หากกล่าวถึงเกมที่หยิบเอาเรื่องราวความวุ่นวายในแผ่นดินจีนยุคสามก๊กแล้วล่ะก็ ชื่อของ Dynasty Warrior จะต้องติดเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน ด้วยลักษณะเกมเพลย์ที่ไม่เหมือนใคร ที่มาแบบแม่ทัพคนเดียวลุยเดี่ยวกับ AI โง่ๆนับร้อย ตัวละครที่เท่ล้ำหน้ายุคสมัยจนเกือบจะเป็นแฟนตาซีกลายๆ ก็ทำให้เกมนี้ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งมาตลอดหลายปี
แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนดีไซน์ตัวละคร ฉาก กับเกมเพลย์นิดหน่อย แต่จะมีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอนก็คือในส่วนของ “เนื้อหาของแต่ละด่าน” เพราะตัวเกมยังคงหยิบยกเอาเหตุการณ์ต่างๆมาทำเกมนั่นเอง และนี่คือ “10 ฉากที่ต้องมีในเกม Dynasty Warrior ทุกภาค!” ไม่ว่าจะเล่นภาคไหน ยังไงก็ต้องเจออย่างแน่นอน มาทำการบ้าน ต้อนรับการมาของภาค 9 กันเถอะ !!
1.ปราบกบฏโจรผ้าเหลือง (Yellow Turban Rebellion) (ค.ศ.184)
จัดเป็นด่านแรกสุดของเกมแทบจะทุกภาค โดย AI ในฉากก็จะอยู่ในระดับกากสุด HP ต่ำสุด และเงื่อนไขผ่านด่านง่ายสุด เพราะเหมือนตัวเกมต้องการให้ผู้เล่นได้ทำการเรียนรู้การบังคับ คอมโบในเบื้องต้นนั่นเอง โดยเนื้อหาของฉากนี้จะเล่าถึงช่วงเวลาที่พระเจ้าเลนเต้ขึ้นครองอำนาจ แต่เป็นฮ่องเต้ที่ไม่รู้เรื่องราว ไม่มีความเป็นธรรม และทำให้เหล่าขันทีทั้ง 10 มีอำนาจออกกฏต่างๆจนประชาชนอยู่อย่างยากลำบาก จนกระทั่งมีการลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจของราชสำนัก นำโดย “เตียวก๊ก” (จางเจี่ยว 张角)ที่เป็นหมอชาวบ้าน (ในวรรณกรรมสามก๊ก ได้เสริมว่า เขาเรียนรู้ศาตร์ควบคุมดินฟ้าอากาศ และการรักษาโรคจากคัมภีร์ 3 เล่ม จากชายชรานิรนาม) ด้วยฝีมือรักษาโรค และความรู้ที่มีไว้ช่วยชาวบ้าน ก็ทำให้เตียวก๊กมีลูกศิษย์ที่เลื่อมใสในตัวเตียวก๊ก และรวมตัวกันจนเป็นกองกำลังที่ใหญ่ขึ้นเพื่อต่อสู้กับเหล่าขุนนาง และได้ขยายตัวไปยังเมืองต่าง ๆ อีก 7 เมือง รวมเป็น 8 เมือง คือเมือง กิลกกุ๋น, เฉงจิ๋ว, อิวจิ๋ว, ชิวจิ๋ว, เกงจิ๋ว, ยังจิ๋ว, กุนจิ๋ว และ อิจิ๋ว
“บัดนี้แผ่นดินจะสาบสูญฉิบหายแล้ว ผู้มีบุญจะมาเสวยสมบัติใหม่ คนทั้งปวงจงทำตามคำเทพยดาทำนายเถิด จะได้อยู่เย็นเป็นสุขพร้อมมูลกัน” คำปลุกระดมนี้ ทำเอาชาวบ้านที่ได้ยิน และผู้ติดตามเตียวก๊กที่นับกำลังพลได้จำนวนห้าสิบหมื่นลุกฮือขึ้นต่อต้านราชสำนักเต็มรูปแบบ แต่ทว่า โจโฉ เล่าปี่ ซุนเกี๋ยน ตั๋งโต๊ะ รวมพลังกันในกองทัพพิเศษเฉพาะกิจ ปราบเตียวก๊กลงได้ และสลักชื่อคำว่า “กบฎ” ลงไปในหน้าประวัติศาสตร์ของผู้แพ้อย่างเตียวก๊กนับแต่นั้น…
และหลังจากนั้นเรื่องราวก็วุ่นวายต่อ เมื่อพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนม์ ตำแหน่งทางการบริหารปกครองอยู่ในสภาพเกียร์ว่าง… เหล่าสิบขันที โฮจิ๋น ตังไทเฮา ก็เข้าสู่เกมแย่งชิงอำนาจครั้งใหม่…
2.ศึกด่านเฮาโลก๋วน (Battle of Hulao Gate) (ค.ศ.191)
ถือเป็นอีกหนึ่งอีเว้นท์ที่ขาดไม่ได้จริงๆกับ ศึกปราบตั๋งโต๊ะ เพราะหลังจากโจรผ้าเหลืองถูกปราบไป 6 ปี ตั๋งโต๊ะเถลิงอำนาจ มีบทบาทเข้าแทรกแซงทางการเมืองสารพัดเพื่ออำนาจของ “ผู้สำเร็จราชการแทน” ด้วยวิธีการปลด หองจูเปียน ที่ควรจะได้เป็นฮ่องเต้ครองบัลลังก์ ออกจากราชสมบัติ และได้ตั้ง หองจูเหียบ พระราชอนุชาขึ้นเป็น พระเจ้าเหี้ยนเต้ แทน โจโฉ จึงออกหน้าอาสาลงมือสังหารตั๋งโต๊ะแต่ทำไม่สำเร็จ จึงหนีออกไปสมทบกับ “อ้วนเสี้ยว” และอีก 18 หัวเมืองเข้าทำการศึกใหญ่
ศึกแรกที่เป็นจุดเริ่มการปะทะของ 18 หัวเมือง และ ตั๋งโต๊ะ ก็คือการที่กองกำลังผสม18เมืองของอ้วนเสี้ยว เข้าปะทะกับ “ฮัวหยง” ที่เก่งกาจจนทำให้ทัพผสมระส่ำระสายได้ แต่ “กวนอู” ซึ่งในตอนนั้นก็ได้ติดตามเล่าปี่ที่ไปเข้าร่วมในสังกัดของแม่ทัพกองซุนจ้าน ก็อาสาเข้ารบกับฮัวหยง และจบลงที่กวนอูสามารถตัดศีรษะของฮัวหยงกลับไปฝากที่ฐานทัพได้…
แน่นอนว่าเวทีนี้ “ลิโป้” โคตรแมลงสาบควายยักษ์ ขุนพลคู่ใจของตั๋งโต๊ะก็ออกมาโชว์ลวดลายสังหารเหล่าขุนพล แม่ทัพนายกองมากมายราวกับปีศาจจากขุมนรก จนเหลือเพียงแค่ โตเกี๋ยม และกลุ่มของ กองซุนจ้าน แต่ก็ไม่อาจต้านทานการรุม 3-1 ของสามพี่น้องสวนท้อ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ที่สังกัดในทัพของกองซุนจ้านได้ ทัพตั๋งโต๊ะล่าถอยแถมย้ายเมืองหลวงกลับไปที่ ฉางอัน
3.ยุทธการที่แห้เฝือ (เสียวพ่าย) (Battle of Xiapi) (ค.ศ.198)
ศึกปราบลิโป้ที่แห้เฝือนี้ เป็นอีกหนึ่งศึกที่เราต้องเจอแน่ๆในเกมสามก๊กฉบับเดินฟัน เพราะนี่คือด่านสุดท้ายที่เราจะได้ลุยกับแมลงสาบเทพลิโป้นั่นเอง โดยเนื้อหาคร่าวๆของฉากนี้จะเล่าถึงช่วงเวลาที่ลิโป้ฉวยโอกาสที่ เล่าปี่ กำลังขัดแย้งอยู่กับ อ้วนสุด ที่เข้าตีเมืองจนเล่าปี่ต้องล่าถอยไปยังเสียวพ่าย จึงได้ทำการเขียนจดหมายขอความร่วมมือกับโจโฉอย่างจำใจ
โจโฉ ก็จัดให้ตามคำขอ ยกทัพมาล้อมเมืองแห้เฝือที่ลิโป้ครองอยู่ และกันให้เล่าปี่ไปตัดกำลัง “อ้วนสุด” ที่ลิโป้ได้ทำจดหมายให้มาร่วมรบฝ่ายตน ส่วนตัวเองร่ำสุราอย่างสำราญใจหลังกำแพงเมืองโดยไม่สนแผนของ “ตันก๋ง” ลิโป้ทำได้แค่กินเหล้ารอไปวันๆจนร่างการทรุดโทรม หมดสง่าราศียอดนักรบจนเจ้าตัวเองก็รับไม่ได้ และออกกฎห้ามดื่มเหล้าในเขตฐานทัพ ถ้าพบเห็นผู้ใดฝ่าฝืนจะตัดหัวทันที และ “เฮาเสง” หนึ่งในลูกน้องของลิโป้ ก็โดนโทษโบยหวาย 50 ที เพราะไปกินเหล้า ขัดคำสั่งลิโป้ ทำให้แค้นใจมากจนขโมย ม้าเซ็กเทาว์ ไปให้โจโฉ และร่วมมือกับซุยเหียน ในการมัดลิโป้ส่งให้โจโฉตัดสินโทษอย่างง่ายดาย
หลังจากลิโป้ถูกจับ เขาก็ขอร้องโจโฉให้ไว้ชีวิต ซึ่งโจโฉเองก็อยากได้คนเก่งมาใช้งาน แต่เล่าปี่ขอให้พิจารณาเรื่องคุณธรรมของลิโป้ที่สามารถหักหลังผู้มีพระคุณมาหลายครั้ง และเชียร์ให้โจโฉสั่งประหารลิโป้ลงได้ แน่นอนว่ากุนซือผู้ภักดีอย่าง “ตันก๋ง” ที่ยอมติดตามลิโป้มาแต่แรก ก็ได้ขอตายตามไปรับใช้ลิโป้ในภพหน้า ทำให้โจโฉร้องไห้หนักมากเพราะเสียดายคนเก่งที่อยากได้มาใช้งาน และรับปากว่าจะดูแลครอบครัวตันก๋งเป็นอย่างดีตลอดชีวิต ส่วน เตียวเลี้ยว ยอดฝีมือคู่ใจของลิโป้ โจโฉเลี้ยงดูไว้เป็นทหารเอก เพราะเตียวเลี้ยวโจโฉมองไว้ว่าน่าไว้ใจ และพึ่งพาได้ในอนาคตนั่นเอง
4.ยุทธการที่กัวต๋อ (Battle of Guandu) (ค.ศ.200)
อีกหนึ่งอีเว้นท์ที่สร้างความแหนงแคลงใจชนิดไม่ลงรอยกันอีกเลยของ “โจโฉ” กับ “เล่าปี่” หลังจากที่ปราบตั๋งโต๊ะได้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ได้พบปะกับเล่าปี่ และสืบๆไปๆมาๆ ก็กลายเป็นว่า เล่าปี่มีศักดิ์เป็นถึง “พระเจ้าอา” ของเหี้ยนเต้ และเชื้อเชิญให้ไปปรึกษาราชการเป็นการส่วนพระองค์ ทำให้โจโฉเกิดความระแวงในตัวเล่าปี่ (ที่ไม่รู้ว่ามีแผนการอะไรซ่อนอยู่ และจะเป็นภัยต่อตัวเองในอนาคตหรือไม่) ทำให้เล่าปี่ตัดสินใจหนีออกจากเมืองไปเข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยว เพื่อชักชวนให้ปราบโจโฉ โดยกองกำลังของอ้วนเสี้ยวมีมากกว่าโจโฉ 10 เท่า แต่ด้วยความกล้าๆกลัวๆไม่เด็ดขาด ทำให้โจโฉใช้แผนตัดเสบียงที่อัวเจ๋า ทำให้ทัพอ้วนเสี้ยวขาดเสบียงและแตกพ่ายไป ทำให้โจโฉมีอำนาจอย่างมากในดินแดนทางตอนเหนือ
โจโฉได้ทำการฝังศพอ้วนเสี้ยวอย่างสมเกียรติ และได้ซื้อใจราษฎรด้วยการงดภาษีถึง 1 ปี และหลังจากนี้โจโฉก็ไม่ไว้ใจคนจากทางฝั่งของเล่าปี่อีกเลย
5.กวนอูหัก 5 ด่านสังหาร 6 ขุนพล (Guan Yu’s Escape ) (ค.ศ.200)
ด่านนี้แม้จะไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องหลักบางภาค (เป็นมินิเกมหักด่านทำเวลาซะมากกว่า) แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวีรกรรมที่ทำให้หลายๆคนยอมรับในฝีมือ ความเก่งกาจ และซื่อสัตย์ของกวนอู ยอดนักรบคู่ใจของเล่าปี่อีกหนึ่งอีเว้นท์ที่ไม่มีไม่ได้
อีเว้นท์นี้จะเล่าเรื่องราวช่วงที่ กวนอู ได้รับภารกิจคุ้มกันครอบครัวของเล่าปี่ที่ เมืองแห้เฝือ ซึ่งกำลังถูกโจโฉล้อมทัพด้วยกำลังพลมหาศาล แต่โจโฉรู้อยู่แล้วว่ากวนอูให้ตายก็ไม่ยอมแพ้ จึงได้ส่ง “เตียวเลี้ยว” มิตรสหายสายบู๊ที่เคยคุยถูกคอกันในช่วงที่เคยร่วมรบกันมา ไปเกลี้ยกล่อมให้กวนอูยอมจำนน หลังจากเจรจากันได้พักหนึ่ง กวนอูขอยื่นเงื่อนไขให้พี่สะใภ้ (เมียเล่าปี่และลูก) ปลอดภัย โจโฉปิดดีลกับกวนอูได้โดยไม่สูญเสีย กวนอูจึงพาครอบครัวของเล่าปี่มาที่ฮูโต๋ และโจโฉก็ดูแลทั้งครอบครัวเล่าปี่ กับกวนอูเป็นอย่างดี แถมมีรางวัลสินน้ำใจเป็นอันมาก แต่กวนอูไม่อาจรับไว้ได้ แต่มีเพียง“ม้าเซ็กเทาว์”เท่านั้นที่กวนอูรับมาจากโจโฉ ด้วยคำร่ำลือว่าเป็นยอดอาชาของลิโป้นั่นเอง และกวนอูก็คิดจะใช้ม้าตัวนี้พาเขาและพี่สะใภ้กลับบ้านให้ได้
ในระหว่างที่พักผ่อนในการดูแลของโจโฉ กวนอูจึงคิดตอบแทนบ้าง เมื่อมีเหตุ งันเหลียง และ บุนทิว ที่อ้วนเสี้ยวส่งมาทำการรบกับโจโฉ (ตามคำยุของเล่าปี่) แต่ โจโฉ ไม่ยอมให้กวนอูไปรบ ไว้คับขันจะมาเรียกเอง แน่นอนว่าด้วยความเก่งกาจของงันเหลียง ทำเอาทหารโจโฉผวาเตลิตจิตไปหมด ทำให้โจโฉเรียกตัว(เชิงไหว้วาน) ให้กวนอูไปรบ ผลลัพท์ไม่ต้องสืบ กวนอูสามารถตัดหัวงันเหลียง และ บุนทิว ตายเป็นคอมโบคู่กันเลย
แน่นอนว่างานนี้อ้วนเสี้ยวโกรธที่กวนอูน้องชายเล่าปี่ฆ่ามือดีของตนไปสองคน โกรธชนิดอยากประหารเล่าปี่ด้วยซ้ำ แต่เล่าปี่เข้าใจเรื่องราวจึงอธิบายว่ากวนอูทำเพราะความจำเป็น หากรู้ว่าตนปลอดภัย เขาก็เชื่อว่ากวนอูจะกลับมา และเป็นกำลังรบที่สำคัญมากๆคนหนึ่ง อ้วนเสี้ยวที่ได้ฟังก็เข้าใจเรื่องราว และบอกให้เล่าปี่ส่งนายทหารคนสนิทไปแจ้งกับกวนอู และทันทีที่รู้ข่าวว่าพี่ชายอย่างเล่าปี่ปลอดภัย กวนอูจึงรีบให้พี่สะใภ้แพ็กของเตรียมเผ่น ซึ่งโจโฉก็ไม่อาจรั้งกวนอูไว้ได้แม้จะมอบผ้าไหม เงินทองสารพัด กวนอูส่งตีกลับไปหาโจโฉหมดเลย ซึ่งโจโฉก็ยอมรับในความซื่อสัตย์ของกวนอู พร้อมมาส่งด้วยตัวเอง
แต่ระหว่างทางขากลับ กวนอูต้องผ่าน 5 ด่านตรวจของ ขุนพล 6 คน ถ้าไม่มีใบอนุญาตออกจากเมืองของโจโฉก็คือต้องแตกหักกัน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อกวนอูควบม้าพาพี่สะใภ้หนี โดยตี 5 ทั้งด่านตรวจจนกระเจิง แถมสังหาร 6 ขุนพลเฝ้าด่านอย่างง่ายดายอีกด้วย (ยกเว้นแฮหัวตุ้น ที่ประมือกันอย่างสูสี) แต่ เตียวเลี้ยว ที่ได้ทราบข่าวจึงรีบขอใบผ่านทางจากโจโฉ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตไปมากกว่านี้ …
6.ศึกสะพานเตียงปันเกี้ยว (Battle of Changban) (ค.ศ.208)
ศึกนี้เป็นอีกหนึ่งอีเว้นท์ที่สำคัญ เพราะเป็นผลงานโซโล่เดบิวของจูล่ง ที่ควบม้าฝ่าคมหอกไปช่วยอาเต๊า ลูกชายเล่าปี่ออกมาจากวงล้อมของทหารฝ่ายโจโฉ
ย้อนกลับไปช่วงก่อนหน้าอีเว้นท์นี้เล็กน้อย เมื่อเล่าเปียว เจ้าเมืองเกงจิ๋วเสียชีวิต เป็นโอกาสดีที่โจโฉจะเข้าตีเกงจิ๋ว ทำให้ขงเบ้ง เสนามหาเทพของเล่าปี่ได้ชี้นำให้เล่าปี่และครอบครัว รวมไปถึงมิตรสหาย ย้ายถิ่นฐานจากเมืองซินเอี๋ย ไปยังเมืองอ้วนเซียเพื่อป้องกันการรุกรานของโจโฉ ด้วยการอพยพคนจำนวนมาก ทำให้ทัพของเล่าปี่เคลื่อนที่ได้ช้า รวมไปถึงครอบครัวของเล่าปี่ที่อยู่ท้ายขบวน จนโดนทัพโจโฉไล่ล่า ทำให้จูล่งขออาสาควบม้าขาวพร้อมทวนยาว และกระบี่กีเทนเกี้ยมเข้าช่วยเหลือครอบครัวของเล่าปี่ และตามหา “อาเต๊า” ลูกชายของเล่าปี่ที่อยู่ในวงล้อม การลุยเดี่ยวของจูล่งสามารถล้มกองทหารของโจโฉได้มากมาย วิ่งเข้าวิ่งออกฝ่าวงล้อมของโจโฉเพื่อช่วยครอบครัวเล่าปีมากถึง 8 รอบ เป็นเวลารวม 12 ชั่วโมง ในที่สุดจูล่งก็พบกับ “บิฮูหยิน” เมียอีกคนของเล่าปี่ แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงได้ฝากอาเต๊าไว้กับจูล่ง แล้ฆ่าตัวตายเพื่อให้จูล่งพาลูกชายหนีไปโจโฉซึ่งมองดูอยู่บนเขาเกงสัน ถึงกับออกปากชื่นชม พร้อมออกคำสั่งห้ามจับตาย แต่จูล่งก็รอดไปหาเล่าปี่ได้
โดยทหารที่ไล่ตามจูล่งมาถึงสะพานเตียงปันเกี้ยว ก็พบกับเตียวหุยที่ดักรออยู่แล้ว ใช้อุบายตามแผนขงเบ้ง ใช้ม้าลากกิ่งไม้จนควันฟุ้งไปทั่วเพื่อพรางตา และหลอกโจโฉว่ามีกำลังพลนับแสนรออยู่
7. ศึกเซ็กเพ็ก – โจโฉแตกทัพเรือ (Battle of Chìbì) (ค.ศ.208)
โคตรของโคตรอีเว้นท์ที่ไม่มีไม่ได้จริงๆ กับช่วงโจโฉแตกทัพเรือ ศึกที่สร้างความวอดวายให้โจโฉหนักที่สุดครั้งหนึ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของ “ยุคสามก๊ก” ในประเทศจีนในเวลาต่อมาอีกด้วย
เรื่องราวของศึกนี้จะเล่าช่วงหลังศึกสะพานเตีงปันเกี้ยว เมื่อ เล่าปี่ ลี้ภัยไปอยู่ที่เมืองแฮเค้า และส่ง “ขงเบ้ง” ไปเป็นทูตเจรจาขอให้ “ซุนกวน” ร่วมกันต้านโจโฉ แน่นอนว่าฝั่งซุนกวนมี จิวยี่เป็นเสนาทัพ และเหล่าบรรดากุนซือฝั่งนั้นรุมถล่มด้วยคำถาม และข้อกังขาในตัวขงเบ้งสารพัด แต่ก็ไม่อาจต้านความฉลาดล้ำโอเวอร์ของขงเบ้ง แถมยังโดนยั่วยุให้เข้าสงคราม จับมือกับเล่าปี่สำเร็จอีกด้วย แน่นอนว่าจิวยี่ต้องการสังหารขงเบ้งอยู่เป็นทุนเดิม จึงคิดหาสารพัดวิธีปั่นเรื่องราวต่างๆให้ขงเบ้งไปทำ แต่ก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง
อีกคนหนึ่งที่มีบทสำคัญก็คือ บังทอง ที่หลอกเจียวก้าน จนพาตัวเองไปเสนอแผนการ “ห่วงโซ่สัมพันธ์” ให้โจโฉเอาไปใช้ ด้วยการผูกเรือด้วยโซ่ จนกลายเป็นเหมือนป้อมปราการลอยน้ำขนาดใหญ่ โดยบังทองหลอกโจโฉว่า ทหารวุยก๊กไม่ถนัดการรบทางน้ำ เมื่อเจอคลื่นทำให้ทหารล้มป่วยได้ง่าย การผูกเรือเป็นเข้าด้วยกันด้วยโซ่ จะช่วยให้เรือไม่โคลงเคลง ซึ่งเป็นอุบายที่นำมาซึ่ง การเผาเรือวุยก๊กด้วยไฟ จากความร่วมมือกันของจิวยี่และขงเบ้ง
งานนี้โจโฉแตกทัพ พ่ายแบบหมดรูป จนต้องหลบหนีไปอย่างทุลักทุเลเกือบเอาชีวิตไม่รอด และขงเบ้งก็ได้ให้ “กวนอู” ดักพบโจโฉเป็นด่านสุดท้ายที่ผาแดง เป็นกลอุบายที่จะให้กวนอูไว้ชีวิตโจโฉ เพื่อเคลียร์หนี้บุญคุณความแค้นที่เคยมีต่อกันในอดีตด้วย…
8.ยุทธการที่หับป๋า (เหอเป่ย) (Battle of Hefei) (ค.ศ.215)
โดยฉากนี้จะเป็น ด่านท้ายๆของฝ่ายซุนกวน ในเกม Dynasty Warrior แทบทุกภาค เช่นกัน โดยมีเนื้อหาว่า ฝ่ายของ ซุนกวน ที่มีกำลังพลมากกว่าฝ่าย โจโฉ ชนิดหนังคนละม้วน กำลังจะเข้าตีทัพโจโฉที่เหอเป่ย แต่กลายเป็นว่าฝ่ายซุนกวนที่ต้องพ่ายแพ้ไป แน่นอนว่าต่อให้คนน้อยกว่า โจโฉก็เลือกที่จะสู้ตายคุ้มกันด่านเหอเป่ยนี้ให้มั่น เพราะถ้าเกิดซุนกวนตีเหอเป่ยแตกพ่าย นั่นหมายถึงกองทัพซุนกวนจะเข้ามายังเมืองหลวง และเข้าคุมอำนาจทั้งหมด ซึ่ง “โจโฉสไตล์” ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว! จึงได้บุกเอาคืนซุนกวนหลังจากนั้นไม่นาน
แต่นั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายของโจโฉที่บุกง่อก๊ก…
9. ศึกอ้วนเซีย (Battle of Fan Castle) (ค.ศ.219)
สงครามครั้งนี้ ถือเป็นศึกที่สำคัญมาก โดยเฉพาะกับสาวกท่านเทพเจ้ากวนอู เพราะนี่คือฉากที่จะเล่าเรื่องราวสุดท้ายในชีวิตของกวนอู ก่อนที่จะพลาดท่าถูก “ลิบอง” และ “ลกซุน” ที่วางแผน “ปิดฟ้าข้ามทะเล” จนเสียเมืองเกงจิ๋ว และยังถูกประหารไปพร้อมกับ “กวนเป๋ง” บุตรบุญธรรม อีกด้วย
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเล่าปี่ ได้สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิครองเสฉวน และส่งกวนอูไปครองเมืองเกงจิ๋ว แต่ทว่าในเวลานั้น ซุนกวน กับ โจโฉ ผูกมิตรกันชั่วคราวเพื่อตีเอาเมืองเกงจิ๋ว แต่ทว่ากวนอูพลาดท่าเสียทีแก่ลิบองและลกซุนจนถูกจับตัวไปให้ซุนกวน ซึ่งซุนกวนเองก็อยากจะเกลี้ยกล่อมให้กวนอูมาเข้าร่วมกับตน แต่ที่ปรึกษาของซุนกวนคัดค้าน โดยเตือนให้ระลึกถึงครั้งที่กวนอูอยู่กับโจโฉ จึงได้สั่งประหารกวนอูพร้อมกวนเป๋งบุตรชายบุญธรรม
แน่นอนว่าเป็นแผนที่กะว่าจะโยนให้โจโฉออกหน้า และทำให้เล่าปี่คิดว่าโจโฉลงมือกับกวนอู แต่ผิดคาด โจโฉรับศีรษะของกวนอูมาทำพิธีอย่างใหญ่โตสมเกียรตินักรบผู้ยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ โจโฉยังสั่งการให้ทหารทั้งหมดแต่งกายขาวไว้ทุกข์ และยกย่องให้เป็น อ๋องแห่งเกงจิ๋ว จารึกอักษรที่หลุมฝังศพว่า “ที่ฝังศพเจ้าเมืองเกงจิ๋ว” ณ ประตูเมืองลัวหยาง แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก โจโฉก็ป่วยตาย และโจผี ลูกชายขึ้นเป็นวุยอ๋องสืบต่องานของพ่อที่ล่วงลับไป
10.ศึกอู่จั้งหยวน (Battle of Wuzhang Plains) (ค.ศ.234)
ด่านท้ายๆของเกมนี้อีกด่านนึงเลยก็ว่าได้ เป็นการบัญชาการสงครามครั้งสุดท้ายของขงเบ้งก่อนตาย (และตายไปแล้ว ก็มาทำศึกได้) มักจะเป็นด่านที่มีความยากสูง เป็นสถานที่เหมาะกับการฟาร์มเลเวล และอาวุธวัตถุดิบเอาไว้หลอมเอา Statsดีๆได้ในบางภาคอีกด้วย
ก่อนหน้าที่ขงเบ้งจะสิ้นใจ ตามดวงชะตาอายุขัยที่เจ้าตัวเคยทำนายไว้ จึงรีบวางแผนจัดการกับสุมาอี้ได้แม้ว่าตัวเองจะตายไปแล้ว โดยฝากฝังกับเหล่ามิตรสหาย และทหารคนสนิท จัดศพของขงเบ้งในท่านั่งบนเกี้ยวสั่งการ และทหารหุ่นไม้เพื่อหลอกสุมาอี้ว่าตัวเองยังไม่ตาย ทำให้ฝ่ายสุมาอี้ลังเลและไม่กล้าเข้าแบบผลีผลาม ซึ่งก็ต่อเวลาในการถอยทัพได้ เพราะศึกนี้ ว่ากันตามจริง ขงเบ้งเป็นฝ่ายแพ้นั่นเอง
แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีอีกเรื่องที่ขงเบ้งสั่งเสียกับ “ม้าต้าย” นั่นก็คือการสังหาร “อุยเอี๋ยน” หลังขงเบ้งตาย เพราะขงเบ้งเชื่อว่าคนอย่างอุยเอี๋ยนจะเป็นกบฏหลังจากตนสิ้นชีพไปแล้ว ซึ่งม้าต้ายก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเขาสามารถลอบสังหารอุยเอี๋ยนลงได้ในที่สุด…
และนี่ก็คือ 10 ฉากที่ต้องมีในเกม Dynasty Warrior ทุกภาค นี่เป็นการเล่าแบบรวบๆ ไปไวๆ ต้อนรับการมาของภาค 9 เพราะเอาจริงๆรายละเอียดแต่ละศึกเยอะมาก หากเล่ากันเต็มๆ คงไม่เหมาะแน่ ตกหล่นฉากไหน ภารกิจใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ นะครับ
แอดมิน Ak47
Trailer เกมภาค 9 ชัดๆ เต็มๆ
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก