แม้วันนี้จะล่วงเลย 60ปีไปแล้ว แต่ความยิ่งใหญ่ของราชันย์สัตว์ประหลาดนามอุโฆษ ก็อตซิลล่า นั้นก็ยังคงเป็นตำนาน ล่าสุดเพิ่งจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่อย่าง Shin Godzilla ซึ่งหนังชุดก็อตซิลล่า ไม่ใช่แค่หนังที่แฟนหนังรู้จักในฐานะไอค่อนของวงการบันเทิง แต่มันคือหนึ่งในตำนานวัฒนธรรมป็อบที่ยังคงอยู่จนทุกวันนี้
วันนี้เลยขอรวบรวมเกร็ดเรื่องราวที่น่าสนใจของหนังชุดก็อตซิลล่า ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันมาฝากผู้อ่านครับ
20.) แรงบันดาลใจของจอมราชันย์
ภาพของจอมราชันย์สัตว์ที่บุกกรุงโตเกียว พ่นลมหายใจปรมาณู ทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า กลายเป็นภาพจดจำของหนังก็อตซิลล่าในปี 1954 สร้างโดยบริษัทโตโฮ ซึ่งตัวหนังนอกจากจะสร้างความฮือฮาแปลกใหม่ในเวลานั้น มันยังสะท้อนถึงบาดแผลจากความเจ็บปวดครั้งใหญ่ของประเทศ
แรงบันดาลใจที่ทำให้จอมราชันย์สัตว์ประหลาดมีชีวิต มีบันทึกเล่าว่าส่วนหนึ่งมาจากความผิดหวังของ
โทโมยูกิ ทานากะ โปรดิวเซอร์ของโตโฮ ที่ถือเป็นหนึ่งในบิดาของราชันย์สัตว์ประหลาด
ไอเดียราชันย์สัตว์ประหลาด เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ทานะกากลับบ้านอย่างผิดหวังหลังจากที่การเจรจาขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์สงครามเรื่อง In The Shadow Of Horror ที่ประเทศอินโดนิเซีย แต่เวยสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังไม่สู้ดี ทำให้โปรเจคถูกพับเก็บ
ขณะที่เขากำลังนั่งเครื่องบินกลับญี่ปุ่น เขามองผ่านหน้าต่างเห็นน่านน้ำในมหาสมุทร ที่เต็มไปด้วยความมืดมิด ทำให้เขาเกินจินตนาการต่อไปว่า ถ้ามีสัตว์ประหลาดที่โผล่มาจากผืนน้ำแล้วขึ้นฝั่งทำลายเมือง ซึ่งเมื่อเขากลับมาจึงไม่รอช้าที่จะสานไอเดียจนกลายเป็นเรื่องราวก็อตซิล่า มาจนทุกวันนี้
ถือว่าความผิดพลาดครั้งนั้น ทำให้เขาได้เจอไอเดียใหม่ๆจนอยากจะขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
19.) Godzilla: King Of The Monster (1956)
แฟนไคจูคงทราบดีว่า หนังภาคต่อจักรวาล Monsterverse ของ Legendary Entertainment และ Warner Brothers อย่าง Godzilla King of The Monster ซึ่งจะเข้าฉายในปีหน้า ซึ่งเป็นการกลับมาอีกครั้งของก็อตซิลล่า หลังจากกลับมาให้แฟนๆได้ยลโฉม ซึ่งแฟนๆตั้งตารอคอยหลังจากที่ตัวอย่างออกมา คงต้องติดตามต่อไป
ซึ่งชื่อหนัง Godzilla King of Monster ไม่ใช่ครั้งแรกที่ใช้ชื่อนี้ เพราะเมื่อ 60ปีก่อน เมื่อปี1955 หลังจากกวาดรายได้ในประเทศ จนทำให้ต่างประเทศก็ซื้อหนังไปฉายโดยหนึ่งในนั้นอย่างอเมริกาที่ซื้อไปฉาย จนโปรดิวเซอร์ โจเซฟ อี.เลวีน แห่ง Embassy Pictures ขอซื้อลิขสิทธิ์จากโตโฮ แล้วทำการตัดต่อใหม่ พร้อมกับถ่ายทำฉากเพิ่มโดยใส่ตัวละครนักข่าวที่ชื่อ สตีฟ มาร์ติน (พ้องชื่อกับดาราตลกชื่อเดียวกัน) รับบทโดย เรย์มอนด์ เบอร์ ก่อนจะใช้ชื่อว่า Godzilla King of The Monster เข้าฉายซึ่งก็มีเสียงวิจารณ์ว่า เนื้อเรื่องดูงง เพราะมีการตัดประเด็นเรื่องนิวเคลียร์ออกไป
แต่นี่คือหลักไมล์สำคัญที่ทำให้ราชันย์สัตว์ประหลาดเป็นที่รู้จักในระดับโลก
18.) นักแสดงผู้อยู่เบื้องหลังชุดจอมราชันย์สัตว์ประหลาด
มีตัวละครมากมายในโลกภาพยนตร์ ที่มีนักแสดงผลัดกันมาสวมบทบาท ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์แมน, แบทแมน หรือแม้แต่สายลับ 007 ซึ่งรวมถึงจอมราชันย์สัตว์ประหลาดก็มีกับเขาด้วยเช่นกัน
คนแรกคือ ฮารุโอะ นากาจิมะ (คนกลาง – ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) ถือเป็นนักแสดงคนแรกที่ได้รับเลือกให้สวมชุดราชันย์สัตว์ประหลาด ซึ่งก่อนหน้านี้แกเป็นสตั๊นท์แมนประจำค่ายโทโฮ และด้วยความที่เป็นคนมีน้ำอึดน้ำทนสูงกว่าคนอื่นๆ ซึ่งทันทีที่ได้สวมชุดถ่ายทำ บางฉากหลังสังคัท เขาแทบจะหมดสติคากองถ่ายเพราะชุดที่ใส่นอกจากจะหนักแล้ว อากาศถ่ายเทยังไม่สะดวกซึ่ง ซึบุรายะ เอจิ ผู้กำกับกับภาพและนักสร้างเทคนิคพิเศษจึงลองผิดลองถูกจนทำให้ นากาจิมะ ชินกับชุดและได้แสดงในยุคโชวะ 12 เรื่อง ก่อนจะอำลาบทบาท เพราะการจากไปของ ซึบุรายะ เอจิ ที่ร่วมงานกันมานาน และหมดไฟที่ขาดคนสำคัญทำให้เขาเลือกที่จะจบแค่เรื่องนี้เท่านั้น
ต่อมาในยุคเฮเซ ผู้รับไม้ต่อคือ เคนปาชิโระ ซัตสึมะ (คนขวา) ซึ่งมีประสบการณ์เคยสวมชุด เฮโดร่า และ ไกแกน คู่ปรับของจอมราชันย์ ซึ่งก็เป็นคนที่มีความอึดไม่แพ้นากาจิมะ (ครั้งหนึ่งไส้ติ่งอักเสบต้องฝืนถ่ายจนจบ) เขาจึงได้รับเลือกให้เป็นก็อตซิลล่ายุคโชวะ ซึ่งเป็นยุคที่แฟนๆยกให้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหนังชุดนี้ โดยแสดงถึง 7 เรื่อง ซึ่งเรื่องสุดท้าย Godzilla vs. Destoroyah ก่อนจะปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่
คนสุดท้ายคือ ซึโทมุ คิตางาวะ (คนซ้าย) ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ในฐานะสตั๊นท์แมนหนังขบวนการห้าสี ซึ่งได้รับเลือกให้เล่นเป็นก็อตซิลล่าในยุค 2000 ซึ่งมีผลงานเพียง 5 เรื่อง ซึ่งฝากฝีมือครั้งสุดท้ายคือ Godzilla Final Wars
หลังจากนั้นใน Shin Godzilla ปี2016 ที่โตโฮกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ได้นักแสดงละครเวทีอย่าง มาซาอิ โนมูระ ที่ไม่ต้องสวมชุดยาง แต่ใช้วิธีสร้างแบบโมชั่นแคปเจอร์ ทำให้เขากลายเป็นคนที่ 4 ที่เปิดศักราชใหม่ของราชันย์สัตว์ประหลาด
https://www.youtube.com/watch?v=oJYWVETs6DM
17.) เกือบถูกจับเพราะนึกว่าจะก่อวินาศกรรม!!!
มีเรื่องตลกขณะอยู่ในช่วงเก็บข้อมูลเพื่อถ่ายทำก็อตซิลล่า เมื่อ อิจิโระ ฮอนดะ และ ซึบุรายะ เอจิ กำลังคุยกันถึงฉากๆหนึ่งในหนังบนตึกระฟ้า เพื่อจะเก็บรายละเอียดทำฉากจำลองเมืองโตเกียว ซึ่งทั้งคู่วางแผนหาจุดที่จะให้ราชันย์ได้อาละวาด
“เดียวเราพังตึกใหญ่ แล้วให้ไฟไหม้ท่วมอาคารทั้งหลัง แล้วถล่มหอคอยหักเป็นสองท่อน”
เผอิญมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาตรวจตราตึก แล้วได้ยินทั้งคู่คุยกันจนคิดว่าทั้งคู่จะวางแผนก่อวินาศกรรม!! (ใจเย็นลุง ฮ่า) งานนี้ซวยชุดใหญ่เพราะในเวลาต่อมาสองผู้กำกับก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจในละแวกนั้นเรียกไปคุยที่โรงพักเพื่อสอบปากคำ ซึ่งกว่าจะคุยจบได้จนทั้งคู่ต้องยื่นนามบัตรบริษัทโตโฮ ก่อนจะถูกปล่อยตัวในที่สุด
ไม่งั้นราชันย์สัตว์ประหลาดคงไม่ได้ถ่าย (เกือบไปแล้ว ฮ่า><)
16.) หนังก็อตซิลล่าที่ถูกวางให้เป็นเรื่องสุดท้าย
มีบันทึกของหนัง 3 เรื่องในหนังชุดก็อตซิลล่า ที่ถูกวางให้เป็นตอนอวสาน แต่ท้ายสุดก็ยังมีการสร้างต่อไป แต่ขณะเดียวกัน ยังคงเป็นหลักไมล์สำคัญของหนังชุดนี้ที่มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย
1.) Drestroy All Monsters เข้าฉายในปี 1968 ซึ่งเป็นหนังที่ถูกจดจำในฐานะ การร่วมงานแบบครบทีมครั้งสุดท้าย ของสี่บิดาผู้ให้กำเนิดก็อตซิลล่าทั้งสี่คน คือ โทโมยูกิ ทานากะ, อิจิโระ ฮอนดะ,
ซึบุรายะ เอจิ และ อากิระ อิฟุกุเบะ ซึ่งคือกลุ่มคนที่ปลุกปั้นหนังชุดนี้มากับมือ
2.) Godzilla vs. Destoroyah เข้าฉายในปี1995 ซึ่งเป็นผลงานสุดท้ายของกลุ่มผู้ให้กำเนิดที่เหลือ อย่าง โทโมยูกิ ทานากะ,อากิระ อิฟุกุเบะ และฉากในตอนจบที่ยังตรึงใจแฟนๆ ซึ่งหนังเคยถูกวางตัวว่าจะอวสานจริงๆ และจะเปิดทางให้ Godzilla ของ Sony และ Tristar Pictures แต่ท้ายสุดในปี 1999 โตโฮกลืนน้ำลายอีกหน
3.) Godzilla Final Wars ในปี 2006ที่เป็นบันทึกสุดท้ายและเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ50ปี ซึ่งงานนี้เหมือนคาราวะ Drestroy All Monstersแบบกลายๆ แต่ท้ายสุดอีก 10ปีต่อมาจึงเกิด Shin Godzilla ซึ่งทำให้สรุปว่า ความยิ่งใหญ่ของมันยากที่จะจบลง ซึ่งโตโฮก็ยังคงรอคนรุ่นใหม่ วิสัยทัศน์ใหม่ๆเหมือนที่ Shin Godzilla ทำได้ต่อไป
15.) Godzilla VS Hedorah หนึ่งในผลงานที่โปรดิวเซอร์เกลียดเข้ากระดูกดำ!
Godzilla VS Hedorah คือหนังก็อตซิลล่าในยุคโชวะ ที่หยิบเอาเรื่องราวของขยะเน่าเสียในท้องทะเล จนเกิดเป็นสัตว์ประหลาดในชื่อ เฮโดร่า ที่เรื่องราวเหมือนจะสอนให้เห็นโทษของการทำลายธรรมชาติ แต่ที่ได้รับการจดจำก็เพราะตัวหนังได้ใส่ลูกเล่นแปลกใหม่ ตัดต่อแบบวูบวาบ จนเหมือนดูมิวสิควีดีโอ ซึ่งทันทีที่หนังฉายก็มีทั้งชมและด่า ซึ่งในกลุ่มด่าคนที่ไม่ปลื้มเลยคือ โทโมยูกิ ทานากะ โปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้หลังจากได้ดูจบ เกิดไม่พอใจในตัวคุณภาพของหนัง คนที่ซวยก็คือ โยชิมิตสึ บันโนะ ผู้กำกับในภาคนี้ จนโปรดิวเซอร์สั่งไม่ให้บันโนะยุ่งกับหนังเรื่องนี้อีก
ภายหลังบันมีความพยายามที่จะให้เฮโดร่ามาเจอกับราชันย์อยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะกลายมาเป็นก็อตซิลล่าของ Legendary Pictures และ Warner Brothers ที่เข้าฉายในปี2014 นั่นเอง
14.) ความสมจริงในฉากโจมตีก็อตซิลล่า
ในหนัง Shin Godzilla นอกจากเนื้อหาจะตื่นเต้นแล้วสิ่งที่น่าสนใจคือ ฉากกองทัพทหารที่ประเคนอาวุธหนักใส่จอมราชันย์ ซึ่งก็เหมือนหนังก็อตซิลล่าที่ผ่านมาที่เห็นมันขึ้นบกเมื่อไร ก็เปิดฉากยิง ยิง แล้วก็ยิงแบบไม่หยุดยั้ง
แต่สำหรับ Shin Godzilla นั้นทางผู้กำกับอย่าง ฮิเดอากิ อันโนะ ลงทุนพูดคุยกับกองทัพแล้วตั้งสมมุติฐานแบบจริงจังว่าถ้าเกิดมีก็อตซิลล่าบุกมาจะทำการรบยังไง ซึ่งเป็นส่นหนึ่งที่ทำให้ฉากในหนังภาคนี้มีความสมจริงสมจังและตรงตามความเป็นจริงมากที่สุดก็ว่าได้
13.) เสียงคำรามของจอมราชันย์
เอกลักษณ์อีกอย่างของก็อตซิลล่าคือ เสียงคำรามที่กึกก้องไปทั่วปฐพี ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับ อากิระ อิฟุกุเบะ หนึ่งในสี่บิดาของก็อตซิลล่า ที่นอกจากจะแต่งเพลงให้กับหนังชุดนี้แล้ว เขายังได้สร้างเสียงคำรามของจอมราชันย์สัตว์ประหลาด โดยใช้ถุงมือเคลือบเรซิ่น ถูกับสายเครื่องดนตรีดับเบิ้ลเบสที่ถูกปรับเสียงให้หลวม เมื่อเข้ามาอัดและปรับแต่งเสียง ทำให้ได้เสียงคำรามที่พวกเราคุ้ยเคยและติดหูจนทุกวันนี้
12.) Godzilla VS Ghost Godzilla
มีบันทึกในช่วงพัฒนาบทก่อน Godzilla vs. Destoroyah จะสร้างทีมผู้สร้างเคยมีความคิดที่อยากจะให้ก็อตซิลล่าสู้กับก็อตซิลล่าปี 1954 ซึ่งมีสถานะเป็นวิญญาณ แต่ท้ายสุดไอเดียนี้ถูกปัดตกไป เพราะด้วยเหตุผลว่า ให้ก็อตซิลล่าสู้กับร่างโคลนมาหลายรอบ คงไม่คุ้มแน่นอน
11.) Zilla
นี่คือหนึ่งในตัวละครโดยเฉพาะคนญี่ปุ่นอยากจะลบออกไปจากความทรงจำ สำหรับ Zilla หรือ Godzilla 1998 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฝรั่งจะสร้างไคจูในแบบฉบับของพวกเขาเอง ซึ่งท้ายสุดแม้จะทำรายได้มหาศาลแต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีความเป็นราชันย์เลยแม้แต่น้อย มันแค่กิ้งก่าที่โดนรังสี ชอบทานปลาเป็นชีวิตจิตใจ
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ได้เข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้ายใน Godzilla Final Wars ซึ่งก็ได้มีโอกาสประมือกับจอมราชันย์ตัวจริง งานนี้ก็โดนรุ่นพี่สอนมวยจนสิ้นลาย (แฟนหนังญี่ปุ่นสะใจได้เห็นฉากนี้ ฮ่า)
10.) บทบาทของ Hideo และ Dr.Serizawa
ในช่วงแคสติ้งบทนำก็อตซิลล่า ปี1954 ระหว่างบทของ ฮิเดโอะ โอกาตะ และ ดร. เซริซาว่า ซึ่ง อิจิโระ ฮอนดะ เลือกสองนักแสดงหนุ่มในเวลานั้นอย่าง อากิฮิโกะ ฮิราตะ กับ อากิระ ทาคาราดะ ซึ่งตอนแรก ได้ทดลองสลับบทกัน แต่ท้ายสุดด้วยความที่ชั่วโมงบินในการแสดงของ ฮิราตะ ดีกว่า จึงได้บท ดร.เซริซาวะไปครองในที่สุด ส่วนทาคาราดะได้บทโอกาตะไปในที่สุด
9.) ฉากสู้รบในก็อตซิลล่า ปี 1954
ฉากที่กองทัพพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อไปปราบจอมราชันย์สัตว์ประหลาดนั้น อิจิโระ ฮอนดะ ได้รับอนุญาตจากทางกลาโหมให้เข้ามาถ่ายทำการฝึกซ้อมของกองทัพ ด้วยเงื่อนไขว่าจะไม่มีสั่งคัต เพราะจะถ่ายทำเพียงครั้งเดียว ซึ่งทำให้เขาต้องวางแผนกับทีมงานประจำตามจุดต่างๆ จนได้ฉากตามที่ต้องการ
8.) Godzilla Vs Barkley
สิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีสำหรับความนิยมในตัวจอมราชันย์สัตว์ประหลาด หนึ่งในหลักฐานชิ้นสำคัญเกิดขึ้นในปี 1992 เมื่อทางบริษัทโตโฮได้ร่วมงานกับ ไนกี้ รองเท้าชื่อดัง ทำโฆษณาโปรโมต โดยให้เจ้าก็อตซิลล่ามาเจอกับยอดนักบาสเอ็นบีเอในเวลานั้นอย่าง ชาร์ล บาร์คลีย์ ก่อนที่จะไปต่อยอดเป็นการ์ตูนโดยสนพ.Dark Horse Comics
https://www.youtube.com/watch?v=1oCF-QFuoYs
7.) เคยไปโผล่ในหนังซูเปอร์ฮีโร่ด้วยล่ะ
ตามบันทึกที่สืบค้นได้นั้น จอมราชันย์สัตว์ประหลาดเคยไปเป็นแขกรับเชิญในหนังฮีโร่โดยเฉพาะหนังจากท่างฝั่งสังกัดเดียวกันอย่างโตโฮ ซึ่งมีสองเรื่องที่แฟนๆจำได้ดังนี้
1.) Zone Fighter ซึ่งเป็นเรื่องราวของสามพี่น้องจากต่างดาวที่ต้องมาปกป้องพิทักษ์โลก ซึ่งก็อตซิลล่าของเราก็ได้มีโอกาสไปร่วมรับเชิญด้วย (ค่ายเดียวกัน อะแฮ่ม!)และก็ยังมีไกแกน และ คิงกิโดร่ามาร่วมแจมด้วย
2.) Ultraman The Series ในตอนที่ 10 กับสัตว์ประหลาดที่ชื่อ จิราส ซึ่งเป็นปีศาจกิ่งก่าที่เกิดจากฝีมือมนุษย์จนได้มีโอกาสสู้กันซึ่งเป็น ยอดมนุษย์ชนะไป ซึ่งตอนนี้แหละที่หลายคนตาดีบอกเลยว่าเจ้านี่มันก็อตซิล่าชัดๆ
ที่มาที่ไปคือ ซึบุรายะ เอจิ เจ้าของบริษัทซึบุรายะ โปรดัคชั่น ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธิ์อุลตร้าแมนนั้น เคยเป็น 1 ใน 4 บิดาของก็อตซิลล่า ซึ่งเจ้าจิราสพี่แกนำดีไซน์ก็อตซิลล่าสองชุดอย่าง ปี1964 กับ ส่วนหัวในปี 1965 มาประกอบรวมกันแล้วใส่แผงตรงคอหน่อย ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวใหม่นั่นเอง ซึ่งถ้าเกิดข้ามเรื่องสู้กันจริง ผมนี่นึกภาพไม่ออกเลยทีเดียว
6.) ก็อตซิลล่าตาขาว
จั่วหัวข้อขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าอ่อนแอนะครับ เพียงแต่ก็อตซิลล่าเวอร์ชั่น GMK หรือ Godzilla, Mothra and King Ghidorah: Giant Monsters All-Out Attack หนึ่งในหนังชุดภาคยุคมิลเลเนี่ยม ที่แฟนๆต่างยกให้เป็นภาคที่ดีที่สุด และสิ่งที่ถูกพูดถึงคือตัวก็อตซิลล่าที่ดูโดดเด่นกว่าทุกภาค ซึ่งจุดเด่นที่ชัดคือ ดวงตาสีขาวเหมือนถูกวิญญาณเข้าสิง
ซึ่งการที่ให้จอมราชันย์ดูมีความน่ากลัว แค่สบตาก็รู้สึกได้นั้นผู้กำกับได้ใส่นัยยะทางประวัติศาสตร์ที่ว่า ในตัวของจอมราชันย์เต็มไปด้วยเหล่าวิญญาณคนตายจากบาดแผลสงครามโลก ซึ่งการมาของมันก็เหมือนจะส่งสารเตือนให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มรสชาติความเจ็บปวดในอดีตนั่นเอง
ซึ่งภาคนี้กลายเป็นผู้ร้ายที่ดูน่ากลัว ก่อนจะสู้กับสามผู้พิทักษ์ของญ่ปุ่น อย่าง คิง กิโดร่า (คราวนี้ได้เป็นธรรมะเสียที) มอร์ธ่า และ บารากอน
5.)ได้รับการจารึกชื่อบน Hollywood Walk Of Fame
หลังจากที่จอมราชันย์สัตว์ประหลาดได้สร้างความยิ่งใหญ่ทั้งในและต่างประเทศของวงการภาพยนตร์ จนในปี 2004 หรือครบรอบ 50ปี ก็อตซิลล่า ซึ่งหนังเรื่อง Final Wars ได้มีโอกาสฉายรอบปฐมทัศน์ที่อเมริกา ซึ่งทางฮอลีวู้ดก็สดุดีในความยิ่งใหญ่ด้วยการจารึกชื่อบน Hollywood Walk of fame ในฐานะสัตว์ประหลาดที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวญี่ปุ่นจนทุกวันนี้
4.)ความสูงของก็อตซิลล่า
ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป ทำให้ตึกรามบ้านช่องก็มีการปรับปรุงและขยายมากขึ้น จึงเป็นโจทย์สำคัญที่เหล่าผู้สร้างหนังก็อตซิลล่าต้องหาทางเพิ่มความสูงให้กับก็อตซิลล่า ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการปรับสเกลฉากให้ดูเล็กมากขึ้น
ซึ่งตลอด 60ปี นับตั้งแต่สร้างหนังมา ก็อตซิลล่าที่สูงสุดคือภาค Shin Godzilla ที่สูงถึง 118.5 เมตร ทำให้การกลับมาในรอบ 12ปี ครองแชมป์จอมราชันย์ที่ใหญ่ที่สุดไปโดยปริยาย
3.)KING KONG VS GODZILLA
ศึกสองจอมราชันย์จากฝั่งตะวันออกและตะวันตก ระหว่าง ก็อตซิลล่า และ คิงคอง ซึ่งเคยปะทะกันมาแล้วใน KING KONG VS GODZILLA สร้างโดยโตโฮเจ้าเก่า เป็นหนังภาคที่สามของยุคโชวะ ในปี1962 ซึ่งเป็นหนังที่แฟนไคจูยุคนั้นยกให้เป็นศึกแห่งศตวรรษ
ส่วนแฟนรุ่นใหม่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ดู เพราะทาง Legendary Pictures และ Wanner Brothers ได้ยืนยันหนังจักรวาลสัตว์ประหลาดอย่าง Monsterverse โดยเฉพาะสองผู้ยิ่งใหญ่จะได้เจอกันอีกครั้งในรอบ 60ปี ซึ่งวางโปรแกรมฉายในปี 2020 แฟนๆไคจูไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
2.)GODZILLA VS BIOLANTE คือหนังที่ถ่ายทำยุคเฮเซเรื่องแรก
หนังเรื่อง GODZILLA VS BIOLANTE ว่าด้วยเรื่องราวก็อตซิลล่าที่ต้องเจอสัตว์ประหลาดอย่าง บิโอลันเต้ ที่เกิดจากเซลล์ก็อตซิลล่าผลสมกับเซลล์ดอกกุหลาบ ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวที่สุดอีกตัวหนึ่งก็ว่าได้
แม้ว่าหนังจะอยู่ในลำดับที่สองของยุคเฮเซ เพราะเรื่องแรกคือ The Return Godzilla ซึ่งในช่วงถ่ายทำยังอยู่ในช่วงสมัยโชวะ แต่ก็ถูกรวมในยุคเฮเซเป็นหนังเรื่องแรก ทำให้ GODZILLA VS BIOLANTEเป็นหนังเรื่องแรกๆที่ถ่ายทำในยุคเฮเซอย่างแท้จริง
1.)Monsterverse
หลังจากหนังชุดก็อตซิลล่าของทางโตโฮปิดฉากลงใน Final Wars ปี2004 (ก่อนกลับมาใน Shin Godzilla ปี2016) ในปี 2014 Legendary Pictures และ Warners Brother Pictures ร่วมกันปลุกชีพก็อตซิลล่าใน Godzilla ซึ่งประสบความสำเร็จ ก่อนจะตามมาด้วย Kong Skull Island ซึ่งถ้าใครได้ดูตอนจบจะรู้ว่า สองบริษัทใหญ่เตรียมจะสร้างจักรวาลหนังไคจู ในชื่อ Monsterverse ซึ่งเรื่องต่อไปคือ Godzilla The King of Monsters จะเป็นเรื่องที่สามของจักรวาล ซึ่งงานนี้ก็อตซิลล่าจะกลับมาพร้อมเพื่อนร่วมสถาบัน ต้องติดตามกันต่อไป เพราะหนังจะเข้าฉายในปีหน้า
และนี่คือ 20 เกร็ดหนังชุดก็อตซิลล่าที่เอามาฝากทุกท่านในวันนี้ครับ…
@P.PETTY
ข้อมูลประกอบ
-https://pantip.com/topic/35559666
-https://akibatan.com/2016/08/godzilla-king-of-monsters/
-Starpics. (2557). Godzilla the Legend of King. กรุงเทพฯ: สตาร์พิคส์.
-https://jediyuth.com/2016/08/14/shin-godzilla-vfx-breakdowns/
-https://wikizilla.org/wiki/Main_Page
-http://ultra.wikia.com/wiki/Jirass
-https://pantip.com/topic/37019385
-https://wikizilla.org/wiki/Godzilla_vs._Charles_Barkley