บทสรุปของจักรวาลไดโนเสาร์ Jurassic World : Domination ที่เข้าโรงในตอนนี้ บางคนดูแล้วชอบ บ้างก็ไม่ชอบ ว่ากันไป
วันนี้เราจะไปขุดเกร็ด 30 เรื่องราวน่าสนใจของหนังชุด Jurassic Park กับเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังของการทำงาน การถ่ายทำ รวมถึงเรื่องราวสนุกๆที่เกี่ยวข้องมาฝากกัน ถ้าพร้อมแล้วไปชมกันเลยครับ…
1.) บิดาผู้ให้กำเนิด Jurassic Park
หากเอ่ยชื่อของ Jurassic Park เราจะรู้จักในชื่อของของหนังชุดไดโนเสาร์ที่ครองใจผู้ชมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากจะสร้างกระแสโด่งดังแล้ว มันเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมป๊อบพร้อมกับหลายคนหันมาสนใจเรื่องราวของโลกไดโนเสาร์ แต่ถ้าย้อนกลับไปก่อนจะเป็นตัวหนังที่เราได้ชมกัน มันคือผลงานนิยายแนววิทยาศาสตร์ของ ไมเคิล ไครช์ตัน เขาเป็นนักเขียนที่มีผลงาน ยอดขาย 200 ล้านเล่มทั่วโลกและถูกแปลถึง 40ภาษา ทั่วโลก พร้อมดัดแปลงในสื่อต่างๆ
นอกจากจะเป็นนักเขียนนิยายแล้ว เขาเคยมีผลงานการกำกับและเขียนบททั้งจองแก้วและจอเงิน หนึ่งในผลงานที่น่าจดจำก่อน Jurassic Park ก็จะมีเรื่อง Westworld ที่ปัจจุบันถูกสร้างเป็นซีรีส์ทุ่มทุนสูงออกฉายอยู่
จุดเด่นผลงานของเขาจะเป็นแนววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งในแต่ละตอนก็จะมีการแทรกข้อมูลที่น่าเชื่อถือลงไปอีกด้วย
2.) เหตุผลที่อยากจะกำกับ Jurassic Park
ตอนที่นิยาย Jurassic Park ตีพิมพ์จนมียอดขายดีเป็นเทน้ำเทท่านั้น จึงกลายเป็นเป้าหมายใหญ่ของสตูดิโอชั้นนำที่พร้อมจะทุ่มเม็ดเงินและผู้กำกับฝีมือดีของฮอลลีวู้ดให้มาเนรมิตเรื่องราวเป็นหนังอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งท้ายที่สุดเจ้าของเรื่องราวอย่างไมเคิล ไครช์ตัน ได้เลือกพ่อมดฮอลลีวู้ด สตีเว่น สปิลเบิร์ก มากำกับหนังเรื่องนี้ โดยมีที่มามาจากทั้งคู่คุยกันตอนช่วงพัฒนาบททีวีซีรีส์เรื่อง ER ซึ่งสปิลเบิร์กได้คำตอบจากปากไมเคิลว่า กำลังเขียนนิยายเกี่ยวกับไดโนเสาร์ ซึ่งด้วยความที่เขาสนใจเรื่องราวไดโนเสาร์เป็นทุนเดิม จึงขอให้ทางค่ายUniversal ซื้อสิทธิ์ ซึ่งท้ายสุดก็ได้กำกับเรื่องนี้จริงๆ
3.) เฟ้นหานักแสดง
ในภาคแรกจะมีตัวละครหลัก 3 ตัวด้วยกัน ดร.อลัน แกรนต์ นักบรรพชีวินวิทยา และ นักบรรพพฤกษศาสตร์ ดร.เอลลี แซตต์เลอร์ รวมถึงนักคณิตศาสตร์มาดกวนอย่าง ดร.เอียน มาคอล์ม ซึ่งตอนแรก พวกเขาวางแผนอยากให้ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ศิษย์รักของสปีลเบิร์กมารับบท ดร.แกรนท์ ส่วน ซานดร้า บูลล็อค มารับบท ดร.เอลลี่ และ จิม แคร์รี่ ในบท ดร.มัลคอล์ม ก่อนที่ท้ายสุดจะได้นักแสดงอย่าง แซม นีล, ลอร์ร่า เดิร์น และ เจฟฟ์ โกลด์บลัม มารับบทอย่างที่เรารู้จักนั่นเอง
4.) ว่าด้วยบทของ John Hammond
อีกหนึ่งตัวละครสำคัญของหนังชุดนี้และอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราว ในหนังคือชายแก่ท่าทางใจดีนามว่า จอห์น แฮมมอนด์ ประธานบริษัท Ingen และเป็นผู้สร้างสวนสนุกกึ่งสวนสัตว์โลกล้านปีในชื่อ Jurassic Park โดยในเวอร์ชั่นหนังสือเขาจะออกดูโหดร้าย นึกถึงแต่ประโยชน์ จนเรียกว่าเป็นวอลท์ ดิสนีย์ ในด้านมืดอย่างแท้จริง
ส่วนเจ้าของบทคือนักแสดงและผู้กำกับชาวอังกฤษระดับตำนานอย่าง ริชาร์ด แอนเทนเบอโรห์ ซึ่งหลังจากแสดงหนังเรื่องนี้จบทำให้เขาสนใจเกี่ยวกับไดโนเสาร์จนถึงขั้นหาเวลาว่างจากการแสดงหรือกำกับเดินทางไปกับกลุ่มนักบรรพชีวินไปขุดกระดูกไดโนเสาร์แบบของจริงเลยทีเดียว
ถ้าใครได้ดูภาคแรกจะสังเกตว่า .ดร.มัลคอลมน์ พยายามหาเรื่องคุยกับ ดร.เอลลี่ เพื่อจะจีบให้ได้ ซึ่งปรากฏว่า ลอร์ร่า เดิร์น และ เจฟฟ์ โกลด์บลัม ก็คบหากันในชีวิตจริงหลังหนังออกฉาย ก่อนที่ทั้งคู่จะเลิกราในเวลาต่อมา แต่ที่แน่นอนในภาคล่าสุดทั้งคู่และ ดร.แกรนท์จะกลับมาวิ่งหนีไดโนเสาร์อีกครั้ง
6.) ออดิชั่นผ่านเพราะกรีดร้องจนหลายคนสะดุ้ง
มีเรื่องเล่าว่า อาเรียน่า ริชาร์ด ผู้รับบทหลานสาวของ จอห์น แฮมมอนด์ นามว่า เล็กซ์ เมอร์ฟีย์ ซึ่งเธอสามารถฟันฝ่าผู้สมัครมากมายจนคว้าบทนี้มาได้ ซึ่งจะต้องแสดงฉากหวาดกลัวให้มากที่สุดโดยเธอสามารถตีโจทย์แตกได้อย่างงดงาม ชนิดว่าตอนที่สปีลเบิร์กกำลังดูเทปคนที่มาออดิชั่นจนถึงคิวของเธอ ทำเอาภรรยาของผู้กำกับสะดุ้งตื่นตกใจกันเลยทีเดียว!!
https://www.youtube.com
ตัวละครการ์ตูนอย่าง Mr. DNA เปรียบเสมือนไกด์ที่จะพาผู้ชมไปรู้จักความอัศจรรย์ของสัตว์โลกล้านปีใน Jurassic Park ที่จะพาไปดูประวัติศาสตร์พร้อมกับรหัสพันธุกรรมอันซับซ้อนเพื่อที่จะสามารถนำชีวิตที่สูญพันธุ์ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
สำหรับตัวละคร Mr. DNA นั้นเป็นฉากที่นำเนื้อหานำเสนอข้อมูลไดโนเสาร์จากนิยายให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยสปีลเบิร์กอยากให้ออกมามีรูปแบบเหมือนสื่อการสอน ส่วนฉากที่มีตัวไดโนเสาร์คอยาวก็เป็นการคาราวะ Gertie the Dinosaur (1914)
8.) เกือบจะได้ไปถ่ายทำที่แถบคอสตาริก้า
เรื่องราวทั้งหมดใน Jurassic Park แม้จะมีฉากหลังระบุว่าเกิดขึ้นในแถบคอสตาริก้า ซึ่งตอนแรกพวกเขาวางแผนจะถ่ายถึงที่จริงๆ แต่ท้ายสุดก็ไม่ได้ไปถ่ายทำด้วยข้อจำกัดของทางการ หนึ่งในนั้นคือห้ามสร้างฉากถนนบนโลเกชั่น
9.) เจ้าของเสียงบรรยายทัวร์ในหนัง
ในนิยายและหนังสือ จอห์น แฮมมอนด์ บอกว่าเขาดีใจที่ได้นักแสดงชื่อดังในเวลานั้นอย่าง ริชาร์ด ไคลีย์ มาให้เสียงบรรยายทัวร์ของพาร์ค ซึ่งเขาทุ่มเม็ดเงินเต็มที่ ซึ่งในส่วนของหนังก็ได้หยิบฉากนี้จากนิยายแล้วลงทุนถึงขั้นเชิญนักแสดงตัวจริงมาให้เสียงบรรยายด้วยตัวเองอีกด้วย สำหรับตัวริชาร์ด ไคลีย์นั้น คือนักแสดงจอแก้วและจอเงินมากฝีมือคนหนึ่งที่วงการฮอลีวู้ดต่างให้การยอมรับ ถือว่าเป็นสีสันที่ถอดแบบจากนิยายครบถ้วนและทำได้จริงซะด้วย
10.) เหตุการณ์ Kauai Team Survivor’92
สืบเนื่องจาก หนังได้ยกกองไปถ่ายทำที่เกาะคาวายอิ ในแถบฮาวายซึ่งในช่วงท้ายของการถ่ายทำก็เกิดเหตุพายุเฮอร์ริเคนพัดถล่มเกาะอย่างรุนแรง จนไม่สามารถถ่ายทำต่อได้ ทำให้ทีมงานทั้งหมดจึงต้องหลบอยู่ที่ห้องบอลรูมชั้นใต้ดินของโรงแรมและรวมกลุ่มกันจนกว่าพายุจะสงบ แม้จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงแต่โชคดีเพราะพวกเขาได้เก็บภาพช่วงพายุเข้ามาใส่ไว้ในหนังอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการทำเสื้อที่ระลึกแจกให้กับทีมงานและนักแสดงเป็นรูปไดโนเสาร์ที่กำลังเกาะบนต้นไม้
11.) Meme ระดับตำนาน
ฉากที่ร้านอาหารกลางแจ้งของ เดนนิส เนดรี้ กับ ลูอิส ดอดจ์สัน ที่อีกฝ่ายตะโกนชื่อคนที่มาหาเขาแต่ไม่มีใครสนใจ ซึ่งฉากสั้นๆนี้ กลายเป็นที่จดจำจนกลายเป็นมีม (เคียงคู่ Clever Girl!) และต่อยอดไปรีมิกซ์เป็นเพลงกับทำเสื้อขายเลยทีเดียว แถมเกร็ดเล็กๆว่า คาเมรอน ธอร์ เคยมาแคสบท เอียน มัลคอล์ม ด้วยล่ะ แต่ก็ได้บทดอดจ์สันแทนในที่สุด
12.) เสียงลูกไดโนเสาร์ฟักออกจากไข่
สำหรับเสียงประกอบตอนที่ลูกไดโนเสาร์ฟักออกจากไข่นั้น ทีมงานใช้เสียงจากหลายแหล่งมาประกอบรวมกัน เช่น เสียงเปลิอกไข่ถูกกะเทาะใช้วิธีการบดกรวยไอศกรีม, เสียงตัวอ่อนใช้วิธีทำเสียงควักเนื้อแคนตาลูป และเสียงตอนลูบทำความสะอาดตัวอ่อนใช้เสียงตอนลูบผิวลูกสัปปะรดนั่นเอง
13.) รถสำรวจที่ได้รับการออกแบบโดย เมอร์เซเดส- เบนซ์
ในภาค The Lost World : Jurassic Park ในปี1997 สำหรับรถสำรวจรวมถึงรถเทรลเลอร์ที่อุดมไปด้วยอุปกรณ์ครบครันของทีม ดร. มัลคอล์ม เพื่อเดินทางไปยังเกาะ อิสลา ซอร์นา ได้บริษัทรถยักษ์ใหญ่อย่าง เมอร์เซเดส- เบนซ์ ได้ผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ
14.) คาราวะหนัง King Kong
สำหรับเรื่อที่ใช้ขน่สงเจ้า T-REX มันมีชื่อว่า S.S.Venture มุ่งตรงมายังเมืองใหญ่ ซึ่งชื่อเรือนี้ สปีลเบิร์กตั้งใจจะคาราวะหนังดังอย่าง King Kong (1933) หนึ่งในผลงานเรื่องโปรดของเขานั่นเอง ซึ่งบรรยากาศในตัวหนังภาคนี้ก็มีกลิ่นอายของหนังเรื่องคิงคองอย่างชัดเจน
ในฉากตอนที่รถบัสพุ่งชนร้านวีดีโอ หากใครตาดีเราจะสังเกตว่าจะมีโปสเตอร์หนังแบบปลอมๆ ทั้ง KING LEAR นำแสดงโดย อาร์โนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ และก็มี Jack and The Beanstalks รับบทโดย โรบิน วิลเลี่ยมส์ และ Tsunami Sunrise นำแสดงโดย ทอม แฮงค์
16. ว่าด้วยฉาก T-REX บุกเมือง
ฉากที่ถือว่าเป็นไฮไลต์สำคัญของหนังเรื่องนี้คือการมาของ T-rex บุกซานดิเอโก้ ซึ่งในตอนแรกจะเปิดฉากให้เป็นฝูงนกเทอราโนดอนโจมตีเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย ก่อนที่สปีลเบิร์กจะเปลี่ยนเป็นฉาก T-REX บุกเมืองซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากหนัง The Lost World (1925) ของ เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ ส่วนบรรยกาศในกองถ่ายต้องปิด 5 ช่วงถนนเพื่อถ่ายทำฉากนี้โดยเฉพาะ
17.) อาวุธคู่ใจของนายพรานนามว่า โรแลนด์ เทมโบ้
อีกหนึ่งตัวละครที่สร้างสีสันให้กับหนังเรื่องนี้ คือนายพราน โรแลนด์ เทมโบ้ ที่ต้องนำทีมของปีเตอร์ ลัดโลว์ ในการนำไดโนเสาร์ไปจัดแสดงโชว์ที่สวนแห่งใหม่ในซานดิเอโก้ ซึ่งแน่นอนว่าเขาต้องขนอาวุธเต็มอัตราศึก โดยหนึ่งในอาวุธที่น่าสนใจคือปืนจากบริษัท B.Searcy & Co. ซึ่งผลิตเพียง 2 กระบอกสำหรับหนังเรื่องนี้ โดยอีกกระบอกผู้กำกับขอเก็บไว้เป็นที่ระลึก
18.) ชายดวงซวยผู้ถูก T-Rex งับกิน
ฉากที่ T-Rex อาละวาดในซานดิเอโก้ เราจะเห็นชายหนุ่มดวงซวยที่ต้องวิ่งหนีก่อนจะถูกงับไปในที่สุด ไม่ใช่ใครอื่นไกลแต่เป็นมือเขียนบทของหนังเรื่องนี้ที่ชื่อว่า เดวิด โคเอปป์ ซึ่งตอนเขียนบทเขาอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในฉากนี้ จนต้องไปขอทางผู้กำกับอย่างสปีลเบิร์ก ซึ่งอีกฝ่ายเห็นทางนี้ขอมาก็จัดให้เลยครับ เป็นความฝันที่มือเขียนบทอยากมีส่วนร่วมในหนังเรื่องนี้
19.) เด็กสาวในฉากเปิดเรื่องของภาค The Lost World : Jurassic Park
ในฉากเปิดของภาคนี้ เราจะเห็นเด็กสาวซึ่งเป็นลูกเศรษฐีเดินทางมายังเกาะ อิสลา นูบลา แล้วเธอไปป้อนอาหารไดโนเสาร์จิ๋วตัวหนึ่ง ก่อนที่เธอเกือบจะเป็นอาหารเสียงเอง ซึ่งคนที่มารับบทเป็นเด็กสาวคือ คามิลล่า เบลล์ โดยในเวลาต่อมาเธอโด่งดังจากหนังเรื่อง 10000 BC (2008)
20.) ภาค 3 คือภาคเดียวที่ไม่ได้อิงเนื้อหาจากนิยายต้นฉบับ
Jurassic Park III คือภาคต่อจากสองภาคแรกซึ่งบอกเล่าถึง ดร.แกรนท์ที่ต้องกลับไปยังเกาะไดโนเสาร์เพื่อพาสองสามีภรรยาตามหาลูกชายที่หายไป ซึ่งภาคนี้น่าจะเป็นภาคที่ไม่ได้อิงเนื้อหาจากสองภาคแรก แม้กระบวนการในตอนต้นได้เชิญ ไมเคิล ไครช์ตัน มาช่วยเขียนบทภาคใหม่ แล้วมีมือเขียนบทมากมายเข้ามามีส่วนร่วม ก่อนที่จะกลายเป็นเนื้อหาที่เราได้ดูในหนังนั่นเอง
21.) Jurassic World กับระยะเวลา 22ปีที่ได้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง
หลังจบภาค 3 ก็ไม่มีการสร้างหนังชุดนี้อีกเลยจนกระทั่งในปี 2015 Jurassic World ซึ่งถ้านับช่วงเวลาที่ห่างกันจากภาคแรกก็กินเวลาถึง 22ปีทั้งการสร้างและเนื้อหาของเรื่องราวที่เกิดขึ้น แถมยังเป็นการเริ่มต้นไตรภาคชุดใหม่ของหนังชุดนี้อีกด้วย เพราะว่าหนังประสบความสำเร็จจนมีการสร้างต่อในเวลาต่อมา
การกลับมาของหนังชุดไดโนเสาร์ใน Jurassic Worldนั้นทำให้เราได้เห็นบรรยากาศแบบเดียวกับภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงมีการใส่ Easter Egg จากภาคแรกให้แฟนๆได้สังเกตกัน หนึ่งในนั้นคือฉากสองพี่น้อง แซค และ เกรย์ ได้ไปเจอซากตึกเก่าในภาคแรก รวมถึงรถจิ๊ปเก่าๆ ซึ่งจะบอกว่าหมายเลขคือ 29 นั่นคือคันเดียวกับที่จอห์น แฮมมอนด์ พาตัวลเอกจากภาคแรกมาเยือนที่นี่นั่นเอง
หากใครได้ดูจะเห็นว่าในสวนสนุกแห่งใหม่นี้เราจะได้เห็นเหล่าเด็กๆขี่เจ้าไทรเซอราทอปส์ ซึ่งแต่เดิมฉากนี้จะถูกใส่ในภาคแรก แต่ก็ถูกตัดเพราะว่านอกจากจะทำให้หนังยืดยาวแล้วมันอาจจะทำให้เกิดตรรกะแปลกๆ พอมาถึงภาคนี้พวกเขาจึงนำฉากนี้มาใส่ในหนังในที่สุด
24.) Gyrosphere
ถ้าใครได้ดูตั้งแต่ภาคแรก จะรู้ว่า การไปดูไดโนเสาร์ตามจุดต่างๆเราจะสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแบบไร้คนขับ แต่ใน Jurassic World ผู้ชมจะได้รู้จัก Gyrosphere ยานพาหนะทรงกลมที่ มีระบบ GPS และมีไกด์คอยแนะนำ ซึ่งสตีเวน สปีลเบิร์ก ที่เห็นพ้องกับผู้กำกับ คอลิน เทรเวอร์โรว ว่าใน Jurassic World นี้ อยากหาหนทางให้ผู้คนสามารถเข้าใกล้ไดโนเสาร์ในระยะประชิด บนรถที่ขับเคลื่อนได้อย่างอิสระ รับประสบการณ์ท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
25.) Maisie Lockwood
เธอคือตัวละครที่กลายเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องราว ซึ่งกว่าจะได้นักแสดงมาสวมบทนี้ ต้องมีการเฟ้นหานักแสดงเด็กถึง 2500 คน ก่อนท้ายที่สุดได้นักแสดงเด็กที่ชื่อว่า อิซาเบลล่า เซอร์ม่อน ซึ่งในภาคล่าสุดที่กำลังจะเข้าฉายเธอจะกลับมาด้วยเช่นกัน
26.) Jurassic World: Fallen Kingdom
สำหรับ Jurassic World: Fallen Kingdom น่าจะเป็นภาคที่มีไดโนเสาร์มาที่สุดเป็นประวัติการณ์กว่าทุกภาคที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ โดยเฉพาะ Indoraptor ไดโนเสาร์สายพันธุ์ผสมที่น่าจะร้ายกาจที่สุดกว่าทุกภาคเลยทีเดียว
27.) คาราวะหนังจากค่าย Hammer Film
หนึ่งในฉากเด็ดของของ Jurassic World: Fallen Kingdom คือฉากที่ไดโนเสาร์สายพันธุ์ผสมสุดโหดอย่าง อินโดแร็พเตอร์ ที่คำรามในยามรัตกาลบนคฤหาสน์นั้น มีหลายคนสังเกตว่าฉากนี้ชวนให้นึกถึงหนังสยองขวัญยุคเก่าจากค่ายหนังอังกฤษอย่าง Hammer Film ซึ่งเคยโด่งดังในการสร้างหนังสยองขวัญแบบเดียวกับ Universal นั่นเอง
ขอเล่าย้อนกลับไปยังภาค Jurassic World เราจะได้เห็นรูปปั้นของ อจห์น แฮมมอนด์ หนี่งในผู้ก่อตั้ง Jurassic Park ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 1997 ตามเนื้อเรื่อง (ริชาร์ด แอทเทนเบอโรห์ จากไปในปี 2014) ก็ทำให้การรำลึกตัวละครตัวนี้มีความหมายมากขึ้น และยังมีการสะท้อนตัวละครตัวนี้ผ่าน แคลร์ ซึ่งเธอก็สวมชุดเขาเช่นเดียวกัน
29.) 25ปีของเจ้า T-REX
น่าจะเป็นผู้อาวุโสที่สุดของหนังชุดนี้สำหรับเจ้า T-REX ที่ปรากฏตัวตั้งแต่ครั้งแรกในปี 1993 จนถึงภาคล่าสุด ก็คงจะมีอายุยืนยาวมาถึง 25ปีที่อยู่บนเกาะ อิสลานูบลาร์ ซึ่งภาคล่าสุดต้องมาดูกันว่าจะยังแกร่งและน่ากลัวเหมือนครั้งก่อนหรือไม่?
30.) Jurassic World: Domination
วันที่ 8 มิถุนายนที่จะถึงนี้ก็ติดตามบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดใน Jurassic World: Domination ที่นอกจากจะได้เห็นตัวละครกลับมาครบทีมความพิเศษคือตัวละครจากภาคแรกก็กลับมาครบทีมและแท็กทีมตะลุยไดโนเสาร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรนั้นรอติดตามได้ที่โรงภาพยนตร์ใกล้บ้านท่าน
@P.PETTY
ข้อมูลอ้างอิง
- https://www.imdb.com/title/tt4881806/trivia/?ref_=tt_trv_trv
- https://www.facebook.com/vintagemotionpicture/photos/a.862224703860426/3633461293403406/?type=3
- https://www.filmaneo.com/2018/09/things-you-should-know-about-fallen-kingdom.html
- https://pantip.com/topic/33769239
- https://www.sfcinemacity.com/news-activity/news-1221
- https://ew.com/movies/2018/06/05/jurassic-world-fallen-kingdom-reviews-chris-pratt-ja-bayona/
- https://www.sfcinemacity.com/news-activity/news-1234
- https://screenrant.com/jurassic-world-2-dinosaurs-guide/