10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “ลุค สกายวอลค์เกอร์”
ถ้าพูดถึงสตาร์วอรส์ หนึ่งในตัวละครสำคัญที่หลายๆคนจะต้องนึกถึงก็คือ “ลุค สกายวอลค์เกอร์” เด็กหนุ่มชาวบ้านธรรมดาจากดาวแห่งความแห้งแล้งที่ชื่อทาทูอีน และเรื่องราวการผจญภัยของเขาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้สื่อบันเทิงหลายแขนงแตกแยกย่อยออกไปได้อีกมากมาย รวมไปถึงการกลับมาอย่างเก๋า เจ๋ง และโหดสมการรอคอยของแฟนบอยสตาร์วอร์สในภาพยนตร์ภาค 8 Star Wars : The Last Jedi
แต่ก็มีเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังที่เราๆท่านๆอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนก็เป็นได้ และนี่คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ “ลุค สกายวอลค์เกอร์” ที่แอดมินรวบรวมมาให้อ่านกันครับ
————————————————————————————-
10.“เฟรดดี้ ครูเกอร์” ฆาตกรโรคจิตจากหนัง A Nightmare In Elm Street เป็นเพื่อนกับลุค สกายวอลค์เกอร์!?
จริงๆแล้วเป็นมุกนักแสดงน่ะครับ เพราะนักแสดงอย่าง “โรเบิร์ต อิงลันด์” (เฟรดดี้) และ “มาร์ค แฮมิลล์” (ลุค) เคยเป็นเพื่อนร่วมห้อง (Roomate-รูมเมท) พักอาศัยที่เดียวกันในช่วงยุค 70 โดย มาร์ค แฮมิล ได้รับบทเด่นใหหนังสตาร์วอร์ส ส่วน อิงลันด์ แม้ว่าเจ้าตัวก็เคยไปแคสติ้งบท “ฮัน โซโล” แต่ก็ไม่ผ่าน แต่ อิงลันด์ ก็ได้เป็นวายร้ายหนังสยองขวัญที่ทั่วโลกจดจำแทน
9.ลุค สกายวอลค์เกอร์ อายุเท่าไหร่กันแน่!?
ในเรื่อง Star Wars ไตรภาคแรก มีการถกเถียงกันในเรื่องของอายุของพระเอกในเรื่อง เพราะตัวหนังไม่ได้ลงลึกถึงเรื่องราวส่วนตัวเชิงลึกระดับนั้น จนกระทั่ง ภาพยนตร์ EP3 Revenge of the Sith ก็ทำให้อายุของลุค สกายวอลค์เกอร์พอจะเทียบเคียงได้ชัดเขนมากขึ้น แต่ถ้าว่ากันจริงๆ เรื่องการทรยศอายุของนักแสดง กับตัวละคร ก็มีมานานแล้ว เช่นบทของ โอบีวัน เคโนบี วัย 53 ที่แสดงโดย เซอร์ อเล็กซ์ กินเนสส์ ที่มีอายุจริงคือ 63 ปี นั่นเอง
ลุค สกายวอลค์เกอร์ อายุ 19 ในหนัง A New Hope
ลุค สกายวอลค์เกอร์ อายุ 22 ในหนัง The Empire Strikes Back
ลุค สกายวอลค์เกอร์ อายุ 23 ในหนัง Return of the Jedi
และอายุประมาณ 53 ใน The Force Awakens และใน The Last Jedi ***แม้ว่าตัวนักแสดง มาร์ค แฮมิลล์ จะอายุ 66 แล้วก็ตาม…***
8.กระบี่แสงสีเขียว ท่านได้แต่ใดมา!?
ในภาค 5 ลุค ได้ต่อสู้กับ “ดาร์ธ เวเดอร์” หรือ อนาคิน สกายวอลค์เกอร์ พ่อของเขา จนสุญเสียแขนขวา และกระบี่แสงไป แต่อยู่ๆในภาค 6 ลุคก็กลับมาช่วย ฮัน โซโล จากการถูกแช่ในแท่งคาร์บอน ด้วยกระบี่แสงสีเขียว… ได้มาได้ไง ไปสร้างตอนไหน!?
จริงๆแล้วมันมีที่มาของกระบี่แสงใหม่สีเขียว จากเรื่องราวที่บอกเล่าในหนังสือนิทานภาพสำหรับเด็ก Return of the Jedi: Beware the Power of the Dark Side! ที่ในนั้นระบุว่า ลุคได้ใช้เวลาหลายเดือนระหว่าง Cloud City กับพระราชวังของแจ๊บบ้า เพื่อเก็บชิ้นส่วนสร้างกระบี่แสงด้วยตนเอง แต่เขาก็ทำไม่สำเร็จ เพราะต้องกลับไปที่บ้านพักของโอบีวันบนทาทูอิน เพื่อตามหา “ไคเบอร์คริสตัล”มาทำกระบี่แสงสีเขียว
แต่ถ้าหยิบข้อเท็จจริงมาคุยกัน ก็จะเป็นว่า “จอร์ช ลูคัส” ผู้กำกับได้ทำการเปลี่ยนสีจากกระบี่แสงสีฟ้า ให้เป็นสีเขียว เพราะว่า ถ้าใช้กระบี่แสงสีฟ้า มันจะกลืนกับฉากหลัง และตัวลุคที่อยู่ในฉากจะไม่เด่นนั่นเอง…
7.ลุค สกายวอลค์เกอร์ เป็นเจไดที่ไม่น่าจะมีความชำนาญด้านเพลงดาบแม้แต่น้อย
หากเราสังเกตุกันจริงๆ ในหนังภาค 4 ลุค ได้พบกับ โอบีวัน ที่ดาวทาทูอีน ลุคเรียนรู้การใช้พลัง แต่วิชาดาบยังฝึกกับโอบีวันไม่ทันจะสำเร็จ โอบีวันดันชิงตาย กลายเป็นฟอร์ซไปซะก่อน ด้วยคำแนะนำว่าให้ ไปเรียนกับมาสเตอร์โยดา ลุคก็ฝึกแต่การใช้พลัง เพลงดาบที่ว่องไวสวยงามเฉกเช่นยุคเจไดอนาคินนั้น ไม่มีในตัวเด็กหนุ่มลุคเลย ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่า ลุค สกายวอลค์เกอร์ในปัจจุบันนั้น เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้วิถีแห่งพลัง มากกว่าวิชากระบี่แสงเจได…
ขนาดลุคที่ยังเรียนไม่จบวิชากระบี่แสง แต่ดันทะลึ่งไปสอนวิชาให้เด็กใจแตกอย่าง “ไคโล เรน” ก็กลายเป็นยิ่งฝึกไม่สำเร็จยิ่งกว่า! ดังนั้นอย่าแปลกใจ ที่สตาร์วอร์สภาคหลังๆ จะไม่มีเพลงดาบที่เร้าใจ สวยงามให้ได้ดูกัน…
6.ลุค สกายวอลค์เกอร์ ได้รับอิทธิพลความเป็นฮีโร่จากแนวคิดของกษัตริย์อาเธอร์!?
ในอดีต จอร์จ ลูคัส ตั้งใจใช้ทฤษฎีของ “โจเซฟ แคมป์เบล”(Joseph Campbell) จากหนังสือ The Hero With a Thousand Faces ที่กล่าวถึงกษัตริย์อาเธอร์ มีดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ และพ่อมดเมอร์ลิน ทำให้ตัวละคร ลุค สกายวอลค์เกอร์ เป็นตัวละครที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกษัตริย์อาเธอร์ในบางมุม ลุคไต่เลเวลจากเด็กชาวบ้านธรรมดาๆ (แต่มีเบื้องหลัง และที่มาอันยิ่งใหญ่) / ออกเดินทางพร้อมกระบี่แสงคู่ใจ (เหมือนดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์) / เรียนรู้กับจอมปราชญ์ โอบีวัน (ที่เหมือนพ่อมดเมอร์ลิน) และ นำเด็กน้อยลุค สกายวอลค์เกอร์ เป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ ทรงพลัง และมีอำนาจที่น่าสะพรึงในภาค 8 นี่เอง
5.ในบทดั้งเดิมแรกสุด ลุค สกายวอลค์เกอร์ คือชายแก่ที่มีอายุ 65 ปี เป็นพระเอก!?
ในบทช่วงแรกๆ มีการร่างว่า จะให้ลุค เป็นนายพลที่มีนามสกุลว่า “Starkiller” (สตาร์คิลเลอร์) ที่ช่ำชองวิชาดาบเลเซอร์ และเขาได้ฝึกหลานชาย ที่ชื่อ “อานิคิน สตาร์คิลเลอร์” (Annikin Starkiller-สะกดถูกต้องจริงๆนะ) แต่ก็โดนตีตกไป แต่หลังจากนั้นก็มีการปรับบทให้สามารถเอาไปใช้ในโครงเรื่องของ Episode 1 Phantom Menace ที่เป็นเรื่องราวของ “ไควกอน จินน์” กับ “โอบีวัน” แทน แต่สุดท้าย ลุค ก็แก่ในหนังภาค 8 นั่นแหละนะ
4.ลุค สกายวอลค์เกอร์ ไม่เคยมีเมีย!?
แม้ว่าในวิกิ หรือหนังสือการ์ตูน นิยายSidestory ต่างระบุว่า “ลุค สกายวอลค์เกอร์” มีเมียเป็นเจไดที่ชื่อ “มาร่า เจด” และมีลูกชายชื่อ “เบน สกายวอลค์เกอร์” จนเกิดเรื่องราวมากมายในจักรวาลภาคแยกย่อยสารพัด แต่เมื่อการมาของภาพยนตร์ภาค 8 ทำให้ทุกอย่างที่เคยรับรู้มานั้น กลายเป็นเนื้อหาที่ไม่ได้รับการยอมรับให้อยู่ในเส้นเรื่องหลัก (Canon) อีกต่อไป ส่วนเรื่องลูกเมีย โล๊ะทิ้งไปอยู่ในจักรวาล Legend แทน
ทำให้ ลุค สกายวอลค์เกอร์ เป็นตัวละครตาแก่ โสด เหงาอยู่บนดาว Ahch-To และจมปลักกับความผิดพลาดในการสอนหลานชายตัวเองอย่าง เบน โซโล จนเข้าสู่ด้านมืด…โดยนักแสดงอย่าง มาร์ค แฮมิลล์ ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า “เรื่องเพศ หรือชีวิตครอบครัว ของลุคไม่เคยถูกกล่าวถึงในภาพยนตร์ ลุคคือสิ่งที่ผู้ชมต้องการให้เขาเป็น ดังนั้นคุณจึงสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวคุณเองว่าอยากให้เขาเป็นแบบไหน!”
3.ในบทดั้งเดิมแรกสุด ลุค สกายวอลค์เกอร์ จะเป็นตัวละครหญิง!?
อันนี้หนักกว่าข้อที่ผ่านมา เพราะก่อนที่จะมาเป็น “ลุค สกายวอล์คเกอร์” เด็กหนุ่มมหัศจรรย์จากดาวเคราะห์ทะเลทรายทาทูอีน ที่อาศัยกับป้าและลุงของเขา ในบทประพันธ์ร่างครั้งแรกสุด ตัวเอกคนนี้คือ ” เด็กหญิงวัย 16 ปีชื่อ Starkiller” ที่มีความรักให้กับ “ฮัน โซโล” พ่อค้าของเถื่อน และติดตามชายคนนี้ไปจนสุดขอบกาแลคซีด้วยความพยายามที่จะเอาชนะใจเขาได้ นอกจากนี้ ในบทร่างแรกสุดของ Star Wars นี้ ตัวละคร ฮัน โซโล เป็นชายหนุ่มที่มีหนวดเครา และเชี่ยวชาญการใช้ดาบเลเซอร์ แต่ก็ต้องเปลี่ยนบทให้ลุค เป็นตัวละครอย่างที่เราๆเห็นกันในปัจจุบันแทน และแนวคิด “เจไดสาวตัวเอก” ก็ถูกส่งต่อให้ “เรย์” นางเอกสาวจากภาค7นั่นเอง…
2.ลุค สกายวอลค์เกอร์ เกือบจะเข้าสู่ด้านมืดของพลัง ใน Empire Strike Back (Ep6)
เมื่อ “จอร์จ ลูคัส” และ นักเขียนบทร่วมของเขา “ลอเรนซ์ คัซดัน” กำลังระดมความคิดเรื่องการสิ้นสุดไตรภาคลิเกอวกาศชุดนี้ในภาค Ep6 Return of the Jedi (การกลับมาของเจได) ลูคัสเคยนำเสนอซีนที่ลุค สกายวอลค์เกอร์ หยิบหมวกของ ดาร์ธ เวเดอร์ ผู้เป็นพ่อ และสานต่อด้านมืดของพลัง แต่สุดท้าย ลูคัสก็ไม่เอาแนวคิดนี้ แม้ว่านักเขียนบทร่วมอย่างคัซดัน จะสนับสนุนแนวคิดนี้ก็ตาม
โดยตัวลูคัสเองได้อธิบายในภายหลังหลายปีนับจากนั้นว่า เป้าหมายของผู้ชมสตาร์วอร์สในตอนนั้นคือ เด็ก และเยาวชน คงไม่เป็นการดีที่ให้พระเอกของพวกเขากลายเป็นวายร้าย และคนดูก็คงไม่อยากได้เซอร์ไพรซ์อะไรที่หนักหนาไปกว่าการที่ ดาร์ธ เวเดอร์ คือพ่อของลุค (แต่สุดท้าย บทพระเอกเป็นวายร้ายก็ได้ถูกนำมาใช้ใน Star Wars Ep1-3 แทน ที่เล่าเรื่องของอนาคิน สกายวอลค์เกอร์ และจัดหนักการเมือง สงครามอย่างชัดเจนและเข้มข้นจนคนดูพากันปวดหัวเลย)
1.ลุค สกายวอลค์เกอร์ กล่าวคำว่า “May the Force be with you” ในหนังเพียงครั้งเดียว!
แม้ว่าตัวเองจะมีฐานะเหมือนเจไดกลายๆ จากการฝึกฝนของเหล่ามาสเตอร์ทั้งสอง (โอบีวัน และ โยดา) แต่ ลุค สกายวอลค์เกอร์ กลับมีโอกาสได้กล่าววลีเด็ดที่เหมือนคำอวยพรของอัศวินเจไดเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในภาพยนตร์ชุดไตรภาค 4-5-6 โดยในฉากนั้น จะเป็นการที่ลุค ได้พูดคุยกับตัวละคร “ชิวแบคก้า” และ “แลนโด คาริเชี่ยน” ที่อยู่บนยานมิเลนเนี่ยม ฟอลคอนกำลังจะล่วงหน้าไปช่วย ฮาน โซโล ในตอนจบของภาค The Empire Strikes Back
“ชิวอี้ ฉันจะรอสัญญาณจากแก ดูแลตัวเองด้วยนะพวกเรา ขอพลังสถิตย์กับพวกนาย”
“Chewie, I’ll be waiting for your signal. Take care, you two. May the force be with you.”
——————
ข้อมูล
—————–
แอดมิน AK47