4 Kings 2

ผู้กำกับ / เขียนบทภาพยนตร์:  พุฒิพงศ์ นาคทอง
นักแสดงนำ : สมพล รุ่งพาณิชย์ / สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร / D Gerrard

บริษัทผู้สร้าง / จัดจำหน่าย : เนรมิตรหนัง ฟิล์ม
วันฉาย : 30 พฤศจิกายน 2566

4 Kings 2 เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า-อาชญากรรมปี 2566 เป็นภาคต่อของ 4 KINGS อาชีวะ ยุค 90 ภาพยนตร์ที่สร้างปรากฏการณ์ในปี 2564 ในฐานะภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดแห่งปี

เรื่องย่อ

ภาพยนตร์ภาคนี้ดำเนินต่อจากภาคที่แล้ว เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ ตุ้มเม้ง (ท็อป-ทศพล หมายสุข) นักศึกษา กนกอาชีวะ ถูกลอบทำร้ายจนเกือบตาย เกิดความขุ่นเคืองในหมู่นักศึกษากนกอาชีวะ บ่าง (แหลม-สมพล รุ่งพาณิชย์) แกนนำนักศึกษากนก เตรียมแก้แค้นนักศึกษาช่างกลบุรณพนธ์ที่เป็นศัตรูกัน แต่ความจริง มันมีอะไรมากกว่านั้น เพราะในความขัดแย้งระหว่างนักศึกษาของ 2 สถาบันนี้ กลับมี ยาท เด็กบ้าน (ดี เจอร์ราร์ด) เป็นหนึ่งในฟันเฟืองของความวุ่นวายนี้ขับเคลื่อนอย่างบ้าคลั่ง…

REVIEW

ภาค 2 ที่เอาจุดบอดของภาคแรกมาแก้ไข และยกระดับโปรดัคชั่นให้เต็มข้อมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวม ดุเดือดในการต่อสู้ หดหู่ในเนื้อหา และพาเราดำดิ่งไปในมุมมองของตัวละครที่มี “กรรม” เป็นของตัวเอง…

ด้วยความที่ภาพยนตร์ได้เปลี่ยนเส้นทางการนำเสนอ จากแนวๆกึ่ง Base on True Story มาเป็น “เรื่องแต่ง 100%” กลายเป็นว่าทีมงานสามารถใส่สิ่งต่างๆอุดรอยรั่วของภาคแรกได้อย่างหมดจด มันเป็นภาพยนตร์ที่ดูสนุกในแง่ความรุนแรงที่ถึงเลือดถึงเนื้อ บทดราม่าเข้มข้นชวนหนักหัว มุกตลกที่เล่นกับยุคสมัย เซตติ้ง ฉากต่างๆ ที่หยิบยกความเป็นคนชนชั้นล่างในชุมชนแออัดริมทางรถไฟยุค 90s ทุกอย่างมันลงตัว ลงล๊อก แม้จะมีบางอีเว้นท์ที่เลือกจะตัดทิ้ง ข้ามไปเลย แล้วใช้บทสนทนาเล่าเรื่องช่วงที่ข้ามไปไวๆแทนเหมือนกับภาคแรก แต่มีน้อยลงอย่างมาก…ถือว่าทีมงานรับฟังพลังชาวโซเชียลมาแก้ในผลงานชิ้นนี้นั่นเอง…

ส่วนงานภาพ หายห่วง ภาพสวย ฟิลดี ช่วงบู๊ดูเร้าใจ ช่วงดราม่าหนักใจก็พาให้หน่วงจิตไม่น้อย

หากภาคแรก เต็มไปด้วยภาพโทนร้อน และเรื่องราวการต่อสู้ในช่วงบ่าย-เย็น

ในภาค 2 นี้ก็จะไปเน้นที่ฉากกลางคืน โทนมืดที่อึดอัดแทน ก็คนละฟิลลิ่งกันไปเลย

คุณภาพการแสดงของ สองนักแสดงนำอย่าง แหลม-สมพล รุ่งพาณิชย์ ในบท บ่าง กนก ที่ถ่ายทอดออกมาได้หลายแง่มุม ทั้งมุมของตัวบวก เอาจริงเอาจังกับการไล่เตะคน หรือจะมีมุมที่รักเพื่อนฝูง และมุมที่ไม่รู้จักคิด ส่งผลให้ตัวละครนี้น่าสนใจ และมีมุมให้น่าติดตาม รวมไปถึงตัวละคร เอก บุรณพนธ์ ที่แสดงโดย สิราษฎร์ อินทรโชติ จาก สถาบันคู่อริ ก็มีมุมที่สืบทอดมาจากภาคแรก ที่เริ่มคิดได้ว่าไม่อยากเห็นน้ำตาของแม่ และเริ่มหันหลังให้วงจรนี้ 

หรือแม้แต่ตัวจี๊ดที่แอดมินขอยกให้เป็น MVP ของเรื่อง อย่าง “ยาท เด็กบ้าน” ที่แสดงโดย ดี เจอร์ราร์ด ที่มาสวมบทเป็นตัวตึงเด็กบ้าน (aka ประธานสโมสรผึ้งน้อย 555+) ที่ออกไล่ล่า ทำร้ายเด็กช่างมามากมาย โดยในภาคนี้ เขาคือหนึ่งในพระเอกของเรื่อง มีแอร์ไทม์ให้เยอะมากๆ เราจะได้เห็นแง่มุม วิถีชีวิต แนวคิด และ ชะตากรรมของตัวละครนี้ ตั้งแต่ซีนเปิดเรื่อง จนถึงนาทีสุดท้ายของภาพยนตร์  และเราจะเข้าใจตัวละครนี้มากขึ้น จนบางครั้งก็สงสาร เห็นใจ แต่ให้อภัยไม่ได้จริงๆ…

 และด้วยความยาวของภาพยนตร์ที่ให้คุณแบบจัดหนัก 2 ชั่วโมง ทำให้มีเวลาการนำเสนอมุมมองของแต่ละตัวละครได้อย่างพอดี ไม่เวิ่นเว้อ และก็ไม่ตัดตอนมากเท่ากับภาคแรก อยู่นองค์รวมที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า “นี่คือภาพยนตร์ไทยคุณภาพ” ที่คาดหวังได้ว่าจะทำรายได้ไม่แพ้ภาคแรก…เชื่อว่าทีมงานใส่หมดแม็ก ซัดหมดโม่แล้วจริงๆ  ไม่น่าได้ทำภาค3แล้วล่ะ

ใครที่กังวลว่า ดูแล้วเดี๋ยวพวกนี้ก็ตีกันนอกจอ อันนี้สามารถพูดได้เลยว่า มันแล้วแต่คนจริงๆ ยืนเฉยๆคนมันก็ตีกันได้  แต่ถ้าจะตีกันเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ต้องยอมรับว่า ฉากบางฉากที่รุนแรง เร่งเร้า และเอามาซะแบบเต็มคาราเบ้ว มันทำให้วูบวาบตอนดู…แต่สุดท้าย ตัวภาพยนตร์ได้ฉายภาพความหดหู่ของผลลัพท์ที่ดำดิ่ง มืดมน เข้าขั้น จิตตก เชื่อว่าส่วนมาก ถ้าได้ชมแล้ว “คงไม่มีกะใจจะไปเลียนแบบแน่ๆ”

เพราะเรื่องราวได้พาเราไปถึงจุดที่มืดมิด จนไม่มีอะไรใช้จำกัดความภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ดีไปกว่า…

“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นก็กลับไปหาคนสร้าง”

และ “ความดีที่ทำ ไม่สามารถนำมาลดหย่อนกรรมชั่วที่เคยก่อไว้ได้” 

ทุกผลลัพท์ ทุกการกระทำ ส่งผลต่ออนาคต

แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร 

แต่ถ้าทำอะไรเอาไว้ ก็รอรับได้เลยนะจ๊ะยาหยี…

แอดมิน Ak47 

#4Kingอาชีวะยุค90 #4Kings2 #กูมาเยือน #เดือดกว่าที่เคยเจอ #1990ขีดสุดของความบ้า
#NeramitnungFilm #เนรมิตรหนังฟิล์ม #เพราะทุกสิ่งเนรมิตรได้ด้วยมือเรา #ฉายแสงแอดเวนเจอร์