แม้ว่าหนังซอมบี้จะมีจุดเริ่มต้นมาจากทางฮอลลี้วู้ด นับตั้งแต่ Night Of The Living Dead ได้เปิดตัวในปี 1968 จนถึงทุกวันนี้มีหนังซอมบี้เกิดขึ้นมากมาย ราวกับว่าพวกมันครองโลกได้อะไรทำนองนั้น
นอกจากหนังซอมบี้ฮอลลีวู้ดที่เกิดขึ้นมากมายแล้ว ก็มีหนังซอมบี้หลากหลายทวีปที่ได้รับอิทธิพลและผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมในแต่ละประเทศ ซึ่งตอนนี้ประเทศในแถบเอเชียก็มีหนังซอมบี้ที่สนุกตื่นเต้นและเข้มข้นไม่แพ้ฝรั่งเลยทีเดียว
วันนี้เลยขอคัดหนังซอมบี้จากฝั่งเอเชีย 5 เรื่องในรอบหลายปีจนถึงเวลานี้ ที่อยากแนะนำให้ไปดู ต้องบอกว่าหนังซอมบี้เอเชียเราก็มีดีไม่แพ้ฝรั่งเลยทีเดียว
Rampant (2018)
หนังซอมบี้ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ของฝั่งแดนกิมจิ หลังจากความสำเร็จแบบถล่มทลายของ Train To Busan กับ Seoul Station ก็เลยสร้างความแปลกใหม่ด้วยการนำหนังซอมบี้ผสมผสานเข้ากับหนังย้อนยุค ผลที่ได้คือ
เรื่องราวในอาณาจักรโชซอน ที่จู่ๆเหล่าผู้คนกลายเป็นคนคลั่งทั่วแผ่นดิน ความหวังเดียวคือ องค์ชายกังลิม ให้กลับมากอบกู้ราชอาณาจักร แต่ขณะเดียวกัน เสนาบดีคิมจาจุน ที่ต้องการจะใช้ช่วงวิกฤตครั้งนี้ล้มล้างอำนาจและสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์คนใหม่
เป็นหนังซอมบี้ที่สนุกและได้รสชาติใหม่ แถมใช้สูตรเดียวกับ Train to Busan คือการใช้ดาราแม่เหล็กมาแสดงซึ่งเรื่องนี้มาเป็นแพ็คคู่แถมเป็นดาราแถวหน้าของวงการอย่าง ฮยอนบิน และ จางดงกอน มาประชันบทบาทเฉือดเฉือนคมครั้งแรกอีกด้วย
ใครชอบหนังซอมบี้แบบย้อนยุคก็ขอแนะนำเรื่องนี้ครับ
ผีห่าอโยธยา (2015)
เทรนด์หนังซอมบี้ย้อนยุคถือเป็นแนวที่น่าสนใจ เพราะเป็นการพาซอมบี้อาละวาดในยุคอดีต ซึ่งเราเห็นได้จาก Pride and Prejudice and Zombies, Rampant ซึ่งบ้านเราก็มีหนังซอมบี้ย้อนยุคในปี 2015 จากฝีมือการกำกับของ คุณชายอดัม-ม.ร.ว เฉลิมชาตรี ยุคล ที่หยิบช่วงเหตุการณ์ก่อนเสียกรุงครั้งที่1 ประมาณ พ.ศ. 2108 ซึ่งเกิดโรคห่าระบาดและคร่าชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก
และนี่คือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายเมื่อศพที่ตายไปแล้วกลับคืนชีพก่อนจะกลายเป็นปีศาจร้ายไล่ฆ่าฉีกเนื้อสดๆ ทำให้เหล่าผู้รอดชีวิตทั้ง 6 คน จึงหาทางที่จะหนีจากฝันร้ายบนดินไปให้ได้
เป็นหนังซอมบี้ย้อนยุคที่งานออกมาน่าสนใจ เป็นอีกสีสันและความแปลกใหม่ที่คุณชายอดัมลองนำซอมบี้มาผนวกเข้ากับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
I am Hero (2015)
จากหนังสือการ์ตูนขายดีของ เคนโกะ คานาซาวะ กับเรื่องราวของนักเขียนการ์ตูนที่ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันแถมเป็นคนขี้กลัวแต่ขอบมโนฝันถึงภารกิจที่เขาอยากทำมากที่สุด จนกระทั้งเกิดการระบาดของโรค ZQN ที่เปลี่ยนคนเป็นซอมบี้ ทำให้เขาตัดสินใจหยิบปืนคู่ใจแล้วเอาชีวิตตัวเองให้รอด
ด้วยความที่เนื้อเรื่องในการ์ตูนออกมาดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ความสนุกและองค์ประกอบจากหนังสือการ์ตูนก็ยังมีอยู่ครบ ฉากยิงสู้ซอมบี้ก็ตื่นเต้นและมันส์จนเลือดหยดสุดท้ายทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีทีวีซีรีส์ที่สร้างต่อจากหนังเรื่องนี้ในชื่อ I’m A Hero: Hajimari no Hi โดยเรื่องราวจะเป็นการย้อนกลับไปเหตุการณ์สองวันก่อนหน้านี้โดยถ่ายแบบ Found Footage ผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมาย
One Cut Of The Dead (2018)
นี่คือหนังซอมบี้ของปีนี้ที่สร้างกระแสมาแล้วทั่วโลกการันตีจากทุกสำนัก ด้วยทุนเพียง 27,000 ดอลล่าร์ แต่เมื่อเข้าฉายแบบจำกัดโรง แล้วด้วยกระแสบอกต่อจนเพิ่มโรงฉายทั่วญี่ปุ่นซึ่งผลที่ได้คือ 7.2 ล้านดอลล่าร์ กลายเป็นหนังซอมบี้อินดี้ที่ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ก่อนจะมีหลายประเทศซื้อสิทธิ์การฉายเป็นจำนวนมาก แถมคว้ารางวัลจากเทศหนังมาแล้วทั่วโลก
เรื่องราวของนักทำหนังที่มีไอเดียสุดเพี้ยนอยากทำหนังซอมบี้แบบ non-stop ไม่มีหยุด ซึ่งยกกองมาถ่ายสถานที่โรงงานร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่วิจัยปลุกศพให้คืนชีพอีกครั้ง ขณะถ่ายทำก็เจอฝูงซอมบี้จริงๆ งานนี้ผู้กำกับประกาศกร้าวว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีการหยุดถ่ายทำ ทำให้ 37 นาทีจากนี้กลายเป็นการวิ่งหนีฝูงซอมบี้สุดมันส์เคล้าความฮาเกิดขึ้น
Train To Busan (2016)
นี่คือหนังซอมบี้เอเชียที่ถือว่าครบเครื่องที่สุดในเวลานี้ Train To Busan ว่าด้วยเรื่องราวของตัวเอกที่ต้องพาลูกสาวไปยังเมืองปูซานเพื่อพบแม่ ทันใดนั้นก็เกิดการแพร่ระบาดเชื้อที่ทำให้คนในรถไฟกลายเป็นซอมบี้ ทำให้เขาต้องร่วมมือกับผู้รอดชีวิตคนอื่นที่จะต้องเอาชีวิตให้รอดไปให้ถึงจุดหมายให้จงได้
เป็นหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์ที่สร้างสถิติฉายวันแรกทำเงินสูงสุดทุบสถิติทุกเรื่องที่เคยมีมาเลยทีเดียว แถมไปประกาศศักดาถึงเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์มาแล้ว
นอกจากนี้ยังมีหนังแอนิเมชั่นจากทีมสร้างเดียวกันในชื่อเรื่อง Seoul Station ที่เล่าเหตุการณ์ก่อนหน้าภาพยนตร์ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร
Train To Busan นอกจากจะได้ไปฉายทั่วโลกแล้วล่าสุด ทางฮอลลีวู้ดเตรียมรีเมครถด่วนซอมบี้คลั่งอย่างแน่นอนแล้ว ส่วนทางด้านภาคต่อของต้นฉบับคงต้องจับตาดูกันต่อไป
อันนี้แถมให้อีกเรื่องหนึ่งครับ
Sword Of The Dead (2018)
หนังสั้นซอมบี้ผลงานการกำกับของ สตีเฟ่น วิทาลี ที่เล่าถึงโรนินพเนจร เดินทางมายังหมูเกาะแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เพื่อกลับไปหาครอบครัว แต่ทว่าเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยเราคนคลั่งจากเชื้อปริศนา ด้วยเกียรติของโรนินทำให้เขาตัดสินใจจับดาบแล้วเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้กระหายเลือด
ใครอยากดูสามารถเข้าชมได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ
https://www.youtube.com/watch?v=XvbpI8fU8pM
ทั้งหมดนี้คือ 5 หนังซอมบี้สไตล์เอเชียที่แนะนำให้ไปดูสำหรับคอหนังซอมบี้ ซึ่งส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ทำให้หนังซอมบี้ยังคงออกมาอาละวาดให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ อยู่ที่วิสัยทัศน์ของผู้กำกับที่ต้องการหาความสดใหม่หรือแตกต่างที่จะทำให้ซอมบี้ยังคงออกมากินเนื้อสดๆให้เราได้หวาดเสียวกันต่อไป
@P.PETTY
ส่วนตัวแอดมิน AK47 กลับชอบ “ขุนกระบี่ผีระบาด” ดูแค่นางเอกก็เพลินแล้ว 555+
-
Space Adventure Cobra – The Awakening [PS4, PS5, Xbox,Nintendo Switch และ PC]
คอบบร้า เห่าไฟสายฟ้า มาเป็นเกมแล้ว!!
-
Monster Hunter Wilds [Event Quest / รีวิว / มีอะไรใหม่]
มีกำหนดลงให้ระบบ PlayStation 5 , Xbox SeriesและPC (Steam) ในปี 2025
-
“กีกี้” หรือ “Shocker Soldier” คืออะไร? – กองกำลังเงามืดแห่งองค์กรชั่วร้ายจาก Kamen Rider!!
ถ้าพูดถึงศัตรูในซีรีส์ Kamen Rider เชื่อว่าภาพที่หลายคนคุ้นตาคงหนีไม่พ้นกลุ่มชายในชุดดำลายกระดูกขาวที่ส่งเสียงร้องแปลก ๆ “กี้ กี้” ก่อนพุ่งเข้าใส่ไอ้มดแดงแบบไม่คิดชีวิต พวกเขาคือ Shocker Soldier หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “ลูกกระจ๊อกช็อกเกอร์” หรือ “ตัวกีกี้” กองกำลังระดับล่างสุดขององค์กรชั่วร้าย Shocker ที่สร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนเหล่ามอนสเตอร์ขององค์กร แต่อย่าคิดว่าพวกเขาเป็นแค่ตัวประกอบไร้ค่า เพราะจริง ๆ แล้วเบื้องหลังของ Shocker Soldier มีที่มาและแรงบันดาลใจที่น่าสนใจไม่น้อย ที่มาของ Shocker Soldier เหล่านักสู้ช็อกเกอร์ปรากฏตัวใน มังงะเรื่อง “Kamen Rider” ของ อ. “Ishinomori Shotaro” ซึ่งแตกต่างจากตัวละครในซีรีส์คนแสดง พวกเขาสวมหมวกกันน็อคที่ปิดบังใบหน้าบางส่วนและมีปืนกลติดตัว Shocker Soldier ปรากฏตัวครั้งแรกใน Kamen Rider (1971) ซึ่งเป็นซีรีส์ต้นกำเนิดของแฟรนไชส์คาเมนไรเดอร์ หรือไอ้มดแดงที่โด่งดังในบ้านเรา โดยพวกเขาเป็นกองกำลังที่คอยรับใช้ “Shocker” องค์กรชั่วร้ายที่มีเป้าหมายจะยึดครองโลกด้วยวิทยาการดัดแปลงมนุษย์ แรงบันดาลใจในการออกแบบของพวกเขามาจาก “องค์กรลับ” […]