**ใครยังไม่ดู กดปิดไปได้เลยจ้า สปอยนะ เตือนแล้ว!**
Alice in borderland หรือในชื่อไทยคือ “อลิซในแดนมรณะ” ที่ล่าสุดพึ่งลงอัพเดตซีซั่นที่2 ลงในเน็ตฟลิกซ์ และมียอดผู้ชมสูงสุดในเน็ตฟลิกซ์ของประเทศไทยอีกด้วย วันนี้เราก็จะมาเกาะกระแสความดังของซีรีย์ และพูดถึงซีรีย์เรื่องนี้ในแง่มุมที่น่าสนใจต่างๆครับ เลยมาในหัวข้อของวันนี้คือ 7 เรื่องสุดเจ๋งของ Alice in Borderland นั่นเอง และก่อนจะไปดูผมขอเตือนก่อนว่าเนื้อหาในบทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาของซีรีย์เรื่องนี้นะครับ ใครที่ยังไม่ได้ดูจะไปดูก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านบทความก็ได้ครับ
1.เวอร์ชั่นอนิเมะและมังงะต้นฉบับ
Alice in borderland เป็นผลงานมังงะของอาจารย์ Haro Aso (ทั้งวาดและแต่งเรื่อง) โดยลงตีพิมพ์ในนิตยสาร shonen sunday s ในปี2010-2015 ก่อนจะย้ายไปตีพิมพ์ในนิตยสาร weekly shonen Sunday ในปี2015 และจบลงในปี2016 ส่วนในประเทศไทยมีการตีพิมพ์ Alice in borderland ฉบับภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์วิบูลกิจ ออกมาครบจบทั้ง18เล่ม ส่วนอนิเมะนั้นออกมาเป็นova 3ตอนในปี2014 ครับ
2.เซ็ตติ้งโลกที่น่าสนใจ
อลิส(ชื่อพระเอกอิงตามมังงะภาษาไทย) ที่ออกไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนแต่จะกลับอยู่ๆก็มีแสงไฟแว๊บขึ้นมา อลิสและเหล่าผองเพื่อนก็ได้ตื่นขึ้นในเมืองโตเกียวที่ดูแปลกไป โดยเป็นโตเกียวที่มีผลหมากรากไม้ขึ้นเต็มไปทั่วเมือง และบ้านเมืองที่ดูโทรมๆ แต่เมื่อตกค่ำก็จะมีสถานที่จัดเกมต่างๆเปิดให้คนเข้ามาเล่นเกมได้ โดยรางวัลที่ผู้แพ้จะได้รับนั้นมีแค่ความตายเท่านั้น ส่วนสิ่งที่ผู้ชนะจะได้นั้นก็คือไพ่1ใบ และการต่อวิซ่าในดินแดนมรณะแห่งนี้ คนที่วิซ่าหมดก็จะโดนเลเซอร์ยิงมาจากฟ้าเข้าหัวคมๆนั่นเอง จึงเป็นที่น่าแปลกมากๆที่อยู่ๆผู้คนหลากหลายได้ถูกย้ายเข้ามาในโตเกียวที่ดูเสื่อมโทรม แต่มีเทคโนโลยีหลายๆอย่างในการจัดเกมนั่นเอง
3.ความลุ้นระทึกนั่งไม่ติดเบาะจากเกมต่างๆ
ตัวเกมต่างๆที่ได้เข้าไปเล่นก็จะมีไพ่เป็นตัวบอกถึงประเภทเกมและความยาก ดอกจิก-สมดุล ข้าวหลามตัด-คิดวิเคราะห์ โพธ์ดำ-พละกำลัง โพธิ์แดง-จิตวิทยา ส่วนหมายเลขก็จะแทนระดับความยากกับระยะเวลาการต่อวิซ่าในแต่ละวัน ทุกเกมถูกออกแบบมาได้อย่างดีเพื่อเป็นการทดสอบอะไรบางอย่างในตัวของคนที่เข้าไปเล่น สามารถที่จะพลิกแพลงกลยุทธ์ต่างๆ และเราจะต้องลุ้นแบบนั่งไม่ติดแน่นอนเพราะมีชีวิตเป็นเดิมพัน ยิ่งในเกมโพธิ์แดงที่ส่วนใหญ่จะต้องมีคนตายแน่ๆอยู่แล้วด้วยยิ่งลุ้นใหญ่เลยล่ะครับ และในการเล่นเกมก็จะทำให้แสดงสัญชาติญาณและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ออกมาได้อย่างเด่นชัดเลยครับ
4.คาแรคเตอร์ตัวละครต่างๆที่โดดเด่น
สุดโต่งจริงๆครับ สำหรับตัวละครคิวมะ เป็นคนที่มีความคิดในแบบของตัวเองในแบบที่น่านับถือมากๆ ทั้งๆที่เป็นฝ่ายศัตรู ถึงขนาดที่อลิสบอกว่าถ้าได้เจอกันที่โลกจริงเราคงเป็นเพื่อนกัน แต่ก็จะมีคนเลวๆบางคนที่ต้องร่วมมือเล่นเกมกับอลิสด้วยเช่นกัน และมีคาแรคเตอร์สุดจิตอย่างนิรากิที่ถึงอยู่ฝั่งเดียวกันก็อยากจะต่อยสักทีนึง และตัวละครสีเทาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอย่างชิจิยะ ที่เราไม่สามารถคาดเดาการกระทำของเขาได้เลย และคาแรคเตอร์ของตัวละครต่างๆก็จะมีการผูกกับภูมิหลังด้วยว่ามีเหตุอันใดถึงมาเป็นอย่างนี้ในปัจจุบัน บางตัวก็สามารถก้าวข้ามสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในอดีต และยังสามารถลากดราม่าไปได้อีกด้วย
หลายๆอย่างที่ตัวละครพูดมันทำให้เราคิดตามและอดไม่ได้ที่จะมีเปรียบเทียบกับตัวเรา แค่คำพูดเพียงเล็กน้อยก็อาจเปลี่ยนมายด์เซ็ตบางอย่างที่มีมาตลอดชีวิตได้เช่นกัน งั้นขอยกประโยคเบียวๆมาสักนิดนึงอย่าง “มนุษย์เราน่ะพอได้ตกลงไปในความมืดสักครั้ง มันก็จะกลายเป็นความเคยชิน เขาได้ตกลงไปในความมืดอีกครั้ง และคราวนี้เขาจะไม่มีวันกลับมาได้อีกเป็นครั้งที่2” มันดูเบียวๆความมืดนะ แต่พอมาลองวิเคราะห์ดีๆแล้ว คนเราถ้าได้ทำผิดครั้งแรกเราก็คงตกใจกลัวเป็นเรื่องปกติ แต่พอทำบ่อยเข้าบ่อยเข้าเราก็คงเคยชินและไม่ได้กลัวที่จะทำมันอีก นี่ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของคำคมจากเรื่องนี้เท่านั้น ยังมีอีกมากที่ทำให้เราคิดตามและรู้สึกได้ครับ
เกมสุดท้ายอย่างควีนโพธิ์แดง ที่แค่เล่นโครเกต์ให้ครบ3เซ็ต แต่อลิสก็พลาดท่าเผลอไปกินน้ำชาที่วางยาหลอนประสาทเอาไว้ และถูกควีนโพธิ์แดงพูดปั้นน้ำเป็นตัวเรื่องของคำตอบของดินแดนมรณธ จึงทำให้อลิสตกอยู่ในความมืด แต่ด้วยคำพูดปลุกใจของอุซางิ ทำให้อลิสสามารถกกลับมาจากห้วงแห่งความมืดและเคลียร์เกมได้ในที่สุด จนมีตัวตนสีดำปริศนาปรากฏขึ้นต่อหน้าอลิส เขาคือตัวตนเบื้องหลังเกมต่างๆ และได้ถามคำถามสำคัญกับอลิสว่าฉันเหมือนพระเจ้า หรือเหมือนปีศาจ อลิสตอบว่าไม่คุณแค่ทำหน้าที่อยู่ตรงกลางมากกว่า และส่งผู้รอดชีวิตทุกคนกลับไปที่โลกเดิม เราคนดูจึงได้ทราบว่ากุญแจสู่การไปดินแดนมรณะนั้นคือประสบการณ์เฉียดตายนั่นเอง แล้วดินแดนมรณะก็เหมือนกับเส้นทางสู่ความตายนั่นเองครับ
สำหรับซีรีย์ Alice in borderland นั้น ได้มีภาคต่อและภาคเสริมออกมาอีก2ภาคด้วยกัน คือ Alice in borderland retry ที่อลิสได้กลับไปในดินแดนมรณะเพื่อเล่นเกมอีกครั้ง และ Alice on border road หรืออลิสบนเส้นทางมรณะ ที่อลิสคนใหม่ (นร.หญิงม.ปลาย) ได้เข้าไปในดินแดนมรณะแบบใหม่ ที่จะต้องเดินทางบนเส้นทางสุดโหดจากเกียวโต ไปโตเกียวนั่นเอง ทุกคนจึงเรียกมันว่าเส้นทางสายมรณะ โดยทั้ง 2เรื่องนี้เป็นมังงะที่ตีพิมพ์ภาษาไทยโดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ ยังไงก็สามารถไปหาซื้อกันได้ในร้านหนังสือทั่วไปนะครับ
ถือเป็นหนึ่งในมังงะที่ผมชอบที่สุดครับ เลยพูดถึงเวอร์ชั่นมังงะซะเยอะเลย งั้นผมขอโม้ นิดนึงนะครับ จากการวิเคราะห์ของผมนั้น อาจารย์ต้องได้แรงบันดาลใจจาก Alice in wonderland แน่นอนครับ ทั้งการไปในโลกที่เกี่ยวกับไพ่ ชื่อตัวละครต่างๆอย่างอลิสที่เหมือนกัน อุซางิแปลว่ากระต่ายก็คือกระต่ายในอลิสในดินแดนมหัศจรรย์ รวมถึงควีนโพธิ์แดงที่มีตัวตนในอลิสในดินแดนมหัศจรรย์ก็ชอบเล่นโครเกต์อีกด้วย
แต่ทั้งหมดนี่มาจากการตีความของแฟนมังงะเท่านั้น ยังไงก็ฟังหูไว้หูนะครับ
สุดท้ายแล้วก็จบสักทีสำหรับบทความนี้ เหนื่อยมากๆ แต่ก็สนุกมากๆที่ได้เขียนถึงเรื่องที่ตัวผมเองชอบ
ยังไงก็ฝากติดตามผลงานต่อๆไปของผมด้วยนะครับ
และอยากได้บทความอะไรต่อๆไปสามารถพิมพ์ไว้ที่ใต้คอมเมนต์เลยครับ
วันนี้ผมต้องไปแล้ว ซาโยนาระคร้าบบ
AD วาชิระซัง