เสียงคำรามอันกึกก้องและภาพที่มันขึ้นฝั่งบุกถล่มเมืองด้วยพลังปรมาณู ที่ทรงพลัง สองสิ่งนี้กลายเป็นภาพจำของราชันย์สัตว์ประหลาดไคจูที่ชื่อว่า ก็อดซิล่า อีกหนึ่งไอค่อนของหนังสัตว์ประหลาดระดับตำนานรวมถึงวงการภาพยนตร์ที่มีการสร้างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งความโด่งดังไม่ใช่แค่ในประเทศเท่านั้น แต่มันไปไกลระดับสากลจนเป็นหนึ่งในไอค่อนโลกบันเทิงที่ใครๆรู้จักเป็นอย่างดี ความสำเร็จส่วนหนึ่งที่ทำให้ชื่อของก็อดซิล่ากลายเป็นราชันย์ไคจูผู้ยิ่งใหญ่ในวันนี้ได้ ก็คือนักแสดงที่ทำหน้าที่เบื้องหลังด้วยการสวมชุดยางและแสดงออกมา ซึ่งพวกเขาต้องเจออุปสรรคมากมายและข้อจำกัดสุดแสนทรหดที่พวกเขาต้องก้าวข้ามไปเพื่อให้งานอออกมาสมบูรณ์แบบ
วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 3หนุ่ม3มุม ผู้เคยได้รับโอกาสครั้งสำคัญในชีวิต ในฐานะผู้แสดงเป็นราชันย์ไคจู จนเป็นตำนานที่ถูกกล่าวขานของแฟนๆจนปัจจุบันมาฝากกัน งั้นไปชมเรื่องราวของพวกเขากันเลยครับ….
ฮารุโอะ นากาจิม่า [Haruo Nakajima]
ถ้าหากจะพูดถึงชายคนแรกที่ได้รับหน้าที่อันใหญ่หลวงกับการสวมชุดยางสัตว์ประหลาดผู้ยิ่งใหญ่นั้น เราจะต้องพาไปรู้จักกับ ฮารุโอะ นากาจิม่า สตั๊นท์แมนขาประจำของค่ายโตโฮ ซึ่งเขาเริ่มจากความฝันที่อยากเป็นดารา หลังสงครามโลกครั้งที่สองจบลงเขาจึงไปสมัครเป็นสตั๊นท์แมนในค่ายโตโฮ ส่วนใหญ่จะเข้าฉากเสี่ยงตาย มีบ้างก็ได้มีบทบาทออกจอหนึ่งในนั้นคือหนังเรื่อง 7 เซียน ซามูไร ผลงานชั้นครูของ อากิระ คุโรซาว่า โดยส่วนใหญ่เขาจะเป็นตัวประกอบหนังแนวซามูไรเป็นหลักซะส่วนใหญ่
ด้วยความที่เขาเป็นคนทำได้ทุกอย่าง (ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน) เป็นคนที่มีความอดทนเป็นเลิศ บวกกับความมุ่งมั่นที่เปี่ยมล้นจนไปสะดุดตาผู้กำกับคนหนึ่งที่ชื่อว่า อิจิโระ ฮอนดะ จึงได้เรียกเขาไปคุย นั่นเพราะว่า ฮอนดะ ได้รับมอบหมายจากโปรดิวเซอร์อย่าง โทโมยูกิ ทานากะ ให้สร้างหนังสัตว์ประหลาดขึ้นมา โดยชื่อในตอนนั้นมีชื่อว่า Project-G
เมื่อนากาจิม่าได้บทมาอ่านเขาไม่รู้ว่า สัตว์ประหลาดในท้องเรื่องจะมีลักษณะท่าทางอย่างไร ในตอนแรกนากาจิม่า จึงใช้เวลา 10 วัน ไปศึกษาพฤติกรรมของเหล่าสัตว์ต่างๆที่สวนสัตว์ เพื่อจะหาลักษณะเข้ากับสัตว์ประหลาดที่ต้องแสดงนั่นเอง
เมื่อถึงวันถ่ายทำ นั่นคือวันแรกที่เขาได้เห็นรูปลักษณ์ของสัตว์ประหลาดที่ต้องแสดง โดยรูปลักษณ์จะออกมาในชุดยางลาเท็กซ์ จากฝีมือของ อ.ซึบุรายะ เอจิ ซึ่งตอนแรกตั้งใจจะถ่ายในรูปแบบ Stop Motion แต่ด้วยข้อจำกัดในด้านทุนและอื่นๆ จึงใช้วิธีให้นักแสดงใส่ชุดยางแล้วแสดงท่าทางออกมา เมื่อนากาจิม่าได้สวมใส่แล้วแสดงในแต่ละฉากกลับพบว่ามันไม่ง่ายจริงๆ
เหตุผลเพราะชุดยางก็อดซิล่านั้นมีน้ำหนักมากจนขยับแทบจะไม่ได้ (น้ำหนัก 100 กิโลกรัม) จนทำให้เขามักจะล้มบ่อยๆ แต่ปัญหาที่แท้จริงคือความร้อนที่สะสมเนื่องจากถ่ายในสตูดิโอที่มีแสงไฟมากจนอากาศไม่สามารถถ่ายเทได้ (อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส) ทำให้บางฉากที่เขาแสดงจบ พอถอดชุดออกเขาแทบจะหมดสติคาชุดเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความอดทนและความทุ่มเทของเขาที่ได้รับโอกาสสำคัญ เขาทุ่มเททั้งหยาดเหงื่อและแรงใจของตัวเอง สวมชุดก็อดซิล่าแล้วแสดงออกมาจนเป็นภาพจำของราชันย์ไคจูที่เราได้เห็นนั่นเอง (มีบันทึกเพิ่มเติมว่า ยังมีทีมสตั๊นท์แมนคนอื่นๆผลัดกันสวมชุดก็อดซิล่าแสดง หากนากาจิม่าเกิดลมล้มพับจนไม่สามารถแสดงในฉากนั้นๆได้)
หลังจากที่หนังเข้าฉายในปี 1954 แน่นอนว่ามันกลายเป็นหนังที่สร้างกระแสและสะท้อนภาพบาดแผลจากไฟสงครามโลก แน่นอนว่าความมืออาชีพของเขา ถึงกับยอมให้ทีมงานใส่ชื่อของเขาในฐานะตัวประกอบ (เพราะทางค่ายพยายามจะเก็บความลับว่ามีคนใส่ชุดแสดง)
หลังความสำเร็จของหนัง ก็อดซิล่า ภาคแรก ทางด้าน ฮารุโอะ นากาจิม่า ก็ได้สวมชุดแสดงเป็นราชันย์ไคจูมาโดยตลอดในช่วงยุคโชวะ รวมทั้งสิ้น 12 เรื่อง แล้วยังได้มีโอกาสสวมชุดเป็นสัตว์ประหลาดให้กับหนังอื่นๆของค่ายโตโฮอีกมากมาย ก่อนที่ในปี1972 เขาตัดสินใจอำลาบทบาทก็อดซิล่าในภาค Godzilla VS Gigan (1972) โดยให้เหตุผลว่า หลังการจากไปของ อ.ซึบุรายะ เอจิ ทำให้เขาไม่มีกำลังใจที่จะแสดง (ทั้งสองคนนับถือซึ่งกันและกัน) เป็นเหตุผลที่เขาวางมือในที่สุด
ช่วงบั้นปลายเขาได้มีโอกาสไปโชว์ตัวตามงานต่างๆและบอกเล่าประสบการณ์ในตอนที่แสดงเป็นก็อดซิล่าให้แฟนๆทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ได้ฟังและ ในปี 2010 ก็ออกหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเอง
ฮารุโอะ นากาจิม่า ได้จากไปในวัย 88ปี เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปี 2017 จากโรคปอดบวม แม้ตัวตายจะจากไป แต่แฟนหนังราชันย์ไคจูจะจดจำเขาในฐานะผู้มอบชีวิตให้กับราชันย์แห่งสัตว์ประหลาดให้โลดแล่นบนจอภาพยนตร์ แล้วจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
เคนปาชิโระ ซัตสึมะ [Kenpachiro Satsuma]
มาถึงนักแสดงคนที่สองกันบ้าง เขาคือผู้สืบทอดการเป็นราชันย์ไคจู ต่อจาก ฮารุโอะ นากาจิม่า และเขาทำให้คนรุ่นหลัได้เห็นความแข็งแกร่งของก็อดซิล่าจนทำให้ผลงานเรื่อง ก็อดซิล่ายุค เฮย์เซย์ กลายเป็นอีกยุคที่น่าจดจำของแฟนๆได้เป็นอย่างดี เขาคือ เคนปาชิโระ ซัตสึมะ นั่นเอง
เส้นทางของเขาเริ่มต้นในช่วงยุค 60’s โดยเขาเป็นนักแสดงและตัวประกอบให้กับหนังซามูไร เพื่อเก็บประสบการณ์จนเข้าช่วงยุค 70’s เขาได้รับโอกาสสำคัญที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนของเขาก็ว่าได้ เมื่อเขาได้รับการติดต่อให้มาแสดงเป็นสัตว์ประหลาดคู่ปรับของก็อดซิล่า นั่นคือ เฮโดร่า สัตว์ประหลาดที่เกิดจากฝีมือของมนุษย์ ทำให้เขาได้แสดงร่วมกับ ฮารุโอะ นากาจิม่า ในหนัง Godzilla VS Hedorah (1971) ซึ่งผลงานเรื่องนี้ทำให้ทีมงานเห็นความสามารถและความมีน้ำอดน้ำทนเฉกเช่นนากาจิม่า มีเรื่องเล่าว่าหลังถ่ายทำเรื่องนี้จบ เขาต้องรีบเข้าโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดอาการไส้ติ่งอักเสบทั้งที่ยังสวมชุด
ด้วยความเป็นนักแสดงที่มีน้ำอึดน้ำทน เฉกเช่นคุณนากาจิม่า ทำให้เขาได้มีโอกาสแสดงเป็นสัตว์ประหลาดคู่ปรับราชันย์ไคจูอีกสองภาคนั่นคือ Godzilla VS Gigan (1972) และ Godzilla VS Megallon (1973) จนกระทั่งเข้าสู่ยุคเฮเซย์ เขาได้รับโอกาสสำคัญอีกครั้งเมื่อเขาจะได้เป็นราชันย์ไคจูในหนัง The Return of Godzilla (1984) ซึ่งเขาทุ่มเทและตั้งใจเต็มที่ เพื่อสร้างสรรค์ก็อดซิล่าในแบบฉบับของตัวเอง ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ผูกขาดบทราชันย์ไคจูในยุคเฮเซย์ รวมทั้งสิ้น 7 เรื่อง โดยปิดฉากในภาค Godzilla VS Destoroyah (1995) และเป็นผลงานที่เขาทุ่มเทอย่างสุดฝีมือเพราะมันคือหนังปิดภาคยุคเฮเซย์ที่น่าจดจำ หลังจากนั้นเขาก็วางมือ แล้วได้มีโอกาสไปร่วมชมหนัง Godzilla ฉบับฮอลลีวู้ดจนเป็นข่าวฮือฮา เพราะว่าเขาเลือกที่จะเดินออกจากโรงหนัง ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ‘มันไม่ยิ่งใหญ่สมชื่อของมัน’
นอกจากราชันย์ไคจูที่เขาเคยสวมบทบาทแล้ว เขาเคยได้สวมบทเป็นสัตว์ประหลาดในหนังของเกาหลีเหนือเรื่อง Pulgasari (1985) ที่ทางญี่ปุ่นร่วมทุนสร้างด้วย
เคนปาชิโระ ซัตสึมะ ได้จากไปในวัย 76ปี ด้วยโรคปอดบวม เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมา ยับเป็นการปิดฉากชายผู้อยู่เบื้องหลังชุดก็อดซิล่าแห่งยุคเฮเซย์ ก็ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไปครั้งนี้ด้วยครับ
สึโทมุ คิตางาว่า [Tsutomu Kitagawa]
หลังจากที่โตโฮปิดฉากราชันย์ไคจู อีกครั้ง เพื่อส่งต่อให้ฮอลลีวู้ดไปสร้างสรรค์ในปี 1998 แต่เมื่อเสียงตอบรับไม่เป็นที่พอใจ ทำให้โตโฮตัดสินใจปลุกชีพออกมาอาละวาดอีกครั้งในยุคมิลเลเนี่ยม ซึ่งเนื้อหาจะยึดภาคแรกในปี 1954 เป็นจุดเริ่มของเรื่องราว บางภาคก็เป็นเนื้อเรื่องแยก บ้างก็ต่อเนื่องกัน แต่ที่แน่นอนคนที่สานต่อสวมชุดยางราชันย์ไคจู คือสตั๊นท์แมนมากประสบการณ์ที่ชื่อว่า สึโทมุ คิตางาว่า ที่มีประสบการณ์ในสายงานนี้คร่ำหวอดพอสมควร
เส้นทางของเขาเริ่มจากการเป็นสตั๊นท์ในสายหนังแนวขบวนการห้าสี ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะแสดงในชุดสูทของตัวละครสีฟ้าและสีดำเป็นหลัก ผลงานเด่นๆของเขา อาทิ เดนจิแมน, ไดน่าแมน, ไบโอแมน, ไดเรนเจอร์ ฯลฯ
จนในปี 1998 เขาก็มาทำงานให้กับทาง โตโฮ โดยผลงานแรกเขาได้วมชุดเป็น คิง กิโดร่า ใน Rebirth of Mothra III ก่อนจะได้รับโอกาสสำคัญเมื่อเขาได้สวมชุดเป็นราชันย์ไคจูใน Godzilla 2000 หลังจากนั้นเขาก็ได้สวมชุดเป็นก็อดซิล่าอีกมากมายตลอดยุคมิลเลเนี่ยม มีเพียงยกเว้นภาค GMK หรือ Godzilla, Mothra and King Ghidorah: Giant Monsters All-Out Attack ที่ไม่ได้แสดง ก่อนจะทิ้งทวนใน Godzilla Final Wars ปี 2004 ถือเป็นการปิดฉากยุคมิลเลเนี่ยม ทำให้เขาถูกพูดถึงในฐานะผู้ให้ชีวิตก็อดซิล่ายุคใหม่ รวมถึงการแสดงที่โดดเด่นไม่แพ้รุ่นพี่ที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของชายทั้งสามคนที่อยู่เบื้องหลังความแข็งแกร่งและความโหดเหี้ยม ผ่านการสวมชุดยางแสดงเป็นราชันย์ไคจูระดับตำนาน แม้พวกเขาจะมีสไตล์ในการตีความราชันย์ไคจูที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือความมุ่งมั่นทุ่มเททั้งหยาดเหงื่อด้วยแรงกายและแรงใจ ฟันฝ่าอุปสรรคจนทำให้พวกเขา มอบการแสดงอันยอดเยี่ยมจนเป็นที่จดจำ….
@P.PETTY
ข้อมูลอ้างอิง
https://edition.cnn.com/2017/08/08/world/original-godzilla-actor-death/index.html
https://en.wikipedia.org/wiki/Tsutomu_Kitagawa
https://en.wikipedia.org/wiki/Haruo_Nakajima
https://en.wikipedia.org/wiki/Kenpachiro_Satsuma
https://www.youtube.com/watch?v=I4l44bG0IAw&ab_channel=RetroHelix
-
เผยรายละเอียดใหม่ Mashin Souzouden Wataru “กำเนิดใหม่ วาตารุ เทพบุตรสองโลก”
เรื่องราวของผู้กล้าคนใหม่ที่ ชื่อ วาตารุ 12 มกราคม 2025
-
Soul Land: New World เกมเปิดโลก MMO ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซานเกมแรกของโลก เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว!
#เกมมือถือ #เกมออนไลน์ #เกมออกใหม่
-
Monster Hunter Outlanders
#เกมมือถือ #เกมใหม่ #CAPCOM