เคยเป็นไหม? เห็นคนอื่นมีแรงค์สูงๆ ขึ้นเอ้า ขึ้นเอา… ทั้งๆ ที่ใช้ฮีโร่ตัวเดียวกับเราแท้ๆ แล้วทำไมเค้าดูเก่ง แต่เรากลับแจกแต้มกระจายให้ฝั่งตรงข้าม แถมแรงค์ยังตกลงเรื่อยๆ แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะชนะได้เหมือนคนอื่นๆ สักที เอาล่ะ… เรามีคำตอบให้คุณ
บทความนี้ขอเสนอ “10 ข้อที่ทำให้คุณมีโอกาสชนะในเกม ROV” ที่รวบรวมเอา 10 วิธีง่ายๆ ที่อัพเกรดให้ฝีมือของตัวเองเก่งขึ้นในการเล่นเกม ROV ส่วนจะมีวิธีการไหนบ้างนั้น… มาดูกันเลย!!
1. ไม่เลือกฮีโร่ที่ทีมต้องแบก
ถึงในเกม ROV ฮีโร่แต่ละตัวจะมีบทบาทหน้าที่และความเก่งกาจที่ไม่เท่ากัน แต่รู้หรือไม่ว่าฮีโร่บางตัวในเกมนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ “ไม่ควรเลือกมาเล่น” เพราะจะทำให้โอกาสที่ทีมจะแพ้มาค่อนข้างสูง ตัวอย่างฮีโร่ที่ไม่ควรเลือกมาเล่นเลยก็คือ Valheim กับ Yorn เนื่องมาจากฮีโร่สองตัวนี้กว่าจะเก่งได้ต้องพึ่งพาไอเทมและความร่วมมือของทีมอย่างมาก ซึ่งน่าอาจจะเป็นการทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องแบกภาระให้ Valheim กับ Yorn เกิดให้เร็วที่สุด หากไม่เกิดหรือคนเล่นไม่ชำนาญในการเล่นมากพอ จะกลายเป็นเป้าหมายในการโดนฆ่าเอาได้
2. รู้เขารู้เรา รู้จักกับฮีโร่ทุกตัวในเกม
ฮีโร่แต่ละตัวจะมีบทบาทหน้าที่และความเก่งกาจที่ไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นความหลากหลายของเกมแนว MOBA อยู่แล้ว ในเกม ROV มีฮีโร่มากกว่า 40 กว่าตัว และทยอยเพิ่มเติมเข้ามาอีกแทบจะทุกๆ อาทิตย์
การทำความเข้าใจถึงความสามารถของฮีโร่ทุกๆ ตัวในเกม ถือเป็นหนึ่งในวิธีการเพื่อให้ได้มีโอกาสชนะในเกมมากยิ่งขึ้น เพราะฮีโร่แต่ละตัวมีการแพ้ทางระหว่างกัน รวมไปถึงการออกไอเทมที่หลากหลายตามแต่สายของฮีโร่ตัวนั้นเป็น ซึ่งหนึ่งในวิธีการเรียนรู้ฮีโร่ที่ดีอีกอย่างก็คือ “ดูบรรดา Caster เล่น” ว่าเขาเล่นแบบไหน ออกไอเทมอย่างไร? และหากเล่นแล้วแพ้ก็ให้นึกเสมอว่า “ความพ่ายแพ้คือบทเรียนรู้ที่ดีที่สุด”
3. ดูบรรดา Caster เล่นก่อนลงสนามจริง
หากเราเล่นไม่เก่งหรือยังมี Step การเล่นที่ยังไม่ดีนัก การดูคลิปการเล่นจากบรรดาเหล่านักแคสเกม ก็เป็นแนวทางที่ดีมากๆ เช่นกัน เพราะฮีโร่บางตัวที่เล่นค่อนข้างยากอย่าง Nakroth หรือ Airi ต้องอาศัย Step การเล่นมากๆ เราสามารถศึกษาวิธีการเล่นจากคลิปของเหล่านักแคสเกมเพื่อมาประยุกต์เป็นวิธีการเล่นของตัวเอง จนสามารถเล่นได้อย่างคล่องมือได้… ทั้งนี้ต้องใช้การฝึกฝนอยู่พอสมควร จะได้ไม่เป็น “หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม” เวลาเล่นจริง
4. มือถือดี มีชัยไปกว่าครึ่ง
ข้อสำคัญเลยถ้าจะเล่นเกมนี้คือ “ต้องมีมือถือในการเล่น” และแน่นอนว่ามือถือสมาร์ทโฟนในท้องตลาดตอนนี้มีหลากหลายแบรนด์ที่แข่งขันกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งบางแบรนด์ก็มีสเปคเครื่องที่แรงเว่อร์แถมราคาก็แพงเว่อร์เช่นกัน
หากถามว่าควรใช้มือถือสมาร์ทโฟนราคาเท่าไหร่ในการเล่น ROV ให้ลองมองที่ “สเปคพื้นฐานของเกมนี้” เป็นตัวตั้งแล้วลองพิจารณาดูว่ามือถือสมาร์ทโฟนที่ใช้งานอยู่ในความต้องการขั้นสเปคพื้นฐานหรือไม่? ถ้าพอเล่นได้ก็ให้ปรับคุณภาพของกราฟฟิกไม่ต้องสูงมาก…
หากไม่แล้วอยากจะเล่นเกมนี้จริงๆ แนะนำว่าลองเก็บเงินซื้อมือถือใหม่ที่สามารถเล่นได้ หรือเล่นผ่านโปรแกรมจำลองหน้าจอมือถือในคอมก็ได้เช่นกัน
5. เปิดไมค์คุย
ข้อนี้เป็นอีกข้อที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะการเล่นเป็นทีมที่เข้าขากันได้ต้องมาจาก “การสื่อสารที่เข้าใจกัน” ในเกมROV เป็นเกมที่ใช้ระบบการสื่อสารผ่านไมโครโฟนบนมือถือ (เพราะเป็นเกมมือถือนั่นแหละ) ซึ่งเป็นระบบที่สะดวกสบายมากๆ ผู้เล่นสามารถเปิดไมค์เพื่อคุยระหว่างการเล่นได้ และ “ดีกว่า” การกดแป้นคีย์บอร์ดพิมพ์ข้อความเป็นไหนๆ ขอแนะนำว่าเพื่อตัดเสียงก้องเวลาใช้ไมค์พูด ควรใช้หูฟัง Small Talk จะดีกว่า
แต่ก็มีเหตุผลที่ผู้เล่นหลายๆ คนเลือกที่จะไม่เปิดไมค์ก็เพราะ “รำคาญ” พวกที่ชอบพูดด่ากันในเกมนี่แหละ
6. ใช้รูนให้ตรงกับฮีโร่
“รูน” (Rune) คือหัวใจหลักของความเก่งกาจให้กับฮีโร่ อันนี้คือความจริงแท้ที่สุด การเลือกใช้รูนที่เหมาะกับฮีโร่ในแต่ละสายเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้เล่นทุกๆ คนควรทราบ ตัวอย่างเช่น “ทาร่า” (Taara) ที่เป็นฮีโร่สายแทงค์ (Tank) ทำหน้าที่เป็นตัวเปิดจังหวะและเข้าชนฮีโร่ฝั่งตรงข้าม ทาร่าจะแข็งแกร่งมากก็เหมาะเซ็ตรูนที่เน้นเกราะและพลังชีวิต
หรือ “นาตาเลีย” (Natalya) ฮีโร่สายเมจ (Mage)ทำหน้าที่เป็นตัวดาเมจในการสร้างความเสียหายให้กับศัตรู การใช้รูนที่เน้นพลังเวทย์และลดคูลดาวน์ จะทำให้นาตาเลียมีท่าสกิลที่รุนแรงมาก
7. ทีมไม่ได้ต้องการแต่แทงค์ ทีมต้องการความสมดุล
ทีมนี้เห็นแวว “พินาศ” อยู่รำไร…
ปัจจัยที่จะได้รับชัยชนะในการเล่นอยู่ที่ “การเลือกฮีโร่” ซึ่งในเกม ROV มีการระบุข้อแนะนำในระหว่างการเลือกฮีโร่เอาไว้ด้วย หากในทีมขาดฮีโร่ตัวไหนที่จำเป็น ระบบก็จะแจ้งว่าทีมต้องการฮีโร่ประเภทไหน?
ตัวอย่างเช่น ถ้าทั้งทีมเลือกฮีโร่ตัวแครี่, เมจ, ไฟท์เตอร์ ทั้งหมด ระบบจะแจ้งว่า “ทีมต้องการแทงค์” ซึ่งผู้เล่นจะสามารถเลือกฮีโร่สายแทงค์เพื่อเสริมทีมหรือไม่ก็ได้ แต่แนะว่าควรเข้าเล่นด้วย “ทีมสมดุล” จะดีที่สุด
8. จัดการกับธุระของตัวเองให้เรียบร้อย
ไปกรอกน้ำให้คุณแม่ก่อนค่อยเล่น จะได้เล่นอย่างสบายใจทั้งทีม…
สิ่งที่คอยกวนใจเวลาตอนกำลังเล่นเกมนี้มีอยู่สารพัดอย่างที่พร้อมจะมาขัดขวางชัยชนะ อย่างเช่นข้อความเฟสหรือไลน์เด้งเข้ามาในหน้าจอให้รู้สึกรำคาญ และที่หนักสุดนี่คือมีสายเรียกเข้า เล่นเอาหัวร้อนกันเลยทีเดียว แน่นอนล่ะว่าปลายสายที่ติดต่อมาเขาไม่รู้หรอกว่าคุณกำลังเล่นเกมนี้อยู่
ทางที่ดีก่อนเข้าเล่นควรจัดการกับธุระของตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อน… เพื่อไม่ให้มีสารพัดเรื่องกวนใจมาคอยรังควานเวลาเล่น หากไม่พร้อมเล่นจริงๆ ก็เอาไว้เล่นในเวลาอื่นน่าจะดีที่สุด
9. เหรียญทองสำหรับซื้อรูน… ไม่ใช่เอาไว้ซื้อฮีโร่
ถึงแม้ภายในเกมจะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นนำเหรียญทองที่ได้จากการทำกิจกรรม มาใช้จ่ายในการซื้อฮีโร่ได้ก็จริง แต่ถ้าถามถึงความคุ้มค่าแล้ว… เหรียญทองในเกมควรเอาไว้ใช้ซื้อ รูน น่าจะดีกว่า ส่วนเพชรแดงที่ได้จากทำเควสรายวันหรือกิจกรรม ควรเอาไว้ซื้อหน้ารูน ดีกว่าที่จะเอาไปหมุนล๊อตเตอรี่เล่นแบบสิ้นเปลื้องโดยใช่ที่…
ถึงแม้ ROV จะเป็นเล่นฟรีๆ บนมือถือก็จริง แต่ตัวเกมก็มีระบบการเติมเงินเพื่อซื้อคูปองในเกม เพราะฮีโร่บางตัวไม่สามารถใช้เงินในเกมซื้อได้ อย่างเช่น Wokong หรือฮีโร่ตัวใหม่ๆ ที่เพิ่งเข้า อย่างน้อยที่สุดควรจะอุดหนุนค่ายเกมผู้ให้บริการบ้าง… เพื่อให้มีเกมดีๆ เปิดให้เล่นนานๆ ไงล่ะ
10. หาเพื่อนที่รู้สเต็ปหลังจบเกม
จุดมุ่งหมายหลักของเกม ROV ไม่ใช่การจับคู่เพื่อเอาชนะคู่แข่งอย่างเดียวเท่านั้น แต่เพื่อก่อให้เกิดการมีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างผู้เล่นด้วยกันเกมนี้ หากตอนเข้าเล่นเกมนี้แล้วรู้สึกเล่นได้เข้าขากัน หลังจบเกมก็สามารถแอดเป็นเพื่อนกันได้ เพื่อให้เพื่อนใหม่ของเราช่วยเรามาเล่นในโหมดไต่อันดับได้อีกด้วย
=============================
และนี่ก็เป็น 10 ข้อที่ทำให้คุณมีโอกาสชนะในเกม ROV ที่ปฏิบัติได้ง่ายๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการฝึกฝนด้วยเช่นกัน อ้อ… ถึงเกมจะสนุกแค่ไหนก็ควรจะแบ่งเวลาของตัวเองด้วยนะ จะได้ไม่ถูกมองว่าเป็น “เด็กติดเกม” ไงล่ะ…
@Save สาย Pay