ลักษณะทางกายภาพ
ประเภท : อาวุธระยะประชิด
ขนาด : เล็ก – กลาง
สี : แล้วแต่ผู้ใช้งาน
วัสดุ : ตามแต่ผู้ใช้งานจะประกอบขึ้นมา ส่วนมากจะเป็นแร่เหล็ก
ความยาวด้ามจับโดยทั่วไป : 24-30ซม.
ความยาวรวมด้ามและใบดาบ : 145ซม.
น้ำหนักโดยทั่วไป : 1 กิโลกรัม
“คำเตือน โปรดระวังการใช้งาน และอย่าเอาหน้าไปจ่อที่ด้ามดาบโดยเด็ดขาด!”
ในภาพยนตร์ชุดสตาร์วอร์สอันโด่งดังชนิดที่ไม่มีคอหนังคนไหนไม่รู้จัก ได้สร้างเรื่องราวตำนานลิเกอวกาศมาอย่างยาวนาน มีบทเนื้อหาสารพัดยิบย่อยมากมาย แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่ภาพยนตร์ชุดนี้มาตลอดจนแทบจะเป็นสัญลักษณ์ของเรื่องไปแล้ว นั่นก็คือ “กระบี่แสง” หรือ “Lightsaber”ดาบเลเซอร์ที่มีเสียงหึ่งอันเป็นที่จดจำ ในตอนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางทีมงานเองก็คงไม่คิดถึงเรื่องของการวางเนื้อหา ที่มาของดาบแสงสีหวานเย็นเหล่านี้อย่างแน่นอน แต่เป็นการเขียนเรื่องราวแตกยอดแตกหน่อออกมาหลังจากความสำเร็จของภาพยนตร์ชุดนี้นั่นเอง
จุดกำเนิดของกระบี่แสง
**ที่กำลังจะได้อ่านนี้ บางส่วนไม่ได้ถูกนับเป็นเนื้อหาหลักของภาพยนตร์ชุด Star Wars แต่อย่างใด (Non-Canon) แต่เป็นเนื้อหาจากจักรวาลขยาย นวนิยาย และหนังสือการ์ตูนภาคแยกย่อยที่ได้รับสิทธิ์จากทาง Lucas Film อีกที**
กระบี่แสง เป็นสิ่งประดิษฐของมนุษย์เผ่าพันธุ์ผู้ทรงภูมิแห่งอวกาศที่มีชื่อว่า “เผ่ารักกาต้า” (Rakata)หรือที่รู้จักกันในนาม “ผู้สร้าง” เมื่อ ปี 37,453 BBY (37,453ปี ก่อน ยุทธการยาวิน) พวกชนเผ่านี้มีลักษณะ โหดร้าย โหดเหี้ยม และความเย่อหยิ่ง แต่มีความฉลาดล้ำไปไกลมาก ก็ได้ใช้เทคโนโลยี ผสานกับ “พลัง” มวลประจุพลังงานที่มีอยู่ทั่วจักรวาล ทำให้กองกำลังรักกาต้ามีศักยภาพในการพิชิตและปราบปรามสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ทั่วทั้งกาแลกซี่ ซึ่งอาวุธที่ใช้รุกรานอวกาศครั้งนั้น ก็มีสิ่งที่เรียกว่า “กระบี่พลัง” หรือ “Forcesaber”ออกใช้งานจริงอยู่ในนั้นเช่นกัน ซึ่งนอกจากกระบี่แสงแล้ว ชนเผ่านี้ได้ริเริ่มการพัฒนาเทคโนโลยี “hyperdrive”หรือ “การวาร์ป” อีกด้วย
กระบี่พลัง จัดเป็นอาวุธที่ทรงพลังมากในหมวดอาวุธระยะประชิด โดยใช้พลังงานด้านมืดของจักรวาล (Dark Side) เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งพลังงานด้านมืดที่ทรงพลังได้รับการส่งผ่านผลึกคริสตัลที่ฝังไว้ในด้ามดาบ และรวมแสงผ่านเลนส์พิเศษ จนเข้มข้นในระดับที่สามารถสร้างความร้อนสูงได้ แต่ก็ยังไม่เสถียร และมีความเสี่ยงในการเสียหาย จนเป็นอันตรายต่อผู้ใช้เช่นกัน
ในปี 25,000 BBYกระบี่พลัง ได้รับการอัพเกรดเป็น “กระบี่แสง” (Lightsaber)โดยเหล่า “เจได” (Je’daii Order)องค์กรโบราณที่มีสมาชิกหลายหลายสายพันธุ์ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ความเชื่อ และการปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ และมุ่งความสนใจไปที่การรักษาสมดุลของ “พลัง” (Force)พวกเขาได้ศึกษาเรียนรู้ และ รวมเทคโนโลยีขั้นสูงในการรวมแสงจนเหมือนการ “แช่แสง” (Freeze)แต่ไม่ระบุว่า “ใครเป็นคนสร้าง” รู้แค่ว่า “หนึ่งในสมาชิกขององค์กรเจได” สร้างมันขึ้นมาเท่านั้น และรู้จักกันเฉพาะในฐานะ “อาวุธทางพิธีกรรมขึ้นมาในนิกาย” และ “อาวุธระดับอาจารย์” (Master Weapon)เท่านั้น แม้จะได้รับการพัฒนาแล้ว แต่กระบี่พวกนี้ ก็ไม่ได้มีความเสถียรแต่อย่างใด แถมใช้พลังงานมหาศาล ทำให้สามารถใช้ได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่จะมันจะร้อนเกินไป ด้วยข้อด้อยเหล่านี้ กระบี่แสงในช่วงแรกจึง เป็นสิ่งของทางพิธีกรรมอย่างที่กล่าวไปแล้ว
และหลังจากนั้น ก็เกิดเรื่องราวมากมาย ทั้งสงครามของ “เจได กับ เจไดมืด” / ยุคจักรวรรดซิธ / ยุค Old Republicและหลายหมื่นหลายพันปี อาวุธชนิดนี้ก็ได้รับการต่อยอด พัฒนามาเรื่อยๆจากแบบมีสายพลังงานห้อยเชื่อมต่อกับถังพลังงานระโยงระยางเกะกะ ก็ค่อยๆลดลงมาเหลือเป็นแบบเก็บประจุพลังงานความร้อนในด้ามดาบได้โดยไม่ต้องพึ่งแหล่งพลังงานจากภายนอกได้ จนอย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน
ในปี 19BBYหลังจากคำสั่งกวาดล้างเจไดของ “ดาร์ธ ซีเดียส” หรือ “สมุหนายก พัลพาทีน” ทำให้นิกายเจไดล่มสลาย เหล่ากระบี่แสงถูกขายทอดตลาดในฐานะของสะสมราคาแพงในตลาดมืดของจักรวาล
การสร้างกระบี่แสง
กระบี่แสงทุกเล่มนั้นจะต้องเป็นอาวุธที่ถูกสร้างโดย “พาดาวัน” (ผู้ฝึกวิชาเจได) เท่านั้น (แต่ใครๆก็ใช้ได้ซะงั้น แปลกดี) โดยใน ยุคสาธารณะรัฐเก่า (Old Republic) เหล่าพาดาวันที่ต้องการกระบี่แสงประจำตัว จะต้องมาที่ ถ้ำที่มีผลึกคริสตัลแห่งพลัง ซึ่งตั้งบน ดาวแห่งทุ่งน้ำแข็ง“อิลัม” โดยพาดาวันจะต้องทำการนั่งสมาธิ ผึกจิตให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของพลัง (Force) เพื่อให้จิต และคริสตัลในถ้ำสอดประสานกัน เมื่อใดที่มีคริสตัลส่องแสงตอบรับผู้ที่ฝึกจิต นั่นแปลว่าเริ่มการสกัดเอาคริสตัลก้อนนั้นๆมาทำกระบี่แสงได้ ซึ่งคริสตัลแต่ละก้อนก็จะมีสีที่ต่างกัน (สีของกระบี่แสง ไม่ได้เป็นการบ่งบอกอะไรถึงตัวตนของผู้ใช้แต่อย่างใด)
โดยการประกอบก็จะต้องใช้“พลัง”ในการประกอบทีละชิ้นตั้งแต่ “น๊อตตัวแรก” จนถึง “เกลียวล๊อกด้ามตัวสุดท้าย” และยังต้องปรับแต่งสวิทช์เปิดปิดให้ตรงตามลักษณะการใช้งานของพาดาวันคนนั้นๆอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ใช้เวลาอย่างต่ำหนึ่งเดือน (แต่มีเจไดบางคนสามารถประกอบกระบี่แสงได้โดยใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้นในช่วงสงครามโคลน)
ส่วนประกอบโดยทั่วไป
(รูปทรงของด้ามของผู้ประกอบจะแตกต่างตามรสนิยม หรือความฝักใฝ่ของแต่ละตัวละคร แต่ส่วนประกอบจะคล้ายๆกันตามตัวอย่าง)
นอกจากคริสตัลบนดาวอิลัมแล้ว คริสตัลที่เป็นแหล่งกำเนิดพลังสำคัญของกระบี่แสงยังหาได้จากอีกหลายๆที่ เช่น “มุก” , “แท่งโลหะ” , “คริสตัลไคเบอร์บนดาวมิมแบน” , “เน็กซ์เตอร์”กับ “ดาไมนด์ส” ที่สามารถพบได้ทั่วกาแลคซี่ หรือจะเป็น “มุกของมังกรไครท์” บนดาวทาริสเป็นต้น อาจจะกล่าวได้ว่า “วัตถุดิบยิ่งหายาก กระบี่แสงก็ยิ่งคุณภาพสูงตามไปด้วย” เช่นกัน
**ส่วนกระบี่แสงของ ไคโร เรน นั้นเป็นของที่เจ้าตัวประกอบขึ้นจากคริสตัลเก่าที่ผ่านการใช้งาน และใกล้เสื่อมสภาพบางส่วน รวมเข้ากับคริสตัลที่มีทั่วๆไป ทำให้พลังของกระบี่แส่งของ ไคโร เรน ไม่มีพลังเสถียรเท่าที่ควร ซึ่งรูปแบบจะคล้ายๆกับ “กระบี่พลัง” หรือ “Forcesaber” ในอดีตกาลนั่นเอง ส่วนรูปทรงของกระบี่แสง ถูกจัดเป็นทรง Crossguard ดาบทรงโบราณที่ใช้ในสมัยที่เจได ทำสงครามกับซิธ เมื่อหลายพันปีที่แล้ว **
ตัวอย่างกระบี่แสงรูปแบบอื่นๆ
กระบี่แสงพิฆาตมังกร (War Dragon rider Lightsaber)
กระบี่แสงสองปลาย (Double-bladed Lightsaber)
กระบี่แสงสั้น (Shoto)
กระบี่แสงด้ามยาว (Long-handle lightsaber)
ทอนฟาแสง (Guard shoto หรือ Lightsaber tonfa)
แส้แสง (Lightwhip)
หอกกระบี่แสง / หอกกระบี่แสงสองปลาย (Lightsaber pike)
รู้หรือไม่!?
-กระบี่แสง ใช้งานแทนไฟฉายส่องสว่างได้ในช่วงไตรภาคหลัง (Ep1-2-3) ด้วยเทคนิค CG ในขณะที่ไตรภาคดั้งเดิม (EP4-5-6) ทำไม่ได้ เพราะเทคนิคการถ่ายทำแบบยุคเก่าที่ต้องขูดฟิลม์นั่นเอง
- กระบี่แสงของโอบีวันนั้น จริงๆแล้วมันเกิดจากการประกอบของปืนกล Browning ANM2 , เครื่องยิงลูกระเบิด WWI No.3 Mk.1 British Rifle Grenade และ ท่อเครื่องยนต์ไอพ่นของ Rolls-Royce Derwent Mk.8/Mk.9 Jet Engine มายำรวมกันจนกลายเป็นของที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์
-เดิมที กระบี่แสง ถูกจัดเป็นไอเทมดาษๆที่หาได้ทั่วไป ใครๆในเรื่องก็สามารถใช้งานได้ แม้แต่ทหารเบ๊อย่าง “สตรอมทรูเปอร์” แต่ทว่า จอร์ช ลูคัส อยากให้กระบี่แสงเป็นไอเทมที่พิเศษกว่าปืนเลเซอร์ จึงได้ทำการแก้บทให้ใช้งานได้เฉพาะอัศวินเจไดและซิธลอร์ดเท่านั้น แถมชื่อเดิมในช่วงก่อนการถ่ายทำ มันถูกเรียกว่า “ดาบเลเซอร์” (Lasersword)กันตรงๆดื้อๆอีกด้วย
-เสียงกระบี่แสงนั้น เกิดจากเครื่องโปรเจกต์เตอร์ มารวมกับเสียงสัญญาณรบกวนจากโทรทัศน์ระบบเคเบิลยุคเก่า แต่ในไตรภาคหลังนั้น “ยวน แม็คเกรเกอร์” ผู้รับบท โอบีวัน / “เฮย์เดน คริสเตนเซ่น”ผู้รับบท อนาคิน สกายวอลค์เกอร์ และ “เลียม นีสัน” ผู้รับบท ไควกอน จินน์ เป็นผู้พากย์เสียงของกระบี่แสงที่ตัวเองใช้ในหนังที่ห้องอัดเสียงแยกต่างหาก ส่วนเสียงกระบี่ของ ไคโร เรน ว่ากันว่ามาจากเครื่องเหลาดินสอในสำนักงานของจอร์ช ลูคัส
-สีของกระบี่แสงของ ลุค สกายวอลค์เกอร์ ที่เปลี่ยนจาก สีฟ้า มาเป็น สีเขียว ในภาค Return of The Jediนั้น เหตุผลคือในการถ่ายทำฉากที่ลุคจะไปช่วย ฮัน โซโล จากแจ๊บบ้า ถ้ากระบี่แสงเป็น สีฟ้า จะทำให้ตัดต่อยาก และ สีกระบี่จะกลืนไปกับท้องฟ้าที่เป็นฉากหลัง จึงใช้สีเขียวแทน ทำให้ลุคดูโดดเด่นกว่าฉากนั่นเอง
-สีของกระบี่แสงของ “เมซ วินดู” ที่เป็นสีม่วงนั้น ไม่ได้บ่งบอกว่าตัวละครนี้เก่งทั้งด้านการใช้พลังด้านมืดและด้านสว่างแต่อย่างใด แต่เป็นการที่ “แซมมวล แอล แจ๊คสัน” นักแสดงผู้รับบทอาจารย์วินดู ได้ขอให้ผู้กำกับเปลี่ยนสีเป็นสีม่วง เพื่อให้เมซ วินดู ดูโดดเด่นในฉากสงครามโคลนใน “Episode2 กองทัพโคลนจู่โจม” นั่นเอง
-เทคนิคการใช้กระบี่แสงในเรื่องสตาร์วอร์ส ทางจอร์ช ลูคัส ได้หยิบเอาศิลปะการต่อสู้ของซามูไรญี่ปุ่น มาผสานกับการต่อสู้ของการใช้กระบี่แบบยุโรป โดยในการซ้อมคิวดวลกระบี่ในไตรภาคแรก ก็ได้ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ของทั้งสองแขนงมาให้คำปรึกษา แถมยังมีการเร่งภาพให้เร็วขึ้น 1.25 เท่า เพื่อความเร้าใจอีกด้วย
ข้อมูล
http://www.angelfire.com/theforce/swrpg_rote/lightsabers.htm
แอดมิน Ak47
รวมซีนดวลกระบี่แสงสุดพริ้ว
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก