เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ที่เกม Resident Evil หรือ Biohazard เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคอเกม ด้วยความสนุกตื่นเต้นน่ากลัวของบรรยากาศ และฉากแอคชั่นที่หลังๆใส่มาจนกลายเป็นหนังตลกไป แม้จะเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาเกมไปมากมายหลายครั้ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้ความนิยมของซีรีส์นี้ลดลงจนกลายเป็นมาตรฐานของเกมแนว Survival Horror แอคชั่นซอมบี้ระบาด ส่งผลให้เกมนี้คือหนึ่งใน 3 แฟรนไชส์ที่ทำเงินของ Capcom ในอดีต (Street Fighter / RockMan / RE ก่อนการมาของ มอนฮัน)
ซึ่งกว่าจะเป็นเกมดังเกมนี้ ก็ย่อมมีเบื้องหลังความสำเร็จ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายซ่อนอยู่ และนี่คือ “10 เรื่องที่คุณไม่เคยรู้ของ Resident Evil” ที่นำมาฝากให้อ่านกันเล่นๆครับ…
10.Resident Evil เคยถูกร่างโปรเจคท์ให้เป็นเกม FPS มุมมองบุคคลที่ 1!!
ก่อนที่ Capcom จะตัดสินใจเลือกมุมกล้องที่เป็นเอกลักษณ์ให้กับ Resident Evil อย่าง “มุมมองกล้องวงจรปิด” (ได้รับอิทธิพลจาก Alone In The Dark ในปี 1992) ก็เคยมีความคิดที่จะสร้างเกมนี้ให้เป็นเกมเดินหน้ายิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เพราะทีมงานให้เหตุผลว่าจะมอบประสบการณ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์ร่วม และเสพความน่ากลัวอย่างเต็มที่ แต่ด้วยเทคโนโลยีในสมัยนั้นยังไม่สามารถถ่ายทอดจินตนาการความน่ากลัว “ในระยะเผาขน”ได้ จึงพับความคิดนี้ไป แล้วนำมันไปลงให้กับเกม Resident Evil : Gun Survival เป็นเกมแรก …และกลับมาใช้อีกครั้งในเนื้อเรื่องหลักอย่าง Resident Evil 7 ซึ่งเป็นภาคล่าสุดนั่นเอง
9.Resident Evil เกือบจะได้ลงในระบบGameBoy Color!?
Resident Evil เดิมทีมีแผนการที่กำลังจะถูกส่งไปลงให้ GameBoy Color ในปี 1999 และได้มีการพัฒนาเสร็จไปแล้วกว่า 90% โดยทีมงาน HotGen Studios ของประเทศอังกฤษ แต่อยู่ๆก็เกิดคำถามในใจทีมงานขึ้นมาว่า “พวกเขาไม่มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์นี้จะทำให้ทั้งผู้บริโภคและทางค่าย Capcom มีความพึงพอใจได้”
แต่ในปัจจุบัน ROMเกมนี้ มีเพียง 2 ก๊อปปี้ในโลก โดยตลับแรกอยู่ในมือของ Capcom ส่วนอีกตลับ มีคนเสนอขายในโลกออนไลน์ในราคา 2,000 ดอลล่าร์สหรัฐ และมีบุคคลไม่ประสงค์ออกนามซื้อไปแล้ว…
8.เดิมทีจะมีตัวละครให้เล่นถึง 4 ตัวในภาคแรก!?
อย่างที่เราๆทราบดีว่าภาคแรก เราจะได้สวมบทเป็น “คริส เรดฟิลด์” และ “จิล วาเลนไทน์” ซึ่งในความเป็นจริง ทีมงานได้ทำการออกแบบตัวละครสำหรับใช้เล่นได้อีก 2 ตัว ได้แก่ “เกลเซอร์” (Geltzer) พลสื่อสารประจำทีม และ “ดิวอี้”(Dewey) ชายผิวสีที่ได้แรงบันดาลใจจาก “เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่” นักแสดงผิวสีชื่อดังของอเมริกา แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้เพราะพื้นที่ในการบีบอัดข้อมูลไม่พอ แต่ตัวละครดิวอี้ ก็ได้ปรับบทให้เป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ของหน่วย STARS
7.Resident Evil ได้รับแรงบันดาลใจจากเกม Capcom กันเอง!?
แรงบันดาลใจของเกมนี้มาจากเกมสยองขวัญที่ชื่อ “Sweet Home” (คนละเกมกับ Home Sweet Home นะ) โดยทางCapcom ตั้งใจไว้ว่าResident Evil จะเป็นเกม remake ของเกม RPG ชื่อดังกล่าวที่ออกมาในปี 1989 ซึ่งเป้นเกมที่มีเนื้อหา และงานภาพที่โหดร้าย รุนแรงมากในสมัยนั้น (กราฟฟิกเหลี่ยมๆแบนๆ 8 บิตนั่นละ) โดยองค์ประกอบต่างๆของเกม เช่นการที่ฉากเป็นบ้านพักแมนชั่นปริศนา การจัดการไอเทมแบบช่องสล๊อต การโหลดหน้าจอด้วยการเปิดประตู บลาๆๆ
6.Resident Evil 1.5 ภาคต้นแบบของ Resident Evil 2!?
Resident Evil 2 อาจจบลงด้วยฉากจบที่แตกต่างกัน ทั้งเวอร์ชันของแคลร์ และ เลออน แต่ก่อนหน้านั้น มันเคยมีเกมภาค 1.5 ซึ่งเป็นเดมโม่สำหรับนักพัฒนา และคนของทีมพัฒนาเกมใน Capcom ไม่ค่อยพอใจกับเนื้อหาบางจุดที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ในเกมฉบับ 1.5 โดยในเกมเราจะได้รับบทเป็นตัวละคร “Elza Walker”(เอลซ่า วอลค์เกอร์) นักซิ่งสก๊อยสาวจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค แถมเธอยังต้องพบกับกอริล่าซอมบี้ / แมงป่อง ที่มีหางเป็นตัวของเวสเกอร์ วายร้ายจากภาคแรกอีกด้วย แต่เนื่องจากองค์ประกอบของเกมที่ค่อนข้างมั่ว จึงถูกตีตก แล้วมาทำใหม่เป็นภาค 2 อย่างที่เราๆเห็นกัน
5.George A Romero เจ้าพ่อหนังซอมบี้ เคยถูกทาบทามให้มาเขียนบทหนัง Resident Evil !?
ก่อนที่ Paul W.S.Anderson จะทำให้บทของ Resident Evil ออกทะเล เละเทะมั่วซั่ว แถจนสีข้างถลอกมาแล้ว ซึ่งที่จริงแล้ว บทของ Resident Evil นั้น George A Romero เคยมาเขียนบทให้แล้ว แถมเป็นบทที่อิงจากเกมอย่างหนักมาก เพราะก่อนหน้านั้น ในเกมภาค 2 ปู่จอร์ชของเราก็เคยมาร่วมงานกับทาง Capcom โดยตรงในช่วงการโปรโมทตัวเกมภาค 2 ด้วย แต่ทีมสร้างภาพยนตร์ไม่ปลื้มเท่าไหร่ เพราะมันเหมือนเกมเกินไป เลยให้อีตาพอล แอนเดอร์สัน มาสร้างเรื่องผีชีวะฉบับ “มหากาพย์อลิซ” แทน
4.Resident Evil ผีชีวะฉบับซามูไร!?
เดิมทีทีมงานตั้งใจจะสร้างภาคเสริม Spin-Off ให้เกมผีชีวะมีการเล่าเรื่องราว โลกทัศน์แบบญี่ปุ่นจัดๆ มีซามูไร นินจา ซอมบี้ในเกมเดียวกัน แต่ทำไปๆมาๆ เหมือนจะออกทะเล เลยตั้งชื่อหัวใหม่ที่เราๆรู้จักกันในชื่อ “โอนิมูฉะ” (Onimusha) แทน…และก็ประสบความสำเร็จอย่างมากเสียด้วย!
3.Resident Evil ภาคแรกได้รับสถิติโลกว่าเป็นเกมที่มีบทสนทนายอดแย่!?
ตัวเกมในช่วงนั้นเต็มไปด้วยปัญหาการแปลภาษาจากญี่ปุ่น เป็นภาษาอังกฤษที่ขาดการเกลา และสร้างความสับสนอย่างมาก เช่น “จิลล์นี่เป็นกุญแจล็อค มันอาจจะเป็นประโยชน์ถ้าคุณเอามันไปใช้ปลดล๊อกกุญแจ” และอีกหลายๆบทสนทนา แทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า Resident Evil ได้รับการยอมรับว่ามีบทพูดเหมือนหนังเกรดบี ในหนังสือ Guinness World Records Gamer’s Edition ปี 2008
2.ตกลงมันชื่อเกม Resident Evil หรือ Biohazard กันแน่!?
ในประเทศญี่ปุ่น Resident Evil จะเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Biohazard ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิม เพราะทีมพัฒนาต้องการสื่อว่ามันคือเรื่องราวหายนะของวิกฤษชีวภาพ แต่เมื่อไปอเมริกา ชื่อ Biohazard เป็นชื่อเรียกของป้ายประกาศเตือนถึงอันตรายทางชีวภาพ และแบรนด์สินค้าบางยี่ห้อ สรุปไม่ว่ามันจะชื่ออะไร แต่คือเกมๆเดียวกัน
1.คริส เรดฟิลด์ ในภาค 7 ทำไมเบ้าหน้ายังกะคนละคน!?
หลังจากที่เราได้รู้จักกับเกม Resident Evil มานานแสนนาน มีการเปลี่ยนโมเดลของ คริส เรดฟิลด์มาก็ไม่น้อย แต่ในเกมภาคหลักที่ 7 ที่เพิ่งวางขายเมื่อต้นปี 2017 ก็ได้สร้างปรากฎการณ์ช๊อกแฟนเกมอย่างมาก เพราะคริส เรดฟิลด์คนที่โผล่มาในภาค7 นั้น “ไม่ได้มีเค้า และเบ้าหน้าเหมือนคริสที่เราเคยรู้จักมาก่อนเลย!!”
ผู้กำกับเกม โคอุชิ นากานิชิ ได้ออกมายืนยันผ่านบล็อกว่าตัวละครที่เราเห็นเป็น “คริส เรดฟิลด์” ตัวจริงเสียงจริง ส่วนเรื่องที่คริส เรดฟิลด์หน้าตาต่างจากภาคก่อนๆ ก็เป็นเพราะตัวเกมได้ใช้เทคโนโลยีการ “แสกนหน้าคนจริงๆมาเป็นโมเดลในเกม” และโมเดลของคริสคนที่เราคุ้นหน้าตาจากเกมภาค 5-6 และหนังภาค Vendetta ก็ไม่ได้มีความเข้ากับงานภาพที่สมจริงของตัวเกมภาค 7 นัก มันออกแนวการ์ตูนมากกว่า…
แอดมิน Ak47
-
BEYBLADE X : 10 ตัวน่าซื้อ ของมันต้องมีในปี 2024
#beybladex #kctoysbeybladex #beybladexthailand
-
KARATE KID: LEGENDS [เรื่องย่อ / ตัวอย่าง / หนังใหม่ /2025]
#KarateKidMovie #KarateKi #เฉินหลง #JackieChan
-
20 ตัวละครจากเกมยอดนิยมที่ถูกค้นหามากที่สุดในเวปไซต์สำหรับผู้ใหญ่ 2024
#Ranking #website #Games #PC #Console