ชื่ออังกฤษ : The Mummy 2017
ชื่อภาษาไทย : เดอะ มัมมี่
ประเภท : ภาพยนตร์
แนว : Action, Adventure, Fantasy
ผู้กำกับ : Alex Kurtzman
ค่าย : Universal
ฉาย : 9 มิถุนายน 2017 (อเมริกา)
Trailer ล่าสุด 18 พ.ค. 2017
เรื่องย่อ The Mummy 2017
เรื่องราวของ The Mummy ฉบับนี้ จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับหนัง The Mummy ไตรภาคที่เคยออกมาก่อนหน้านี้ แต่ภาพยนตร์เวอร์ชั่น 2017 จะเป็น “ตอนที่หนึ่ง ในจักรวาลหนังตัวประหลาด” หรือ “Universal Monsters” เมื่อเจ้าหญิงจากยุคอียิปต์โบราณ “อามาเนต์” (รับบทโดย Sofia Boutella) ที่ถูกทำให้กลายเป็นมัมมี่ขากการก่อกบฎ สังหารฟาโรห์ และ ราชินี จนต้องถูกจับทำเป็นมัมมี่ทั้งเป็น และฝังไว้กลางทะเลทรายในอิรักเมื่อหลายพันปีก่อน จนกระทั่งมีการขุดค้นพบโลงศพหินโบราณของเธอ โดยการนำทีมของ “นิค มอร์ตั้น” (แสดงโดย Tom Cruise) นักโบราณคดีชาวอเมริกัน
แต่ในระหว่างการขนย้าย ก็เกิดเรื่องขึ้น เมื่ออามาเนตถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยด้วยมือของนิค และเมื่อเธอตื่นขึ้น ความวิบัติจึงบังเกิดกับคณะขนย้าย เครื่องบินถูกทำลาย และนิคที่น่าจะตายไปแล้วก็ฟื้นขึ้น พร้อมกับประสาทสัมผัสถึงเรื่องราวของอามาเนต
นิค และ เจ้าหญิงอามาเนต เกี่ยวข้องกันอย่างไร และเขาจะหยุดความโกรธแค้นของมัมมี่สาว ที่กำลังอาละวาดไปทั่วได้หรือไม่ 9 มิถุนายน 2017 รู้กัน ในโรงภาพยนตร์!
ทอม คุ้ย คนเดิม เพิ่มเติมคือความเหี่ยวเล็กน้อย และฉากวิ่งหน้าตั้ง งานนี้ผกก.รับประกันว่าฉากเสี่ยงตายของเฮียทอม จะเล่นเอง (โดยมีสลิงเป็นตัวรับสังขารของเฮีย)
Review 7/10 Rank C
เปิดจักรวาล Dark Universe ได้สนุก น่าสนใจ แต่เกือบหลงประเด็นหนังไปนิด ขอให้เรื่องใหม่ดีกว่านี้นะ!
The Mummy ถือเป็นหนังสัตว์ระหลาดอีกเรื่อง ที่แอดมินเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยมีโอกาสได้ดูเมื่อหลายปีก่อน ดีมั่ง แป้กบ้าง แต่ก็ยังเป็นหนังที่ถูกใจคอหนังผจญภัยสนุกๆแน่นอน
แต่กับเวอร์ชั่น “ทอม ครุยส์” ในวัย 55 (แต่หน้ายังกะ 30) นั้น บรรยากาศมันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ตัวหนังไม่ได้มีส่วนของการผจญภัย หรือการแก้ปริศนาอียิปต์อะไรมากนัก หนังถูกลดสเกลให้เล็กลง ใส่อารมณ์ขันน่ารักๆ และเปลี่ยนฉากหลังมาเป็นยุคปัจจุบัน แถมมัมมี่ยังเป็นเจ้าหญิงที่ทำสัญญากับปีศาจด้วย มันเป็นอะไรที่แปลก และแตกต่างจนตั้งความหวังว่า “มันต้องเจ๋ง” แน่ๆ…
แต่ทว่า ทันทีที่หนังเริ่มเรื่อง ตัวหนังถ่ายทอดความเป็น Mission Impossible ฉากแอคชั่นบู๊ล้างผลาญบ้าพลังถูกใส่มาแบบ…เอ่อ.. ล้นมากจนถามกับตัวเองว่า “นี่มาดูหนังผิดเรื่องรึเปล่า” แต่ยอมรับว่าสนุกดีครับ ฉากดวลปืน ฉากถล่ม เครื่องบินตกนี่ดูเอามันส์จริงๆ นอกจากนั้นหนังยังใส่บรรยากาศ และเกร็ดของความเป็นหนังภาคแรก ทั้งพายุทราย ซากมัมมี่ หรือมุกย้อนอดีต ก็มีมาให้เห็น แต่เหมือนผู้กำกับจะขยี้ในส่วนนี้ไม่ถูกจุด หรือสุดทางเท่าที่ควร ทำให้น้ำหนักของหนังแกว่ง และหาจุดจดจำไม่ได้เลย แถมบางเหตุและผลของเรื่องก็เบาหวิวซะอย่างนั้น
***พอมาดูชื่อคนเขียนบทในภายหลัง ก็เก็ทเลย เพราะได้ เดวิด โคเอ็ปป์ /คริสโตเฟอร์ แม็คควอรี่ และ อเล็กซ์ เคิร์ตซแมน ทั้งสามคนนี้มีผลงานเป็นหนังแอคชั่นบ้าพลังเกือบหมด ทั้ง Jurassic Park / Mission: Impossible / Spiderman / Edge of Tomorrow / Jack Reacher/ Transformers อืม…ก็พอจะเข้าใจละ***
คาแรคเตอร์ของพระเอกในเรื่องอย่าง นิค มอร์ตัน (ทอม ครุยส์) ก็ไม่ใช่นักโบราณคดีผู้รอบรู้ แต่เป็นทหารนอกลู่ที่หากินกับการขโมยสมบัติ จนไปเจอดีเข้า งานนี้พลิกลุคภาพจำของหนังมัมมี่หมด เพราะเมื่อไหร่ที่พี่แกเข้าฉากกับนางเอกของเรื่อง จะมีมุกตลกใส่กันเสมอ หลายครั้งใส่มาผิดจังหวะ แทนที่หนังจะไปในทิศทางของความตื่นเต้นน่ากลัว ก็กลายเป็นหนังรักกุ๊กิ๊กพ่อแง่แม่งอนซะงั้น
ในขณะเดียวกัน แอดมินรู้สึกถึงความน่ากลัวของ เจ้าหญิงอามาเนต์ หรือมัมมี่ 2017 คนนี้ เธอเป็นมัมมี่ที่มีพลังขั้นเทพ ปลุกชีพซากศพ สร้างพายุ มีคำสาปใส่ผู้คน…แต่ทั้งหมด “หนังก็ตัดบท” รวบหัวรวบหางให้เข้าเส้นเรื่องแบบง่ายดาย ความเก่งกาจ โดนเนิร์ฟ (ลดความเก่ง) ยังโชว์ออกมาไม่สุด ซึ่งบอกเลยว่าอันนี้เสียดายแทน จากที่ดูเหมือนจะเก่ง กลายเป็นมัมมี่ตัวละบาทไปเลย เอาจริงๆจากใจเลย “ฮิมโมเทป” กับ “อานัค ซูดามุน” ถูกถ่ายทอดออกมาได้ดูน่ากลัว และเก่งกว่ามัมมี่ตัวนี้ด้วยซ้ำ
ช่วงกลางเรื่อง บทถูกขโมยไปด้วยการมาของ ดร.แจ็คเคิล (รัสเซล โครว์) หนึ่งในตัวละครที่เป็นสัตว์ประหลาด “ดร.แจ็คเคิล & มิสเตอร์ ไฮด์” ซึ่งมันทำให้หนังดูน่าสนใจในส่วนของ “การทิ้งเชื้อทำเรื่องราวต่อ” แต่ดันมาใส่เอาในตอนที่คนกำลังสนใจในตัวมัมมี่อามาเนต์ ทำให้ทิศทางของคนดูรู้สึกว่าดร.แจ็คเคิล ดูน่าค้นหากว่ามัมมี่ดซะงั้น 555+ อันนี้ก็ต้องรอเรื่องต่อๆไป
การถ่ายทำ มุมกล้อง งานศิลป์ดูธรรมดาตามแบบหนังแอคชั่นทั่วไป มีมีอะไรหวือหวามากนัก และถ้าใครอยากไปดูเรื่องนี้เพราะความเป็นอียิปต์ หวังจะเห็นเครื่องทรงสวยๆ ราชาหน้าทอง การกรีดอายไลน์เนอร์เข้มๆแบบจัดหนัก คุณจะต้องผิดหวัง เพราะมันไม่มีเลย ทุกอย่างถูกเล่าช่วงต้นเรื่องสั้นๆ 5 นาที จบเลย ที่เหลือขายแอคชั่น และความน่ากลัวของบรรยากาศแทน
สรุป มันเป็นหนังที่เปิดจักรวาล Dark Universe ที่ดี ดูเอาสนุกแบบไม่คิดมากก็ได้อยู่…
“ถือซะว่าเป็น DLC ของ Mission Impossible ก็แล้วกัน”
แอดมิน Ak47
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก