อีกหนึ่งความภูมิใจในฐานะคนเล่นเกมแบบจริงจัง ก็คือ “การเล่นเกมนั้นๆให้จบเนื้อเรื่อง” เพื่อเสพเรื่องราว หรือเนื้อหาของเกมอย่างเต็มที่ แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบการเล่นเกมที่ยกระดับความเข้มข้นไปอีกขั้น นั่นก็คือการ “จบเกม100%” ทั้งไอเทมลับ ความลับของเกม เอกสารยิบย่อยรายทาง หรือแม้แต่ “ถ้วยรางวัลปลดล๊อก” (Trophy หรือ Archivement) หนึ่งในไอเทมที่มีมาในระบบเกมคอนโซลที่บ่งบอกว่าคุณคือผู้พิชิตเกมนั้นๆแบบหมดไส้หมดพุง
และนี่คือ “20 เกมดูดวิญญาณ ใช้เวลาโคตรนานกว่าจะเล่นจบ” จากการสำรวจของ เว็บไซต์จัดอันดับ howlongtobeat.com ที่เป็นกลุ่มคอมมูนิตี้ที่รวมเกมเมอร์ทั่วโลกมาแชร์กันว่าตัวเองเล่นเกมอะไรจบไปบ้าง ใช้เวลาเท่าไหร่จบเนื้อเรื่อง จบ DLC จบ100% เก็บเรียบ
**เกมออนไลน์แท้ๆ / เกมวางแผน / เกมแนวจำลองสถาณการณ์ต่างๆ ที่ไม่เข้าข่ายเกมที่ใช้เล่นสำหรับความบันเทิง “ขออนุญาติไม่นับ” เพราะเกมพวกที่ว่ามานั้นใช้เวลากันหลักพันชั่วโมงขึ้นครับ และนับค่าเฉลี่ยของการจบ 100% เป็นหลักนะครับ**
**ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนจากเวปต้นทางได้ เพราะในเว็บดังกล่าวได้มีการอัพเดทตลอดเวลาจากผู้เล่นทั่วโลกนั่นเอง**
——————————————————————————————————-
20.Persona 5
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 90 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 162 ชม.
19. Dark Souls II
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 48 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 118 ชม.
18 Metal Gear Solid V: The Phantom Pain
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 45 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 162 ชม.
17.The Witcher III: Game Of The Year Edition
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 47 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 191 ชม.

16. Harvest Moon: Back To Nature
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 70 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 200 ชม.

15.The Elder Scrolls V: Skyrim – Special Edition
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 24 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 251 ชม.

14. Dragon Quest VII
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 134 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 257 ชม.
13. Sword Art Online: Hollow Realization
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 54 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 359 ชม.

12. Gran Turismo 4
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 83 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 366 ชม.

11. White Knight Chronicles II
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 39 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย: 379 ชม.
10.Monster Hunter 4 Ultimate
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 163 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 445 ชม.

9.Disgaea: Hour of Darkness
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 47 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 467 ชม.

8.Sengoku Basara 3 : Samurai Heroes
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 67 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 505 ชม.
7.Gran Turismo 5
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 49 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 549 Hours ชม.
![]()
6.Animal Crossing
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 147 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 616 ชม.

5. Monster Hunter 3 Ultimate
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 159 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 693 ชม.

4.Dragon Quest IX: Sentinels of the Starry Skies
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 87 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 718 ชม.

3.Monster Hunter Portable 3rd
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 210 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 790 ชม.

2.Yu-Gi-Oh! GX: The Beginning of Destiny
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 21 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 1000 ชม.

1.Harvest Moon: More Friends of Mineral Town
เวลาที่ใช้จบเนื้อเรื่องโดยเฉลี่ย : 44 ชม.
เวลาที่ใช้จบ 100% โดยเฉลี่ย : 1145 ชม.
ที่มาข้อมูลโดย howlongtobeat.com
——————————————————————————————————-
สังเกตได้ว่าเกมที่ใช้เวลาหลักร้อยชั่วโมงนั้นจะเป็นเกมแนวๆกึ่ง RPG หรือ RPG ซะเยอะ เพราะว่าตัวเกมแม้จะเล่นเนื้อเรื่องจบแล้ว ก็ยังมีอะไรให้ทำต่อ ทั้งการหาอาวุธเทพ การดวลบอสลับ และเงื่อนไขเควสต่างๆที่ใส่เข้ามาหลังจบเกม ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการต่ออายุของเกมนั้นๆในตลาดด้วยส่วนหนึ่ง ไม่ได้ออกมาแล้วหายไปเลยรอบเดียวเลิก
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม สิ่งที่แอดมินอยากจะฝากเอาไว้ก็คือ…
“ซื้อเกมมาเล่น จะเล่นช้าเล่นเร็ว ยังไงก็ควรเล่นให้จบนะจ๊ะ…ดองไว้เยอะเดี๋ยวจะไม่จบซักเกม555+”
แอดมิน AK47
-
รางวัลสุดยอดเกมแห่งปี Game Awardsเปิดโผผู้เข้าชิง The Game Awards ทุกสาขาอย่างเป็นทางการ
-
Resident Evil 9 : Requiem [Preview / สั่งซื้อแผ่นเกม / ราคา / วันวางขาย]27 กุมภาพันธ์ 2026
-
BEYBLADE X : ผู้ใหญ่ vs เด็ก Mindset ที่ดี… “ใส่เต็มที่ มีประโยชน์ในด้านพัฒนาการเด็ก”เชื่อว่าตามงานแข่ง BEYBLADE X มีหลายครั้งที่เห็น ผู้ใหญ่ลงสนาม แล้วต้องไปเจอกับคู่ต่อสู้เป็นน้องๆเด็กๆ คงมี หลายคนคงแอบมีเสียงในหัวดังขึ้นมาแบบอัตโนมัติว่า “ถ้าชนะ เดี๋ยวก็โดนว่าเก่งแต่กับเด็ก… แต่ถ้าแพ้ก็จะถูกมองว่ากระจอกซะงั้น” ซึ่งเป็น Mindset แบบเดิมที่หลายคนยังติดอยู่ และจริงๆ มันค่อนข้าง “ผิดฝั่ง” กับความจริงของสนามเบย์เบลดพอสมควร การแข่งขันเบย์เบลด แม้จะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นพื้นที่เรียนรู้ทางสังคมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นทุกวัยสามารถมีส่วนร่วมภายใต้กติกาเดียวกัน อุปกรณ์ใกล้เคียงกัน และโครงสร้างการแข่งขันที่บางรายการไม่มีการแบ่งแยกอายุ ซึ่งมันก็ส่งผลให้เกิดคำถามสำคัญในบริบทแบบไทยๆเราว่า “ผู้ใหญ่เนี่ย ควรแข่งขันเต็มที่กับเด็กขนาดนั้นเลยหรือเปล่า?” แม้แต่ตัวแอดมินผู้เขียนเอง ก็เคยมีความคิดนี้ในหัวครับ จนกระทั่งได้ตกตะกอนหลายๆอย่าง และนั่งพิจารณาตามความเป็นจริงที่ประสบพบเจอ จนออกมาเป็นบทความที่จะพามา ปรับทัศนคติ และเพิ่มมุมมองของ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ เด็ก และผู้ปกครองในบริบทของการแข่งขัน BEYBLADE X ซึ่งทางแอดมิน อยากจะเสนอไอเดียที่ว่า “การแข่งขันแบบ ไม่ออมมือกับเด็กๆ” เป็นแนวปฏิบัติที่เหมาะสมกว่า และเป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการเด็กในหลายมิติครับ 1. เลิกได้เลิกนะ…ไอ้วัฒนธรรมความคิดในสังคมไทย: “ชนะเด็ก รังแกเด็ก ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย!” ทัศนคติที่พบได้ทั่วไปในสังคมไทย […]

































