[ Mobile Suit GUNDAM OOP ]
[ อ่านบทความชุด เปิดตำนาน OO Gundam Side Stories คลิก ]
Gundam OO Side Stories เกือบทุกภาคนั้นเรียกได้ว่า ดำเนินเรื่องราวไปพร้อมๆกับพวก Setsuna และ Celestial Being ในภาคหลักเลย ซึ่งภาคเสริมนี้ก็จะมีการเจาะลึก เนื้อเรื่อง ภารกิจ ตัวละคร ที่ทีวีซีรีย์ไม่ได้ครอบคลุมไว้ ให้แฟนๆภาค OO ได้ทราบกัน หากเรียงกันตามไทม์ไลน์แล้ว ภาค “OOP” จะเป็นภาคที่มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมาก่อนทุกๆภาค เพราะเป็นภาคที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา GUNDAM รุ่นที่ 2 (NOTE : Exia Dynames , Kyrios , Virtue ที่เราเห็นใน Gundam OO ss1 นั้นเป็นหุ่น Gen. 3 นะครับ ส่วน O Gundam เป็นหุ่นตัวแรกสุด Gen.1 เลยครับ)
[ BRIEF ]
“P for Prequel” Kidousenshi Gandamu OOP เป็นกราฟิกโนเวลที่ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร Dengeki Hobby ในช่วงปี 2007-2009 โดยเนื้อเรื่องของภาคนี้จะดำเนินในช่วงเวลา “ก่อน” ทีวีอนิเมะ Gundam OO season 1 ครับผม ภาคนี้จะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนา “Gundam” ขององค์กร Celestial Being ในช่วงเวลา 15 ปีก่อนองค์กร CB จะเปิดตัวแก่ชาวโลก . “ชาล อคุสติก้า” เด็กสาวผู้ถูกเวด้าเลือกให้เป็น Gundam Meister ของ CB ในเวลานั้น ได้มาพบกับไมส์เตอร์อีก 2คน “รุยโด้ เรโซแนนซ์” และ “มาร์ลีน วลาดี้” ซึ่งทั้งสองคนนี้เรียกได้ว่า มีความเกี่ยวข้องกับสมาชิก CB รุ่นปัจจุบัน อย่างไม่น่าเชื่อ !
[ MOBILE SUITS ]
GNY-001 Gundam Astraea
Gundam Gen.2 เป็นต้นแบบในการพัฒนาของ Gundam Exiaโดยมีรุยโด้ เรโซแนนซ์ เป็นไมสเตอร์ประจำหุ่น Astraea ได้รับการพัฒนาที่โคโลนี่ ลากรันจ์ 3 หรือ “Krung Thep” ร่วมกับ Sadalsuud Abulhool และ Plutone อัสเทรียเรียกได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของเอ็กเซียอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ แต่อาวุธของอัสเทรียอย่าง Proto GN Sword หรือ GN Launcher ก็เป็นต้นแบบให้อาวุธอย่าง GN Sword ของเอ็กเซีย
ชื่อของ Astraea มาจาก เทพธิดา Astraea เช่นเดียวกับชื่อของการ์ดบนไพ่ทาโร่(ซาดัลซุด/อาบุลโฮล และ พลูโตเน่ ก็ใช้ชื่อจากไพ่ทาโร่เช่นเดียวกัน) โดยอัสเทรียเป็นไพ่ที่แสดงถึง “ความยุติธรรม” ต่อมาอัสเทรียได้ถูกนำไปใช้โดยองค์กร เฟเรชเต และเปลี่ยนชื่อเปน Astraea Type-F
GNY-002 Gundam Sadalsuud
Gundam Gen.2 เป็นต้นแบบในการพัฒนาของ Gundam Dynames มีไมสเตอร์ 874 เป็นนักบินประจำเครื่อง ชำนาญการต่อสู้ระยะไกลเช่นเดียวกับดิวนาเมส แต่อาวุธหลักจะเป็น “Revolve Bazooka” ไม่ใช่ไรเฟิลแต่อย่างใด ถือเป็นหุ่นที่เริ่มใช้เทคโนโลยี e-sensor ในการตรวจจับตำแหน่งศัตรูในระยะไกล ชื่อของซาดัลซุด มีความหมายว่า ความโชคดี ต่อมาถูกครอบครองโดย เฟเรชเตเช่นเดียวกับอัสเทรีย และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Sadalsuud Type-F
GNY-003 Gundam Abulhool
Gundam Gen.2 เป็นต้นแบบในการพัฒนาของ Gundam Kyrios มาร์ลีน วลาดี้เป็นไพล็อตประจำเครื่อง แต่รูปแบบในการแปลงร่างอาจจะยังดูไม่ดีเท่าคิวริออส รูปลักษณ์ตอนเป็น flight mode จะเป็นเครื่องบินแท้ๆเลย เป็นหุ่นที่มีสมรรถนะในการบินด้วยความเร็วสูงที่สุด แต่มีจุดด้อยที่อาวุธ ติดตั้งไว้เพียงวัลแคน และ มิสไซล์เท่านั้นเอง อาบุลโฮลตามชื่อในไพ่ทาโร่ มีความหมายว่า ความน่าเกรงขาม
GNY-004 Gundam Plutone
Gundam Gen.2 เป็นต้นแบบในการพัฒนาของ Gundam Virtue ชาล อคุสติก้า เป็นไมสเตอร์ประจำเครื่อง ถือเป็นกันดั้มรุ่นที่ 2 ที่มีเทคโนโลยีก้าวหน้ามากที่สุด เพราะสามารถใช้ Trial System ได้ กางGN Field ก็ได้แถมมี Core Fighter สำหรับหลบหนีฉุกเฉิน / ประกอบเข้ากับตัวหุ่น ได้อีกด้วย ถือเป็นต้นแบบของ Nadleeh และ Virtue อย่างแท้จริงเลย นอกจากนี้ยังมี GN Composite Armor หรือการอัดเกราะด้วยอนุภาค GN เพิ่มความแข็งแกร่งของเกราะขึ้นไปอีก ชื่อพลูโตเน่ มีความหมายโยงถึง เทพพลูโตตามตำนานโรมัน สื่อถึง “นรก”
GN-XXX Gundam Rasiel
กันดั้มที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากพัฒนารุ่นที่ 2 เสร็จเรียบร้อย เกรฟ ไวโอเล็นโต้ เป็นไพล็อตประจำเครื่อง แต่ต่อมาก็ถูกรับหน้าที่โดยฮิกซาร์ เฟอร์มี่ในระหว่างที่กำลังพัฒนาราซิเอลอยู่ ได้นำ GN Drive ของ O Gundam มาใช้ แต่ว่ายังพัฒนาไม่ทันเสร็จ ก็โดนดอง แล้ว GN Drive ก็ถูกนำไปใช้ในการสร้าง OO Gundam
GNY-0042-874 Gundam Artemie
หุ่นรูปลักษณ์เหมือผึ้ง มี ฮานาโยะ เป็นไพล็อต ถือเป็นหุ่นตัวแรกในการเริ่มใช้ “GN Bits” (น่าจะคุ้นกันดีหากนึกถึง Cherudim และ Zabanya)อีกทั้งสามารถใช้ Trial System ได้อีกด้วย หากไครสังเกตุ อาเทมี่ มีรูปร่างคล้ายๆกับโมบิลสูทตัวนึงใน Gundam OO season 2 ….
เพราะในเวลาต่อมา เจ้าตัวอาร์เทมี่นี้ ได้ถูกนำไปสร้างต่อเป็น GN Archer นั่นเองครับผม
[ CHARACTERS ] (อ่านเรียงลำดับจากด้านซ้าย-ขวา)
Ruido Resonance –วิศวกรหนุ่มผู้ได้รับเลือกให้เป็นไมสเตอร์ประจำหุ่น Gundam Astraea
Marlene Vlady – อาชญากรหญิง ผู้เป็นไมสเตอร์ของ Gundam Abulhool มีสายระเบิดที่ต้นคอเพื่อป้องกันเหตุการณ์คาดไม่ถึงที่เธออาจจะทำกับองค์กรได้
Chall Acustica – นักเรียนดีเด่น ผู้เป็นไมสเตอร์คนใหม่ของ CB ได้รับเลือกจากเวด้าให้เป็นไพล็อตของ Gundam Plutone
Gundam Meister 874 – ไมสเตอร์ลึกลับผู้ไม่เคยปรากฎตัวตนที่แท้จริงกับสมาชิกคนอื่น มีชื่อเล่นว่า Hanayo
Joyce Moreno –คุณหมอไร้พรมแดน เพื่อนเก่าแก่ของ เอียน วาสตี้ ในภาคนี้อยู่ในช่วงแกสองคนกำลังหนุ่มๆกันเลย (ถ้าไครจำได้ เขาคือหมอผมทองทรงกะลาใน season1 ครับ)
Ian Vashti – อดีตวิศวกรของ AEU เข้าร่วม CB พร้อมๆกับโมเรโน่ เอียนมีส่วนร่วมในการพัฒนากันดั้มเจน2 และ ก้าวเป็นตัวหลักในการพัฒนารุ่นที่ 3 เป็นต้นไป
Hixar Fermi – ไมสเตอร์สายเฟรนลี่ผู้เป็นไมสเตอร์ประจำซัพพอร์ทยูนิทอย่าง Sefer สนิทสนมกับ เกรฟ
Grave Violento – เป็นทั้งไมสเตอร์ของ Rasiel และทำงานเป็นเอเย่นต์ของ CB ในการหาสมาชิกเข้าองค์กร (พวกเซตสึนะ)
Delphine Bedelia – นักบินทดสอบของ HRL ขับหุ่นเที่ยเหริน ร่วมกับ ลีโอนาร์ด
Leonard Fiennes –อีกหนึ่งผลผลิตจากการทดลอง “ซุปเปอร์โซลเจอร์” ของกองทัพ HRL
———————————————————————————-
เนื้อเรื่อง
- เกริ่นก่อนเข้าเรื่อง : Gundam OOP จะมีด้วยกัน 2 season
Season 1 : การพัฒนากันดั้มรุ่นที่ 2 โดยมี รุยโด้ มาร์ลีน ชาร์ล และ ไมส์เตอร์ 874 เป็นกันดั้มไมส์เตอร์ ในช่วงเวลา 15 ปีก่อนเริ่มภาคทีวีซีรีส์
Season 2 : การรวบรวมเหล่าไมส์เตอร์กันดั้มรุ่นที่ 3 โดย เกรฟ ไวโอเลนติโน่
“ปีคริสตศักราช 2292”15 ปีก่อนเหตุการณ์ในอนิเมะซีซั่น 1 จะเริ่มขึ้น ชาล อคุสติก้า เด็กสาวผู้ได้รับการติดต่อจากเวด้า เชิญชวนให้เข้าร่วม Celestial Being และรับหน้าที่เป็นกันดั้มไมสเตอร์รุ่นที่ 2 เมื่อชาลเดินทางมาถึง “Krung Thep” (กรุงเทพนี่หละครับ) หรือ ลากรันจ์ 3 โคโลนี่สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยี ซึ่งเป็นฐานลับในการพัฒนากันดั้ม เธอได้พบกับ รุยโด้ เรโซแนนซ์ นายช่างหนุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องกลและการซ่อมแซม ผู้เป็นกันดั้มไมสเตอร์เช่นเดียวกับเธอ และต่อมา รุยโด้ก็พาไปแนะนำให้รู้จักกับ มาร์ลีน วลาดี้ ไมส์เตอร์สาวสวยผมทองที่ประจำอยู่ที่นี่อีกคนนึง (เธอเป็นอดีตอาชญากรจึงมีสายระเบิดรัดคอเอาไว้ตลอดเวลา) แต่มาร์ลีนกลับทำหน้าไม่รับบุญ ไม่มองหน้าชาลเลยแม้แต่น้อย ….
ต่อมา ไมส์เตอร์874 ที่ได้ทำการทดสอบซาดัลซุดได้กลับมาที่ กรุงเทพและได้พบกับ ชาล เป็นครั้งแรก แต่เธอดันไม่ปรากฏตัวออกมา มีแค่ภาพสะงั้น !? ซึ่งรุยโด้ ได้อธิบายกับชาลว่า แม้แต่เขาเองก็ไม่เคยเห็นตัวจริงของ 874 เช่นเดียวกัน ในภารกิจต่อมาที่ได้รับจากเวด้า รุยโด้ได้รับหน้าที่ให้ออกไปทดสอบ GN Launcher อาวุธที่เป็นปืนสำหรับอัสเทรีย แต่ในระหว่างที่กำลังจะขึ้นไปยังค็อกพิท เขาได้พบกับ ชาล … ชาล มาบอกกับรุยโด้ว่า ตั้งแต่มาถึงที่นี่ในฐานะไมส์เตอร์แล้วยังไม่ได้ทำอะไรเลย เธอจึงอยากรับหน้าที่ในการทดสอบครั้งนี้ หลังจากตกลงกันเสร็จ รวมถึงได้รับอณุญาติจากเวด้าแล้ว ชาลก็ได้ออกไปทดสอบอัสเทรีย แต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์ ทำให้เธอรนและตื่นกลัวเมื่ออัสเทรียบินชนกับอุกกาบาตเล็กๆ ( แต่มันก็ไม่ได้กระทบอะไรกับเกราะเลย ) แถมระบบเซนเซอร์เกิดทำงานผิดพลาดขึ้นมาอีก รุยโด้และ874พยายามบอกให้เธอใจเย็นๆ แต่นั่นก็ไม่สำเร็จ ทำให้รุยโด้ต้องนำซาดัลซุดออกไปรับตัวชาลกลับมา
(ซ้าย) 874 ปรากฏตัวต่อหน้า ชาล เป็นครั้งแรก (ขวา) ชาล ที่นำอัสเทรียไปทดสอบอาวุธเกิดอาการลน
ในภารกิจถัดมาก็ได้เป็นการทดสอบการยิง GN Launcherของ อัสเทรีย และ Gundam Plutone ที่พึ่งพร้อมสำหรับการทดสอบไม่นาน โดยรุยโด้(ขับแอสเทรีย) และ มาร์ลีน(ขับพลูโตเน่) ได้ออกไปเพื่อทดสอบการยิง และการป้องกันด้วย GN Field ของพลูโตเน่ ส่วนในด้านชาล ได้แต่ยืนมองผ่านจอ ก็มีแอบน้อยใจเพราะว่า เดิมแล้ว พลูโตเน่ เป็นหุ่นที่เธอได้เป็นไมส์เตอร์ประจำ แต่เวด้ากลับเลือกมาร์ลีนแทน ตัดภาพกลับมาที่พื้นที่ทดสอบนอกลากรันจ์ 3 รุยโด้กังวลจนไม่สามารถเริ่มยิง GN Launcher ใส่ Plutone ที่เป็นหุ่นของพรรคพวกได้ … (ต้องบอกว่า การเตรียมใจในการรบนี่ รุ่นที่2กับรุ่นที่3 หรือพวกเซตสึนะ มันต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิงเลย )
หลังเสร็จสิ้นภารกิจทดสอบแล้ว รุยโด้และมาร์ลีนได้พบกับชาลที่รออยู่ ชาล แสดงออกถึงความน้อยใจและอยากออกไปทดสอบด้วยตนเอง แต่รุยโด้ก็แสดงความเห็นในทำนองที่ว่า ชาลนั้นยังเด็กและน่าเป็นห่วงเกินไปหากปล่อยให้ไปอยุ่ในอวกาศแบบนั้น ….. แต่ไม่นานก็เกิดสัญญาณเตือน และ ไมสเตอร์ 874 ได้แจ้งว่า มียานของทหารหนีทัพกำลังเข้ามาทางโคโลนี่ และเวด้าคาดการณ์ว่าทหารเหล่านี้ จะมายึดโคโลนี่ที่ไร้กองทัพประจำการแห่งนี้
รุยโด้จึงรับหน้าที่ขับอัสเทรียออกไป ไม่ทันไร สัญญาณเซนเซอร์ของพวกทหารเกิดขัดข้องใช้กันไม่ได้ เนื่องจากถูกรบกวนด้วยอนุภาค GN .. ไม่นาน รุยโด้ก็ได้ทำการยิงใส่ยานของเหล่าทหารไป แต่ใจของเขานั้น ยังไม่พร้อม.. สำหรับการที่ต้องมาฆ่าคนแบบนี้เลย ( คหสต : ไมส์เตอร์รุ่น 2 นั้นไม่ได้ถูกฝึกมาสำหรับการรบแบบพวกเซตสึนะ มีหน้าที่หลักในการพัฒนาและทดสอบโมบิลสูทเท่านั้น ) รุยโด้จึงกลับมาที่โคโลนี่ด้วยอารมณ์อันแสนหดหู่ท่ามกลางการเฝ้ามองของ ชาล และ มาร์ลีน ….
(ซ้าย) ดันไปว่าเขาเป็นเด็กน้อย ตบเข้าให้ ! (ขวา) รุยโด้ กำลังโศกเศร้าที่ต้องฆ่าคนเป็นครั้งแรก
(ซ้าย) ความโศกเศร้าของเหล่าไมส์เตอร์ ต่อเมืองที่ถูกทำลายจากสงครามที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
(ขวา) เอียน วาสตี้ และ จอยซ์ โมเรโน่ ก่อนเข้ามา Celestial Being
ภารกิจต่อมาคือการเก็บข้อมูลลิฟต์วงโคจรของ AEU ไม่นานพวกเขาก็ได้เริ่มบินเข้าไกล้ลิฟท์ พร้อมเผชิญหน้ากับ Helion โมบิลสูทประจำการของ AEU , รุยโด้ยังคงไม่มีความเด็ดขาดในการยิง สภาพจิตใจของเขานั้นยังคงยากสำหรับ “การฆ่าคน” เขาใช้เวลาในการทำภารกิจนานกว่าที่ควร อีกทั้ง ภารกิจในครั้งนี้ยังถูกเห็นด้วยชายหนุ่ม 2 คนที่อยู่ใกล้ๆกับที่เกิดเหตุอีกด้วย ตามกฏแล้ว ผู้ที่เห็นกันดั้มต้องถูกกำจัดทิ้ง แต่เหล่าไมส์เตอร์ทั้งสามคนกับเลือกทางที่ต่างไป รุยโด้ได้กล่าวคำชักเชิญไปว่า “อยากจะกำจัดสงครามให้หมดไปหรือเปล่า” ชายผมดำจึงถามกลับ “พวกเธอเป็นไครกันหนะ” รุยโด้ตอบกลับ “กันดั้ม”(เดี๋ยวๆๆ นี่รุยโด้หรือเซตสึนะ)
ดวงตาของชายหนุ่มทั้งสองมองกันดั้มด้วยตาเป็นประกาย และตอบรับคำเชิญของรุยโด้ ในการเข้าเป็นสมาชิก อีกทั้งเวด้ายังยอมรับอีกด้วย …
ชายหนุ่มทั้งสองคนนั้นคือ เอียน วาสตี้ และ จอยซ์ โมเรโน่ นั่นเองครับ (เตือนความจำ : ลุงเอียนไง ลุงเอียนซ่อมหุ่นทั้งสองซีซั่น 5555+ แต่ถ้าหมอโมเรโน่หลายๆคนอาจลืมแกแล้ว เพราะใน ss1 ตอนที่ Ptolemios ถูกโจมตีแล้วห้องพยาบาลมันเกิดระเบิดเต็มๆ แกก็ …. )
การทดสอบกันดั้มเครื่องสุดท้าย “อาบุลฮุล” ด้วยความที่เป็น MS ประเภท Transformable (แปลงร่างได้) หากจะทดสอบด้านการบิน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดมันก็ต้องลงมาทดสอบบนโลกไง ! เหล่าไมส์เตอร์ทั้ง 4 ลงมาถึงโลกพร้อมกับกันดั้ม 2 เครื่อง (อัสเทรีย / อาบุลโฮล) ในระหว่างการเดินทาง เครื่องบินของพวกเขาได้ผ่านเขตของ HRL ซึ่งตรงนั้นเป็นเขตที่กำลังก่อสร้างลิฟท์วงโคจรเท็นชู ( เตือนความจำ : เท็นชู คือลิฟท์วงโคจรที่มีการเฉลิมฉลองการสร้างเสร็จ ใน Gundam OO Season 1 ตอนแรกสุดเลย ที่คิวริออส และ เวอร์ชิว ปรากฎตัวไงครับ) แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ได้พบกับกลุ่มก่อการร้ายต่อต้านการสร้างลิฟต์วงโคจร ที่ได้ทำลายเมืองระแวกไกล้เคียงไป ทั้งๆที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย … เวด้า จึงได้ออกคำสั่งให้ 874 ขับอัสเทรียออกไปจัดการกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งเธอใช้เวลาทำภารกิจเพียงแค่ 36 วินาที … ต่อมาพวกรุยโด้ได้ลงไปยังพื้นที่พร้อมกับรู้สึกโศกเศร้าที่มีผู้เคราะห์ร้ายมากมาย ที่ต้องจากไปเพราะสงคราม ( เตือนความจำ : ก่อนที่พวก CB จะเปิดตัว โลกได้มีสงครามด้านพลังงานมาอยู่ก่อนแล้วหากใครจำได้ )มาร์ลีนจึงได้เอ่ยปากมาว่า เธอต้องการที่จะกำจัดสงครามให้หมดไป ด้วยการพัฒนากันดั้มอย่างสุดความสามารถ เพราะไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องมาตายแบบนี้อีกแล้ว
หลังจากผ่านพ้นการพัฒนากันดั้มทั้ง 4 เครื่อง Astraea , Sadalsuud , Abulhool และ Plutone ไปเรียบร้อยแล้ว รุยโด้ ได้สารภาพรักต่อมาร์ลีน แต่ในขนะเดียวกันก็มีคนนก… ชาลเองหลังจากได้ร่วมภารกิจกันมา ก็แอบรู้สึกดีๆต่อรุยโด้เช่นกัน ดราม่าแล้วไหมละ ลุงเอียนแกช่วยปลอบชาลได้บ้างไหมเนี่ย
ไม่นานต่อมาทั้งคู่ก็ได้ตกลงแต่งงานกันโดยที่ไม่ต้องมีพิธีรีตรองชุดแต่งงานอะไรทั้งนั้น รุยโด้ได้ปลดสายระเบิดที่คอให้กับมาร์ลีนเพื่อแสดงถึงความไว้วางใจกัน และที่น่าตกใจไปกว่านั้น !! แปปเดียวก็มีลูกด้วยกันคนนึงเลย .. เห้ยพ่อหนุ่มนี่มันรีบจัง 555 เรียกได้ว่า เป็นหนึ่งในจุดพีคของภาคนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะว่าลูกสาวของพวกเขาทั้งคู่ ก็คือ สาวน้อยผมชมพู ที่เรารู้จักกันดี “เฟลท์ เกรซ” นั่นเองครับ …
แล้วเราก็ได้ดำเนินเรื่องมาถึงช่วงท้ายของ season 1 ….หลังจากที่รุยโด้และมาร์ลีนแต่งงานกัน ก็ได้ลดภาระงานด้านไมส์เตอร์ลงไป แต่ก็ยังประจำอยู่ในตำแหน่ง “ไมส์เตอร์สำรอง” ของ CB นะครับ คราวนี้บนโลกได้เกิดการก่อจราจลขึ้นอีกครั้ง โดยกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ใช้ Helions ในการเข้าจู่โจมลิฟท์วงโคจรของ HRL ทางด้านเวด้าไม่ได้สั่งให้ทำภารกิจใดๆกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่รุยโด้กลับรู้สึกขัดแย้งและได้วางแผนร่วมกับมาร์ลีนและชาลในปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในครั้งนี้
ชาลได้รับหน้าที่ในการขับพลูโตเน่เพื่อดึงความสนใจของกองHelion ทั้งหมดไป รุยโด้ตั้งใจให้ชาลหนีออกจากพื้นที่รบด้วย Core Fighter ของพลูโตเน่ แต่แล้วระบบก็ได้เกิดขัดข้อง ชาลไม่สามารถปลด core fighter ออกจากตัวหุ่นได้ และเธอเองก็ไม่สามารถต่อสู้กับ Helion ได้เช่นกัน รุยโด้และมาร์ลีนจึงตัดสินใจใช้ อัสเทรีย และ อาบุลฮุล ดึงคอร์ไฟเตอร์ออกมาจากพลูโตเน่
แต่แล้ว… อนุภาค GN ที่เอ่อล้นออกมาได้ทำให้พลูโตเน่ระเบิดกลางอากาศ อีกทั้ง รุยโด้และมาร์ลีนอาบอนุภาค GN ปริมาณสูงเข้าไปเต็มๆ ทำให้เสียชีวิตทันที ….
หลังเหตุการณ์ ชาล ได้รอดชีวิตกลับมาแต่ก็ได้รับผลกระทบจากอนุภาค GN เช่นกัน ทำให้สีผมเธอเปลี่ยนเป็นสีเทา ชาล โศกเศร้าเป็นอย่างมากกับการสูญเสีย “เพือน” ทั้งสองคนของเธอไป ก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดเพียงไม่กี่วินาที มาร์ลีนได้สั่งเสียกับชาลไว้ว่า “จงมีชีวิตต่อไป เพื่อพวกเราด้วยนะชาล” … และจากนั้นเธอก็ได้รับ เฟลท์ มาดูแลแทนที่พ่อแม่ ที่จากไป …
(เตือนความจำ : หากใครจำได้ เฟลท์ เคยเล่าให้ล็อกออนฟังใน season 1 ถึงพ่อแม่ของเธอ ที่เป็นวิศวกรของ CB ก่อนที่ตัวเธอจะเกิดมา และได้เสียชีวิตไปแล้วในการทำภารกิจ นั่นก็คือ รุยโด้ และ มาร์ลีน ที่จากไปนี่เอง.. )
——————————————————————————————————————-
“ปีคริสตศักราช 2302”
5 ปี ก่อนที่ Celestial Being จะเปิดเผยตัวตนต่อโลก (season 1)….
——————————————————————————————————————-
การทดสอบกันดั้ม Gen3 เครื่องที่5 “GN-XXX Gundam Rasiel”ได้เริ่มขึ้นในอวกาศโดยมี O Gundam คอยซัพพอร์ท Grave Violentino ไมสเตอร์ประจำหุ่นกล่าวชื่นชม “หุ่นตัวนี้มีประสิทธิภาพสูง ทรัสเตอร์บริเวณไหล่ทำงานได้ดีมาก” ต่อวิศวกรผู้สร้างอย่าง Ian Vashti ถือเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจสำหรับลุงเอียนเลยทีเดียว
สาเหตุที่หมายเลขรหัสของราซิเอลถูกปิดไว้ เพราะว่าราซิเอลเป็นเหมือนหุ่นที่ถูกพัฒนาในระดับความลับสูง แม้แต่คนในองค์กรเองก็น้อยคนนักที่จะทราบ
หลังการทดสอบ เกรฟ และเอียนได้พูดคุยกันอีกครั้งเรื่องการทดสอบ ราซิเอล … “คุยอะไรกันน่าเบื่อชะมัด ไม่คุยเรื่องสาวๆกันบ้างหรอ” ฮิกซาร์ กล่าวแทรกการสนทนาของทั้งสองคน นั่นทำให้ เกรฟรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักและเดินหนีไป ทางด้านเอียนก็ตอกกลับฮิกซาร์ไปว่า ตนนั้นได้มีลูกมีเมียแล้ว
(ลินดา วาสตี้ และ มิเลน่า วาสตี้ จาก Gundam OO season 2 ลูกเมียลุงเอียนครับ)
เกรฟ ไวโอเลนติโน่ ไม่เพียงเป็นไมส์เตอร์สำหรับหุ่นราซิเอล เขายังรับตำแหน่ง “Field Agent” เจ้าหน้าที่ภาคสนาม ที่คอยรวบรวมเหล่ามนุษย์ที่จะมาเป็นสมาชิกของ CB โดยเฉพาะการค้นหาผู้ที่จะเป็น “Gundam Meister” ภารกิจต่อมาเกรฟ และ ฮิกซาร์ จึงต้องลงไปที่โลก เพื่อตามหา “Neil Dylandy” ชายผู้สูญเสียครอบครัวไปเกือบทั้งหมด และต้องการที่จะกำจัดสงครามไปให้หมดสิ้น แต่ทางด้านฮิกซาร์นั้นมาด้วยภารกิจส่วนตัวที่เรียกว่า การมาหาสาวครับผม ….
สาเหตุที่เกรฟให้ความสนใจในตัว นีล ดีแลนดี้ มาก เพราะว่านีลมีทักษะการยิงที่แม่นยำในระดับสูง อีกทั้งเป็นคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ง่าย เข้าอกเข้าใจคนรอบตัวอยู่เสมอ เขาจึงมองว่า นี่เป็นคุณสมบัติที่คนในองค์กรต้องมีแบบนี้สักคน โดยเฉพาะกับเหล่าไมส์เตอร์ที่ต้องทำงานร่วมกันในสนามรบ
การค้นหาสมาชิก CB ในลำดับต่อไป เกรฟ ได้รับภารกิจจากเวด้าในการติดต่อ “ลีซ่า คุโจ”( หรือ สุเมรากิ ลี โนริเอกะ ตัวละครโปรดของแอดมิน Ak47 ในเวลาต่อมา 555+) ฝ่ายยุทธการทางการทหารของ AEU ผู้มีแนวคิดสำหรับแผนรบว่า แผนรบที่ดีจะต้องทำให้การต่อสู้สร้างความเสียหายน้อยที่สุด หรือ สิ้นสุดลงในเวลาที่เร็วที่สุด แต่ในเวลานั้น เกรฟได้เลือกที่จะยุติการติดต่อกับลีซ่า คุโจ ไปก่อนเนื่องจากสภาพจิตใจของเธอ ที่ย่ำแย่มากเนื่องจากการวางแผนรบที่ผิดพลาด และสูญเสียชายผู้เป็นที่รักไป … นอกจากลีซ่าแล้ว ก็ยังมี “ชาล อคุสติก้า” อดีตไมส์เตอร์ที่คุ้นชินกับการทำงานด้วยกันดั้มเป็นอย่างดี แต่เกรฟก็มองว่า ชาลเองก็มีปัญหาทางสภาพจิตใจเหมือนกัน เนื่องจากอดีตของเธอที่ต้องสูญเสียเพื่อนไมส์เตอร์ไปถึงสองคน …
( NOTE : ในตอนที่เกรฟกำลังจะไปติดต่อกับคุโจ คือช่วงเวลาเดียวกันกับที่ คุโจ สูญเสียคนรักของเธอไป ซึ่งถ้าใครเคยดูอนิเมะแล้วน่าจะจำได้ ที่มีการย้อนอดีตของ สุเมรากิ ลี โนริเอกะ ให้ดูในช่วงต้น season 2 คุโจในเวลานั้นเป็นฝ่ายยุทธการเช่นเดียวกับ เคที่ มาเนกิ้น ซึ่งแผนรบที่ผิดพลาดเนื่องจากการได้รับข่าวสารที่ผิดพลาด ทำให้ทหารฝ่ายตนเองต้องสู้รบกวนและเกิดความเสียหายอย่างหนัก .. )
(ซ้าย) ชาล ทำการตรวจร่างกายของเธอโดยมี ดร.โมเรโน่ คอยสอบถามอาการและปลอบใจ (ขวา) เดลฟีน และ ลีโอนาร์ด 2นักบินของ เที่ยเหริน ผู้พ่ายแพ้ให้กับ Sefer Rasiel
ทางด้านชาล ต้องเข้ารับการเช็คสภาพร่างกายอยู่สม่ำเสมอเนื่องจากเซลล์ของเธอได้รับความผิดปกติเนื่องจากการอาบอนุภาค GN จำนวนมากจากเหตุการณ์ “พลูโตเน่” ในช่วงท้าย OOP season1 .. เหตุที่เธอรอดมาได้นั้นเนื่องจากความช่วยเหลือของ Meister 874 ที่ได้ใส่ “Nanomachine” สำหรับการรักษาให้กับชาล อีกทั้งให้ข้อมูลทางการแพทย์เชิงลึกหลายแขนง จน ดร.โมเรโน่ สามารถช่วยชีวิตเธอเอาไว้ได้
ภารกิจลำดับถัดมา เกรฟ ได้ดำเนินการตามหาไมส์เตอร์กันดั้มรุ่นที่ 3 คนต่อไป .. ตัวอย่างการทดลองที่ E-57 จากสถาบันซุปเปอร์โซลเจอร์ (อาเลลูย่า ฮาปทิซึ่ม นั่นเองครับผม) เริ่มภารกิจเกรฟก็รีบเบิ่งไปยังสถานที่ที่ระบุตำแหน่งของอาเลลูย่าเอาไว้จากข้อมูลของเวด้า แต่นั่นเป็นกับดัก… เกรฟพบว่าสถานที่ที่เขาไปถึงคือ “HRL’s Next Generation Technology Development Laboratory” อธิบายง่ายๆมันคือแลปพัฒนาเที่ยเหรินรุ่นใหม่ๆปังๆ (ณ เวลานั้น) นั่นเองหละครับ
ด้วยเหตุนี้ ฮิกซาร์ที่ได้ทราบข่าวจึงขับ “Sefer” ออกไปสนับสนุน (เซเฟอร์ คือซัพพอร์ทยูนิตของราซิเอลกันดั้ม) ยานเล็กที่มีถึง 5 เครื่อง สามารถประกอบร่างกับราซิเอลได้ โดยมีฮาโล่ และ ไมส์เตอร์ 874 คอยขับเครื่องที่เหลือนอกจากฮิกซาร์ครับผม
ฮิกซาร์มาถึงสนามรบและมาซัพพอร์ทกับราซิเอลได้ การต่อสู้จบลงในเวลาไม่นานนัก และภารกิจสำหรับเกรฟในวันนี้ก็จบลง… ทางด้านหุ่น เที่ยเหริน คิวชู รุ่นใหม่ที่นอนกองอยู่กับพื้นนั้น เดลฟีน เบเดเลีย และ ลีโอนาร์ด เฟียนส์ เด็กหนุ่มผมทองผลผลิตจากสถาบันซุปเปอร์โซลเจอร์ ซึมกับการที่ตนได้แพ้ให้กับหุ่นรบปริศนา แต่ทางเดลฟีน ได้ปลอบว่า หากไม่มีฝีมือการขับหุ่นอันยอดเยี่ยมอง ลีโอนาร์ดอยู่ด้วยละก็ ตนคงได้ตายไปแล้ว
(NOTE : เดลฟีน เบเดเลีย คือ เดล เออร์ด้าส่วนลีโอนาร์ด ก็คือ ลีโอ ซีค ที่ปรากฏตัวในภาค OOI 2314 ที่ทั้งคู่ได้เป็นสมาชิกของ CB ไปแล้วนั่นเองครับผม โดยที่ ลีโอ ซีค ได้เป็นไมส์เตอร์ของเฟเรชเต )
(ซ้าย) ฟอน สปาร์ค ได้พบกับเกรฟ หลังสู้รบกับ AEU (ขวา) ทีเอเรีย เออร์เด้ ทดสอบแนดเลห์ หุ่นที่พัฒนาช้าที่สุดในรุ่นที่ 3
ต่อมาเกรฟก็ยังดำเนินภารกิจตามหาไมส์เตอร์ต่อไป หลังจากสู้รบกับฝั่ง AEU เสร็จเรียบร้อยแล้ว เกรฟก้ได้พบกับ “ฟอน สปาร์ค” หนึ่งในคนที่เวด้าให้ความสนใจที่จะคัดเลือกมาเป็นกันดั้มไมส์เตอร์ ( หากใครเคยอ่าน OOF แล้ว ต้องรู้จักไอหมอนี่อย่างแน่นอน ไมส์เตอร์ฆาตกรผู้บ้าคลั่ง ฟอน สปาร์ค ) สำหรับพาร์ทของฟอนจะขอพักไว้เท่านี้ก่อน ต้องติดตามอ่านต่อในตอน OOF นะครับผม
ตัดกลับมาที่อวกาศ การทดสอบกันดั้มเครื่องสุดท้ายและเครื่องที่ล่าช้าที่สุดของ กันดั้ม Gen3 “Nadleeh Gundam” โดยมี “ทีเอเรีย เออร์เด้” เป็นไมส์เตอร์ การทดสอบดำเนินไปโดยมี 874 คอยจับตาดูและส่งข้อมูลต่างๆให้กับเวด้า 874มีคำถามเกี่ยวกับตัวของทิเอเรียอยู่มากมาย เพราะแม้แต่เธอเองก็ไม่รู้จักที่ไปที่มาของทีเอเรีย และที่น่าแปลกที่สุดคือ ทีเอเรียเป็นไมส์เตอร์ที่เวด้ารับเข้ามาเองโดยไม่ผ่านเอเย่นต์อย่างเกรฟ แบบสมาชิกคนอื่นๆ 874ได้แต่สงสัยอยู่ต่อไป …
หลังจากการทดสอบ Nadleeh ไปแล้ว ก็มาต่อกันด้วยการติดอาวุธหนักให้กับแนดเลห์ในชื่อ Gundam Virtue Physical (เวอรชิวฟิสิคอล ยังเป็นตัวโปรโตไทป์) การทดสอบหุ่นเป็นการต่อสู้กันระหว่าง Sefer Rasiel ของเกรฟและฮิกซาร์ กับ Virtue ที่ขับโดยทีเอเรีย ผลการต่อสู้นั้นออกมาด้วยการเสียหายของเครื่องเซเฟอร์ ที่พยายามป้องกันตัวหุ่นราซิเอล เนื่องจากพลังการยิงของเวอร์ชิวสูงมากๆ ฮิกซาร์ได้รับบาดเจ็บ และสละเครื่องเซเฟอร์ออกมา (ในรูปแบบ GN Pod) เกรฟได้รีบนำ GN Pod กลับมาที่ฐานและรีบนำฮิกซาร์เข้ารักษาตัวทันที
สถานการณ์บนโลกล่าสุด นอกจากเกรฟที่ได้พยายามตามตัวไมส์เตอร์อย่างอาเลลูย่าแล้ว ตัวเขาก็ได้ถูกเดลฟีนและลีโอนาร์ดตามตัวเช่นกัน แต่ในตอนนี้คนที่คุมร่างอยู่นั้นเป็น “ฮาเลลูย่า” แต่ฮาเลลูย่าดันแพ้คำพูดปั่นหัวของลีโอนาร์ดซึ่งเป็นซุปเปอร์โซลเจอร์ที่เข้าใจกันดี จึงยังไม่เกิดการปะทะกันขึ้น และคืนสิทธิการคุมร่างให้กับ อาเลลูย่าในที่สุด…
(ซ้าย) ฮิกซาร์ฟื้นขึ้นมาได้อย่างปลอดภัยหลังการทดสอบ (ขวา) ฮาเลลูย่า ปะทะ เดลฟีนและลีโอนาร์ด
ณ เวลาต่อมา แผนการรวบรวมไมส์เตอร์ของเกรฟก็เรียกได้ว่า เกือบครบแล้ว ได้ถึง 3 จาก 4 คน แต่ยังมีปริศนาหนึ่งอย่างที่แม้แต่ตัวเกรฟก็ยังสงสัยว่า ทำไมคนที่เขาคัดเลือกมาสำหรับการเป็นไมส์เตอร์ให้กับ Gundam Exia นั้นจึงถูกปฏิเสธโดยเวด้ามาตลอด .. จนกระทั่งเขาแอคเซสเข้ากับเวด้าแล้วพบว่า เวด้าได้มอบสิทธิไมส์เตอร์นี้ให้กับเด็กหนุ่มที่ชื่อ “โซรัน อิบราฮิม” (หนือ เซตสึนะ เอฟ เซย์เอย์ พระเอกของ OO Gundam ภาคอนิเม) ไปเรียบร้อยแล้วครับ เนื้อเรื่องในตอนนี้ได้มีการเปิดเผยด้วยว่า แท้จริงแล้ว เกรฟ และฮิกซาร์ เป็น อินโนเวดครับผม
(NOTE : อย่างที่ Ribbons Almark ได้กล่าวไว้ในอนิเมะว่า ตัวเขานั้นได้ติดต่อกับเวด้าเอง เพื่อมอบตำแหน่งไมส์เตอร์ให้กับ เซตสึนะ ตั้งแต่วันที่พบกันที่เคอร์ดิช ครับผม)
ฮิกซาร์ ฟื้นได้ไม่นาน ก็ก่อเรื่อง เมื่ออยู่ๆเขาก็ ยิง เกรฟ ที่ไร้การป้องกันใดๆเนื่องจากอยู่ในฐานทัพตัวเอง … โดนเข้าไปที่ท้อง ขา และ เอว อย่างละนัด เกรฟเองก็เกือบที่จะสิ้นใจเลยทีเดียว เกรฟได้พยายามหลบหนีฮิกซาร์ที่พยายามฆ่าออกมาด้วย เซเฟอร์ และ ระหว่างที่กำลังจะสิ้นลมหายใจลงไป ตัวเขาได้แอคเซสเข้ากับเวด้าอีกครั้ง และพบว่า ชื่อของตนเองได้หายไปจากลิสต์ของกันดั้มไมส์เตอร์แล้ว เกรฟถูกลบออกจากระบบ และมีชื่อ ฮิกซาร์เข้ามาแทน ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่า ฮิกซาร์เป็นอินโนเวดอีกหนึ่งคนที่มีหน้าที่ทั้งติดตาม และกำจัดเขาทิ้ง ในวันที่รวบรวมเหล่าไมส์เตอร์ได้ครบแล้วนั่นเอง
ฮิกซาร์ในเวลานี้ได้ตื่นขึ้นในฐานะอินโนเวดอย่างเต็มตัว ไม่มีความเป็นมนุษย์ธรรมดาอย่างที่ก่อนหน้านี้มีแล้ว ฮิกซาร์เองก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมตัวเขาถึงทำแบบนั้น เต็มไปด้วยความสับสนกับการกระทำของตนเอง…(จริงๆแล้ว ฮิกซาร์นั้น ถูกบิดเบือนความทรงจำโดยเวด้าว่าเป็นมนุษย์ธรรมดามาตลอด ไม่เคยทราบว่าตนเป็นอินโนเวด)
ทางด้านเกรฟก็ล่องลอยไปตามห้วงอวกาศพร้อมกับราซิเอล และข้อมูลทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ก็ถูกลบออกไปทั้งหมดด้วยเวด้า และ แทนที่ด้วยข้อมูลที่บิดเบือนจากความจริง
นี่จึงเป็นเหตุที่ว่า “ทำไม Rasiel ที่อยู่ใน Generation 3 ด้วยกันกับพวก Exia ถึงไม่ปรากฏตัวออกมาในอนิเมะเลย”
- บทความโดย NuthSWR
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก