หลังจากที่ต้องรอคอย 1 ทศวรรษ สำหรับหนังฟอร์มยักษ์ของ เจมส์ คาเมรอน อย่าง Avatar ที่ภาคแรกนอกจากจะประสบความความสำเร็จทั้งรายได้และคำชมอย่างล้นหลาม แถมเทคนิคการถ่ายทำก็กลายเป็นหนึ่งหมุดไมล์สำคัญให้กับวงการภาพยนตร์ ซึ่งปีนี้กำลังจะมีภาคต่อในชื่อ Avatar : The Way of Water ที่จะเข้าฉายในช่วงปลายปีนี้
วันนี้เราจะย้อนกลับไปดู 10 เกร็ดน่าสนใจของหนังเรื่องนี้นับตั้งแต่วันแรกจนถึงความสำเร็จที่ทำให้มีภาคต่อในปีนี้มาฝากกันครับ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันครับผม…
1.) Project 880
จุดเริ่มต้นของหนังฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปเมื่อช่วงประมาณปี 1994 หรือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เจมส์ คาเมรอน ได้ร่างบทภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากนิยายวิทยาศาสตร์ ของ Edgar Rice Burroughs กับหนังเรื่องโปรดอย่าง Lawrence of Arabia โดยเฉพาะพล็อตทหารหนุ่มที่ต้องไปผจญภัยในที่ต่างถิ่น เมื่อนำองค์ประกอบทั้งสองอย่างมารวมกัน จึงกลายเป็นบทหนังคร่าวๆจำนวน 80 หน้า ในชื่อชั่วคราวว่า Project880 บอกเล่าถึงทหารพิการที่ได้รับโอกาสให้ไปสำรวจดาวแพนดอร่า ที่มีชาวนาวี มนุษย์ที่มีผิวสีฟ้า มีหน้าคล้ายกับแมว ซึ่งพวกเขามาที่นี่ เพื่อขุดเหมืองอันล้ำค่า จนเกิดการต่อสู้ของสองเผ่าพันธุ์ ทำให้พระเอกต้องเลือกว่าจะอยู่ฝ่ายไหนกันแน่
2.) ต้องรอคอย15ปีถึงจะสร้าง เพราะว่าเทคโนโลยียังไม่รองรับ
อย่างที่ได้เล่าไปว่า โปรเจ็คนี้เริ่มตั้งไข่เมื่อ 15ปีที่แล้ว เจมส์ คาเมรอน ได้เขียนบทหนังเรื่องนี้ แต่ทว่าเขาต้องรอถึง 15ปีก่อนจะสานงานต่อจนเป็นผลงานที่สมบูรณ์ ซึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงผลงานชิ้นเอกที่รอคอยเกือบ 10ปี ด้วยเหตุผลว่า ช่วงเวลานั้นวงการภาพยนตร์ยังไม่มีเทคโนโลยีที่จะสามารถเนรมิตเรื่องราวจากปลายปากกาของเขาได้ จึงทำให้เขาเลือกที่จะเก็บงานเข้าลิ้นชักและรอให้เทคโนโลยีในการถ่ายทำพัฒนาไปไกลมากขึ้น ท้ายสุดเมื่อเทคโนโลยีมีความพร้อม ทำให้เจมส์ตัดสินใจหยิบงานชิ้นนี้มาสานต่อทันที แล้วยังสามารถเพิ่มเติมหรือเนรมิตจินตนาการให้งานออกมาสมบูรณ์มากขึ้น
หลังจากที่ เจมส์ คาเมรอน นำ Project880 กลับมาสร้างในชื่อ Avatar งานนี้ทำให้เขาถูกจับตามองทั้งสื่อและสตูดิโออย่าง 20th Century Fox ที่ออกทุนมหาศาลประมาณ 237 ดอลล่าร์ ทำให้เขาต้องรวมคนเก่งจากหลายสาขามาร่วมงานนี้ รวมถึงพัฒนาอุปกรณ์การถ่ายทำซึ่งเขาได้ร่วมงานกับ วินซ์ เพช ในการพัฒนากล้อง Fusion Camera System โดยคาเมรอนนำประสบการณ์จากการใช้กล้องถ่ายทำหลายตัว และพบว่ามีข้อจำกัดและน้ำหนักที่ทำให้การทำงานบางช่วงไม่สะดวก เขาจึงยอมควักเงินเพื่อพัฒนากล้องตัวนี้ตอบโจทย์ในการทำงาน ซึ่งได้นำมาใช้ใน Avatar เป็นเรื่องแรก
4.) การถ่ายทำด้วยเทคนิค Performance Capture
https://www.youtube.com
ต้องบอกว่า Avatar ก่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ในวงการมากมาย หนึ่งในนั้นยังได้มีการนำเทคนิคใหม่ๆมาใช้ในหนังอย่าง Performance Capture ซึ่งเจมส์ คาเมรอน จับมือกับ ปีเตอร์ แจ็คสันที่มีบริษัท VFX อย่าง The Weta Digital โดยเป็นเทคนิคที่ต่อยอดจาก Motion Capture ซึ่งข้อดีก็คือ นอกจากจะสร้างตัวละครด้วย CG ที่สมจริงยิ่งกว่าเดิมแล้ว ยังสามารถจับการขยับของกล้ามเนื้อและท่าทางของผู้แสดงได้สมจริง รวมถึงการแสดงที่ทำให้นักแสดงไม่ต้องพะวงในจุดตำแหน่ง เรียกว่าแสดงได้ออกมาเต็มที่กันเลยทีเดียว นอกจากนี้การถ่ายทำยังสามารถซ้อนกับฉากจาก CG โดยไม่ต้องใช้ฉากเขียวอีกด้วย
5.) ว่าด้วยเรื่องของภาษาชาวนาวี
นอกจากเทคนิคและการถ่ายทำที่ เจมส์ คาเมรอน เอาใจใส่เป็นพิเศษแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เขาให้ความสำคัญนั่นคือ ภาษาของชาวนาวีแห่งแพนดอร่า โดยได้ติดต่อศาสตราจารย์ พอล ฟรอมเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์ให้มาออกแบบและประดิษฐ์อักษรและบทสนทนาของชาวนาวีโดยเน้นตามหลักของภาษาศาสตร์ โดยอักษรที่เขาประดิษฐ์นั้นมีถึง 1000 คำ และด้วยความฮิตของหนัง ทำให้เขาได้เปิดหลักสูตรภาษานาวีให้กับแฟนหนังและผู้ที่สนใจ แถมเขายังลงมือสอนด้วยตัวเอง
เจ็ค ซัลลี่ ทหารหนุ่มที่พิการที่จะได้รับโอกาสที่สองเมื่อเขาได้ร่วมโครงการของกองทัพมุ่งหน้าสำรวจดินแดนแพนดอร่า ซึ่งบทตัวเอกนี้ถือว่าใชเวลาเลือกนานพอสมควร โดยในตอนแรกมีชื่อของ แมตต์ เดม่อน และ เจค จิลเลฮาน แต่ผู้กำกับอย่างเจมส์ คาเมรอน กลับเลือกนักแดสงหนุ่มชาวออสเตรเลียนามว่า แซม เวอธิงตัน มาสวมบทพระเอก ซึ่งอีกฝ่ายทราบผลขณะขับรถอยู่ที่บ้านเกิด และกลายเป็นบทสร้างชื่อให้กับเขาจนทุกวันนี้
เมื่อหนัง Avatar เข้าฉายในปี 2009 ที่นอกจากจะได้เสียงตอบรับและรายได้ในทางบวก แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าจดจำ เพราะเป็นหนังที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล เพราะว่ากอบโกยรายได้ถึง 760 ล้านดอลลาร์ แล้วยังทำให้เจมส์ คาเมรอน ลบสถิติหนังทำเงินสูงสุดของตัวเองอย่าง Titanic ได้สำเร็จ เรียกว่ายังไม่มีใครทำได้แบบเขาอีกแล้ว
8.) กลับมาร่วมงานกันนับตั้งแต่ Aliens
Avatar ถือเป็นการกลับมาร่วมงานในรอบหลายปี ของ เจมส์ คาเมรอน และ ซิกัวร์นีย์ วีเวอร์ ซึ่งเคยร่วมงานกันใน Aliens โดยเธอรับบทใน Avatar เป็น ดร. เกรซ ออกัสติน นักชีววิทยาอวกาศและหัวหน้าโครงการอวตาร ซึ่งก่อนหน้านี้มีชื่อของ โจดี้ ฟอส เตอร์ และ เจมี่ ลี เคอร์ติส เป็นตัวเลือกแรกๆของบทนี้
9.) ความดังของหนังทำให้เกิดแลนด์มาร์คแห่งใหม่
เมื่อหนังเรื่องไหนประสบความสำเร็จ สถานที่ถ่ายทำเรื่องนั้นๆก็จะได้ผลพลอยจากความสำเร็จไปด้วย ซึ่งหนังเรื่องนี้ เจมส์ คาเมรอน ให้สัมภาษณ์ว่าฉากหลังของแพนดอร่าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ทิวทัศน์ของของเทือกเขาสูงในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะเขาหวงซาน ทางตอนใต้ของมณฑลอันฮุย และอุทยานแห่งชาติอู่หลิงยฺเหวียน เมืองจางเจียเจีย มณฑลหูหนานซึ่งทำให้สองสถานที่แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ทีนักท่องเที่ยวต่างอยากมาให้ได้ซักครั้ง
10.) เรื่องราวภาคต่อ
สำหรับเรื่องราวของ Avartar ได้มีการวางแผนสร้างภาคต่อเป็นที่เรียบร้อย โดยภาคสองในชื่อ Avatar : The Way of Water ที่จะเข้าฉายในช่วงปลายปีนี้ ส่วนภาค 3 จะลงโปรแกรมฉายในช่วงปี 2024
ทั้งหมดนี้คือ 10 เกร็ดน่าสนใจของ Avatar ที่นำมาฝากก่อนปลายปีจะไปสนุกในภาคที่สองกันครับ…
@P.PETTY
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.imdb.com/title/tt0499549/trivia/?ref_=tt_trv_trv
https://pantip.com/topic/37254698
https://thestandard.co/poponthisday18122009/
https://www.eightieskids.com/20-things-you-might-not-have-realised-about-avatar/