Ghost Wire: Tokyo
ประเภท : Action -Fps
ระบบ : PS5 / PC
พัฒนาโดย : Tango Gameworks / Bethesda Softworks
วางจำหน่าย : 25 มีนาคม 2022
https://bethesda.net/game/ghostwire-tokyo
กางอาณาเขต มหาเวทย์ผนึกมาร!!
แม้จะไมได้เห็น The Evil Within ภาค 3 แต่เกม Ghost Wire: Tokyo ก็ยังคงความสนุกเอาไว้ตามาตรฐานของทีมงานเช่นเคย แถมงานภาพสวยงามน่ามอง พร้อมกับการทำแผนทีกรุงโตเกียวได้เหมือนจริงมากๆ แม้ว่าสภาพจะไม่ค่อยน่ามองซักเท่าไหร่ก็ตาม กับเกมใหม่ของ ทีมงาน Tango Gameworks ของเทพชินจิ เจ้าพ่อเกมเขย่าขวัญคนดังนั่นเอง…
เกมนี้คือ!?
GhostWire: Tokyo เป็นเกมแนว Action -Fps ผลงานของTango Gameworks และวางจำหน่ายโดย Bethesda Softworks ออกแบบมาสำหรับ PlayStation 5 และ PC โดยเฉพาะ ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มคนที่ต้องต่อสู้กับเหล่าวิญญาณอาฆาต ปีศาจจากนรก ด้วยศาตร์ของการปราบผีในสไตล์ญี่ปุ่น
เนื้อหาคร่าวๆของเกมจะเล่าถึงเหตุการณ์ประหลาดขั้นสุด เมื่ออยู่ๆผู้คนในกรุงโตเกียวที่พลุกพล่าน วุ่นวายที่สุดในโลกได้หายตัวไปอย่างลึกลับนับแสนๆคน! โดยมีเบื้องหลังคือเหล่าภูติผีที่มาพร้อมคำสาปสุดสะพรึงที่ลักพาตัวผู้คนไปยังมิติอื่น (ถ้านึกไม่ออก ลองนึกถึงภาพของช่วงใกล้จบของหนังเรื่อง จู-ออน หรือ เดอะริง ได้ เป็นการที่ผู้คนติดคำสาปทั้งเมืองจนโดน “ผีลักซ่อน” เพราะคำสาปนั่นละ)
ผู้เล่นคือ “อากิโตะ” ชายหนุ่มที่ไม่ได้ถูกเหล่าวิญญาณอาฆาตลากลงนรก เพราะตอนที่มีการกวาดล้างจากเหล่าผี อากิโตะถูกวิญญาณประหลาดเข้าสิงเสียก่อน และเขาตื่นขึ้นมาในดงผีห่าอาละวาดโดยที่ไม่เป็นอะไร และจากจุดนั้น ทำให้อากิโตะต้องใช้พลังวิญญาณ เข้าต่อสู้ในถนนที่อันตรายของโตเกียว และหวังว่า “น้องสาวของเขา” จะปลอดภัย
GAMEPLAY
ผู้เล่นจะได้ปะทะกับผีญี่ปุ่นหลากหลายแบบในฐานะมือปราบผี ทีมงานชูจุดเด่นของเกมนี้อยู่ที่ ระบบการต่อสู้ด้วยการปลดปล่อยพลังใส่เหล่าผีด้วยหลากหลายวิธี ทั้งการประสานมือ การใช้ยันต์ปราบผี เพื่อชำระวิญญาณและส่งพวกมันไปยังภพภูมิที่ดีกว่า ตลอดการเดินทางผู้เล่น จะค้นพบพลังใหม่เพื่อให้เหมาะกับสไตล์การเล่น เพื่อการต่อสู้กับสิ่งเหนือธรรมชาติที่โหด และสยองขวัญมากขึ้นเรื่อยๆ…ผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องตั้งสติและสังเกตการเคลื่อนไหว และหาคาถา หรือวิธีปราบพวกมันให้ได้
REVIEW 8/10
เนื้อเรื่อง 2 /3
เกมเพลย์ 2/3
งานภาพ 3/3
ความชอบ / 1 /1
เป็นเกมที่ทำให้ “คนที่เคยไปญี่ปุ่น ได้หายคิดถึง” เกมนี้ ให้คุณได้ปะทะกับผีสางที่เดินว่อนไปมาในเมืองอย่างสนุกสนาน ลืมภาพจำที่แสนน่ากลัวของผีพวกนี้จากภาพยนตร์ และวิ่งเข้าชนพวกมันด้วยสารพัดสิ่งที่คุณมี!!
เรื่องราวของเกมเปิดเรื่องมาได้อย่างน่าสนใจ ด้วยฉากการหายตัวไปของประชากรชาวเมืองโตเกียวนับแสนๆคน จนกลายเป็นเมืองร้าง และเต็มไปด้วย “วิญญาณ” และ “ผีตำนานเมือง”ที่มีหลายร่างก๊อปปี้ (?)
ในเกมจะให้ผู้เล่นได้ตามติดการผจญภัยในเมืองใหญ่ของ “อากิโตะ” ชายหนุ่มที่เป็นห่วงน้องสาวที่กำลังโคม่าในโรงพยาบาล แต่ดันเกิดเรื่องในเมืองนี้เสียก่อน และนอกจากอากิโตะแล้ว ผู้เล่นยังจะได้เดินทางร่วมไปกับ “KK” วิญญาณนักสืบขององค์กรลับที่ต่อสู้กับเรื่องราวเหนือธรรมชาติ ที่เหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาต้องเข้าไปสิงร่างอากิโตะเพื่อออกตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้
ฟังพล๊อตแล้ว เราก็นึกถึงพวกอนิเมญี่ปุ่นแนวคู่หูสิงร่าง พลังพิเศษปราบผี บลาๆที่เราคุ้นเคย เลยทำให้เก็ทในสิ่งที่ตัวเกมพยายามนำเสนอได้โดยง่าย (แม้ว่าฝรั่งจะไม่อิน จนสื่อต่างประเทศกดคะแนนยับๆ แต่เชื่อเถอะ ชาวเอเชียที่โตมากับการ์ตูน อนิเม มังงะพวกนี้จะเข้าใจธีมเรื่องไม่ยากเลย)
ตัวเกมจะเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของตัวอากิโตะ กับ KK ผ่านบทสนทนาที่จิกกัดกันเองบ้าง ช่วยเหลือ และซัพพอร์ทกันบ้าง เป็นสีสัน และทำให้อินได้ง่าย แต่กลับกัน ความผูกพันของอากิโตะ กับน้องสาว หรือเหตุผลที่ตัวร้ายของเรื่องอย่าง”หน้ากากฮันเนีย” ทำ เรารู้สึกว่ายังไม่สมเหตุผล ยังเบาบาง และสร้างอารมณ์ร่วมไม่ได้ เนื่อจากตลอดเวลาทั้งเกม มันถูกสโคปเนื้อหาของ อากิโตะ , KK และก๊วนเพื่อนนักปราบผีของเขามากกว่า มันทำให้เราอินกัยสองตัวละครนี้ ตั้งแต่ต้น กลางเรื่อง จนถึงบทสรุปเรื่องราว
เกมเต็มไปด้วยน้องหมาน้องแมวสุดน่ารัก ระวังพวกมันมาขออาหารด้วยล่ะ แต่ถ้าให้ หมาแมวเหล่านี้จะพาเราไปยังที่ซ่อนไอเทมด้วยนะ
แต่ส่วนอื่นๆ อย่างตัวละครเสริม ทีี่มาที่ไปขององค์กรพระเอก วายร้าย ปมดราม่ากลับไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร เสียดายจุดนี้มากๆ ไม่งั้น ฉากจบจะเป็นอะไรที่อิมแพคท์กว่านี้ในแง่เนื้อหาอย่างแน่นอน
ในส่วนของเกมเพลย์ เกมนี้ตอนแรกเปิดหัวมาว่าเป็นเรื่องราวของผีๆสางๆสไตล์ญี่ปุ่น จนเราคิดว่าเป็นเกมสยองขวัญ และตั้งความหวังในความน่ากลัว…แต่พอมาเล่นจริง นี่กลายเป็นเกมแอคชั่นลุยแหลกสไตล์ DOOM ด้วยซ้ำ มันนัว มันมั่ว และสนุกมากๆในพาร์ทการต่อสู้ ที่แม้ว่าลูกเล่นพลังโจมตีด้วยธาตุทั้งสาม (ลม / ไฟ / น้ำ) และยันต์สารพัดแบบ จะทำให้เกมไม่หลุดธีม
แต่มันก็เป็นผลเสียในแง่ของความหลากหลายในการต่อสู้ เมื่อเทียบกับเกมที่ใช้ “ปืน” เป็นส่วนประกอบ
แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยลีลา “การประสานมือ ร่ายคาถาอาคม” มันเท่ และเบียวจัดๆในเวลาเดียวกัน (55+) มันกลายเป็นภาพจำของเกมนี้ไปเลย
อาวุธหลักในเกม ก็จะมี …
ไสยเวทย์สีเขียว – พลังลม ท่าเบสิค ยิงรัว กระสุนเยอะ ระยะยิงไกล (แต่ไม่เท่าธนู) ถ้ากดชาร์จจะออก 3 ลูก
ไสยเวทย์สีแดง – พลังไฟ ยิงได้น้อย แต่พลังแรงสุด สามารถชาร์จยิงคาถาลูกไฟยักษ์ สร้างดาเมจแบบกลุ่มได้ (ท่าชาร์จสามารถทำลายการป้องกันของบางตัวได้ด้วย) ควรเก็บไว้เล่นกับบอส หรือตัวแข็งๆถึกๆ
ไสยเวทย์สีฟ้า – พลังน้ำ ยิงเป็นแนวนอน เน้นการโจมตีระยะประชิด ใช้ดีตอนถูกรุม สามารถชาร์จยิงดาวกระจายวงจักร สร้างดาเมจทะลุเกราะได้ในระยะประชิด
นอกจากนี้ยังมียันต์กระดาษแบบต่างๆให้เลือกใช้ เช่นยนต์ช๊อตไฟฟ้า ยันต์ไฟ ยันต์ล่อล่วง และอื่นๆให้เลือกเล่น (ซื้อกับแมวที่ศาลเจ้า)
ส่วนการดวลกับบอส ถือว่าไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย ด้วยการเคลื่อนไหวของพวกมันที่มีแพทเทิร์นตายตัว แต่ยากด้วยจุดอ่อนของพวกมันที่มักจะอยู่ในที่ๆเข้าถึงลำบากไปนิด อีกทั้งความอึดของพวกมัน ที่อัดเวทย์แรงๆไปหลายดอก กว่าจะตายได้ เล่นเอาเหนื่อยเลยเหมือนกัน
นอกจากนี้ ตัวเกมยังใส่ระบบของการพัฒนาตัวละคร ผ่านค่า EXP (ตันที่เลเวล 50) คุณจะได้รับแต้มมาอัพสกิลเพื่อให้กลายเป็นผู้ใช้คุณไสยที่เก่งกาจขึ้น โดยในเกมจะมีเควสท์หลักตามเนื้อเรื่อง ที่ใช้เวลาวิ่งเป็นเส้นตรงไม่แวะข้างทางก็จะใช้ราวๆ 8-9ชม.จบ แต่ถ้าคุณแวะเรื่องเปื่อย ไหลไปทำเควสรองที่มีมากมายตามแบบเกม Openworld แล้วล่ะก็ อาจจะมีแวะไปที่ 12-16ชม.เลยก็เป็นได้
แต่ถามว่าควรทำเควสรองมั้ย ก็ควรทำบ้าง จะได้เอาแต้มไปอัพสกิลให้แรงๆหน่อย หลังๆนี่ผีดุมาก และไม่ได้มาตัวสองตัว ยิ่งถ้าคุณเดินผ่าน “ขบวนร้อยอสูร” ทีนี้ละงานหยาบเลย พวกแห่กันมาทั้งอำเภออะ 555
ตัวเกมเป็นเกมที่น่าจะเรียกได้ว่า กึ่ง Openworld เพราะมีขนาดแผนที่ไม่ได้ใหญ่แบบเกมดังๆที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เกมนี้แทนที่ความกว้าง ด้วยความ “ลึก” ของสิ่งปลูกสร้างในโตเกียวที่ซับซ้อน คุณสามารถเดินขึ้นบัันไดในตึกต่างๆ เพื่อไปบนดาดฟ้า สำรวจสิ่งต่างๆได้ลึก และละเอียดตามตรอกซอกซอย ที่ซับซ้อน ผู้เล่นจะได้พบกับไอเทม รางวัลต่างๆ หรือแม้แต่ผีสางที่คุมพื้นที่ตรงจุดนั้นด้วย
ส่วนตัวแนะนำว่าให้ลองเดินทางจากที่สูง เริ่มจากการมองหา “เทนงุ” ที่อยู่บนท้องฟ้า แล้วใช้เชือกโหนพวกมันไปดาดฟ้าตึกสูงๆแล้วร่อนลงมา เป็นการเดินทางที่สะดวกดีใช้ได้ อ่อ เกมนี้ “ตกจากที่สูงไม่ตาย” ด้วยนะ ทำให้เราร่อนไปมาในเมืองราวกับซูเปอร์ฮีโร่ได้เลย
งานภาพของเกม ทำให้เราหายคิดถึงโตเกียวจริงๆ สำหรับคนที่เคยไป ตัวเกมแม้จะไม่มีผู้คน แต่กลับถ่ายทอดบรรยากาศของโตเกียวที่มีชีวิตชีวาได้อย่างน่าสนใจ ผ่านเสียงเพลง วิทยุ หรือสื่อบันเทิงต่างๆที่ยังคงทำงานต่อเนื่องแม้ว่าผู้คนในเมืองจะโดนคำสาปลักซ่อนไปแล้วก็ตาม ในเมืองโตเกียวของเกมนี้ แทบจะถอดตรอกซอกซอยของจริงมาเต็มๆ ทั้งร้านรวงที่อัดแน่น ถนนทางเดินฟุธพาธที่กว้างขวางน่าเดิน ตามแบบฉบับประเทศที่เจริญแล้ว แม้ว่าจะดูหดหู่ แต่ก็ยังคงความสวยงามอยู่ดี
นอกจากนี้ ตัวเกมยังถมด้วย “หมอกควัน” และสายฝนที่เสริมบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจ และยิ่งถ้าคุณเล่นบน PS5 หรือคอมแรงๆ น่าจะฟินไปกับการเล่นแสงสีของระบบ RAY TRACING ที่สวยงาม (คอมแอดมินเปิด RAY TRACINGได้นะ แต่อย่าหาทำเลย คอมสเปคกลางค่อนไปทางเก่า มันจะกระตุกมากๆ แต่ภาพที่ได้คือสวยจัดจริงๆ อันนี้ยอมเลย)
ต่อให้คุณคอมไม่แรง เปิดกราฟิกต่ำสุด งานภาพในเกมนี้ก็ไม่แย่ และเผลอๆจะลื่นไหลด้วย 60fps (หรือมากกว่า) คือเปิดต่ำสุดทุกอย่าง ยังดูดี เหมือนเกมที่ลงในระบบ PS4 ช่วงต้นๆเลย มัน Optimize มาเพื่อคนเล่นทุกกลุ่ม โดยที่ไม่เสียอรรถรสในการเล่น ไม่ว่าจะเปิดสุด หรือต่ำสุดก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้น ปัญหาเกมแครช เด้ง หรือเรนเดอร์วัตถุไม่ทัน หรือ Full Load ตอนโหลดฉากนั้น ทำเอาน่าหงุดหงิดไม่น้อย ซึ่งบางทีก็แก้ได้ด้วยการเอาเกมไปลงใน SSD รับรองชีวิตดีขึ้นแน่นอน เพราะลองมาแล้ว 555
สรุป
เป็นเกมทีดี และส่วนตัวพอใจมาก แม้พล๊อตมันจะคลีเช่ตามสไตล์การ์ตูนโชเนนไปหน่อยก็ตาม
เกมเพลย์ไม่ได้น่าเบื่อ อย่างที่สื่อต่างประเทศว่าไว้เสียทีเดียว
เกมใช้เวลาราวๆ 9 ชม. จบ เอาแค่เล่นเนื้อเรื่องหลักนะ
เป็นความยาวที่กำลังดี ไม่มากไม่น้อย ทุกอย่างจบลงในตัวแล้ว
ก็ได้แต่หวังว่าเกมนี้จะขายดี และทำให้เฮียชินจิ เริ่มทำ The Evil Within 3 ซักทีเถอะ!!
แอดมินAK47
-
-
-
จากนี้ไป จะเป็นสปอยล์เนื้อเรื่อง
อ่านรีวิวจบแล้วไม่อยากโดน ก็ปิดได้เลย
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
-
เรื่องราวของเกมเริ่มต้นขึ้น ในค่ำคืนหนึ่ง กรุงโตเกียวถูกหมอกลึกลับปกคลุม ผู้คนถูกกลืนหายไปในหมอกนี้นับแสนนับล้านคน ยกเว้น “อากิโตะ” ชายหนุ่มที่ถูกวิญญาณลึกลับเข้าสิงร่างก่อนเหตุการณ์หมอกกลืนเมือง…อากิโตะฟื้นขึ้นมาในกลางชิบุย่า และพบว่าบ้านเมืองไร้ผู้คน เหลือเพียงเสื้อผ้ากองกระจัดกระจายท่ามกลางสายฝน อากิโตะที่กำลังตั้งสติก็นึกได้ว่าเขาต้องไปดู “มาริ” น้องสาวที่กำลังป่วยโคม่าในโรงพยาบาล เพื่อเช็กว่าเธอปลอดภัยดีหรือไม่…
ระหว่างทางอากิโตะก็ได้พบกับภูตผีที่มาขวางทาง วิญญาณที่สิงร่างอากิโตะได้สอนเขาใช้พลังไสยเวทย์เพื่อตอบโต้พวกมัน ในที่สุดอากิโตะมาถึงโรงพยาบาลที่น้องสาวเขาพักอยู่ แต่ทว่าที่นั่น มีชาย“สวมหน้ากากฮันเนีย” ลักพาตัวเธอไป พร้อมกับสังหารอากิโตะ ณ ตรงนั้น…
อากิโตะที่กำลังจะเจียนอยู่เจียนไป วิญญาณที่สิงร่างเขาได้ยื่นข้อเสนอว่า “แบ่งพลังขีวิตให้เขาควบคุมร่างอากิโตะ แล้วจะรอดตาย” พร้อมกับร่วมกันผจญภัยช่วยเหลือน้องสาวของเขา…อากิโตะได้ทำสัญญากับวิญญาณดวงนั้น เขาแนะนำตัวกับอากิโตะว่า “เขาคือ KK จากหน่วยงานสืบเรื่องราวลี้ลับ” และด้วยเหตุบางอย่าง ทำให้เขาต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน เขาเองก็อยากตามล่าหน้ากากฮันเนียด้วย เพราะเขาสงสัยว่า นั่นคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด เมื่อทั้งสองมีเป้าหมายเดียวกัน ความร่วมมือเฉพาะกิจจึงเริ่มขึ้น
อากิโตะ และ KK ออกสืบเรื่องราว พร้อมกับการปัดเป่าเหล่าศาลเจ้าที่ถูกหมอกไอวิญญาณปกคลุมด้วยการปัดเป่าคาถา พร้อมช่วยเหลือวิญญาณเร่ร่อน และวิญญาณตกค้างในเมืองผ่านทางการดูดลงกระดาษวิญญาณ และนำไปยังตู้โทรศัพท์ที่ปลายสายคือ Ed เพื่อนร่วมงาน ที่กำลังนำเอาวิญญาณผู้คน กลับสู่ร่างเนื้อได้…ทำให้นอกจากตามล่าความจริงแล้ว ทั้งสองยังต้องช่วยเหลือผู้คนที่กลายเป็นวิญญาณยังไม่ถึงฆาต ให้กลับมาเป็นมนุษย์ด้วย
ในศาลเจ้าใต้ดินสุดลึกลับ อากิโตะ และ KK ได้พบกับวิญญาณระดับสูงที่ควบคุมโดยหนึ่งในสมาชิกแก๊งหน้ากากฮันเนีย…การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด
และในที่สุด สมาชิกแก๊งคนนั้นก็ได้เผยว่า นั่นคือ “ร่างเนื้อของ KK” ที่ถูกพวกฮันเนียควบคุมอยู่ ทำให้ KK ไม่กล้าททำลายร่างเนื้อ เพราะถ้าทำ เท่ากับ KK ต้องตายจริง และกลับร่างไม่ได้อีกเลย
และนั่นทำให้ทั้งสองพลาดท่า อากิโตะ กับ KK ถูกจับแยกร่างแล้ว…อากิโตะที่ไร้พลังไสยเวทย์ ต้องการพลังของ KK กลับมาอีกครั้ง นั่นคือหนทางที่จะช่วยน้องสาวได้
อากิโตะได้เบาะแสจากเพื่อร่วมงานของ KK ผ่านทางปลายสายที่เซฟเฮ้าส์ และระบุว่าวิญญาณของ KK ถูกจับไว้ทีศาลเจ้าแห่งหนึ่ง…อากิโตะได้เข้าไปช่วยเหลือ KK และทั้งสองกลับมารวมร่างอีกครั้ง และสืบเรื่องราวจนมาถึงจุดที่ได้ปะทะกับหน้ากากฮันเนียตัวบงการอีกครั้ง…
หน้ากากฮันเนียตัวบงการ ได้ระบุว่า สิ่งที่เขาได้ทำลงไป เพื่อเปิดประตูของโลกความเป็นและความตาย ที่ๆกายเนื้อไม่จำเป็นอีกต่อไป เหลือเพียงกายทิพย์และดวงจิตที่ไม่มีวันเจ็บป่วยแก่ตาย เป็นยูโธเปียของมนุษย์ยุคใหม่ และไม่อยากให้ใครต้องมาสูญเสียคนเป็นที่รักอย่างที่เขาเคยเป็น และด้วยเหตุนี้ เขาจึงเอาศพลูกสาว และเมียตัวเองมาเป็นหนึ่งในสมาชิกของแก๊งหน้ากากฮันเนีย ออกทำภารกิจตามหาผู้ที่เชื่อมต่อโลกความเป็นความตายในฐานะ “ภาชนะ” ของพิธีกรรม … และคนๆนั้นก็คือ น้องสาวของอากิโตะที่กำลังโคม่า ผ่านความเป็นตายหลายครั้งแล้วนั่นเอง…
แม้ว่าจะเอาชนะลูกสาวของฮันเนีย ในร่างปีศาจ มาได้ แต่ตัวบงการยังคงอยู่ แถมพิธีกรรมที่โตเกียวทาวเวอร์ได้เริ่มขึ้นไปแล้ว แต่ที่นั่นเต็มไปด้วยหมอกไอวิญญาณเข้มข้นอย่างมาก
โชคดีที่ เพื่อนของKK ได้สร้างมอเตอร์ไซด์พลังวิญญาณเก็บเอาไว้ในเซฟเฮ้าส์ แต่มันจะต้องใช้ เครื่องยนต์สันดาปพลังววิญาณ และ น้ำมันโลกวิญญาณเท่านั้น เพราะนี่คือสิ่งเดียวที่จะฝ่าทะลุหมอกไอวิญญาณไปยังโตเกียวทาวเวอร์ได้…ของทั้งหมด อยู่ในอีกมิติหลังความตาย ซึ่งทั้งสองก็สามารถไปเอามาได้อย่างยากลำบาก…
อากิโตะ และ KK ที่ซ่อมมอเตอร์ไซด์เสร็จ จึงมุ่งหน้าไปยังโตเกียวทาวเวอร์ พร้อมหลบหนีการไล่ล่าของ “ภรรยาหน้ากากฮันเนีย” มาถึงโตเกียวทาวเวอร์จนได้
ในที่สุดอากิโตะ และ KK ก็ได้ปะทะกับเธอในร่างของ“ปีศาจแมงมุม” และเอาชนะมาได้
อากิโตะ และ KK มาถึงโตเกียวทาวเวอร์ ชั้นบน ที่ๆหน้ากาฮันเนียตัวบอสได้เริ่มพิธีเปิดประตูเชื่อมโลกวิญญาณกับโลกมนุษย์ โดยใช้ร่างของมาริ และวิญญาณของชาวโตเกียวนับล้านๆดวง เขาพาเธอหนีไปอีกครั้ง และทิ้งอสูรฮันเนีย ร่างเนื้อของ KK ไว้ถ่วงเวลา
อากิโตะที่กำลังสับสนกับจิตใจตัวเอง ความผิดที่ไม่เคยได้ดูแลเธอในยามปกติ ความผิดที่ไม่เคยแยแสเรื่องการตายของพ่อแม่ จนกลายเป็นแผลใจให้มาริ ทุกๆอย่างโถมเข้ามาในใจอากิโตะ แต่ก็ได้KK เตือนสติและมูฟออนไปต่อสู้กับร่างเนื้อตัวเองที่กลายเป็นอสูรไปแล้ว…
KK ตัดสินใจที่จะต่อสู้กับร่างเนื้อตัวเองเป็นครั้งที่สอง และกำจัดมัน โดย KK เตรียมใจมาแล้วว่าไม่อาจจะกลับเป็นมนุษย์ได้อีก เพื่อช่วยคนในโตเกียว ช่วยโลกนี้ นี่คือสิ่งที่ KK เลือกที่จะละทิ้ง และเดินหน้าต่อ…
ในโลกหลังความตายที่ถูกเปิดประตูออก หน้ากากฮันเนียได้เปิดประตูสู่โลกความตาย แต่ไม่เป็นอย่างที่หวังเสียทีเดียว เพราะมาริที่ได้สติ ไม่อยากให้อากิโตะต้องตาย ทำให้การอัญเชิญวิญญาณเชื่อมโลกทำไม่สำเร็จครบ 100% มาริเองก็ตั้งใจแน่วแน่ว่า ไม่ได้ปราถนาที่จะมีชีวิตในสภาพโคม่าแล้ว อยากจะพ้นทุกข์หมดห่วง มาริไม่เคยโกรธอากิโตะที่ลืมเรื่องวันตายของพ่อแม่ หรือแสดงท่าทีเย็นชาต่อการสูญเสียในอดีต เพราะเขาเองก็รับไม่ได้ที่พ่อแม่ต้องตาย จึงอยากหนีความจริง
สาเหตุที่มาริอยู่ในกาการโคม่า มาจากเหตุไฟไหม้บ้าน ที่มาริติดอยู่ในนั้น เพราะต้องการเก็บแหวนแต่งงานของพ่อกับแม่ไว้ จนขาดอากาศนั่นเอง…และทำให้อากิโตะคิดว่าเป็นความผิดของเขามาโดยตลอดที่ทำให้น้องสาวเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ มาริเลือกที่จะหมดทุกข์กับโลกใบนี้ พร้อมจากไปในใบหน้าที่มีความสุข…
ในตอนนั้น หน้ากากฮันเนียที่ได้ถูกวิญญาณของลูกและเมียถ่วงรั้งไว้ ก็ได้กลายร่างเป็นสุดยอดอสูร ศัตรูที่ KK และอากิโตะต้องจัดการ
อากิโตะ กับ KK กำจัดอสูรฮันเนียได้สำเร็จ ปิดฉากเรื่องราวทั้งหมด โดยที่วิญญาณของพ่อ กับแม่ของอากิโตะมารับตัวมาริไป…
สุดท้ายแล้ว KK ได้ฝากฝังลูกเมียของเขา และบอกว่าขอโทษที่ไม่มีเวลาให้ครอบครัวเลย อากิโตะก็รู้สึกว่าอยากให้KKไปบอกเอง และเริ่มคุ้นกับการที่มี KK ในตัวเขาแล้ว…แต่สุดท้าย KK ก็สลายหายไปจากร่างอากิโตะตลอดกาล เหลือเพียงสิ่งที่ KK ฝากฝังนั่นก็คือเรื่องครอบครัวของเขานั่นเอง…
อากิโตะได้เดินผ่านเสาประตูโทริอิ ท่ามกลางแสงสว่างของแสงอาทิตย์ที่อบอุ่นของวันใหม่ และไม่มีใครรู้เรื่องราวของเขาอีกเลย…
อวสาน
https://bethesda.net/game/ghostwire-tokyo