หากพูดถึงชื่อการ์ตูนยุค 2000ต้นๆในความทรงจำเด็กไทยหลายๆคน ชื่อของ “ดิจิมอน แอดเวนเจอร์” คือหนึ่งในตัวเลือกที่อยู่ในใจของคนที่ทันยุค พี่นัท น้องนพ และรายการตอบคำถามชิงรางวัลช่อง 9 การ์ตูนอย่างแน่นอน…และในปี 2020 นี้ ก็ผ่านมาแล้ว 20 ปี ถึงเวลาที่เหล่า “เด็กที่ถูกเลือกจะหวนกลับไปผจญภัยครั้งสุดท้าย” กับ Digimon Adventure Last Evolution  ในวันที่ 2 เมษายน 2020 ในโรงภาพยนตร์   อ่านต่อคลิก 

แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น เรามาดูกันว่า ทำไม ดิจิมอน ถึงเป็นการ์ตูนที่คนวัย 25-30 พากันพูดถึง ใน 5 สิ่งที่ทำให้แฟนๆไม่เคยลืม “ดิจิมอน” การ์ตูนในความทรงจำ

1. เพราะตัวละครถูกออกแบบมามีสเน่ห์เฉพาะตัว 

ด้วยผลงานการออกแบบตัวละครของคุณ Katsuyoshi Nakatsuru ทำให้เหล่าเด็กที่ถูกเลือกมีลักษณะคาแรคเตอร์เฉพาะตัวที่เด่นชัดมากๆ ทั้ง แว่นกันลมของไทจิ เสื้อแขนกุดของยามาโตะ หมวกของโซระ และอีกหลายๆจุดเด่นที่ถูกทำให้ให้ง่ายต่อการแยกแยะตัวละคร รวมไปถึงการร่วมมือกับทางบริษัทบันได ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการส่งภาพดีไซน์ตัวดิจิมอนที่ใช้ประกอบเครื่องเล่นเกม“Digital Monster” มาใช้ และปรับลุคให้เป็นการตูนที่เข้าใจง่าย และกลายเป็นภาพจำของการ์ตูนชุดนี้ไม่ยาก

อนึ่ง ผลงานของคุณ  Katsuyoshi Nakatsuru ที่เด่น และดังไม่แพ้ดิจิม่อน ก็คือ ผลงานการออกแบบตัวละคร “ดราก้อนบอล Z เวอร์ชั่นอนิเมฉายทีวี” นั่นเอง

2. เพราะเนื้อเรื่องที่สามารถจับใจคนดูได้

ในส่วนของเนื้อเรื่อง เล่าแบบเข้าใจง่ายๆ  จากโจทย์ ของเล่น + มอนสเตอร์ + เด็ก ก็กลายมาเป็น “กลุ่มเด็กที่ถูกเลือกให้ไปกู้โลกดิจิตอลที่กำลังล่มสลาย และมีมอนสเตอร์อาศัยอยู่ในนั้น”  ตัวซีรี่ส์จะเล่าเรื่องราวของมิตรภาพที่ค่อยๆก่อตัว จากเด็กที่บางคนไม่รู้จักกันเลย มีลักษณะนิสัย มีปูมหลัง ปมในใจ แต่ต้องมาเดินทางด้วยกัน ในเรื่องเราจะเห็นอีเว้นท์ของเด็กแต่ละคนว่าพวกเขาค่อยๆเติบโตขึ้น เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น และสิ่งที่สื่อถึงการเติบโตที่เป็นรูปธรรมจับต้องได้ไม่ต้องตีความอะไรเยอะ ก็คือ การผูกเรื่องราวของจิตใจ ปมตัวละคร เข้ากับตัวของดิจิม่อน แล้วสื่อมันออกมาผ่านการ “เปลี่ยนร่าง” (Evolution) นั่นเอง

และหลายๆครั้ง การเปลี่ยนร่าง ยังสื่อถึงเงื่อนไขของชัยชนะในแต่ละอีเว้นท์ เช่นการปราบบอสในแต่ละภาค เหล่าดิจิมอน และเด็กที่ถูกเลือกจะต้องมีความสามัคคี ความกล้าหาญ ความเสียสละอย่างมากในการก้าวข้ามขีดจำกัดจนกลายเป็นร่างสุดยอด ร่างรวม และสารพัดร่างสุดเท่ ซึ่งจะว่าไป ดิจิมอนเอง ก็น่าจะนับให้เป็น “อนิเมแนวต่างโลก” ได้เหมือนกันนะ!

3. เพราะเป็นของเล่นที่เจ๋งมากๆ

เดิม ดิจิมอน ก็คือหนึ่งในไลน์การผลิตของเล่น ที่แตกยอดมาจาก “ทามาก๊อตจิ” ที่นอกจากจะฟักไข่ให้ข้าวให้น้ำเช็ดอึแล้ว ข้อที่เจ๋งของ “ดิจิมอน”ก็คือ การฝึกฝน พัฒนาร่าง และ การลิ้งก์เครื่องมาต่อสู้กัน สมัยนั้น ของเล่นดิจิม่อนขายดีมาก โดยเฉพาะรุ่นเครื่องกลมแบบในการ์ตูนภาคแรก และภาค 02 

ส่วนนึงก็เพราะการ์ตูนที่ฉาย ทำให้ผู้ที่พกพาเจ้า “ดิจิไวซ์” (ชื่อเรืียกของเล่นดิจิมอน) เปรียบเสมือนเด็กที่ถูกเลือกในการ์ตูน เอาง่ายๆ ใครพกแล้วเท่มาก และต้องรวยมาก เพราะสมัยนั้นก็ขายกันหลักพันเหมือนกันนะ ในยุคที่ข้าวแกงจานไม่กี่สิบบาทนั่นละ…และยุคนี้ ใครพกดิจิไวซ์ ก็น่าจะเป็นคนมีตังค์ที่ชอบดิจิมอน เพราะดิจิไวซ์เครื่องนึงราคาก็ไม่ได้ถูกลงไปจากเมื่อก่อนเลย ไม่สิ ต้องบอกว่า ยิ่งเก่า สภาพสมบูรณ์ ราคาถีบไปสอง-สามเท่าตัวเลยล่ะ! แม้ว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนจะมีเวอร์ชั่นฉลองครบรอบของดิจิมอนออกมาก็ตาม

4. เพราะเพลงประกอบที่ดีงาม ทั้งญี่ปุ่นต้นฉบับ และการแปลภาษาไทย

ที่มองข้ามไม่ได้อีกเรื่องนั่นก็คือ เพลงประกอบ ที่ฟังแล้วบ่งบอกเลยว่ากำลังอยู่ในสภานการณ์ที่เข้าสู่ไคลแม็กซ์ อย่างเพลง Brave heart ของคุณ Ayumi Miyazaki  หรือจะเป็นเพลงเปิดอย่าง Butterfly ที่ขับร้องโดยนักร้องผู้ล่วงลับอย่างคุณ Koji Wada ที่เข้าขั้นเพลงคลาสสิคของวงการอนิเมญี่ปุ่นไปอีกหนึ่งเพลง

หรือแม้แต่เวอร์ชั่นภาษาไทย ที่ขับร้องโดย คุณ ธนัท และ คุณ ธนพ ตันอนุชิตกูล ที่ตอนนั้นเป็น “พี่นัท – น้องนพ” คู่หูช่อง9การ์ตูน ผู้ร้องเพลงการ์ตูนแปลไทยของทางช่อง 9 (ตอนนี้เป็นผู้บริหารสูงสุดของช่อง Cartoon Club ผู้คว้า LC การ์ตูนดังๆมาฉายทางช่องดาวเทียมทั่วประเทศตลอด 24 ชม.ไปแล้ว)

เพลงไทยจากการ์ตูนในตอนนั้น ดังมากถึงขั้นช่อง9ได้ทำ เทป / CD วางขาย (แต่คาดว่าทำมาน้อย เพราะเดินหาซื้อกันอย่างยากลำบากมาก 55+)  ในตอนนั้นเราฟังแล้วเกิดคำถามว่า มันไม่เพราะเท่าต้นฉบับเอาซะเลย ฟังแล้วแปลกๆ (ด้วยความเด็กที่งอแง และชอบของญี่ปุ่นมากกว่า) แต่ด้วยกาลเวลาที่ผ่านไปนานนับปี คนเราโตขึ้น รสนิยมในการฟังเพลง ประสปการณ์ที่เข้ามาในชีวิตก็เปลี่ยนไปตามวัย เพลงจากการ์ตูนแปลไทยเรื่องนี้  มันเป็นเพลงที่มีความหลัง ท่วงทำนองที่คุ้นเคย และถ้าลงลึกไปที่เนื้อหาของเพลง ก็ถือว่าเป็นเพลงที่มีความหมายที่ดีที่เป็นพลังบวก ให้กำลังใจในการใช้ชีวิตที่ดีมากๆเพลงนึงเลยล่ะ…ซึ่งในปี 2020 ก็ได้มีการนำมา Cover อีกครั้ง เพื่อการฉายโรงภาพยนตร์ในภาคสุดท้ายนี่เอง…

เพลง Butterfly ยังเป็นเพลงที่ทำให้เหล่าโอตะควงแท่งไฟ องค์ประทับกันสนุกตามงานอนิซองอีกด้วย

5.  เพราะฉายช่อง 9 ช่วงที่กำลังพีคสุด ณ เวลานั้น

ต้องยอมรับว่ายุคที่ไม่มีการดูสตรีมมิ่งออนไลน์ ยุคที่อะไรๆก็เป็นอนาล๊อก ดูสดพร้อมกันทั่วประเทศ เป็นอะไรที่แข่งขันสู.มาก แต่ว่าถ้าพูดถึงการ์ตูน ใครๆก็ต้องพูดถึง “ช่อง 9 การ์ตูน” ถึงกับมีคำกล่าวว่า  “ช่อง9จ้าวการ์ตูน” ที่เหมาเวลา 8โมงเช้า – 10โมงเช้าเสาร์อาทิตย์ ปังขนาดที่ว่าเอาเรื่องไหนมาฉาย เรทติ้งดีแทบทุกเรื่อง เป็นประเด็นให้เด็กๆได้พูดคุยกันสนั่นห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็น ดิจิมอน / ดราก้อนบอล โปเกมอน / มอนสเตอร์ฟาร์ม / นักซิ่งสายฟ้า / เซเลอร์มูน / เมจิคไนท์เรย์เอิร์ธ / อาราเล่ / โดเรมอน  / บลาๆๆๆๆ 

(ส่วนตัวแอดมินคิดว่าเรื่องที่แป้ก ดูแล้วงง ดูไม่รู้เรื่อง มีแค่ 2 เรื่อง นั่นก็คือ นักรบสาวอูเทน่า ที่โคตรอาร์ต และ กันดั้มวิง ที่โคตรการเมืองหนักหัว เด็กๆงง ไม่เก็ท 55+)

แม้ว่ายุคนี้จะซาๆลงบ้าง เพราะเราอยู่ในสังคมดิจิมอน…เอ้ย ดิจิตอล ที่ทุกอย่างสามารถหาได้ใน Google ใครพลาดรายการไหน ก็แค่ดูย้อนหลังเอา…แต่ถึงอย่างนั้น ช่อง 9 ก็ยังเป็นช่องที่ยังยืนหยัดฉายการ์ตูนทางฟรีทีวีจนถึงทุกวันนี้ อย่างไม่ย่อท้อ…แม้จะโดนหั่นเวลาลงไปบ้าง แต่ก็ยังหาช่องที่ฉายการ์ตูนดีๆมาราธอนต่อเนื่องแบบช่อง9ได้ยากอยู่ดี…

และนี่คือความประทับใจ…จะว่าเป็นสูตรสำเร็จของการ์ตูนเรื่องดิจิมอนในไทยเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อมีพบ ย่อมมีจาก การผจญภัยครั้งสุดท้ายของ ไทจิ อากูมอน และเพื่อนๆ ได้เดินทางมาถึงบทสรุปแล้ว กับ Digimon Adventure Last Evolution  มีกำหนดเข้าโรงภาพยนตร์ ในวันที่ 2 เมษายน 2020 

เตรียมทิชชู่ให้ดี งานนี้มีน้ำตาแตกแน่ เหล่าเด็กที่ถูกเลือกเอ๋ย…

แอดมิน AK47

อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง 

ช่อง CartoonClub คว้า LC Digimon Adventure: Last Evolution ฉายไทย 2 เมษายน 2020

เคยเห็นมั้ย? 10 ร่างสุดยอดดิจิมอนสุดเท่!!