ท่ามกลางกองทัพอนิเมะ ทั้ง กระแสหลัก กระแสรอง ที่ทั้ง เคยดู และ ไม่เคยดู
บางทีนอกจาก “เซ้นส์ส่วนตัว” ที่ใช้ในการเลือกสรรให้แก่ตัวเองในเวลาที่มีจำกัดแล้ว
การบอกเล่า หรือ ได้รับการแนะนำเมะดีๆ สักเรื่อง ก็ช่วยประหยัดเวลา
แถมยังเพิ่มโอกาสให้เราได้สัมผัสผลงานที่ตัวเองอาจไม่เคยได้รู้จักอีกด้วย
ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังหาเสพ หนังอนิเมะญี่ปุ่น ที่ “น่าดู” ทั้งงานภาพและตัวเนื้อหา
เราขอแนะนำผลงานคุณภาพน่าจดจำต่อไปนี้
จะมีเรื่องไหนบ้างนั้น ขอไล่เรียงไปตามลำดับปี เลยแล้วกัน !!!
1. Grave of the Fireflies (สุสานหิ่งห้อย) , 1988
จำกัดความ : สะท้อนชีวิต | ปวดตับ | คลาสสิก | Real
เริ่มต้นเรื่องแรกก็ดราม่าปวดตับกันเลยทีเดียว สำหรับหนังอนิเมชั่นเรื่องแรกๆ จากสตูดิโอจิบลิเรื่องนี้ ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องชายหญิงกับโศกนาฏกรรมที่พวกเขาต้องเผชิญในช่วงสงครามโลก โดยความโดดเด่นของผลงานนี้ อยู่ตรง “ความดราม่า” กับการสะท้อนความจริงอันแสนโหดร้ายในสงครามได้อย่างลึกซึ้งถึงทรวง แบบไม่มีคำว่า “โลกสวย” ระบุในพจนานุกรมของพวกเขา คือ นอกจากดูแล้วจะทำให้เราได้รู้สึกร่วม หรือทำให้ระลึกถึงความโชคดีที่เกิดในยุคปัจจุบันแล้ว บางคนยังอาจได้ “ความจิตตก” แถมมาด้วย
2. Totoro (โทโทโร่ เพื่อนรัก) , 1988
จำกัดความ : อบอุ่น | จินตนาการ | ภาพสวย | คลาสสิก | ดูง่าย | Feel Good
ถัดมา ต่อกันที่ผลงานอีกเรื่องจากสตูดิโอจิบลิในปีเดียวกัน โดยการกำกับจาก อ.ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ปรมารจารย์แห่งวงการอนิเมชั่นของญี่ปุ่น เป็นเรื่องราวมิตรภาพที่แสนงดงามและเต็มไปด้วยจินตนาการของเด็กหญิงกับเพื่อนภูตตัวใหญ่ “โทโทโร่” โดยนอกจากเราจะได้อิ่มเอมไปกับเรื่องราวดีๆ ซึ้งๆ จากการผจญภัยของเด็กหญิงแล้ว งานภาพยังสวยแบบคลาสสิก แถมเรื่องแนวคิดยังเสริมสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ได้ดีแท้อีกด้วย จนไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ถึงเป็นหนึ่งในผลงานในดวงใจของใครหลายคน
3. Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) , 2001
จำกัดความ : มีมนต์ขลัง | มีเอกลักษณ์ | จินตนาการ | ภาพสวย | งานละเอียด | แนวคิดดี | เพลงเพราะ
ผลงานจากสตูดิโอจิบลิยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะผลงานชิ้นโบแดงที่เป็นที่ถูกใจของแฟนๆ จิบลิมากที่สุด ได้มาปรากฏในปี 2001 อีกเรื่อง กับเรื่องราวการผจญภัยต่างมิติของเด็กสาวในเมืองวิญญาณ ที่มีกลื่นอายความเชื่อศาสนาแบบญี่ปุ่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งนอกจากเนื้อหาจะสนุกชวนติดตาม งานภาพที่สวย ใส่ใจรายละเอียด แถมเต็มไปด้วยจินตนาการสุดพุ่งพร่านแล้ว องค์ประกอบต่างๆ ของหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ยังลงตัว ทั้ง ตัวละคร เพลงประกอบที่ฟังดูญี่ปุ๊นน.. ญี่ปุ่น จนสามารถทำให้เราเคลิ้มเหมือนหลุดไปกับตัวละครนำของเรื่องทุกครั้งที่ได้ฟัง
4. The Girl Who Leapt Through Time (กระโดดจั้มพ์ทะลุข้ามเวลา) , 2006
จำกัดความ : แนวคิดดี | การดำเนินเรื่อง | เซอร์ไพรส์
มาต่อกันที่หนังอนิเมชั่นม้ามืดจากสตูดิโอ Madhouse เรื่องเก่าเรื่องนี้ เรื่องราวของเด็กสาวที่อยู่ๆ ก็พบว่าตัวเองสามารถกระโดดย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ ซึ่งเรื่องราวก็จะวนๆ อยู่กับเรื่องเพื่อนคนสนิทของเธอเป็นส่วนใหญ่ เอาจริงอนิเมชั่นเรื่องนี้ในเรื่องงานภาพถือว่าธรรมดานะ แต่ในเรื่องแนวคิดที่ต้องการสะท้อนให้ผู้ชมได้เห็น และจุดหักมุมที่มีการพลิกผัน ทำให้ได้ใจและเป็นอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งที่มีอะไรต้องเก็บเอามาคิดทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเรื่องของ “เวลา” และ “คนข้างตัว”
5. Tekkon Kinkreet , 2006
จำกัดความ : ครีเอต | มีสไตล์ | ภาพสวย | งานละเอียด | จินตนาการ | แนวคิดดี
ถือเป็นหนังอนิเมชั่นเรท R เส้นโหด! แนวคิดเสียดสีเผ็ดแสบ ที่ปัจจุบันดูจะหาดูยากบนเว็บบ้านเรา แต่ควรค่าแก่การหามาเสพมาก ว่าด้วยเรื่องราวการต่อสู้เพื่อรักษาอาณาเขตที่แสนวุ่นวายจากกลุ่มนายทุนของสองพี่น้องเด็กจรจัดขาโจ๋ ดำ (Kuro) และ ขาว (Chiro) ภายในเมืองที่ปกครองด้วยความร่วมมือระหว่างอำนาจมืดของแก๊งค์ยากูซ่ากับผู้พิทักษ์สันติราฎร์ ผลงานการกำกับ Michael Arias – Art Designer ชาวอเมริกัน ซึ่งใช้ชีวิตในญี่ปุ่นมา 10 ปี ดัดแปลงมาจากมังงะของ Taiyo Matsumoto และได้รับรางวัล Japan Academy Award 2007 เป็นการการันตีคุณภาพมาแล้ว โดยความโดดเด่นของผลงานชิ้นนี้ อยู่ตรง “ความละเอียด” และ “ลึก” ในการถ่ายทอดแนวคิดที่สะท้อนผ่านทั้งด้านงานภาพและตัวเรื่องที่ “ดาร์กอย่างสดใส” ไม่เหมือนใคร ผ่านตัวเอกทั้งสอง เอาเป็นว่า ไปลองหาดูกันนะ ได้สนุกและโลดแล่นไปกับจินตนาการอย่างมีอะไรให้คิดดีแหละ
6. 5 cm Per Second (ยามซากุระร่วงโรย) , 2007
จำกัดความ : ภาพสวย | งานละเอียด | ลึกซึ้งแทงใจ | ละเมียดละไม | เรื่องดี | สื่ออารมณ์เยี่ยม | เพลงเพราะ
แล้วก็มาถึงคิวของอนิเมชั่นที่สุดของที่สุดแห่งความซาบซึ้ง จาก อ.มาโกโตะ ชินไค ที่เอาใจและตับใครหลายคนมาแล้วเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวพันระหว่าง ความรัก ระยะทาง และห้วงเวลา ของชายหนุ่มต่อหญิงสาว เรื่องราวดำเนินไป ก็บีบหัวใจคนดูไป กับทั้ง 3 section เพราะไม่ใช่แค่การถ่ายทอดอารมณ์ผ่านภาพได้อย่างละเอียดละออ แบบที่เห็นแล้วยังต้องยอมแล้ว ในเรื่องของ บท การดำเนินเรื่อง แง่มุมความคิด ยังลึกซึ้งกินใจ จนคนดูยากที่จะปฏิเสธ ที่สำคัญเพลงประกอบทั้งเรื่องยังเพราะมาก ความหมายก็ยังดีอีกด้วย คือถ้าใครไม่ได้ดูเรื่องนี้ ถือว่าพลาดมาก แต่ต้องระวัง เพราะบางคนอาจถึงขั้นซึมไปหลายวัน จากการได้ดูอนิเมชั่นเรื่องนี้
7. Ponyo (โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย) , 2008
จำกัดความ : จินตนาการ | ภาพสวย | น่ารัก | ธรรมชาติ | คลาสสิก | ดูง่าย
แล้วก็กลับมาที่สตูดิโอจิบลิอีกครั้ง กับผลงานน่ารักๆ สีสันสดใส ว่าด้วยโลกใหม่ใบเดิมของเจ้าหญิงปลาตัวน้อย “โปเนียว” ในการผจญภัยฉบับภาคพื้นดินของเธอกับเด็กชายเพื่อนใหม่ คือหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ เป็นผลงานที่ตีจินตนาการให้ฟุ้งกระจายอย่างดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยการดำเนินเรื่องอย่างง่ายๆ ในอารณ์ไร้เดียงสาแบบเด็กๆ แต่ก็ยังไม่วายแฝงแง่คิดเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัวและธรรมชาติเข้ามาให้คิดถึงกัน ความเด็ดอีกอย่างก็ดูจะเป็นเพลงประกอบนี่แหละ เวอร์ชั่นธรรมดาก็น่าร้ากกก.. ส่วนเวอร์ชั่นโอเปร่าก็ปลุกใจทำให้หัวใจโป่งพองดีแท้ (ฮา)
8. Summer Wars (เรื่องวุ่น ตระกูลใหญ่) , 2009
จำกัดความ : สนุก! | ครีเอต | มีชั้นเชิง | อารมณ์ร่วม | ภาพสวย
มาที่ผลงานสนุกๆ ฝึกสมอง ประลองไหวพริบ ที่ดูมีความเป็นฮีโร่หน่อยๆ จากสตูดิโอ Madhouse อีกเรื่อง ซึ่งน่าจะถูกใจชาวไอทีหรือคอคณิตศาสตร์ ว่าด้วยการต่อสู้ในโลกเสมือนบนระบบเครือข่ายของ “มนุษย์” ในร่างอวตารกับ “AI ” ที่สร้างความปั่นป่วนให้กับระบบสาธารณูปโภค จนไปถึงการปล่อยขีปนาวูธ คือเรื่องนี้มีหลายความคิดเห็น บ้างก็ว่าสนุก บ้างก็ว่าปวดหัว เพราะตัวเรื่องมีการใช้ชั้นเชิงและพูดในเชิงภาษาคอมพิวเตอร์และคณิตศาสตร์ แต่เอาจริงๆ ถ้าใครไม่ติดปัญหานี้ ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรือเข้าใจยากอะไร อนิเมชั่นเรื่องนี้ถือว่ามันส์! และสนุกมาก!! เพราะเป็นการต่อสู้ที่ทำให้ทุกคนสามารถจะรู้สึกร่วมได้ แถมยังเสริมสร้างความรักในครอบครัวอีกด้วยนี่สิ
9. Children Who Chase Lost Voices (เด็กสาวกับเสียงเพรียกแห่งพิภพเทพา) , 2011
จำกัดความ : ภาพสวย | จินตนาการ | รายละเอียดเนื้อหาดี | เพลงเพราะ
มากันที่อนิเมชั่นเรื่องต่อไป จาก อ.ชินไค อีกเรื่อง เรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซีจ๋า ว่าด้วยการเดินทางผจญภัยของเด็กหญิง เพื่อนำผู้เป็นที่รักกลับมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ ตัวเรื่องจะพูดถึงเรื่องความเชื่อ จิตวิญญาณ และชนเผ่าโบราณ ซึ่งก็เป็นโอกาสให้เราล่องลอยไปในบรรยากาศภาพสวยๆ เนื้อเรื่องแอบๆ เหงาของ อ.ชินไค อีกครั้ง แต่ความโดดเด่นมากที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของแนวคิดและจินตนากรที่ใส่เข้าไปในการดำเนินเรื่องมากกว่า แม้อาจจะเป็นอนิเมชั่นที่ไม่ทำใหซาบซึ้งอะไรนัก หากเปรียบเทียบกับผลงานเรื่องก่อน แต่อนิเมชั่นเรื่องนี้ก็แฝงแง่คิดอะไรให้คนดูได้ดีทีเดียว ที่สำคัญ เพลงประกอบหลัก เพราะอีกนั่นแหละ!
10. Hotarubi No Mori E (สู่ป่าแห่งแสงหิ่งห้อย) , 2011
จำกัดความ : อบอุ่น | ภาพสวย | ซาบซึ้ง | ดูง่าย
หากใครชื่นชอบอนิเมชั่นงดงามๆ อย่างเรียบง่าย สไตล์ “นัตซึเมะกับบันทึกพิศวง (Natsume’s Book of Friends)” นี่จะเป็นหนังอนิเมชั่นที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว ว่าด้วยเรื่องราวสายสัมพันธ์แสนบริสุทธิ์ที่ถักทอผ่านวันเวลาของเด็กสาวกับภูตหนุ่มในป่าใหญ่ ซึ่งถึงแม้จะเป็นอนิเมชั่นรูปแบบภาพยนตร์ที่มีเวลาจำกัด แต่เรื่องราวกลับสามารถดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปแต่กระชับ จนสามารถทำให้คนดูอินและซาบซึ้งไปกับเรื่องราวได้ไม่ยาก ถือเป็นหนังอนิเมชั่น feel good ดีๆ ที่สุดท้ายแม้จะจบแบบที่เราต้องพูดว่า… “อ้าว?” แต่ก็ยังเป็นอนิเมชั่นน่าดูที่เหมาะแก่การบอกต่อเรื่องหนึ่งเหมือนกัน
11. A Letter to Momo (จดหมายถึงโมโม่) , 2012
จำกัดความ : อาร์ต| มีเอกลักษณ์ | คลาสสิก | เรื่องสบายๆ
มากันที่หนังอนิเมะสไตล์ ญี่ปุ๊นน..ญี่ปุ่น! เบาสมอง ที่ผสมผสานทั้งเรื่องมิตรภาพ ความรักในครอบครัว และภูตผีปีศาจ เข้าไว้ด้วยกัน โดย ผกก. ยูกิฮิโระ โอคิอุระ (Yukihiro Ayaka) ที่ใช้เวลาทำกว่า 7 ปี แต่ก็กวาดรางวัลมาแล้วมากมาย ว่าด้วยเรื่องราวของเด็กสาวที่มีเรื่องราวไม่เข้าใจกับแม่ที่ย้ายกลับบ้านเกิด แล้วเธอเกิดดันเห็นผีเข้า แถมยังจมอยู่กับปริศนาหลังพบว่าพ่อพยายามเขียนจมหมายสื่ออะไรบางอย่างถึงเธอ คือแม้จะเป็นอนิเมชั่นเรื่องเอื่อยๆ ที่ไม่ได้ตื่นเต้นขั้นหนักหรือคิดหนักอะไรนัก แต่ก็ด้วยความเบาสมองและความน่ารักของตัวละคร(แปลกๆ) ตลอดจนความซาบซึ้งจากแง่คิดเรื่องครอบครัว เอออออ… มันคุ้มค่าที่จะดูให้ยิ้มไปพร้อมน้ำตาดีนะ
12. Wolf Children Ame and Yuki (คู่จี๊ดชีวิตมหัศจรรย์) , 2012
จำกัดความ : อบอุ่น | ซาบซึ้ง | ภาพสวย | ดูง่าย
มากันที่อนิเมชั่นดีๆ ซึ้งๆ สุดงดงาม ที่จะทำให้เรา “รักแม่” มากขึ้นไปอีกเรื่องนี้ ว่าด้วยเรื่องราวในแต่ละช่วงชีวิตครอบครัวของหญิงสาวจิตใจดี ที่ได้พบรักกับมนุษย์หมาป่า จนตั้งท้องและมีลูกๆ ซึ่งต่างก็เป็นลูกครึ่งหมาป่าแสนซน โดยเรื่องนี้นอกจากเราจะได้เห็นภาพความรักและการต่อสู้กับโชคชะตาชีวิตด้วยรอยยิ้ม ที่เป็นต้นแบบแม่ที่ดีให้กับลูกๆ ของหญิงสาวตัวเอกของเรื่องแล้ว ความซาบซึ้งและความรู้สึกอบอุ่นยังมาเต็มตลอดเรื่อง จนเผลอยิ้มและอยากแนะนำต่อเลยล่ะ
13. The Garden of Words (ยามสายฝนโปรยปราย) , 2013
จำกัดความ : ภาพสวย | งานละเอียด | ลึกซึ้ง | สื่ออารมณ์เยี่ยม | เพลงเพราะ
กลับมาที่ผลงานสุดชุ่มฉ่ำและงานภาพเฉียบขาดของ อ.ชินไค อีกครั้ง เป็นเรื่องราวความรักต่างวัยของเด็กหนุ่มกับหญิงสาวคนหนึ่ง ในบรรยากาศของสายฝนโปรยปราย(ตามชื่อเรื่อง)ของการเปลี่ยนผ่านฤดูกาล ซึ่งมาพร้อมกับความดราม่า ในห้วงอารมณ์รัก ที่ไม่ค่อยจะสมหวัง แถมยังต้องปิดบังและรอคอย คือเราจะได้สัมผัสความอึดอัดจากความรู้สึกที่มีในใจของเด็กหนุ่มที่มีตลอดเรื่อง ไปพร้อมๆ กับความงดงามของความรักหลังฝนของพวกเขา เป็นงานที่มีการเปรียบเปรยอย่างลึกซึ้งตามสไตล์ อ.ชินไค เช่นเคย ใครชอบอารมณ์ประมาณนี้ น่าจะหลงรักและปวดตับไปพร้อมๆ กัน
14. Rain in the Sunshine , 2013
จำกัดความ : น่ารัก |จินตนาการ | เพลงเพราะ | ดูง่าย
มาที่หนังอนิเมชั่นเรื่องสั้นๆ โดยสตูดิโอที่มีสไตล์ลายเส้นน่ารักและดูสบายตาอย่าง Studio Colorido เรื่องนี้ เป็นผลงานที่ดำเนินเรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ว่าด้วยเรื่องราวป็อปปี้เลิฟของเด็กชายขี้อายที่มีต่อเด็กหญิง ซึ่งความโดดเด่นของผลงานชิ้นนี้ก็อยู่ตรงจินตนาการสวยๆ ที่ใส่ลงไปในโลกของเด็กชายระหว่างที่เขาทำหรือพยายามทำอะไรสักอย่าง คือ ถึงแม้จะไม่ใช่ผลงานหนังอนิเมชั่นเรื่องยาว แต่คุณภาพงานภาพ เนื้อหา และเพลงประกอบ(ที่เพราะและความหมายดี) จากอนิเมชั่นเรื่องนี้ ถือว่าคุ้มค่า และควรค่าแก่การสละเวลาเพียงไม่ถึงครึ่ง ชม. มาชมมากๆ
15. AnoHana The Movie (ดอกไม้ มิตรภาพ และความทรงจำ) , 2013
จำกัดความ : ซาบซึ้ง |ภาพสวย
มากันที่หนังอนิเมชั่นซึ้งๆ ว่าด้วยเรื่องราวมิตรภาพและสายสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน ที่แม้ความห่างหรือการจากลาก็ไม่สามารถกั้นกำแพงต่อพวกเขาได้ โดยหลังจากหลายคนที่ติดตามตั้งแต่ฉบับซีรีย์อนิเมชั่นได้เห็นการต่อสู้ต่อปมในใจและความพยายามเพื่อเพื่อนของพวกเขาแล้ว ตัวหนังก็ยังมีการเพิ่มเติมเนื้อหาปัจจุบันของตัวละครลงไป ให้ทั้งคนที่เป็นแฟนเมะเก่าได้รู้เพิ่ม แถมแฟนเมะใหม่ก็สามารถทำความเข้าใจและซาบซึ้งได้ไม่ยากเช่นกัน ทั้งนี้ใครอยากอินมากกว่าเดิม แนะนำว่าไปหาดูฉบับซีรีย์อนิเมชั่นความยาว เพียง 11 ตอนจบได้ บอกเลยว่า เนื้อหาซึ้งอย่างอัดแน่น ชวนติดตาม และพี้คมาก!!!
16.The Wind Rises (ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก) , 2013
จำกัดความ : ภาพสวย | คลาสสิก |รายละเอียดเนื้อหาดี | จินตนาการ
มาที่หนังอนิเมชั่นแนวดราม่าอิงประวัติศาสตร์ ที่พูดถึง “ความฝันและความรัก” จาก สตูดิโอจิบลิ ซึ่งเป็นผลงานการกำกับเรื่องสุดท้ายของ อ.ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) ดัดแปลงจากชีวประวัติของ ดร.จิโร โฮริโกชิ ผู้สร้างเครื่องบินรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวของเด็กชายที่มีความฝันอยากเป็นนักบิน ที่ฝ่าฟันด้วยความพยายามจนค้นพบว่าตัวเองอยากเป็นวิศวกรสร้างเครื่องบินและทำได้สำเร็จ ซึ่งตลอดเรื่องก็มีทั้งสมหวังและผิดหวังเคล้าคนกันไป ในสไตล์ลายเส้นที่สะท้อนความคิดมุมมองวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมแบบจิบลิ คือ แม้ว่าจะมีความดราม่าที่อาจไม่ได้มอบความบันเทิงจนปลาบปลื้มใจมากนัก แต่หากใครชื่นชอบการเสพความอาร์ต ในผลงานคุณภาพ เรื่องนี้ถือว่าขอแนะนำ
17. When Marnie Was There (ฝันของฉันต้องมีเธอ) , 2014
จำกัดความ : ภาพสวย | ซาบซึ้ง | สื่ออารมณ์ | เพลงเพราะ
กลับมาที่ผลงานจากสตูดิโอจิบลิอีกครั้ง และหวังว่าจะไม่ได้เป็นผลงาน(โดยตรง)เรื่องสุดท้ายจากสตูดิโอนี้ ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของเด็กหญิงสองคน ที่ผูกโยงเกี่ยวพันกับบ้านร้างแห่งหนึ่งริมทะเลสาบ เป็นอนิเมชั่นที่นอกจากจะมีภาพวิวทิวทัศน์สวยงามได้อารมณ์แล้ว ยังสะท้อนความเหว่ว้าผสานไปกับความอบอุ่นได้อย่างละเมียดละไม อีกทั้งมีการดำเนินเรื่องที่สามารถสร้างความประทับใจที่ซาบซึ้งจนเรียกน้ำตาผู้ชมได้ ดูจบแล้วต้องประทับใจ และเคลิ้มไปกับเพลงประกอบเพราะๆ แน่นอน
18. The Case of Hana & Alice (ฮานะ & อลิซ ปริศนาโรงเรียนหลอน) , 2015
จำกัดความ : อาร์ต | มีสไตล์ | ภาพสวย | เพลงเพราะ | ดูง่าย| สนุกแบบผู้หญิง
มากันที่อนิเมชั่นลายเส้นอาร์ตๆ เทคนิคการเคลื่อนไหวคลาสสิกๆ ที่ถอดลายเส้นคาแร็กเตอร์มาจากฉบับภาพยนตร์คนแสดง เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ว่าด้วยเรื่องราวมิตรภาพที่แสนอบอุ่นและทำให้ทุกคนยิ้มได้ กับการตามสืบฆาตรกรรมปริศนาของเด็กสาวนักเรียนใหม่ที่พึ่งย้ายมา กับเพื่อนใหม่ที่จะมาช่วยไขปมปริศนา ซึ่งอยู่ข้างบ้านเธอ โดยความโดดเด่นของผลงานชิ้นนี้ นอกจากภาพสวยและเทคนิคอนิเมชั่นไม่เหมือนใครที่กล่าวไปขั้นต้นแล้ว นี่ยังเป็นผลงาน feel good ละเมียดละไม ที่มาพร้อมเพลงประกอบเพราะๆ เหมาะสำหรับใครที่อยากดูอะไรที่จะทำให้โลกสดใสสักเรื่อง
19. The Boy and the Beast (ศิษย์มหัศจรรย์กับอาจารย์พันธุ์อสูร) , 2015
จำกัดความ : ภาพสวย | ซาบซึ้ง | สนุกแบบแมนๆ | เพลงดี
ต่อจาก Summer Wars ผลงานที่แฟนๆ ของ ผกก. มาโมรุ โฮโซดะ จากสตูดิโอ Madhouse รอคอยมากที่สุด ก็ดูจะเป็นเรื่องนี้ ที่เพียงแค่เห็นภาพก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์แบบ Summer Wars เข้าไปเต็มเปา แต่เรื่องราวจะดำเนินไปเรียบง่ายกว่า และไม่ซับซ้อนเท่า เป็นการพูดถึงเด็กชายคนหนึ่งที่ได้เป็นศิษย์ของหมีนักดาบพูดได้ใจนักเลง ในดินแดนที่เต็มไปด้วยเหล่าสัตว์และต้องเผชิญกับการดูถูกจนพัฒนาตัวเองขึ้นมาจนเก่งกาจได้ คือ ไม่ใช่แค่งานภาพ แต่ความสนุกที่ชวนติดตามตลอดเรื่อง กับความซึ้งแบบลูกผู้ชาย มันทำให้ครองใจหลายคนได้ดีจริงๆ สรุปสั้นๆ คือ ก็สนุกดีนะ!
จำกัดความ : ภาพสวย | งานละเอียด | เพลงเพราะ | น่ารอติดตาม…
ปิดท้าย.. ผู้เขียนขอมอบพื้นที่ให้กับผลงานหนังอนิเมชั่นเรื่องใหม่จาก อ.ชินไค แห่งปี 2016 เรื่องนี้ คือ แค่บอกชื่อผู้กำกับก็สามารถการันตีผลงานของเขา (ที่มีสิทธิ์ซึ้งจนปวดตับ) ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้แม้ปัจจุบัน (26/05/59) จะยังไม่ออกฉายก็ตาม แต่ด้วยงานภาพที่มีมาตรฐานสูงเป็นทุนเดิม จากคุณสมบัติงานที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์เรื่องได้เพียงสัมผัสด้วยตา หรือในส่วนของคาแร็กเตอร์ที่ได้นักวาดจากเรื่อง AnoHana มาร่วมออกแบบ หรือแม้กระทั่งเพลงประกอบฟังสนุก โอววว.. เท่านี้ก็เอาใจไปหมดแล้ว เหลือเพียงพิสูจน์กันเต็มๆ หลัง 26 สิงหาคมนี้ (ญี่ปุ่น) โดยเนื้อเรื่องจากตัวอย่าง แม้จะยังแอบแฝงไปด้วยกลิ่นอายเหงาๆ แบบชินไค แต่ก็ดูมีความอบอุ่น และความสนุก ดูอลเวง มากกว่าผลงานชิ้นก่อนเช่นกัน อย่างนี้ถ้าไม่บอกว่า น่าดู และแนะนำว่า ไม่ควรพลาด ก็ไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรแล้วล่ะ!!
วีดีโอประกอบ
และนี่ก็คือส่วนหนึ่งของ หนังอนิเมะน่าดู ที่แนะนำว่า ไม่ควรพลาด! ”
อย่างไรก็ตาม… คนเราต่างกันเท่าไร ความชอบก็ต่างกันเท่านั้น
เอาเป็นว่าใครมีเรื่องไหนที่ชื่นชอบจนอยากแนะนำบอกต่อ
ก็มาแชร์กันได้ใน Comment ด้านล่างนี้ได้นะ
วันนี้ลาแล้วล่ะ… อ้อ!! เรื่องไหนชอบก็อย่าลืมไปหาติดตามกันด้วยนะเออ บ๊ายบายยย~~
By : Admin@no (แอดมินโนเอง)