ได้ไปดูหนังรอบเปิดตัวเป็นครั้งแรก ไหนๆก็ได้รับเกียรติมาขนาดนี้แล้ว ก็ต้องมาทำรีวิวอย่างแน่นอน สำหรับเรื่อง “มนต์รักนักพากย์” และก่อนเข้าสู่เนื้อหาขอเตือนว่า รีวิวอาจมีสปอยเล็กน้อย
“มนต์รักนักพากย์” หนังไทยเรื่องใหม่ที่จะลง Netflix ในวันที่11 ตุลาคมนี้ โดยส่วนตัวก็ค่อนข้างคาดหวังกับหนังเรื่องนี้พอสมควร เพราะชื่อของผกก.อย่าง “อุ๋ย นนทรี” ที่เคยกำกับหนังดีๆอย่าง “2499 อันธพาลครองเมือง” และยังนำด้วยเหล่านักแสดงคุณภาพอย่าง “เวียร์ ศุกลวัฒน์” “หนูนา หนึ่งธิดา” “เก้า จิรายุ” และ “สามารถ พยัคฆ์อรุณ” เลยคิดว่าเราก็น่าจะสามารถคาดหวังในเรื่องการแสดงได้ว่าจะออกมาดีน่ะครับ
หนังเล่าเรื่องของ “มานิตย์” (เวียร์) ที่นำคณะฉายหนังกลางแปลงของเขาออกไปฉายหนังกลางแปลง แต่ก็ประสบปัญหาที่หนังมีคนมาดูน้อย ทำให้ขายยาไม่ได้ (ธุรกิจบริษัทยาแก้ไอในสมัยนั้นคือ เอาหนังมาล่อแล้วตัดเข้าโฆษณาให้มาซื้อยา) มานิตย์ที่เป็นหัวหน้าทีมขาย รู้ปัญหาทันทีว่าตัวเค้าไม่สามารถเป็นพากย์ในเสียงผู้หญิงได้ดี (เมื่อก่อนการฉายหนังต้องพากย์กันแบบสดๆเลยครับ) เก่ากับ ลุงหมาน (เก้า-สามารถ) จึงพา เรืองแข (หนูนา) มาทดสอบการพากย์ และทั้ง4คนจึงออกเดินทางไปฉายหนังด้วยกันครับ
ประเด็นที่ต้องการสื่อ
ประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนต์ไทยที่ก่อนจะมาถึงในจุดๆนี้ได้ เราเคยผ่านอะไรกันมาบ้าง ความมุมานะ และอุตสาหะ รวมถึงแพสชั่นของคนในวงการสมัยก่อน และยังมีในส่วนคนดูหนังในแต่ละพื้นที่ที่มีพื้นเพการใช้ชีวิตที่แตกต่าง ทำให้การฉายหนังในแต่ละที่มีความต่างกัน ในบางพื้นที่แค่เข้าไปให้ถึงยังยากเลย ภาพรวมของวงการบันเทิงในสมัยนั้น พระเอกตลอดกาลอย่าง “มิตร ชัยบัญชา” และการพากย์เสียงของเหล่านักพากย์สดด้วย เป็นส่วนที่ส่งต่อมาในหนังเรื่องนี้ และทำได้ดีเลยทีเดียว
พูดเปรยๆเอาไว้แล้วว่านักแสดงแถวหน้าทั้งนั้นที่มาเล่นหนังเรื่องนี้ คุณภาพในการแสดงก็ทำออกได้ดี ไม่ผิดหวังเลยครับ การที่ต้องพากย์หนังสดหนังแสดงเองก็ต้องฝึกฝนสกิลใหม่ๆ และก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว มีการดำเนินเรื่องที่ลื่นไหลไม่รู้สึกติดขัด มุมกล้องสร้างสรรค์ที่เราอาจไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยสักเท่าไหร่ และที่ถูกใจมากๆคือบรรยากาศความเป็นยุค60 รวมถึงผู้คนที่ดูมีชีวิตชีวา ในหนังรู้เลยว่าตรงนี้ทำ research มาดีมากๆ และการที่เอาตัวละครที่มีตัวตนอย่าง “มิตร ชัยบัญชา” มาอยู่ในเรื่องด้วย มันทำให้อะไรหลายๆอย่างดูสมบูรณ์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยครับ จึงเกิดซีนที่ผมชอบที่สุดในเรื่องก็คือตอนที่ มิตรพูดกับมานิตย์ ประมาณว่า “ขอบคุณมากครับ ผมดูดีได้ด้วยเสียงของคุณ” ผมดีใจน้ำตาแทบไหลตามมานิตย์เลยครับ
ส่วนข้อเสียหลักๆผมมองว่ามีประมาณ 2ข้อครับ
อย่างแรก อาจจะส่วนตัวที่ผมคนเดียวก็ได้คือ หนังอาจจะยังปูบทของมิตรน้อยไป ทำให้ในช่วงท้ายอารมณ์คล้อยตามผมมันไปไม่ถึงกับสิ่งที่หนังพยายามออกมา (อาจเป็นเพราะผู้เขียนเกิดไม่ทันในยุคของการฉายหนังขายยา อาจจะยังมีจุดที่ไม่สามารถมีฟิลลิ่งร่วมได้จริงๆ)
และอีกอย่างคือ ต่อให้มันมีการดำเนินเรื่องที่ลื่นไหลยังไง แต่ผมมองว่ามันมีช่วงที่พอจะเดาเนื้อเรื่องต่อๆไปออกอยู่ เพราะหลายๆอย่างมันก็คือสูตรสำเร็จแนว Road Trip แต่ก็ไม่ใช่ว่าสูตรสำเร็จตรงนี้จะไม่ดีไปซะหมด เพราะมันก็แลกมากับข้อดีหลายๆอย่างที่ได้พูดไปแล้วครับ
ซึ่งกลับกัน ถ้าคนมีอายุซัก 50+ ที่ทันกับการพากย์หนังสไตล์นี้ หรือทันหนังฉายขายยาพากย์สด นี่คือภาพในความทรงจำที่ถูกนำมาถ่ายทอดได้ดี และทำงานกับคนรุ่นนั้นมากกว่าวัยรุ่นแน่นอน
หนังเรื่องนี้เป็นหนังไทยที่ดีแน่ๆ เลือกที่จะนำเสนอเรื่องราวในยุค60 ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของหนังไทยและทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะการแสดงและบรรยากาศ นี้เลยเป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูของคนไทยจริงๆครับ
AD วาชิระซัง
-
Blokees Saint Seiya – Star Edition : 1st [กล่องสุ่ม / ราคา / วันวางขาย / สั่งซื้อ]
#Blokees #SaintSeiya #Toys #Model #กล่องสุ่ม
-
ทำความรู้จักม้ามืดของปี 2024 Balatro: เกมไพ่ผสมกลยุทธ์สุดมันส์
#เกมส์ #เกมไพ่ #เกมกลยุทธ์ #เกมมือถือ
-
Dynasty Warriors: Origins [สั่งซื้อเกมถูก , PS5, Xbox Series,PC]
วีรบุรุษไร้นาม จะลุกขึ้นต่อสู้ในโลกของสามก๊ก