั่งของ C.E.L.L. และมีส่วนรู้เห็นในการจับเขามาทรมานเพื่อทดลองชุดเมื่อหลายปีก่อนด้วย แม้ว่าแคลร์จะอธิบายด้วยความรู้สึกผิด แต่Psychoไม่อาจยอมรับได้ พร้อมกับโยน Dog Tag ของพรรคพวกที่ตายไปให้ Prophet ทั้ง Nomad, Aztec และ Jester เพื่อไม่ให้ลืมว่าพรรคพวกที่ตายไปนั้นทุกข์ทรมานแค่ไหน
C.E.L.L. วางแผนที่จะใช้ “Archangel” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการกระจายพลังงานผ่านดาวเทียมที่สามารถดึงพลังงานจากทั่วโลกเป็นอาวุธลำแสง ยิงตรงจากวงโคจรลงมาที่โลกโดยตรงเพื่อทำลายนิวยอร์กและพวกของ Alpha Ceph ทั้งหมด โชคดีที่การยิงของมัน มีอำนาจการทำลายเพียงแค่ 5% จากทั้งหมดจึงไม่เสียหายมาก
แต่นั่นทำให้เรื่องราวกลับแย่ลง เพราะ ราสท์ ได้กลายเป็นกึ่งๆ Host ให้กับ Alpha Ceph ในช่วงการทดลองที่ผ่านๆมา ทุกอย่าง ราสท์อยู่เบื้องหลัง เพื่อที่ตัวเองจะเอาชนะความตายด้วยพลังเทคโนโลยีของเอเลี่ยนเหล่านี้ แต่ก็ไปไม่ถึงฝัน ร่างโฮสท์ก็คือร่างโฮสท์ เป็นเพียงร่างสื่อสารเท่านั้น…กดลุ่มต่อต้านตามแกะรอยร่างโฮสท์ พวก Ceph เข้าโจมตีกลุ่มต่อต้านจนราบคาบ
แคลร์เสียชีวิตจากการโจมตีครั้งนี้ แม้ว่าตัวของ Psycho จะเข้าใจในสิ่งที่เธอเคยทำกับเขา และให้อภัยแล้วก็ตาม แต่เขายังจมอยู่กับความเสียใจในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่เสียดายที่ไม่มีนาโนสูทกับตัว แม้แต่คนๆเดียวยังปกป้องไม่ได้…
Psycho : “แล้วชั้นต้องทำยังไงวะ ชั้นคือ ไมเคิล ไซค์ เป็นคนธรรมดา! แค่คนๆเดียว ชั้นยังปกป้อง-่าอะไรไม่ได้เลย”
Prophet : “เอ็งมันเห็นแก่ตัว ไอ้งี่เง่า สาแก่ใจมั้ย!? เราจะตาย-่ากันหมดนี่แหละ ไอ้ราสท์มันลากพวกเรามาที่นี่ มันขังชั้นไว้ในชุดสูทเวรตะไลนี่ และถ้านายยังคิดจะใส่มัน เราจะตายกันหมด แต่นายเป็นมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่นายช่วยพวกเราได้ เราทุกคนเป็น “มนุษย์” เราทุกคนสู้ ชั้น…นาย..Nomad … Jester … Aztec พวกเรา ทุกคน สู้กับมัน ไม่ใช่ไอ้ชุดนาโนสูทมหัศจรรย์เ-ี้ยนี่ ตอนนี้เหลือแค่นาย กับชั้น จัดหนักให้มันรู้เรื่องแตกหักไปเลย แค่ภารกิจนี้ ภารกิจเดียวเท่านั้น“
Prophet และ Psycho แตกคอกันเรื่องนี้ แต่ Prophet เองก็เข้าใจ จึงอยากให้ Psycho ยอมรับและลุกขึ้นสู้ ไม่ใช่ฐานะอดีตทหารนาโนสูทโค้ดเนม “Psycho” แต่เป็น “ไมเคิล ไซค์” ชื่อจริงๆ มนุษย์จริงๆที่ Prophet ไว้ใจ นักสู้ผู้ที่จะร่วมหัวจมท้าย และจบศึกเอเลี่ยนที่กำลังจะมาครองโลกนี้ ทั้งสองเข้าใจ และเริ่มหาเครื่องบิน VTOL ลำอื่นเพื่อต่อสู้กับพวก Ceph
Prophet ที่กำลังเข้าตาจนในระหว่างการต่อสู้กับ Alpha Ceph ก็ได้ ไมเคิล ขับยาน VTOL ยิงจรวดใส่จนมันชะงักไปครู่หนึ่ง Prophet ใช้จังหวะนี้ ยิงธนูคู่ใจ ปิดฉากเอเลี่ยนครองโลก และยังเข้าไปทำลายอุปกรณ์สร้าง Wormhole รูหนอนที่กำลังจะเชื่อมดาว Cept และโลก แต่ลำแสงที่ทรงพลังของ Wormhole ได้พยายามดูด Prophet ขึ้นสู่อวกาศ แม้ว่า ไมเคิล จะพยายามรั้งเขาไว้ก็ตาม
ภาพตัดมาที่ Prophet ที่กำลังลอยเคว้งคว้างในอวกาศ เขาได้เห็นเรือ Ceph ขนาดใหญ่คล้ายกับเรือเอเดลี่ยนที่เคยบุกหลิงชานเมื่อ 27 ปีที่แล้ว มันกำลังลอยผ่าน Wormhole รูหนอน ไปอย่างช้าๆลงมาที่โลก ในขณะที่ชุดนาโนสูทของProphet ถึงจุดที่ใกล้ชัตดาวน์ระบบแล้ว แต่ด้วยลูกฮึด
“ถ้าคนอย่าง Prophet ทำพลาด แล้วใครล่ะจะกู้โลก?”
ทำให้ระบบกลับมาอีกครั้งด้วยพลังงานอันน้อยนิด Prophet พุ่งตรงไปยัง “Archangel” ปืนใหญ่ของ C.E.L.L. ที่ลอยบนวงโคจรพอดี เขาใช้มันเล็งไปที่จุดตายของยานเอเลี่ยนด้วยกำลัง 100% !! ทุกอย่างจบสิ้น เหล่าเอเลี่ยน Cept กลับบ้านเก่าชนิดตีตั๋วเที่ยวเดียวทัวรนรกยกแก๊งค์ ส่วน Prophet ก็ค่อยๆร่วงลงสู่ชั้นบรรยากาศ ชุดเกราะของเขาเริ่มเผาไหม้ ลอกร่อน และร่วงลงมายังชายหาดแห่งหนึ่ง…เกาะหลิงชาน ที่ๆทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น!
โลกกำลังเข้าสู่ความสงบ มีแถลงการจากทางสมาชิกวุฒิสภาสติรคแลนด์ ได้ประกาศยึดทรัพย์ของ C.E.L.L. เพื่อเป้นค่าชดเชยในการฟื้นฟูโลกที่เสียหายจากการกระทำขององค์กรดังกล่าว และพบมูลความผิดจริงตามที่มีการสั่งฟ้อง ซึ่งสภาเห็นชอบ และสั่งปรับเป็นเงินจำนวนมหาศาล
“การเป็นทหารผมได้รับการสอนว่า ทหารที่เก่ง และดี มีสิ่งสำคัญที่เขาสามารถพึ่งพาได้ในยามที่ระบบผิดพลาด …
ไม่ใช่ตำรากลศึกใดๆ ไม่ใช่อาวุธในมือที่โคตรแก่งแค่ไหน สุดท้ายแล้ว ที่พึ่งพาได้จริงๆ คือ “ตัวเอง” และในขณะที่ผมทำผิดพลาดนั้น มันก็พิสูจน์ได้เช่นกันว่าตัวผมยังคงเป็นมนุษย์อยู่”
ส่วนทาง Prophet ที่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บหลังกระแทกสู่โลก เป็นเวลาหลายวัน หลายสัปดาห์ หลายเดือน…ชุดเกราะนาโนสูท เริ่มแปรสภาพเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนังมนุษย์ เริ่มมีความเข้ากันได้ แถมยังซ่อมแซมตัวเองทั้งในส่วนของชุดเกราะ และคืนสภาพใบหน้าของ Prophet ตัวจริง ในร่างของ Alcatrazตัวเขายังคงระลึกถึงพรรคพวกที่เคยร่วมรบในฐานะหน่วย Raptor ที่ล้มตาย ด้วยความทรงจำของ Prophet …เขาเดินออกไปที่ชายหาด แล้วขว้าง Dogtag ของเพื่อนๆลงไปในน้ำและตัดสินใจใช้ชื่อจริงของเขาว่า “ลอวเรนซ์ บาร์น” “ใครๆก็เรียกขานผมว่า ” Prophet“
ในขณะเดียวกัน ที่สำนักงานใหญ่ของ C.E.L.L. มีการบุกรุกที่นั่น เหล่าเจ้าหน้าที่ขององค์กรพยายามคุ้มกันเหล่าบอร์ดบริหารของทาง C.E.L.L. แต่สุดท้าย หน่วนรักษาความปลอดภัยโดนเก็บเรียบ และ “ไมเคิล ไซค์” หรือ “ Psycho” ก็ปรากฎตัวขึ้น ด้วยความแค้นที่ฝังลึกต่อองค์กร…และหมายจะถล่มทิ้งให้ราบคาบ
“ก่อนหน้านี้ ผมเคยเป็นแขกที่พักอาศัยในโรงพยาบาลของพวกท่าน นานมาแล้ว…แต่บริการไม่ค่อยถูกใจ เลยว่าจะมาร้องเรียนซักหน่อย! “
อวสาน…
-
Review : Ducky Zero 6108 – คีย์บอร์ดที่ใช้งานง่ายและครบครัน [สั่งซื้อ / ราคา / สเปค]
#Ducky #Keyboard #GamingGear
#AiStriker #DUCKYKEYBOARD #duckykeyboard #mechanicalkeyboard -
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ