รวม 10 เรื่องสั้นสุดสยองของ Junji Ito

ถ้าใครเป็นคอการ์ตูนแนวสยองขวัญ ชื่อแรกที่หลายคนจะนึกถึงคืออาจารย์ จุนจิ อิโต้ (Junji Ito) ที่มีผลงานโดดเด่นและน่าจดจำจากลายเซ็นชวนสยดสยองจนกลายเป็นลายเซ็นประจำตัวของเขาไปแล้ว แล้วปีนี้แฟนคลับบ้านเราก็จะได้สัมผัสประสบการณ์สุดสยองของเขากับนิทรรศการคลังสยองอาจารย์ จุนจิ อิโต้ หรือ Junji Ito Horror House ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 7 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566 นี้ ที่ ศูนย์การค้า MBK Center ชั้น 4 โดยนิทรรศการจะจัดแสดงความสยองในสไตล์ของจุนจิที่ใครได้ไปชมต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า น่ากลัวสยดสยองยิ่งนัก วันนี้เราจะพาไปดู 10 เรื่องสั้นสุดสยองจากปลายปากกาของเขาที่แฟนการ์ตูนต่างยกให้ว่า น่ากลัวจับใจยิ่งแท้ ไปดูกันว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง

 

 

10.) สาวลิ้นหอยทาก

ริเอะ มีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งชื่อว่า ยูโกะ ปกติเธอจะมีนิสัยร่าเริงชอบพูดคุยกับเพื่อนๆ แต่หลาบวันที่ผ่านมาเธอกลับไม่ค่อยร่าเริงและไม่สบายอยู่หลายวัน แถมมีปัญหาการพูด ทำให้เธอต้องหยุดเรียนหลายวันผิดสังเกต ริเอะ จึงตัดสินใจแวะมาหาเพื่อนที่บ้าน เมื่อไปถึงก็พบว่าพ่อแม่ของยูโกะ กำลังจัดการกับเหล่าหอยทากจำวนวนมาก แต่ก็จัดการไม่หมดเสียที

 

เมื่อพ่อแม่ของยูโกะ เห็นริเอะมาที่บ้านจึงพาไปหายูโกะที่ห้องนอน เมื่อเข้าไปพบว่ายูโกะกลับมีอาการไม่สู้ดีเท่าไรนักแถมต้องใส่หน้ากาปิดปากตลอดเวลา แม่ของยูโกะเล่าให้ริเอะฟังว่า ได้พายูโกะไปหาหมอหลายที่ก็ไม่สามารถรักษาหายขาดได้ บ้างก็วินิจฉัยว่า น่าจะเป็นที่สุขภาพอ่อนแอ ก่อนที่เธอจะขอดูอาการลูกสาว แต่กลับถูกอีกฝ่ายปัดมือกลับไป

 

ยูโกะที่รู้ตัวว่าคงปิดไว้ได้ไม่นาน จึงตัดสินใจเผยความจริงที่ทำให้ทุกคนผวา เพราะว่าลิ้นของยูโกะกลายเป็นหอยทากที่บิดพลิ้วไปมาอยู่ในปาก เป็นภาพที่ชวนชวนสยดสยองยิ่งนัก!!

 

หลังจาก ริเอะ กลับไป พ่อแม่ที่รู้ความจริงเกี่ยวกับลูกสาว จึงตัดสินใจเทเกลือใส่อ่างจนเต็ม และให้ยูโกะแช่ตัวในอ่างพร้อมกำชับให้เธออ้าปากเพื่อให้เกลือไปทำปฏิกิริยาในตัว เมื่อเวลาผ่านไป พ่อแม่รีบมาดูลูกสาวก็ต้องพบความจริงชวนช็อก เพราะยูโกะเหลือเพียงแต่หัวเท่านั้น เพราะปฏิกิริยาจากเกลือกทำให้ลำตัวถูกดูด จึงใช้น้ำสะอาดเพื่อให้ร่างกลับมา แต่ก็ไม่ได้ผล

 

 

9.) หนาวบาดเนื้อ ( The Chill)

ยูจิเด็กหนุ่มข้างบ้านที่อาศัยติดอยู่กับบ้านของหญิงสาวนามว่ารินะเขามักจะได้ยินเสียงโหยหวนและเห็นร่างกายของเธอเต็มไปด้วยรูประหลาดเต็มตัวไปหมด วันหนึ่งเขาเห็นเด็กหนุ่มก่อนจะส่งยิ้มให้และชี้ไปยังพุ่มไม้เหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง ซึ่งอาการน่าประหลาดของเธอ ทำให้เขานึกถึงคุณตาของเขาที่จากไปนานซึ่งมีอาการคล้ายกับรินะ แถมพ่อแม่ของเขาก็ไม่ยอมเล่าสาเหตุของอาการที่คุณตาเป็น ทำให้เขานำเรื่องนี้ไปปรึกษากับเพื่อนสนิทของเขาเผื่อจะหาคำตอบเรื่องราวที่เกิดขึ้น

 

วันต่อมาเพื่อนของยูจิก็เล่าเรื่องราวของรินะ เพราะแม่ของเพื่อนเป็นคนทำคลอดก่อนจะเล่าเรื่องราวของอาการรูตามตัว ซึ่งเขาบอกว่าคุณตาน่าจะรู้เรื่องราวของ ปริศนาโรครูประหลาด จนทั้งสองเจอบันทึกที่คุณตาเคยเขียนไว้ก่อนเสียชีวิต โดยสาเหตุของโรครูประหลาดที่เกิดขึ้นกับคุณตาและรินะ เกิดจากหยกแกะสลัก ที่ใครได้ครอบครองก็จะถูกสาปให้ร่างกายตามตัวเต็มไปด้วยรูและมักจะฝันถึงแมลงตลอดเวลา หากใครครอบครองหยกชิ้นนี้แล้วเกิดโรครูประหลาด ก็จะมีคุณหมอมาดูแล ซึ่งยูจิมองว่ามันคล้ายกับที่รินะและคุณตาเคยเจอ ก่อนจะนึกได้ว่า ที่เขาเห็นรินะชี้ไปยังพุ่มไม้น่าจะเป็นหยกที่ทั้งสองกำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้

 

ค่ำคืนวันเดียวกัน ยูจิ ที่กำลังไขปริศนา ก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกักจากข้างนอก ก่อนจะมีเสียงใครบางคนขอให้เขาเปิดหน้าต่าง เมื่อยูจิเปิดออกมาพบว่า เพื่อนรักของเขามีรูเต็มร่างกาย โดยมือของเขาถือหยกซึ่งเจอในพุ่มไม้ตรงที่รินะชี้ให้ยูจิดูและเขามีแผนจะเอาไปขาย ก่อนจะบอกว่า คุณหมอที่รินะและคุณตาเจอ คือ ผู้รับใช้คำสาป แต่ยังไม่ทันจะเล่าต่อ ผู้รับใช้คำสาปก็ปรากฏตัว จนเพื่อนของยูจิต้องหนีกระเจิง

 

เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีคนพบศพของเพื่อนยูจิ นอนตายอยู่ริมแม่น้ำ ในสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยรูตามตัว แต่หยกแกะสลักได้หายไปแล้ว คาดว่าผู้รับใช้คำสาปได้มาเอาหยกคืนไป ส่วนทางด้านยูจิ ก็เห็นริน ที่ตอนนี้ร่างกายกลับแข็งแรง ดูสดใสขึ้นแล้วเธอก็ส่งยิ้มให้เด็กหนุ่ม ซึ่งคำสาปรูประหลาดในตัวเธอได้หายไปแล้ว คาดว่าคำสาปถูกส่งต่อให้เพื่อนยูจินั่นเอง

 

 

8.) Frankenstein

เรื่องราวของนักสำรวจหนุ่มที่ชื่อว่าโรเบิร์ต ที่กำลังเดินทางไปพร้อมกับคณะนักสำรวจ ซึ่งตลอดการเดินทางเขาเห็นคนที่เหมือนสัตว์ประหลาดขี่รถเลื่อน วันหนึ่งเขาได้เจอหากแต่เป็นชายที่ขี่รถเลื่อนเหมือนกัน แต่เขาดูเหมือนอาการไม่สู้ดี ก่อนที่ โรเบิร์ต จะเข้าไปช่วยเหลือ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเล่าเรื่องราวให้โรเบิร์ตฟัง

 

ชายคนนี้มีชื่อว่า วิคเตอร์ แฟรงเก้นสไตน์ เขาเกิดในฐานะครอบครัวที่ร่ำรวย เขาสนใจในเรื่องราววิทยาศาสตร์ จนเมื่อได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เยอรมัน แล้วได้เจอกับศาตราจารย์วอลแมน ซึ่งกลายเป็นคนที่จุดประกายให้วิคเตอร์กลับมาสานฝันของตนเอง ที่อาจทำให้เขากลายเป็นพระเจ้าคนใหม่ เขาจึงตั้งใจเรียนจนเป็นนักเรียนหัวกะทิ แล้วเขาก็เริ่มสานฝันตัวเองที่จะเป็นจุดเปลี่ยนของเขาไปตลอดกาล

 

เขาเริ่มแผนการของตนเอง เริ่มจากแวะไปยังสุสานเพื่อหาชิ้นส่วนศพที่สภาพดี จากนั้นเขาจึงเช่าห้องที่แสงเข้าไม่ถึง ก่อนที่เขาจะเริ่มทำการทดลองด้วยการนำชิ้นส่วนศพที่ได้มาประกอบเป็นร่างมนุษย์และใช้พลังไฟฟ้าจากฟ้าฝ่าทำให้มันคืนชีพ แม้จะต้องลองผิดลองถูก จนในที่สุดมันก็มีชีวิต! มันคือสัตว์ประหลาดที่ถูกสร้างจากฝีมือของมนุษย์ ก่อนที่มันจะหันมาหาผู้ให้กำเนิด แต่หลังจากนั้น วิคเตอร์ก็หมดสติจำอะไรไม่ได้เลย

 

 

เขาตื่นขึ้นมาพบว่า เฮนรี่ เพื่อนรักของเขาได้มาดูแล โดยวิคเตอร์ถามเพื่อนของเขาว่า เกิดอะไรขึ้น โดยเฮนรี่บอกว่า เห็นเขาหมดสติ ก่อนที่จะถามถึงสภาพห้องทดลอง เมื่อวิคเตอร์ได้กลับไปดูก็พบว่า สัตว์ประหลาดได้หนีไปแล้ว เขารู้สึกผิดที่ความฝันของเขาทำให้เขาได้ทำสิ่งที่น่าละอาย หลังจากนั้นเขาจึงหันไปศึกษาเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องวิทยาศาสตร์

 

หลายปีผ่านไป วิคเตอร์ ได้รับจดหมายจากที่บ้าน เขาได้ข่าวว่า วิลเลี่ยม น้องชายเสียชีวิต และ จัสทีน คนใช้ที่บ้านถูกตัดสินประหารชีวิตเพราะมีส่วนที่ทำให้ วิลเลี่ยมต้องตาย เมื่อกลับมาถึงบ้านเขายังคงรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำ จนเดินไปถึงขอบเหว ซึ่งที่นี่เองที่ได้เจอสัตว์ประหลาดอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้มันสามารถสื่อสารและเล่าเรื่องราวตอนที่จากเจ้านายไป ก่อนจะขอให้เขาช่วยสร้างสัตว์ประหลาดคู่ชีวิต แต่วิคเตอร์ไม่อยากทำอะไรที่ล้ำเส้นอีกแล้ว ก่อนที่สัตว์ประหลาดจะข่มขู่ว่าจะจัดการคนที่เกี่ยวข้องกับเขาให้หมด เมื่อถูกขอแกมบังคับ เขาจึงต้องกลับมาทำสิ่งที่ชั่วร้ายอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ เฮนรี่ที่รู้เรื่องจึงต้องมาเป็นผู้ช่วย แต่ศพที่ได้มาก็ยังขาดส่วนหัว ซึ่งสัตว์ประหลาดก็ได้หัวของจัสทีนมาให้ วิคเตอร์จึงนำส่วนหัวมารวมกับร่าง จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดเพศเมีย แต่เมื่อมันตื่นขึ้นมามันตกใจจนสัตว์ประหลาดเผลอฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนมันจะเตรียมฆ่าเจ้านาย แต่สุดท้ายมันก็หนีจนเฮนรี่ตามมันไป แต่วิคเตอร์ตามไม่ทันก่อนจะพบเฮนรี่กลายเป็นศพ หลังจากนั้นสัตว์ประหลาดก็ได้จัดการคนรักของวิคเตอร์ ทำให้เขาตัดสินใจจะตามหาสัตว์ประหลาดครึ่งชีวิต ก่อนที่เขาจะได้เจอกับโรเบิร์ตในตอนแรกของเรื่องราวเมื่อเขาเล่าจบก็ได้สิ้นใจตายในที่สุด

 

ในตอนจบ ขณะที่โรเบิร์ตและคณะสำรวจจะเดินทาง เขาเหมือนได้ยินเสียงสัตว์ประหลาดร่ำให้หลังรู้ว่าเจ้านายของมันได้ตายไปแล้ว จากนี้มันคงต้องอยู่อย่างโดเดี่ยวและเจ็บปวดไปอีกนานแสนนาน

 

7.) อาจารย์ใหญ่สาว (Dissection Girl)

เกิดเรื่องราวประหลาดโดยเฉพาะในกลุ่มนักศึกษาแพทย์ เมื่อมีข่าวว่า มีหญิงสาวโรคจิตชอบแกล้งทำตัวเป็นอาจารย์ใหญ่เพื่อจะทำให้ตัวเองถูกผ่าตัด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง ซึ่งเรื่องราวครั้งนี้ ทัตซุโระ  นักศึกษาแพทย์หนุ่มก็ฟังอยู่ เพราะเขารู้จักหญิงสาวโรคจิตคนนี้เป็นอย่างดี  โดยเรื่องราวย้อนไปช่วงวัยเด็กของเขา หญิงสาวโรคจิตคนนี้มีชื่อว่า รูริโกะ  ทั้งสองชอบเล่นเป็นคุณหมอกับคนไข้  จนหวันหนึ่ง ทัตซุโระ เริ่มเห็นความผิดปกติของเธอ เพราะชอบการผ่าสัตว์ตัวเป็นๆและมักจะให้เขาที่มีพ่อเป็นหมอไปเอามีดผ่าตัดมาชำแหละ แล้วเป็นเช่นนี้จนเกิดข่าวลือในหมู่เพื่อนฝูงว่าทั้งคู่เป็นโรคจิตที่ชื่นชอบผ่าพวกสิ่งมีชีวิต 

 

จนวันหนึ่ง ทัตซุโระ บอก รูริโกะ ว่าเขาไม่อยากทำแบบนี้อีกแล้ว แต่รูริโกะที่เข้าขั้นโรคจิตข่มขู่ว่าถ้าไม่ทำตามที่เธอขอ เธอเลือกที่จะผ่าตัวเขาแทน เขาจึงวิ่งหนีรูริโกะทันที โชคดีที่อีกฝ่ายเกิดปวดท้องจนตามเขาไม่ทัน  นั่นคือการพบกันครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

ตัดมาที่ภาพปัจจุบัน เมื่อเขากลับบ้านก็ได้ยินเสียงอันคุ้นเคย นั่นคือเสียงของรูริโกะที่ขอให้เขาผ่าตัวเธอ เขาจึงวิ่งหนีกลับบ้าน แต่ทว่าก็เจอรูริโกะที่ถอดเสื้อผ้ารอให้เขาผ่าตัด และเผยความในใจว่าการได้ถูกผ่าตัดมันคือความสุขของเธอ ก่อนที่เขาจะหนีไปอีกครั้ง หลังจากนั้นก็มีข่าวคราวของสาวโรคจิตที่ชอบโพสต์ในเว็บไซต์หาคู่ เพื่อหาใครซักคนที่ผ่าเธอได้ ประจวบกับมีข่าวชายคนหนึ่งกำลังจะผ่าเธอ แต่ถูกตำรวจจับกุม ส่วนหญิงสาวก็ได้รับการปฐมพยาบาลก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

20ปีผ่านไป ทัตซุโระ ได้เป็นอาจารย์แพทย์ วันหนึ่งเขาต้องคุมนักเรียนเพื่อจะผ่าร่างอาจารย์ใหญ่ ซึ่งกลุ่มหนึ่งต่างหวาดกลัวเมื่อเขาไปดูพบว่าร่างอาจารย์ใหญ่ที่นักเรียนกำลังกลัว คือ รูริโกะ เพื่อนของเขานั่นเอง เมื่อถึงชั่วโมงผ่าตัดร่างกาย เขาและทุกคนต้องกรีดร้อง เพราะภายในร่างกายของรูริโกะมันน่ากลัวจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เลย!!!

 

6.) แมนชั่นสุดหลอน (The Secret of the Haunted Mansion)

เมื่อเด็กหนุ่มสองคนได้ไปสำรวจเจอบ้านร้างแห่งหนึ่ง ที่มีตำนานร่ำลือว่า ใครที่เข้าไปที่นี่เมื่ออกไปจะต้อร้องขอชีวิตและไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง แต่เมื่อทั้งสองได้เข้าไปยังบ้านดังกล่าวพวกเขาก็ต้องพบความสยดสยองที่จัดเต็มตลอดทางตั้งแต่ต้นจนจบ

 

 

5.) เก้าอี้พิศวาส (The Chair)

โทคางาวะ โยชิโกะ เธอเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในช่วงยุคไทโช แถมชีวิตของเธอก็สุขสบาย เพราะแต่งงานกับสามีที่เป็นถึงรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ ความโด่งดังของเธอจากผลงานเขียนนั้นทำให้เธอมีแฟนคลับส่งจดหมายมาแทบทุกวัน แต่มีฉบับหนึ่งที่ส่งมาถึงเธอ อันเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดสยองที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล

 

เธอได้อ่านจดหมายฉบับนี้ มีใจความว่า คนเขียนเป็นช่างไม้ที่มีฝีมือ จนได้รับความไว้วางใจติดต่อให้เขาไปสร้างเก้าอี้ให้กับโรงแรมหรูๆหรือลูกค้าที่พร้อมจะจ่ายเงินไม่อั้นเพื่อได้สินค้าจากฝีมือของเขา แต่เขามีหน้าตาอัปลักษณ์ทำให้เขาไม่ค่อยชอบเข้าสังคมเท่าไรนัก วันหนึ่งเขาอยากจะสร้างเก้าอี้นวมแบบพิเศษที่ตัวเองสามารถเข้าไปอยู่ในเก้าอี้ตัวนี้ เพื่อรับรู้และสัมผัสความหรูหรา ซึ่งเก้าอี้ตัวนี้ก็มีการส่งต่อมาเรื่อยๆ ก่อนที่เศรษฐีคนหนึ่งจะซื้อให้ภรรยาของเขา วินาทีนั้นเธอรู้สึกหวาดกลัวเพราะเก้าอี้ในจดหมายมันเหมือนกับเก้าอี้ที่สามีซื้อมา แล้วจดหมายฉบับที่สองก็ส่งมาหาเธอ โดยบอกว่าเรื่องราวที่ส่งมาก่อนหน้านี้ เป็นเพียงเรื่องแต่งที่อยากให้เธออ่าน แม้จะทำให้เธอโ,ล่งใจว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่เธอก็ยังกลัวอยู่ดี  

 

วันหนึ่งเธอได้ไปคุยกับ บ.ก.ที่ร้านกาแฟ โดยเขาได้พูดถึงเรื่องสั้น เก้าอี้มนุษย์ ซึ่งเขาสนใจมากๆ แต่โยชิโกะกลับประหลาดใจเพราะมันคือเรื่องราวที่เธอได้อ่านจากจดหมายของช่างไม้ผู้ลึกลับคนนี้

 

 

เมื่อกลับถึงที่พัก เธอจึงพักผ่อนด้วยการนั่งเก้าอี้นวมเพื่อพักผ่อน แต่ทว่าเมื่อเธอนึกถึงเรื่องสั้นกับจดหมายที่พูดถึงเก้าอี้มนุษย์ เธอก็เริ่มหวาดกลัวอีกครั้ง จนเมื่อสามีกลับจากที่ทำงานเธอจึงถามสามีเรื่องเก้าอี้ ก่อนที่สามีจะตอบว่าซื้อมาจากตลาดลดราคา ทำให้เธอเริ่มวิตกกังวลว่าน่าจะเป็นเก้าอี้ตัวเดียวในจดหมาย ทำให้เธอไม่อาจนอนหลับเต็มอิ่ม ทันใดนั้นก็มีเสียงดังจากห้องทำงานทั้งสองตื่นขึ้นมาแล้วเข้าไปดู แล้วเธอกรีดร้องจนทุกคนรีบมาดูโดยเธอบอกว่าเห็นเก้าอี้ขยับได้ สามีที่ไม่ปักใจเชื่อจึงตัดสินใจเอาไม้มาตีที่เก้าอี้สองสามที เพื่อยืนยันว่า ไม่มีใครอยู่ในเก้าอี้

 

 

วันต่อมาเมื่อสามีไปทำงาน เธอได้รับจดหมายอีกครั้ง คราวนี้มันเขียนเหมือนอยู่ในเหตุการณ์เมื่อค่ำคืน ทำให้เธอไม่กล้านั่งเก้าอี้ตัวนี้ จนช่วงเย็นสามีที่กลับมาก็ตำหนิเธอรุนแรงและหาว่า มัวแต่กังวลเรื่องเก้าอี้ไร้สาระ เขาจึงพิสูจน์ด้วยการไปนั่งให้ดู โยชิโกะจึงตามไป ก่อนจะพบว่าสามีนั่งนิ่งไม่ตอบโต้ก่อนจะล้มลงพื้นแล้วพบว่าเขาถูกแทงจากข้างหลัง แล้วเธอเห็นของมีคมโผล่จากเก้าอี้แล้วหายไป ทำเอาเธอกรีดร้องวินาทีนั้น

 

 

เมื่อตำรวจเข้ามาสืบสวน ก็สรุปว่าเป็นการฆาตกรรม แต่โยชิโกะขอให้ตำรวจช่วยแกะข้างหลังเก้าอี้ เพราะเชื่อว่าฆาตกรอาจจะอยู่ในนั้น เมื่อตำรวจได้แกะด้านหลังออกมาดู ความจริงสุดสยองที่โยชิโกะคิดก็กลายเป็นจริง เพราะข้างหลังเก้าอี้มีกลไกที่คนสามารถเข้าไปอยู่ได้จริงๆ ทำให้เธอเสียขวัญชั่วพริบตา ภายหลังเธอก็รอดจากข้อกล้าวหา แต่ทุกคนก็นินทาว่าเธอนั่นแหละที่ฆ่าสามีของตน ชื่อเสียงก็ตกต่ำก่อนจะหายไปโดยไม่มีใครทราบ

 

 

เวลาปัจจุบัน ฮายามะ ยุสุโฮ นักเขียนสาวชื่อดัง ก็ได้แวะมาร้านเฟอร์นิเจอร์ในเมืองเล็กๆ จนได้เจอเจ้าของร้านหนุ่มที่พาเธอไปชมเก้าอี้นวมในตำนานและเล่าเรื่องราวของเก้าอี้ตัวนี้ ก่อนจะเผยภายหลังว่าเจ้าของร้านหนุ่มคือทายาทสายตรงของ โยชิโกะ และช่างไม้อัปลักษณ์และได้เผยความจริงที่สยดสยองอีกครั้ง เพราะข้างในมีศพชายหญิงนั่งอยู่ด้วยกัน โดยเจ้าของหนุ่มเล่าว่าทั้งสองเลือกที่จะอยู่ด้วยกันจนวาระสุดท้ายของชีวิต ทำเอา ยุสุโฮ ถึงกับหวาดกลัวก่อนจะหนีออกจากร้านไป โดยไม่กลับมาเยือนอีกเลยนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

 

 

ตั้งแต่นั้นมาเธอก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องพัก ไปเขียนงาน และค้นเรื่องราวของโยชิโกะซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่จะมีเสียงออดหน้าห้อง เธออกไปดูเธอต้องกรีดร้องเพราะว่ามีของส่งมาถึงเธอ นั่นคือ เก้าอี้นวมนั่นเอง!!

 

 

 

4.) ถ้ำรูปคนปริศนา (The Enigma of the Amigara Fault)

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่จังหวัดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จนเกิดรอยแยกบนเขาอามิงาระ ซึ่งอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คโด่งดังจนคนทั้งโลกต่างต้องมาที่นี่ หนึ่งในนั้นคือหนุ่มสาวที่ชื่อ โอวากิ และ โยชิดะ ซึ่งทั้งสองก็เดินทางไปยังสถานที่กำลังเป็นข่าวในตอนนี้ทันที

 

ทั้งสองคนเดินตามเสียงผู้คนที่แวะมาที่นี่ ก่อนที่ทั้งสองจะดุดตากับรูประหลาดที่มีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์อยู่บนรอยแยก แล้วยังมีเสียงจากข้างในเรียกให้ผู้คนเข้ามา ขณะเดียวกันกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่มาสำรวจที่นี่ก็ทำการหย่อนเชือกเพ่อตรวจสอบ ก่อนจะพบว่า รูที่คล้ายมนุษย์เหล่านี้ไม่น่าจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือของมนุษย์มากกว่า

 

ขณะที่โยชิดะได้เล่าให้โอวากิฟังว่า เธอมาที่นี่เพราะจะตามหารูที่คล้ายกับตัวเองและอยากเข้าไปดู ขณะที่โอวากิก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ก่อนที่ทั้งสองจะได้เจอกับชายที่ชื่อว่า นาคางากิ เขาเล่าว่าทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อจุดประสงค์เดียวกันคือตามหารูที่คล้ายกับตัวเองแล้วลองเข้าไป ก่อนที่เขาจะเจอรูของตนแล้วเข้าไปโดยไม่ได้กลับมาอีกเลย

 

เมื่อโยชิดะเจอรูของตัวเอง ก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมา โอวากิจึงแก้ปัญหาด้วยการนำเศษหินมาปิดปากรูทันที

 

ค่ำคืนนั้น โอวากิฝันร้ายว่า เขาเป็นนักโทษยุคโบราณที่กำลังรอรับโทษอย่างทรมาน แล้วเข้าไปในรูของตัวเอง เมื่อก้าวเข้าไปก็พบว่ารูก็จะบิดเบี้ยวทำให้คนที่เข้าไปไม่สามารถกลับมาได้ ก่อนที่เขาจะตื่นแล้วพบว่าเป็นความฝัน แต่ก็พบว่า โยชิดะแอบเปิดปากหลุมแล้วเข้าไปในรูของตัวเองเสียแล้ว ขณะเดียวกันเขาทำไฟแช็คหล่นก่อนจะเจอรูของตัวเอง แล้วเขาไปอีกคน

 

หลายเดือนต่อมา กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ ได้เจอรอยแยกอีกด้านของภูเขา แล้วได้พบรูที่ค่อนข้างผิดรูปไปจากเดิม เมื่อพวกเขาส่องไฟฉายเข้าไปในหลุม ก็ได้เห็นภาพที่น่ากลัว คือ มีใครคนหนึ่งคืบคลานออกจากรูในสภาพร่างกายที่บิดเบี้ยวจนไม่เหลือความเป็นมนุษย์อีกแล้ว!!

 

 

 

3.) ก้นหอยมรณะ (Uzumaki )

ณ เมือง คุโรซึโจ มีความหมายว่า เมืองหมอกสีดำ เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ระหว่างทะเลและภูเขา คิริเอะ เด็กสาวที่กำลังไปรับแฟนหนุ่มชื่อว่า ไซโต้ ที่เรียนอยู่ต่างเมือง เธอเจอกับพ่อของไซโต้กำลังนั่งจ้องอะไรบางอย่างอยู่ในที่แคบ เธอเข้าไปทักทายแต่เขาไม่ตอบกลับเอาแต่นั่งจ้องก้นหอยไม่ขยับเขยื้อน ก่อนที่เธอจะไปยังสถานีรถไฟทันที

 

เมื่อเธอไปรับแฟนหนุ่ม ก็เล่าเรื่องราวให้ฟัง โดยไซเล่าว่าช่วงนี้พ่อของเขามักจะหมกมุ่นกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นลวดลายก้นหอย จนถึงกับไปซื้อข้าวของมาสะสมที่บ้าน ตอนแรกก็ไม่ได้แปลกอะไรมาก แต่นานวันเข้าพ่อของเขากลายเป็นคนที่ชอบเก็บตัวอยู่ในห้อง ก่อนจะบอกกับคิริเอะว่า เมืองนี้มันเป็นเมืองต้องคำสาปจริงๆ แล้วถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เธอหนีไปด้วยกัน

 

ความหลงใหลในก้นหอยของพ่อของไซโต้นั่นเริ่มทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนอยากให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา จนไปขอพ่อของคิริเอะที่เป็นช่างปั้นช่วยทำข้าวของให้มีลักษณะคล้ายกับก้นหอย จะทานข้าวก็ขอทานอะไรที่มีรูปทรงค้ลายก้นหอย คนน้ำซุปด้วยตะเกียบหรือเวลาแช่น้ำก็จะทำให้เป็นน้ำวน

 

วันหนึ่งไซโต้ได้พาคิริเอะมาที่บ้านของเขา ไปถึงก็พบว่าพ่อกำลังทำร้ายร่างกายแม่ โดยบอกว่าแม่ของเขาเอาข้าวของไปทิ้ง จนลูกชายต้องไปห้ามปราม แล้วความแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นเมื่อพ่อของไซโต้กรอกตาไปมาเป็นภาพที่ชวนพิลึกเลยทีเดียว

 

วันต่อมา คิริเอะ ก็นำข้าวของที่พ่อของไซโต้สั่งทำไว้มาส่ง แต่เขาบอกเธอว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีข้าวของเหล่านี้อีกต่อไป เพราะว่าเขาทำได้ด้วยตัวเอง ก่อนจะห่อลิ้นเป็นก้นหอยให้ได้ดู

 

เมื่อเวลาผ่านไปเขาหมกมุ่นจนถึงขั้นสั่งกะละมังที่ทำให้เขาสามารถขดตัวจนต้องทำร้ายตัวเอง ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา และนี่คือจุดเริ่มต้นของคำสาปที่ริเอะและไซโต้จะต้องเผชิญอย่างไม่จบสิ้นต่อจานี้อีกมากมาย

 

 

2.) ลูกโป่งหัวมนุษย์ (The Hanging Balloons)

 

คาซึโกะ ที่กำลังหลบซ่อนที่บ้านของตัวเอง เพราะว่าข้างนอกในตอนนี้ ไม่มีใครกล้าออกไป เพราะถ้าออกไป อาจไม่ได้กลับมาอีกเลย แถมยังได้ยินเสียงของตัวเองกำลังเรียกเธออยู่ตลอดเวลา

 

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 1 เดือน ก่อน ได้เกิดเหตุหญิงสาวฆ่าตัวตายบริเวณที่พักของตนเอง ภายหลังได้มีรายงานเปิดเผยว่าหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายมีชื่อว่า ฟูจิโนะ เทรูมิ ไอดอลสาวชื่อดัง ซึ่งข่าวการเสียชีวิตของเธอสะเทือนใจต่อเหล่าแฟนคลับจำนวนมากมายรวมถึง คาซึโกะ เพื่อสนิทของเธอเอง โดยมีรายงานว่าสาเหตุการตายนั้นมาจากความกดดันในเรื่องการทำงาน

 

 

หลังจากงานศพ คาซึโกะและเพื่อนต่างก็พูดถึงเหตุการณ์ของเพื่อนที่จากไป ซึ่งต่างสงสัยว่าทำไมเธอถึงเลือกจบชีวิต เพราะปกติเธอเป็นคนที่ร่าเริงสดใส ทันใดนั้นพวกเธอเห็น ชิโรอิชิ แฟนหนุ่มของ เทรูมิ ซึ่งกำลังถูกเหล่าแฟนคลับเตรียมแจกบาทาเพราะคิดว่าเขามีส่วนที่ทำให้ไอดอลอันเป็นที่รักของเธอจากไป โชตดีที่ คาซึโกะและเพื่อนๆเข้ามาช่วยเขาไว้ได้ทัน ก่อนที่เขาจะบอกว่า จริงๆเขาก็มีส่วนผิดที่ทำให้เทรูมิจากไป

 

 

หลังการตายของเทรูมิ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อเหล่าแฟนคลับต่างมาผูกคอตายกันเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่าในช่วงดึกๆแถวสวนสาธารณะจะเห็นลูกโป่งคล้ายหน้าของเทรูมิบินผ่านไปมา ทำให้กระแสการตายของเทรูมิกลายเป็นที่พูดถึงจนต้องออกรายการโหนกระแสกันเลยทีเดียว

 

 

 

คืนต่อมา คาซึโกะ จึงตัดสินใจตามลูกโป่งเทรูมิหลังได้ข่าวว่ามันบินลอยผ่านเมืองเธอพอดี เธอจึงวิ่งตามลูกโป่งจนถึงสวนสาธารณะ แล้วเธอก็พบ ชิโรอิชิ แฟนหนุ่มของเทรุมิตามมาเช่นกัน แต่เขาพลาดท่าโดนลูกโป่งหน้าตัวเองแขวนคอต่อหน้าต่อตา คาซึโกะ ก่อนจะเห็นลูกโป่งทั้งสองคนหันมาเหมือนจะจูบกัน เป็นภาพที่ดูโรแมนติกและสยองขวัญในคราวเดียวกัน

 

 

หลังจากนั้นก้เกิดเหตุประหลาดเมื่อลูกโป่งหน้ามนุษย์ลอยจำนวนมากแบบไม่ทราบสาเหตุ และมันจะโจมตีคนที่หน้าคล้ายลูกโป่งแล้วจับแขวนคอ ขณะเดียวกันถ้ากำจัดลูกโป่งได้ คนที่หน้าเหมือนลูกโป่งก็จะมีชะตากรรมต่างกัน รวมถึงหากเกิดรั่วหรอไหม้ก็ตาม เรียกว่า ไม่มีทางที่จะหยุดลูกโป่งมรณะได้เลย ทำให้ผู้คนเลือกที่จะหลบอยู่ในบ้าน นานวันบางคนที่ทนไม่ไหวก็ต้องออกไปจนเสียท่าให้กับลูกโป่งอยู่หลายคน

 

 

 

ทางด้านคาซึโกะ ก็รอดตัวจากเหล่าลูกโป่งมรณะแต่ก็ต้องสูญเสียเพื่อนๆ พ่อและแม่ของเธอ จนเหลือน้องชายที่อาสาจะไปหาข้าวของมาให้เธอ แต่ก็ยังไม่กลับมาเลยหลังจากนั้น

 

 

เมื่อเวลาผ่านไป คาซึโกะ ก็ยังอยู่ในบ้านมาตลอด ก่อนที่จะมีเสียงจากข้างนอก ซึ่งเป็นเสียงน้องชายบอกให้เปิดหน้าต่าง ก่อนจะพบว่า น้องชายถูกลูกโป่งจัดการเข้าเสียแล้ว ก่อนที่จะมีลูกโป่งคล้ายหน้าของคาซึโกะลอยมาด้วยกัน ซึ่งดูเหมือนว่าเธอเตรียมใจรับชะตากรรมจากนี้แล้ว

 

 

 

1.) โทมิเอะ

นี่คือผลงานระดับตำนานของอาจารย์และเป็นตัวละครเปรียบดั่งเครื่องหมายการค้าของเขาก็ว่าได้ เรื่องราวของเด็กสาวผู้เลิศเลอนามว่าโทมิเอะ ที่น่ารักและเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ หากแต่เหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เพื่อนตัดสินใจจะฆ่าเธอในวันทัศนศึกษา แต่นั้นคือจุดเริ่มต้นเรื่องสุดสยองที่ทำให้ทุกคนรู้ว่า เธอยังไม่ตาย!!

 

เรื่องราวเปิดฉากในงานศพของนักเรียนสาวที่ชื่อว่า โทมิเอะ เพื่อนต่างๆรู้สึกเสียใจกับการจากไปของเธอ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถหาคนผิดที่ปลิดชีวิตเธอได้เลย ในวันถัดมาเพื่อนๆและครูก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ตายไปได้ปรากฎตรงหน้าเหมือนมี่อะไรเกิดขึ้น แล้วความจริงเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?

 

ย้อนกลับไปก่อนเกิดเรื่องราว โทมิเอะ น่าจะเป็นนักเรียนที่สมบูรณ์แบบ มีเสน่ห์ที่ทำให้นักเรียนชายและครูผู้ชายต่างหลงรักเธอเข้าให้ ขณะเดียวกันความสมบูรณ์แบบของเธอ ทำให้นักเรียนหญิงหลายคนต่างรู้สึกหมั่นไส้และหาทางเอาคืนให้สาสม แล้วในที่สุดโอกาสทองก็ก็มาถึงจนได้

 

วันหนึ่งชั้นเรียนในวิชาภูมิศาสตร์ได้มีการไปทัศนศึกษานอกห้องเรียนบริเวณภูเขาใกล้กับโรงเรียน ซึ่งช่วงเลิกเรียนก็เป็นช่วงที่นักเรียนได้พักผ่อนตามอัธยาศัย โทมิเอะจึงไปนั่งคุยกับครูหนุ่มและบอกว่าตอนนี้เธอตั้งท้องและขู่ให้ครูหนุ่มเลิกกับภรรยาและมาคบกับเธอ ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ ยามาโมโตะ แฟนหนุ่มของโทมิเอะได้ยิน ก็เกิดมีปากเสียงรุนแรง ก่อนที่ โทมิเอะจะตกหน้าผาต่อหน้าทุกคนจนหมดสติ ยามาโมรู้สึกผิดที่เผลอพลั้งมือ ก่อนจะขอตัวไปเรียกรถพยาบาล

 

แต่ทว่า ครูหนุ่มและนักเรียนกลับมีแผนบางอย่าง โดยเฉพาะนักเรียนที่ต้องการจะเอาคืนอย่างสาสม ก่อนที่ครูจะสั่งนักเรียนชายเตรียมอุปกรณ์ช่าง แล้วให้นักเรียนชายถอดชุด แล้วสั่งนักเรียนหญิงดูต้นทาง เพราะพวกเขาจะทำการฆ่าปิดปากด้วยการชำแหละร่างออกเป็นส่วนๆ ทันใดนั้นขณะลงมือชำแหละร่างกาย โทมิเอะกลับได้สติ ทำให้เหล่าบรรดานักเรียนชายจัดการฆ่าเธออย่างเลือดเย็น เพราะมันเลยเถิดจนจะหันหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว

 

หลังจากชำแหละศพเรียบร้อยก็ทำการแบ่งชิ้นส่วนของโทมิเอะทั้ง 42 ชิ้น ตามจำนวนนักเรียนในชั้น เพื่อให้ทุกคนเอาไปทิ้งตามจุดต่างๆเป็นการอำพรางศพและกำชับให้ปิดปากเงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!

 

แล้วเหตุการณ์ก็กลับมาที่ช่วงงานศพ ซึ่งจริงๆแล้วทุกคนแสร้งทำเป็นเสียใจที่เพื่อนตายไป แต่ความจริงพวกเธอสะใจที่ได้กำจัดโทมิเอะไป (เสแสร้งแกล้งปั้นหน้า) แล้วเหตุการณ์ตัดกลับมาตอนที่ทุกคนตกใจกับการปรากฏตัวของโทมิเอะ หนึ่งในนั้นคือ เรย์โกะ เพื่อนสนิทของโทมิเอะ

 

การมาของโทมิเอะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสยองที่ไม่สิ้นสุด คนที่เกี่ยวข้องต่างก็เจอเรื่องราวแปลกๆตามมาทั้งนักเรียนชายและครูหลายคนกลายเป็นคนเสียสติ เพื่อนๆบางคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายก็ลาออก ไม่ก็จบชีวิตตัวเองเพื่อหนีความิดที่ตัวเองก่อไว้เพื่อไม่ต้องเจอเรื่องประหลาดเหมือนที่คนื่นได้เจอมาก่อนหน้านี้

 

เรย์โกะ กับ ยามาโมโตะ คือสองคนที่รู้แล้วว่าหนทางเดียว ที่จะหยุดเรื่องเลวร้ายครั้งนี้ได้ คือบอกความจริงกับตำรวจ ซึ่งเรื่องนี้ทำเอาเพื่อนๆจึงตามล่าทั้งคู่ก่อนจะเจอตัวและเตรียมฆ่าปิดปากทั้งสองคน ทันใดนั้นโทมิเอะ ได้ปรากฏตัวจนเพื่อนๆหนีกระเจิง

 

เหตุการณ์ครั้งนั้น เรย์โกะ ตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างเมืองเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่และทิ้งอดีตอันเลวร้ายไว้เบื้องหลัง วันหนึ่งขณะเดินเล่นริมหาด เธอก็เห็นเศษผ้าที่ถูกคลื่นซัดใกล้กับโขดหิน ก่อนจะรู้ว่ามันคือผ้าที่ห่อชิ้นส่วนของโทมิเอะ เธอจึงเข้าไปดูอย่างใกล้ๆก่อนจะพบว่า…ชิ้นส่วนของโทมิเอะกำลังงอกอวัยวะเป็นร่างกายขึ้นมาใหม่อย่างช้าๆ!

 

 

 

 

ทั้งหมดนี้คือ 10 เรื่องสั้นสุดสยองของ อ.จุนจิ อิโต้ ที่หยิบยกมาฝากกัน แล้วถ้าใครชื่นชอบงานแนวสยองแล้วละก็สามารถไปชมนิทรรศการคลังสยองอาจารย์ จุนจิ อิโต้ หรือ Junji Ito Horror House ซึ่งจะจัดขึ้นวันที่ 7 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2566 นี้ ที่ ศูนย์การค้า MBK Center ชั้น 4 แล้วทุกคนชอบผลงานเรื่องไหนของอาจารย์ลองมาเล่าให้ฟังกันได้ครับ…

 

 

 

@P.PETTY

 

ข้อมูลประกอบ
https://thejoi.com/
https://www.beartai.com/lifestyle/anime/898492
https://screenrant.com/scariest-junji-ito-stories-manga/
https://japanobjects.com/features/junji-ito