ต้องถือว่าเป็นหนึ่งในการ์ตูนกระแสหลักที่กำลังเป็นที่พูดถึงสำหรับ Oshi No Ko หรือชื่อไทย เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ผลงานของ อาจารย์ อากาซากะ อากะ ผู้แต่งเรื่อง Kaguya-sama wa Kokurasetai วาดโดย โยโคยาริ เม็งโกะ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2020 ในนิตยสารยังจัมป์รายสัปดาห์ ก่อนจะออกฉายครั้งแรกวันที่ 12 เมษายน 2023ที่ผ่านมา (สำหรับฉบับมังงะปมีฉบับแปลไทยออกมาแล้ว 7 เล่มโดยสำนักพิมพ์รักพิมพ์)
การ์ตูนเรื่องนี้เรียกว่าเป็นการ์ตูนที่บอกเล่าเรื่องราวของวงการบันเทิงได้อย่างตรงไปตรงมา ว่าด้วยเรื่องราวของหมอหนุ่มที่ต้องดูแลคนไข้ซึ่งเป็นไอดอลที่เขาชื่นชอบมาก หากโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเขาถูกใครบางคนทำร้ายจนเสียชีวิต ก่อนที่เขาจะเกิดใหม่เป็นลูกของโอชิ จนนำไปสู่เรื่องราวที่ไม่คาดฝัน
(อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมใน: เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ Oshi no Ko [เรื่องย่อ/ตัวละคร]
https://www.metalbridges.com/oshi-no-ko/)
วันนี้เราจะมารีวิว 5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการ์ตูนเรื่องนี้กันครับ
**บทความต่อไปนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นและความรู้สึกหลังจากที่ได้ชมการ์ตูนเรื่องนี้ (ซึ่งจะพูดถึงตอนที่ 1-3) อาจมีการเผยเนื้อหาสำคัญ หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย**
1.) หน้าที่อันยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง
นี่คือประโยคดังที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆ ถ้าปีเตอร์มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่นั่นคือปกป้องเมืองจากเหล่าร้าย โฮชิโนะ ไอ มีหน้าที่อันยิ่งใหญ่คือการเป็นแม่ที่ดีของ อความารีน และ รูบี้ อย่างที่รู้กันว่าการมีครอบครัว คือความเสี่ยงที่อาจทำให้หน้าที่การงานและชื่อเสียงในฐานะไอดอลอาจจบลง แต่สำหรับไอคือความปรารถนาที่จะทำให้สองสิ่งมาบรรจบกันและพิสูจน์ว่าเธอทำได้
จากในตอนต้นที่เธอได้พูดกับตัวเอกของเราอย่าง โกโร่ หรือ อความารีน ทำให้เรารู้ว่าก่อนหน้านั้นเธอไม่เคยสัมผัสความหมายที่แท้จริงของคำว่า ครอบครัว ทำให้เธออยากจะมีครอบครัวแม้ว่าจะต้องแบกรับชื่อเสียงในฐานะไอดอลอันดับต้นๆ แต่เมื่อลูกๆทั้งสองของเธอลืมตาดูโลก เธอก็ทำหน้าที่ไอดอลและแม่เลี้ยงเดี่ยวที่คอยดูแลลูกทั้งสองเป็นอย่างดีจนวันสุดท้าย
ใครที่ได้ดูตอนแรก เราคงจะรู้สึกว่าแม้จะเป็นไอดอลที่ดูเอาแต่ใจ แต่ในฐานะคนเป็นแม่ เธอน่าจะเป็นแม่ที่มีความสุขที่สุด
2.) โลกไอดอลเปรียบดั่งดอกไม้ที่มีหนาม
เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า โลกของวงการไอดอลมีการแข่งขันสูงตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นวงใหญ่หรือวงเล็ก ในแต่ละปีก็จะมีเด็กสาวที่ชื่นชอบร้อง เล่น เต้น ต่างเข้าสู่วงการ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เป็น ทั้งหมดอยู่ที่เงื่อนไขและคำตัดสินรวมถึงบททดสอบในการออดิชั่นว่าจะเข้าตากรรมการหรือไม่ แน่นอนว่ามีหลายคนสมหวังและก็มีผิดหวัง
เมื่อก้าวเข้ามาสู่วงการไอดอล หน้าที่ต่อไปคือ ฝึกซ้อมและทำการแสดงแต่ละครั้ง ร่วมกิจกรรมวงเพื่อสร้างฐานแฟนๆของตัวเอง บางคนอาจได้ไปออกสื่อ มีผลงานต่างๆตามาอีกเพียบ
แม้หลายคนมองว่า การเป็นไอดอลน่าจะเป็นอาชีพที่มีความสุข แต่ความจริงแล้วมันเป็นอาชีพที่เรียกว่าต้องรับมือกับหลายๆอย่างทั้งความกดดันรอบด้านและคาดหวังจากแฟนคลับ คำวิจารณ์ทั้งบวกและลบ รวมถึงระยะเวลาที่ค่อนข้างจะสั้น (ถ้าเทียบอายุงานกับอาชีพอื่นๆในวงการบันเทิง) เพราะไอดอลจุดขายคือความสดใสน่ารัก ยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น คลื่นลูกใหม่ก็จะมาแทนที่เรา เมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็จบการศึกษา(ลาออกจากการเป็นไอดอล) ซึ่งหลังจากนี้บางคนก็ต่อยดสู่งานบันเทิงหรือเลือกเส้นทางที่ตัวเองต้องการ
ฉะนั้นถ้าจะสรุปนิยามของโลกไอดอลที่ได้จากการดูการ์ตูนเรื่องนี้ มันคือวงการที่เต็มไปด้วยความสดใสแต่ขณะเดียวกันกลับเต็มไปด้วยอุปสรรคที่อาจจะเจอนับไม่ถ้วน
3.) ไอดอลก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่มอบรอยยิ้มและความสุข
ในตอนที่ 1-2 เราจะได้สำรวจเรื่องราวชีวิตการเป็นไอดอล ผ่านเรื่องราวของ โฮชิโนะ ไอ ซึ่งถ้าเรามองดีๆแบบผิวเผิน เธอน่าจะเป็นไอดอลที่ประสบความสำเร็จทั้งชื่อเสียงและงานที่เข้ามาไม่ขาดสาย แต่ขณะเดียวกันมันก็สร้างความกดดันและบาดแผลให้กับเธอไม่น้อยเหมือนกัน เพราะนอกจากจะต้องรับมือกับความคาดหวังจากแฟนคลับ ความกดดันที่พยายามจะรักษาภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเธอ รวมถึง รับมือ กับคำวิจารณ์และคำหยาบคายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสจากแฟนๆ
การที่เธอต้องรับมือสิ่งเหล่านี้ทุกๆวันจนเป็นวลีที่เธอเคยเอ่ยมาว่า “ไอดอลก็แค่ภาพลักษณ์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปล่งประกายด้วยมนตร์ของการโกหก การโกหกเป็นรูปแบบของความรักขั้นสูงสุด”
4.) ความรักบางครั้งเหมือนดาบสองคม
เมื่อพูดถึงความรักระหว่างไอดอลกับแฟนคลับ ก็น่าจะเป็นในเรื่องการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แต่ว่า มันก็มีความรักอีกแบบที่สามารถกลายเป็นอาวุธโยไม่รู้ตัวนั่นคือ ความรักสีดำ เต็มไปด้วย ความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ หลงใหลแต่เพียงผู้เดียว พอไม่ได้ดั่งใจสิ่งเหล่านี้ อาจทำให้คนบางคนสามารถทำสิ่งที่โหดร้ายต่อไอดอลที่เรารักโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนจะพยายามสื่อสารไปยังเหล่าแฟนคลับอยู่กลายๆว่า ในเมื่อไอดอลได้มอบความสุขและความสดใส สิ่งที่แฟนคลับทำได้คือการให้ความเคารพ เพราะ ไอดอล ก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาเพียงคนหนึ่ง
5.) คำโกหกสีขาว
นี่คือสิ่งที่เธอนิยามในฐานะการเป็นไอดอลของตัวเอง เพราะแม้ว่าสิ่งที่เธอแสดง พูด หรือปกปิดว่าตัวเองมีลูกจะเป็นการโกหกกับผู้คน แต่มันก็เป็น ‘การโกหกสีขาว’ เพื่อที่เธอจะยังคงได้ขึ้นไปร้องเต้นบนเวทีอย่างมีความสุขและทำหน้าที่เป็นแม่ที่ดีของลูกทั้งสองอย่างที่กล่าวไปข้างต้น เพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นไอดอลต่อไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต
ทั้งหมดนี้คือ 5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการชม Oshi no Ko…เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ ที่มาเล่าสู่กันฟังและทุกคนได้อะไรจากการดูเรื่องนี้ลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเล่าสู่กันฟังได้ครับ….
@P.PETTY
ข้อมูลประกอบ
https://entertainment.trueid.net/detail/EP4mlXekBNR3
https://thestandard.co/oshi-no-ko-ep-1-2/
https://www.beartai.com/lifestyle/1240936